ปกรณัมของเหล่านักเรียน ม.ปลาย ผู้ปฏิวัติโลก - ตอนที่ 29: ไฟสุมขอนยังคงร้อนอยู่
หน้ากากตัวตลกงั้นเหรอ
ชินใจหายไปแวบนึงเมื่อจู่ ๆ คนที่ไม่แม้แต่จะเคยสนทนากลับสวมหน้ากากตัวตลกแบบนั้นเดินเข้ามากลางเวที แต่พอสังเกตจุดเด่นและลายวาดบนหน้ากากดี ๆ จะเห็นได้ชัดว่าเป็นคนละแบบกับเป้าหมายของชิน
ทว่านั่นก็นำมาซึ่งคำถามพ่วงอีกหลายข้อเช่นกัน ว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือว่า…
“ ทิวาสวัสดิ์ครับทุกโคนนนน!!! ”
ชายเจ้าปัญหาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงเสียจนคิดว่าเป็นเด็กที่โตเกินวัย ก่อนที่จะถอดหน้ากากตัวตลกซึ่งเป็นสิ่งของเจ้าปัญหาสำหรับชินออกมา
เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่อายุราว 20 ต้น ๆ ผมสีขาวนวลสะท้อนเป็นเงางามราวกับเรือนผมของหญิงสาว กอปรกับโครงหน้าได้รูปคงเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มรูปงาม แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็แทบจะถูกกลบด้วยอุปนิสัยประหลาด ๆ ที่แสดงออกมาก่อนหน้าจนหมด
“ อะแฮ่ม! ขอแนะนำตัวอีกรอบก็แล้วกันเนาะ ผมชื่อออก้านะคร้าบเด็ก ๆ! ”
ชายหนุ่มผู้เป็นถึงหัวหน้าหน่วยสืบสวน… ออก้าพูดพร้อมกับโบกมือให้กับนักเรียนทุกคนในโรงยิม
นี่กำลังคิดว่าเราเป็นเด็กประถมรึยังไง
นั่นคือความคิดของทุกคนในขณะที่ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับท่าทางสนุกสนานเกินจริงของออก้า
“ อุหวา… ทุกคนเครียดกันน่าดูเลยนะเนี่ย ” ออก้าพูดพลางเกาศีรษะ ดูเหมือนเขาจะตีความเรื่องปฏิกิริยาของนักเรียนที่แข็งทื่อว่ากำลังเครียดกับข่าวก่อการร้ายไปเสียอย่างงั้น
“ อืม ๆ แต่ก็เข้าใจได้ล่ะนะครับ เพราะสถานการณ์มันก็น่าเป็นห่วงจริง ๆ และที่ผมมาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้ล่ะนะครับ ” เจ้าตัวพูดแบบนั้นจบก็เริ่มเดินลงมาจากเวที
“ ผมเองก็อยากจะใช้เวลามากกว่านี้ แต่ก็อย่างที่รู้ล่ะนะว่าผมน่ะยุ้งยุ่ง ” ท่าทางการพูดพร้อมกับพลิกข้อมือดูนาฬิกาอาจดูเสียมารยาทไปบ้าง แต่ท่าทีสบาย ๆ ก่อนหน้านี้ไม่ทำให้รู้สึกแบบนั้น
กอปรกับความจริงที่ว่าเขาเป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนจริง ๆ ซึ่งจะยุ่งกับธุระในสถานการณ์แบบนี้ก็คงไม่แปลก
“ คงจะได้ยินมาแล้วว่าคาบเรียนพิเศษนี้ไม่ได้บังคับเรื่องการเข้าเรียน แต่ผมก็แนะนำให้ทุกคนเข้าเรียนนะครับ ” เขาเอ่ยแบบนั้นพร้อมกับเริ่มเดินเลียบไปตามแถวด้านหน้าของนักเรียนแต่ละห้อง
ชินเฝ้าสังเกตท่าทีนั้นไม่วางตา
“ ที่จะสอนหลัก ๆ ก็มีสองอย่างล่ะครับ นั่นคือทักษะการต่อสู้ระยะประชิดอย่าง CQC ระดับพื้นฐาน กับการซ้อมรับมือสถานการณ์จำลอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสรอดของผู้ที่เข้าเรียนหากเกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง และถ้าหากทักษะดังกล่าวสามารถใช้แนะนำหรือช่วยเหลือประชาชนคนอื่นได้ด้วยก็ยิ่งดีเลย ”
ท่าทีของเขาดูจริงจังและหนักแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระหว่างที่ชี้แจงเนื้อหาของคาบเรียนพิเศษที่ผู้เข้าเรียนจะต้องพบเจอ ทำเอาเหล่านักเรียนในโรงยิมสงสัยขึ้นมาว่า ‘เขาเป็นคนเดียวกับที่ใส่หน้ากากตัวตลกทำเป็นล้อเล่นทีแรกจริงเหรอ?’
…และท่าทีที่แสดงให้เห็นถึงความเฉลียวของเขา ก็เป็นที่สงสัยและติดใจของชินด้วยเช่นกัน
“ สำหรับวันแรก จริง ๆ ผมก็คิดว่าจะแค่มาแนะนำบทเรียนเฉย ๆ ล่ะนะ… ” เจ้าตัวทำท่าครุ่นคิด แล้วจากนั้นก็ผายตามองไปรอบ ๆ เพื่อสังเกตท่าทางของนักเรียนทุกคนในโรงยิม สลับไปมองบนเวทีหนึ่งหน แล้วก็เริ่มพยักหน้าเข้าใจอะไรไปบางอย่างอยู่คนเดียว
“ แต่ นั่นสินะครับ… งั้นไหน ๆ แล้วเรามาเล่นเกมกันหน่อยไหมครับ? ”
แล้วจู่ ๆ ออก้าก็พูดแบบนั้นออกมา บรรยากาศในโรงยิมแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยและสับสนในบัดดล
“ เป็นเกมที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่าการมีทักษะเอาตัวรอดติดตัวมันเป็นเรื่องที่สำคัญในสถานการณ์แบบนี้ เพราะงั้นไม่ต้องกังวลว่าจะอันตรายหรอกนะครับ ทางเราเองก็เตรียมการมาบ้างแล้วเหมือนกัน ”
ออก้าพูดจบก็ดีดนิ้วเสียงดัง เป็นจังหวะเดียวกับที่มีชาย 3 คนเดินออกมาจากข้างเวทีพร้อมปืนคนละกระบอก กับสถานการณ์ตึงเครียดในปัจจุบัน นี่คงยิ่งทำให้เด็กบางคนหรืออาจจะหลาย ๆ คนรู้สึกกังวลไปกับมันมากเข้าไปอีก
ในมุมมองของชิน การกระทำของเขาน่าจะเป็นการตรวจสอบสภาพจิตใจของนักเรียนอย่างพวกตนถึงความสามารถในการควบคุมต่อหน้าสถานการณ์เช่นนี้หากเกิดขึ้นจริงกระมั้ง แต่เช่นไรก็ตาม ชินก็ไม่เห็นด้วยที่จะข่มขวัญกันทางอ้อมแบบนี้
…แม้ว่าปืน 3 กระบอกที่ติดมือของเจ้าหน้าที่สามคนมาจะไม่ใช่ปืนจริงก็ตามที
“ ไม่ต้องห่วงนะครับ นี่ไม่ใช่ปืนจริงหรอก ก็แหงอยู่แล้วล่ะนะ ” ได้คำยืนยันจากเจ้าตัว ที่แม้จะไม่น่าเชื่อถือไปแล้วในสายตาของใครหลาย ๆ คน แต่ก็โล่งใจไปได้เปราะนึง
ไม่รู้ว่าเจ้าตัวสัมผัสใจจริงของนักเรียนส่วนใหญ่ได้หรืออย่างไร เขาถึงได้เดินเข้าไปหยิบปืนทั้ง 3 กระบอกที่ใช้โมเดลของไรเฟิลจู่โจมที่กองทัพใช้กันแพร่หลายอย่าง M-4
จากนั้นก็หันปากกระบอกปืนใส่ฝ่ามือก่อนจะลั่นไก เสียงลูกบอลกระทบกับแรงอัดอากาศให้อารมณ์เหมือนปืนอัดลมแต่เบาบางกว่าดังขึ้นจนนึกว่าเป็นปืนของเล่น แต่ในอีกแง่นึง มันอาจเป็นเช่นนั้นก็ได้
“ ก็อย่างที่เห็นแหล่ะครับ เราไม่ได้ใช้กระสุนยางหรือลูกบอลที่ใช้กับ BB Gun ด้วยซ้ำ… เป็นกระสุนแบบพิเศษที่ใช้สาธิตกับประชาชนทั่วไปนี่แหล่ะครับ แถมผ่านการรับรองจาก UR มาแล้วด้วย เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะครับ ” เจ้าตัวเอ่ยแบบนั้นหลังเผยฝ่ามือที่เป็นจุดกระทบกับกระสุนที่ว่าให้ดู มีเพียงรอยแดงเล็ก ๆ เหมือนถูกยุงกัดเท่านั้น
“ กฎของเกมก็ง่าย ๆ เลยครับ… ขออาสาสมัครซัก 13 คน จะสุ่มเป็นคนใช้ปืน 3 คนและคนอีก 10 คน เป็นคนทั่วไปที่ไม่มีอาวุธ หากคนมีปืนล่าได้ครบก่อนเวลา 30 นาทีก็ถือว่าชนะ โดยหากถูกกระสุนนัดเดียวจะถือว่าแพ้ และในทางกลับกัน หากฝ่ายคนทั่วไปไร้อาวุธอยู่รอดได้จนครบ คนที่รอดก็ชนะไปครับ ”
โดยปกติแล้ว นักเรียนของโรงเรียนเซนต์ลอเรนซ์จะมีการเตรียมตัวแทนเผื่อกรณีแบบนี้ไว้ก่อนหน้าที่จะมีการบรรยายอยู่เสมอ ๆ แต่พอเจอแบบนี้เข้าไป อาจารย์เองก็คงโทษนักเรียนไม่ได้หากพวกเขาเหล่านั้นไม่กล้าเสนอตัว
…แต่นั่นเป็นเพราะเหล่าสิงโตยังไม่เห็นเหยื่ออันโอชะของพวกมันต่างหาก
“ และสำหรับนักเรียนที่เข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร ทาง URI ของเราจะมอบเงินทุนการศึกษาในคนละ 500 บาท พร้อมกับประกาศนียบัตรและสำหรับคนที่ชนะจะได้เพิ่มอีก 1,000 บาทนะครับ ”
“ “ “ โฮวววว!!! ” ” ”
บรรยากาศในโรงยิมจากเงียบกริบกังวลใจแปรเปลี่ยนเป็นคึกคักสมัครสมานในพริบตา ชินได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้กับเหล่านักเรียนที่แสดงออกอย่างเถรตรง
รวมถึงเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาด้วย
“ เฮ้ย! ไปเล่นกันเถอะชิน! ถ้าชนะนี่ได้คนละ 1,500 เชียวนะ! ” และดูเหมือนคนที่ร่าเริงมากที่สุด รวมถึงเป็นคนที่ติดกับดักก่อนใครเพื่อนจะไม่พ้นเคนเนธ เขายื่นหน้าผ่านเกวนมาเขย่าเหล่าชินไปมายังกับเด็กขอร้องพอแม่ว่าอยากจะเล่นม้าหมุน
“ เฮ้อ… นายเนี่ยน้า ทำตัวเป็นเด็กอีกแล้วนะ ”
“ นั่นสิ ” ทั้งเกวนที่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่าย ๆ กับชินที่ยิ้มแห้ง ๆ ให้ แต่เหมือนนั่นจะไม่ทำให้เขากระตือรือร้นน้อยลงเลย
“ อย่าพูดงั้นสิ! ได้ค่าขนมเยอะอย่างงี้จะบอกว่าไม่สนเหรอชิน ”
“ ก็ไม่สนน่ะสิ ขอดูอยู่เฉย ๆ ดีกว่า ” ชินบอกปัดอย่างชัดเจน แต่เหมือนเคนเนธจะไม่ยอมเลิกตื้อง่าย ๆ แถมยังทำแก้มป่องใส่เขาอีก
ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเป็นผู้ชายทำ(โดยเฉพาะอย่างเคนเนธ)นั่นคงล่อบาทามากกว่าจะทำให้รู้สึกว่าอยากปลอบใจ
เช่นไรก็ตาม ดูเหมือนไม่ใช่แค่เคนเนธ แต่ทุกคนเองก็กำลังตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคงเป็นไปตามที่ออก้าคาดไว้ เขาถึงได้ยิ้มแป้นพอใจอย่างกับเด็ก ๆ
“ เอาล่ะครับ ไหนใครอยากจะเล่นเกมบ้างยกมือขึ้น! ”
“ “ “ “ ผมคร้าบ! / หนูค่ะ! ” ” ” ”
เหล่านักเรียนที่หลงติดกับต่างก็แย่งกันยกไม้ยกมือชิงดีชิงเด่นจากสายตาของออก้ากันไปหมด แน่นอนว่าเคนเนธเองก็ด้วย
แต่ที่น่าตลกก็คือเคนเนธยกมือชินขึ้นมาโบกไปพร้อมกันแทนเจ้าตัว ยังกับเป็นตุ๊กตาของเล่นยังไงอย่างงั้น ซี่งสำหรับชินแล้วเขาไม่ได้สนใจนักเพราะคิดว่าด้วยจำนวนนักเรียนที่เยอะขนาดนี้เขาคงไม่โดนเลือกหรอก
“ เยอะน่าดูเลยนะครับเนี่ย… งั้นพ่อหนุ่มดูท่าทางแรงดีคนนั้นกับเพื่อนออกมาเลยครับ! ”
“ เจ๋งเป้ง! ”
“ เอ๊ะ? ”
ทว่าเรื่องที่น่าตลกยิ่งกว่าก็คือ ความโดดเด่นของเคนเนธทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาได้ง่าย เพราะต่อให้เขานิสัยเหมือนเด็กอย่างไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นหนุ่มฮ็อตของโรงเรียน
ชินจึงตกกระไดพลอยโจรไปกับเด็กไม่รู้จักโตอย่างชินไปด้วย
“ ไปล่าเงินรางวัลกัน! ชักจะน่าสนุกแล้วสิ! ”
“ ให้ตายสิ… ช่วยไม่ได้แฮะ ”
ถึงจะเป็นชิน แต่พอเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาของเคนเนธ เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะคล้อยตาม
ท้ายสุด… เขาจึงกลายเป็นอาสาสมัครเล่นเกมกับเคนเนธอย่างเต็มใจไป และภาพของชินที่เข้าสังคมด้วยรอยยิ้มเป็นที่อมยิ้มของโอลิเวียเช่นกัน
❖❖❖❖❖
หลังจากออก้าเลือกอาสาสมัครอันมีผู้ประสงค์อยากเข้าร่วมเป็นจำนวนจนครบจำนวนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เริ่มแจกจ่ายอาวุธให้คนที่สุ่ม และสำหรับคนที่ได้รับบทบาทให้เป็นผู้ถูกล่าจะต้องมีการสวมแว่นตาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งชินกับเคนเนธถูกสุ่มให้เป็นพวกผู้ที่ถูกล่าจึงต้องสวมแว่นดังกล่าวด้วย
ถึงจะพูดเหมือนกับเพิ่งคิดขึ้นมาได้กะทันหัน แต่จริง ๆ คงเตรียมการมาก่อนแล้วสินะ
ชินแอบชื่นชมความเตรียมพร้อมของออก้า และตระหนักว่าถึงภายนอกจะดูไม่ได้ความ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบกพร่องทางหน้าที่ทางการงาน
เช่นไรก็ตาม การแข่งถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน และสำหรับฝ่ายที่ได้เปรียบ แน่นอนว่าไม่พ้นคนที่มีปืนอยู่ในมือ เพราะเพียงแค่ยิงถูกอีกฝ่ายนัดเดียวก็จัดการได้แล้ว ในจุดนี้คงเป็นการสร้างความตระหนักให้ผู้อบรมเข้าใจ ว่าในสถานการณ์จริงการถูกกระสุนเพียงนัดเดียวยิงเข้าก็ถึงตายได้ หากเลี่ยงได้จึงควรเลี่ยง และนั่นได้ผลดีเยี่ยมสำหรับผู้เข้าแข่งที่ไร้อาวุธ
ในส่วนของสนามแข่งขันนั้น ดูเหมือนเป็นอีกครั้งที่ออก้าตระเตรียมไว้แล้ว
เขาได้เตรียมโดรนสำหรับถ่ายทอดสดรุ่นล่าสุดที่ใช้กับการแข่งกีฬา และสนามสำหรับใช้แข่งเป็นด้านนอกโรงยิมเพื่อให้ผู้ที่ไร้อาวุธมีที่หลบซ่อนได้ตามสบาย แต่พื้นที่ก็ไม่ได้กว้างมากเท่าไรและมีข้อห้ามคือห้ามเข้าไปหลบในตัวอาคารเรียนและห้องน้ำ แต่หากเป็นตึกรองอย่างโรงอาหารหรือห้องเก็บของถือว่าผ่าน
ด้วยการมีกฎข้อนี้ คงทำให้ความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ที่มีและไม่มีอาวุธลดลงได้บ้างในเกมนี้
“ เอาล่ะ… ดูเหมือนจะพร้อมกันแล้วนะครับเนี่ย ” ออก้ากลับไปยืนบนเวที หลังเผยแพร่ภาพที่ถ่ายผ่านโดรน
ตอนนี้นักเรียนไร้อาวุธรวมถึงชินกับเคนเนธซ่อนอยู่ในจุดที่ตัวเองคิดว่าปลอดภัยกันหมดแล้ว ออก้าพยักหน้าด้วยความพอใจ แต่รอยยิ้มนึกสนุกยังไม่จางหาย
“ ถ้างั้นก็ เริ่มเกมกันได้ครับ! ”
สิ้นเสียงประกาศของออก้า นักเรียนที่มีปืนก็รีบจ้ำอ้าวออกจากจุดสตาร์ทในทันที
หากคิดถึงความเป็นไปได้ที่ฝ่ายใดฝ่ายนึงจะชนะและได้รับรางวัลไป แม้ว่าจะมีเวลาจำกัด 30 นาที แต่ยังไงฝ่ายที่มีอาวุธก็ยังได้เปรียบและมีโอกาสที่จะได้รับเงินรางวัลมากกว่าฝ่ายที่ไร้อาวุธอยู่แล้ว พวกเขาถึงกระตือรือร้นกันนัก
เทียบกันแล้ว ฝ่ายนักเรียนที่ไร้อาวุธต้องหลบซ่อนตัวเพื่อลดความเสี่ยงในการปะทะถึงจะมีโอกาสชนะในเกมนี้ ซึ่งหากเป็นสถานการณ์จริง การทำแบบนั้นก็เป็นหนทางที่ทำให้มีโอกาสรอดชีวิตสูงที่สุดเช่นกัน
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะคิดแบบนั้นกันหมด… หากมีคนที่หลบซ่อน ก็ย่อมมีคนที่คิดสู้กลับ เพราะคิดว่าการจัดการอีกฝ่ายให้ได้ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายจัดการเป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็มีอยู่ ซึ่งนั่นอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน แต่ก็แค่ในสถานการณ์จำเป็นเท่านั้น
เช่นไรก็ตาม… เหล่านักเรียนไร้อาวุธจำนวน 5 คนที่เกาะกลุ่มกันมา คือตัวอย่างของคนที่คิดแบบนั้น
พวกเขาดักซุ่มรอจังหวะที่นักเรียนถืออาวุธจะเดินผ่าน และเมื่อได้จังหวะ พวกเขาก็ปรากฏตัวและเข้าจู่โจมแบบกองโจร แต่นักเรียนก็คือนักเรียน ยังไงการกลบลบเสียงหรือกลิ่นอายย่อมทำได้ไม่แนบเนียน แม้แต่นักเรียนด้วยกันก็ยิ่งแล้วใหญ่ เหล่าผู้มีอาวุธในตครอบครอง จึงจัดการพวกเขาลงได้อย่างง่ายดาย
นักเรียนชาย 5 คนถูกคัดออกในพริบตาเดียว
สถานการณ์นั้นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามหลักความเป็นจริงเมื่อเกิดเหตุการณ์จริงขึ้น เหล่านักเรียนที่นั่งดุอยู่ในห้องประชุม ใจนึงก็สนุกสนานแต่ใจนึงก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกันเมื่อลองโยนตัวเองลงไปแทนในสถานการณ์ดังกล่าวหรือสถานการณ์จริง
“ …น่าเบื่ออ่ะ ” แต่ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดแบบนั้น กลับมีนักเรียนชายคนนึงที่คิดว่าการรออยู่เฉย ๆ เป็นเรื่องแปลก
คน ๆ นั้นก็คือเคนเนธ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ช่องว่างของอาคารโรงอาหาร
“ บ่นอะไรของนาย ก็ไหนบอกว่าอยากได้เงินไม่ใช่เหรอ? ”
แต่แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่เคนเนธ เพราะชินเองก็ซ่อนอยู่ในจุดเดียวกันกับเขาด้วย
แต่หากจะพูดให้ถูก ชินต่างหากที่เป็นคนเสนอให้เคนเนธมาซ่อนตรงจุดนี้เพราะเป็นจุดที่ไม่มีใครรู้จักว่าสามารถใช้เป็นที่ซ่อนได้
“ เอ๋… เรื่องนั้นก็จริงอยู่หรอก แต่ฉันอยากได้เงินจากการชนะอย่างสมศักดิ์ศรีหน่อยนี่นา ”
“ แพ้อย่างสมศักดิ์ศรีมากกว่า ” เคนเนธเริ่มบ่นเป็นเด็ก ๆ พาลทำชินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ ก็คงใช่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นฉันยอมรับมากกว่านะ ซ่อนอยู่แบบนี้มันไม่ใช่เลย ”
“ พูดอะไรของนายกันเนี่ย ”
น้ำเสียงที่ดูจริงจังมากกว่าล้อเล่นของเคนเนธทำให้ชินเกิดความสงสัย
ก็จริงที่เคนเนธเป็นบุคคลจำพวกใช้กำลังมากกว่าสมอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไร้ความคิดเสียทีเดียว เขาเองก็เป็นคนฉลาดพอจะรู้ว่าในสถานการณ์นี้ตัวเลือกไหนมีโอกาสชนะมากที่สุด
“ รออยู่ใต้ซากนี่… คอยให้ผลลัพธ์ที่ตัวเองไม่ได้กำหนดไล่ตามหลัง และได้แต่รอคอยให้ผลลัพธ์ที่เราไม่มีส่วนในการตัดสินใจมาถึง แบบนี้มันน่าโมโหไม่ใช่รึไง ” เคนเนธเอ่ยออกมาแบบนั้นด้วยแววตาที่ดูจริงจังผิดกับทุกที
‘จุดจบและปลายทางของตัวเอง คนที่ควรกำหนดหรือตัดสินก็ควรจะเป็นตัวเอง’ แววตาของเคนเนธบ่งบอกออกมาแบบนั้นแม้ว่านี่จะไม่ใช่สถานการณ์จริงก็ตาม แต่มันราวกับว่าเขาคงแสดงแววตาแบบนั้นอยู่ดีแม้ว่านี่จะเป็นเหตุการณ์จริง
ชินเองก็รู้จักเคนเนธพอสมควร แต่ด้านที่ดื้อดึงเกินเหตุแบบนี้เพิ่งจะเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก บางทีเขาอาจมีบางสิ่งที่ไม่เคยเล่าให้ฟังและนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาแสดงออกแบบนี้
“ แล้วจะออกไปลุยทั้ง ๆ อย่างงี้น่ะเหรอ? ” ชินเอ่ยถาม เพราะแววตาของเคนแนธมีเพียงเป้าหมายเดียวและไม่มีทางเลือกอื่นปะปนอยู่เลย
“ ก็แหงล่ะ อ๊ะ! แต่ชินไม่ต้องหรอกนะ นายเองถ้าได้เงินรางวัล คงไม่ต้องทำงานพิเศษไปหลายวันเลยใช่ไหมล่ะ ”
“ …ก็นะ ”
ชินตอบกลับไปตามสมควร เพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน
แต่ประเด็นหลักมันอยู่ที่เคนเนธพยายามรักษาความตั้งใจและทัศนคติของตัวเองโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อนไปด้วยต่างหากที่น่าชื่นชม
“ เอ้าฮึบ… งั้นฉันขอไปสนุกก่อนล่ะนะ ”
“ …อา ”
…เอาจริงสินะหมอนี่
ชินตอบกลับสั้น ๆ ก่อนที่เคนเนธจะคลานหมอบออกจากที่ซ่อนออกไป และได้แต่สังเกตการณ์ท่าทางของเพื่อนสนิทอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะหายไปจากสายตา
❖❖❖❖❖
“ สนุกชะมัดเลย! ”
“ นั่นสินะ! แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ”
“ ฮะฮะฮ่า! ”
ในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายนักเรียนผู้ถือครองอาวุธสังหาร(จำลอง) ต่างก็กำลังครึกครื้นคึกคะนองกันเต็มที่ บางทีทั้งสามคนคงได้เรียนรู้แล้วว่าการมีอำนาจอยู่ในมือนั้นมันพาลให้สุขสำราญใจขนาดไหน
แต่ความสุขใดย่อมไม่มีวันคงทน นั่นจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาจะได้เรียนรู้
“ จ๊ะเอ๋! ”
“ “ !!!? ” ”
ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย… ในกรณีนี้แม้จะไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ทำให้นักเรียนชายสองคนที่คุยเล่นอย่างสนุกสนานจนพ้นมุมตึก ไม่ทันระวังตัว และถูกเคนเนธซึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันจัดการรวบปลายปืนจำลองและแย่งอาวุธมาจากอีกฝ่ายได้สำเร็จ ภาพที่เกิดจากการวางแผนและหวังผลสำเร็จนั้นสร้างความประหลาดใจและประทับใจให้กับนักเรียนที่นั่งเชียร์ในห้องประชุม
นักเรียนชายสองคนที่เคยมีประกาศิตดั่งสิทธิสั่งตายกลายเป็นนักเรียนธรรมดา แต่นั่นก็ทำให้นักเรียนอีกคนที่เหลือย้ายปากกระบอกปืนไปเล็งที่เคนเนธได้อย่างรวดเร็ว
เสียงกระสุนพิเศษดังขึ้นหนึ่งนัดท่ามกลางจังหวะที่ชุลมุน ส่งผลให้เคนเนธที่อยู่ตรงจุดที่ปากกระบอกปืนชี้อยู่ต้องตกรอบไป… ความจริงมันควรเป็นเช่นนั้น
“ ช้าไปนะ ”
“ อะไรกัน!? ”
ทว่าจังหวะก่อนที่กระสุนจะถูกลั่นไก ชินก็ปรากฏตัวออกมาจากจุดบอดและผลักกระบอกปืนไปอีกด้านทำให้เคนเนธไม่โดนกระสุนอย่างที่ควรจะเป็น
ก่อนที่ชินจะแย่งปืนมาจากนักเรียนติดอาวุธคนสุดท้ายได้สำเร็จ ภาพที่เขาประกฎตัวเข้ามาช่วยเคนเนธ จากมุมมองของคนนอกคงเห็นได้ว่าเป็นการวางแผนอับแยบยลของทั้งสองคน ไม่เช่นนั้นก็เป็นการปรากฏตัวของเจ้าชายขี้ม้าขาวอย่างชินที่ออกมาช่วยพลิกสถานการณ์ให้กับเคนเนธและเหล่านักเรียนผู้ไร้อาวุธทั้งหมด
“ ชิน! มาช่วยฉันงั้นเหรอ? ขอบใจมากน้า! ”
“ พอเลย ๆ ”
ดูท่าเคนเนธคงดีใจมาก เขาถึงได้พุ่งเข้ามาจะกอดชิน แต่ก็ถูกมือของชินหยุดไว้ก่อน
แต่สำหรับเจ้าตัวที่ไม่รู้มาก่อนว่าชินจะมาช่วย ตามบุคลิกของเขาจะดีใจก็คงไม่แปลกอะไร
“ ก็แหม ทั้งที่มันเสี่ยงแต่ก็ยังมาช่วย จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงเล่า ” เคนเนธว่าแบบนั้นแล้วทำหน้าเขิน ชินได้แต่คิดว่าเขาช่างทำตัวเหมือนกับสาวน้อยเสียนี่กระไร
“ นี่มันแค่เกมเองนี่นา ” ชินว่าพลางถอนหายใจออกมา เพราะสำหรับเขา นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องดีใจถึงขนาดนั้น
…แต่ดูเหมือนทางเคนเนธจะไม่ได้มองแบบนั้น
“ ไม่หรอก… ฉันคิดว่าถึงเป็นสถานการณ์จริง แต่ถ้าเป็นนายก็คงมาช่วยฉันอยู่ดีนั่นแหล่ะ ”
“ …ก็ไม่รู้สินะ ”
ชินไม่ตอบออกไปตรง ๆ กระนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธ และเช่นไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเคนเนธอ่านการ์ตูนแนวสาวน้อยมากเกินไปหรือเปล่า เขาถึงได้พูดประโยคเหมือนกับนางเอกแบบนั้นออกมา
นี่ถ้ามีสาว ๆ มาได้ยินบทสนทนาระหว่างชายที่เป็นที่นิยมที่สุดในโณงเรียนพูดแบบนี้ล่ะก็ พวกเขาสองคนคงกลายเป็นคู่จิ้นใหม่ในโรงเรียนของสาว ๆ เป็นแน่
แต่ถึงเป็นสถานการณ์จำลองก็ไม่ควรอยู่ดีนั่นแหล่ะนะ
ชินคิดแบบนั้นอยู่ในใจก่อนจะทำท่าเหมือนรับสภาพอะไรบางอย่าง
ปึก!
ในจังหวะนั้นก็มีอะไรบางอย่างกระแทกใส่ศีรษะของทั้งชินและเคนเนธจนทั้งคู่ถึงกับเซไปนิดหน่อย
แล้วพอตั้งสติได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น เคนเนธก็รู้ว่าสิ่งที่มากระทบกับศีรษะของเขา คือกระสุนพิเศษแบบเดียวกับที่ใช้เล่นในเกมนี้
“ เอ๋? อะไรอ่ะเมื่อกี้ ”
“ เฮ้อ… โดนเล่นเข้าแล้วไหมล่ะ ”
ดูเหมือนเคนเนธจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ต่างชินที่เข้าใจสถานการณ์ได้ไว ซึ่งกว่าที่เคนเนธจะรู้ว่าตัวเองหลุดออกมาจากเกมแล้วก็เป็นตอนที่
…ถึงอันที่จริง ชินจะมองออกมาตั้งแต่แรกแล้วก็ตามที
❖❖❖❖❖
เหตุการณ์ประหลาด ๆ เมื่อครู่นี้ ความจริงก็คือออก้าไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดในเรื่องของจำนวนคนที่ถือครองปืนจำลองในเกม
เพื่อความสมจริงของสถานการณ์จำลอง ออก้าได้เตรียมคนของตัวเองไว้บนอาคารเรียนในบทบาทของ ‘ผู้สมรู้ร่วมคิด’ เพื่อคอยกำจัดคนที่คิดจะใช้วิธีแบบเดียวกับเคนเนธในการปิดเกม โดยใช้ Sniper Rifle ในการซุ่มยิงนักเรียนจำพวกดังกล่าวให้ออกจากเกม
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อสอนให้เหล่านักเรียนเข้าใจ ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง อาจมีลับลมคมในมากกว่าที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า และกรณีที่ศัตรูมีกำลังเสริมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ออก้าจึงตอนการให้นักเรียนทุกคนระวังตัวและเลือกที่จะซ่อนตัวมากกว่าที่จะออกมาปะทะแบบเดียวกับที่เคนเนธทำซึ่งถือได้ว่าเป็นการสาธิตให้เห็นภาพที่ได้ผลอย่างแยบยลยิ่งยวด
เพราะแบบนั้น บทเรียนคาบแนะนำในวันนี้จึงมีผลตอบรับเป็นอย่างดี และมีนักเรียนมากกว่า 90% ที่ตกลงเข้าร่วมชั้นเรียน
และในส่วนของนักเรียนที่หลบซ่อนจนหมดเวลาและไม่ได้ออกมาจู่โจมคนที่ถืออาวุธซึ่งมีจำนวน 3 คนจึงกลายเป็นผู้ชนะไปโดยปริยาย (เพราะเคนเนธกับชินจัดการนักเรียนที่ติดอาวุธไปแล้วนั่นเอง)
ก็จริงที่ผลลัพธ์ออมกาแบบนี้เป็นที่น่าเสียดายสำหรับเคนเนธ แต่เจ้าตัวเองก็ดูสนุกสนานกับเกมนี้ดี และเดิมทีชินเองก็คิดว่าเงินไม่น่าจะใช่เป้าหมายหลักของเคนเนธนอกจากความสนุกที่อยากจะเล่นเกมเท่านั้น
…ซึ่งทางชินเอง ก็ปฏิเสธไม่ได้เต็มปากว่าไม่รู้สึกสนุกสนานกับกิจกรรมแบบนี้เช่นเดียวกัน
❖❖❖❖❖
หลังจากที่กิจกรรมพิเศษจบลง การเรียนการสอนในช่วงบ่ายก็ยังเป็นไปตามปกติ
สำหรับชินกับเคนเนธที่เดิมทีก็เป็นที่นิยมอยู่แล้ว การโชว์ฟอร์มแบบนั้นออกไปทำให้สาว ๆ ในโรงเรียนรู้สึกกระดี้กระด้ามากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ต้องขอบคุณที่มีการเรียนต่อในช่วงบ่าย ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนคงถูกนักเรียนสาวเกาะติดจนไม่เป็นอันมีเวลาพักแน่ ๆ
ด้วยเหตุนั้นช่วงที่เวลาเลิกเรียนมาถึง ชินจึงอาศัยจังหวะดี ๆ รีบออกจากโณงรียนและมุ่งตรงกลับห้องพักในทันทีที่มีโอกาส นั่นเป็นเหตุผลที่เขามาถึงย่านชุมชนที่หอพักของเขาตั้งอยู่เร็วกว่าปกติ
แต่วันนี้เองก็ไม่มีโปรแกรมอะไรเป็นพิเศษ แถมสถานการณ์ระหว่างเขากับชงหยวนก็ยังทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นอกจากเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ และหวังให้อัลเฟรดช่วยคลี่คลายสถานการณ์การบุกโจมตีเขตที่ 66 (ประเทศไทย) ของพวกชงหยวนให้ได้เร็ว ๆ เพราะมันขัดขวางการสืบตามหาตัวตลกของชินมาก
ว่าแต่… ตัวตลกงั้นเหรอ
ชินนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ออก้าปรากฏตัวขึ้นในขณะที่เดินเลียบไปตามถนนเพื่อกลับหอพัก
ก็จริงที่มันอาจไม่มีนัยยะสำคัญอะไร แต่ชินก็อดคิดไม่ได้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“ บังเอิญจังเลยนะคะชิน เจอกันอีกแล้วนะคะวันนี้ ”
ในระหว่างที่คิดอะไรเพลิน ๆ แบบนั้นอยู่ เด็กสาวในชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกันก็เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสุภาพราวกระดิ่งแก้ว
แน่นอนว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโอลิเวียที่รู้จักที่อยู่ของชิน และแน่นอน… ที่เจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“ มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ” ชินเอ่ยถามออกไปแบบนั้นตรง ๆ เพราะไม่มีคนอยู่รอบ ๆ
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะสนิทกัน แต่ชินก็สั่งโอลิเวียไว้ไม่ให้ทำเหมือนรู้จักกันเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นโดยเฉพาะนอกจากที่ห้องของชินหรือโอลิเวียและที่ฐานทัพลับ แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้มีคนสงสัยหรือเกิดประกายความคิดในการติดตามความสัมพันธ์ของทั้งสองจนนำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดคิด
“ ก็แค่อยากอยู่กับชินเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้เหรอคะ? ” แต่กระนั้นโอลิเวียก็ยังหาโอกาสแหกกฎนั้นอยู่ดี
…เหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
“ ธะ เธอนี่มัน ”
“ ฮุฮุ… ”
กับท่าทางเขินอายอย่างน่ารักน่าชังของชินที่คงไม่มีใครได้เห็นทำให้โอลิเวียหลุดยิ้มออกมา ซึ่งนั่นก็คงเป็นรอยยิ้มแบบที่คงไม่มีชายคนอื่นได้เห็นเช่นเดียวกัน
“ จะว่าไปแล้ว ดิฉันยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ชินออกไปช่วยเพื่อนที่ชื่อเคนเนธเลยนะคะเนี่ย ” ไม่รู้ยังนึกสนุกอยู่หรืออย่างไร โอลิเวียจึงยังไม่ละประเด็นนี้จากบทสนทนา
“ ชินตอนที่ออกไปช่วยเพื่อนน่ะ เท่เสียจนทำเอาใจฉันหยุดสั่นไม่ได้เชียวนะคะรู้ไหม ”
“ ให้ตายสิ… แกล้งฉันนี่สนุกมากหรือไงนะ ”
“ แน่นอนค่ะ ไม่เช่นนั้นดิฉันคงไม่แกล้งหรอก ”
ชินบ่นอุบด้วยสีหน้าราวกับเด็ก ๆ ทำเอาโอลิเวียก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้า นั่นทำให้ทั้งสองคนนึกถึงวันวานที่เคยหยอกล้อแบบนี้ได้เป็นปกติท่ามกลางการเดินบนท้องถนน
ซึ่งแม้จะแตกต่างจากในอดีตที่สามารถทำแบบนั้นได้โดยไม่ต้องกังวลสายตาผู้ใด แต่การที่ไม่มีผู้คนอยู่เลยนอกจากชินกับโอลิเวียสองคนก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกหนาบเหน็บจากความโดดเดี่ยวแต่อย่างใด
“ นี่ รู้สึกแปลก ๆ กับการที่ออก้าใส่หน้ากากตัวตลกเข้ามาแนะนำตัวไหม? ”
ชินตัดบทเข้าประเด็นที่ตัวเองกำลังสงสัยในระหว่างที่เดินเคียงกันไปกับโอลิเวีย
เดิมที เขาคิดอยากจะถามความเห็นจากโอลิเวียเมื่อมีโอกาสในประเด็นนี้อยู่แล้วเหมือนกัน
และแม้โอลิเวียจะรู้สึกหงุดหงิดตามประสาสาวน้อยไปชั่วครู่เพราะถูกตัดบทการสนทนากะทันหัน แต่เธอก็ยังกลับมาเยือกเย็นและตอบคำถามของชิน
“ ค่ะ คิดตามสามัญสำนึก นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนปกติทำเพื่อแนะนำตัวเลย… คิดได้เลยว่าเป็นการแสดงออกเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงบางอย่าง ”
“ คิดเหมือนกัน… แต่แบบนั้นคงน่ากลัวพิลึกเลยล่ะ ”
ทั้งสองคนคิดเห็นไปในทางเดียวกัน แต่หากการกระทำของออก้าเป็นไปในทางนั้นจริง มันก็หมายความว่าเขามีจุดประสงค์เพื่อสื่อว่าเขา “รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวตลก”
แต่ปัญหาก็คือ เขาต้องการสื่อข้อความนั้นไปหาใคร
เพราะถ้าเขาต้องสื่อข้อความที่ว่ามาหาพวกเรา… นั่นจะไม่ใช่เรื่องที่สามารถปล่อยผ่านไปได้
ชินคิดกังวลเช่นนั้นอย่างช่วยไม่ได้ เพราะหากเรื่องราวกลายเป็นแบบนั้นไปอีก ผลลัพธ์คือ แม้แต่องค์กรที่มีอิทธิพลระดับโลกอย่าง URI เองก็อาจมีส่วนรู้เห็นกับการล่มสลายของอาณาจักรแวมไพร์
…แต่หากคิดในมุมมองกลับกัน การที่องค์กรขนาดใหญ่และมีอิทธิพลอย่าง URI ไม่รู้เรื่องอะไรเลยยน่าจะเป็นเรื่องแปลกมากกว่า
ความคิดบางอย่างที่เคยลั่นวาจาไว้เมื่อก่อนถึงได้ผุดเข้ามาในความคิดของชินในเวลานี้อีกครั้ง ทว่า…
“ เรื่องนั้นตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าจะไม่ทำ ”
“ … ”
ชินเผลอคิดสงสัยขึ้นมาชั่วเวลานั้นว่า โอลิเวียมีพลังจิตอ่านใจเขาได้หรือยอ่างไรถึงได้มองความคิดอ่านของเขาได้ทะลุปรุโปร่งแบบนี้ ถึงจะเป็นเขาแต่การอ่านความคิดโอลิเวียก็ไม่ได้ง่ายดายแบบนี้
เช่นไรก็ตาม… คำพูดของโอลิเวียที่ปฏิเสธความคิดของชินออกมาอย่างชัดเจนและแข็งกร้าวนั้น คือเรื่องที่ชินเคยตั้งสมมติฐานเอาไว้เมื่อก่อนว่า URI อาจมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่พ่อของชินถูกลอบสังหารไม่มากก็น้อย
แต่ก็เป็นอันรู้กันอยู่แล้วว่าการเข้าไปสืบใน URI นั้นมีความเสี่ยงสูงมากกว่าการสืบจากข้างนอกแบบที่กำลังทำอยู่นี้โข โอลิเวียจึงปฏิเสธเสียงแข็งไปในทันทีที่ได้ยินแผนการเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของชิน ดังเช่นที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“ แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ถึงเป็นตอนนี้ URI ก็ขึ้นบัญชีดำเราแล้ว ฉันไม่คิดว่าการเข้าไปหาข้อมูลในนั้นจะเสี่ยงมากไปกว่าที่เป็นอยู่นี้หรอก ”
“ นั่นมันก็… ”
คำพูดของชินมีน้ำหนัก… สถานการณ์ในตอนนี้ที่ URI เองก็กำลังตามล่าตัวของชินกับโอลิเวียนี้ มีอันตรายในระดับที่พอ ๆ กันกับแผนการที่จะแฝงตัวเข้าไปสืบเมื่อก่อนนี้
แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าโอลิเวียไม่ยอมง่าย ๆ
“ ดิฉันคิดว่า การทำแบบนั้นยังมีความเสี่ยงสูงกว่าเมื่อก่อนค่ะ… เหตุผลอย่างแรก พวกเขาจับตามองเราเป็นพิเศษมากกว่าแต่ก่อน เราคงเคลื่อนไหวไม่ได้ง่าย ๆ แน่ ” ที่โอลิเวียพูดออกมานั้นก็มีเหตุผลที่ฟังขึ้นซึ่งสามารถทำให้ยอมรับได้ ชินที่ขมวดคิ้วฟังอย่างตั้งใจคิดแบบนั้น
แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะทิ้งความเป็นไปได้ดังกล่าวไปอยู่ดี โอลิเวียเองก็รู้และสัมผัสความคิดของชินได้ เธอถึงได้พูดต่อในทันที
“ และเหตุผลที่สำคัญที่สุด… ตอนนี้เราก็กำลังเผชิญหน้ากับศึกชิงสิทธิในการปกครองโลกที่เป็นแกนกลางของเรื่องทั้งหมดอยู่นะคะ ดิฉันคิดว่าการไปโฟกัสเรื่องอื่น จะทำให้การจัดการเรื่องที่กำลังทำอยู่นี้เสื่อมประสิทธิภาพลงไปแน่ค่ะ ”
โอลิเวียอ้างเหตุผลนานัปการขึ้นมาเพื่อไม่ให้ชินเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องที่เกินตัวและอันตรายมากกว่านี้
อันที่จริงชินเองก็รู้… แม้โอลิเวียจะไม่ต้องยกเหตุผลสารพัดขึ้นมาอ้างความชอบธรรมให้ตัวเอง แต่แค่มองตากัน ชินก็รู้แล้วว่าโอลิเวียเป็นห่วงเขามากแค่ไหนถึงได้พยายามไม่ให้เขาทำเรื่องแบบนั้น
“ …เข้าใจแล้ว เอาแบบที่ว่าก็ได้ ” รู้แบบนั้นแล้ว ถ้าเขายังดื้อดึงมองข้ามและไม่สนใจความเป็นห่วงของเธอ เขาคงเป็นได้แค่ผู้ชายสารเลวเท่านั้น อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาคิด
“ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วค่ะ… ขอบคุณมากค่ะชิน ”
ยังอุตส่าห์มาขอบคุณกันอีกนะแม่คนนี้
…ทั้งที่คนที่ควรพูดน่ะ มันควรเป็นฉันแท้ ๆ
ชินแอบคิดแบบนั้นเมื่อได้เห็นสีหน้าโล่งอกโล่งใจของโอลิเวีย ตอนนี้เธอคงรู้สึกเหมือนห้ามชินไม่ให้ข้ามสะพานที่กำลังโครงเครงจวนจังพังแหล่มิพังแหล่ได้สำเร็จ
…แต่การที่เป็นสาเหตุทำให้โอลิเวียกังวลอยู่แบบนี้ เขาเองก็คิดอยู่บ่อยครั้งว่าอยากจะทิ้งอดีตของตัวเองไปซะ แล้วใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับเธอไป
ทว่าทุกครั้งทุกคราที่ความคิดแบบนั้นเล็ดลอดเข้ามาในหัว ก็มักมีอันต้องอันตรธานหายไปตลอดด้วยสาเหตุที่ไม่คาดคิดเสมอ ๆ แต่มีจุดร่วมที่เหมือนกันคือ อดีตที่ตามมาหลอกหลอน
“ … ”
ดังเช่นสิ่งที่ไม่รู้ที่มาที่ไปและไม่มีปี่มีขลุ่ยที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ทำเอาทั้งชินและโอลิเวียถึงกับชะงักนิ่ง
ไม่เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ตัวตลกประหลาดปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้แก่นสารพาลนึกว่าเป็นแค่การแกล้งกัน ทั้งลวดลายยังแตกต่างกับเป้าหมายของพวกชินอย่างชัดเจน
หนนี้… ตัวตลกที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกชินในระยะประชิดห่างออกไปไม่ถึง 5 เมตร สวมชุดคลุมแบบเดียวกับที่เคยเห็นในฝันร้ายอันเป็นภาพฉายอดีต ดังนั้นจึงไม่มีทางจำผิดว่าเป็นคนละคนได้แน่
ราวกับมันต้องทำลายความข้องใจของชินกับโอลิเวียว่าเป็นตัวจริงหรือไม่
มันพลิกมือให้พวกชินเห็นบริเวณหลังข้อมือ ที่ซึ่งมีตราประทับมงกุฎลวดลายแบบเดียวกับที่อยู่หลังมือขวาของชินประดับอยู่ คือเครื่องยืนยันตัวตนว่ามันคือศัตรูคู่แค้นที่ชินตามหามานานกว่า 10 ปี
ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เขี้ยวเล็บลับคมเตรียมฉีกกระชาก ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากความโกรธาที่พุ่งทะลุขีดปรอทที่อดกลั้นเก็บกดมานานกว่า 10 ปีของชิน ซึ่งเขากักเก็บเอาไว้เพื่อใช้ทำลายล้างเจ้าตัวตลกตรงหน้า และตั้งใจจะปลดปล่อยออกมาทั้งหมดในตอนนี้
ไอ้เวรนี่!!!————
“ ชิน!!! ”
ชินที่ถีบพื้นหวังพุ่งเข้าไปขย้ำเจ้าคนที่แย่งชิงทุกอย่างไปจากเขานั้นไม่ได้ประมาทเลยแม้แต่น้อย
การเคลื่อนไหวทุกอย่างเน้นประสิทธิภาพไปที่การขยับร่างกายเท่าที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพที่สุด เรียกว่าเวลาสำคัญแบบนี้ต่างหากที่ชินเอาจริงและไม่เปิดช่องว่าง
ทั้ง ๆ อย่างงั้น… เจ้าตัวตลกกลับคว้าใบหน้าของชินเอาเสียง่าย ๆ ราวกับแค่กำลังใช้มือหยิบหลังคอลูกแมว ทั้งยังใช้กำลังถีบพื้นลอยขึ้นสูงไปไกลด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์พร้อมกับพาชินไปด้วย ความเร็วระดับนั้นแม้แต่โอลิเวียก็ยังตอบสนองไม่ทัน
ท้ายสุดเจ้าตัวตัวตลกก็พาชินมาแลนดิ้งที่ดาดฟ้าของตึกร้างที่ห้างออกไปหลายกิโลเมตร พอมาคิดดู นี่เป็นเพียงแค่กำลังกายปกติของแวมไพร์สายเลือดแท้เท่านั้น
“ แก!!! ” ชินตะโกนลั่นปานราชสีห์ขู่คำราม ก่อนจะสะบัดหลุดออกมาและทิ้งระยะห่างจากศัตรู่คู่อาฆาตในระยะปลอดภัย
ด้วยสัตย์จริง… ชินไม่อยากรอดูสถานการณ์แบบนี้เลยซักนิด เขาอยากจะเข้าไปฉีกหน้ากากนั่นออกมา ก่อนจะแล่ผิวหนังของมันออกมาทาเกลือแล้วถ่วงมันลงทะเลเอาเสียตอนนี้
แต่กับสัตรูที่สังหารอดีตราชาเอลานอร์ได้ เขาก็ประมาทไม่ได้เหมือนกัน
“ …อ่อนแอจริง ๆ ” เสียงชายหนุ่มวัยกลางคนลอดออกมาจากหน้ากากตัวตลก
“ หา!!? ”
ชินหลุดวาจาแบบนั้นออกไป แต่คงไม่แปลกอะไร เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา มันก็ไร้น้ำหนักและมีแต่จะทำให้ชินรู้สึกเกลียดชังมากกว่าเดิมเท่านั้น
“ เอาเวลาปากดีของแก! ไปคิดคำสั่งเสียดีกว่าไอ้สารเลวเอ้ย!!! ”
Percentage All Round 100%!!!!!!!!!!!!!!!
สายลมหมุนวนรอบตัวของชิน เกิดเกลียวคลื่นสายลมขนาดมหึมาที่พัดพาเอาทุกสิ่งรอบตัวพัดปลิว แม้แต่ผืนดินและตึกที่เป็นพื้นเหยียบให้ชินอยู่ก็ยังสั่นคลอน ราวกับพายุเฮอริเคนกำลังจะถล่ม
ชินอาศัยจังหวะที่ไนท์ถูกเร่งพลังจนถึงขีดสุดถีบพื้นพุ่งเข้าระยะประชิดและใช้กรงเล็บพุ่งตรงสู่ตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล แต่น่าประหลาดยิ่งนักที่อีกฝ่ายสามารถหลบได้โดยใช้การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ในการเบี่ยงปัด
แต่ชินก็ไม่ละความพยายาม เขาเปลี่ยนไปใช้ศิลปะการต่อสู้ระยะประชิดเพื่อสยบอีกฝ่ายแทนการสังหารในครั้งเดียว หมัดซ้ายตามด้วยหมัดขวา มุ่งเน้นโมมตีใส่จุดที่ทำให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวได้ลำบาก ตามด้วยการถีบแข้งของศัตรูเพื่อให้เสียการเคลื่อนที่ แต่อีกฝ่ายเองพลิกหลบโจมตีกลับได้ และในทำนองเดียวกันชินเองก็หลบการโจมตีของศัตรูได้เหมือนกัน
ความเร็วของชินมากขึ้นและมากขึ้น เดิมทีต่อให้เป็นแวมไพร์ แต่การกระหน่ำโจมตีแบบนี้จะล้าไปชั่วครู่ก็ไม่แปลก แต่เพราะชินกำลังอยู่ในสถานะ Full Power ของทุก ๆ ศักยภาพในร่างกาย ทั้งความแค้นยังกลายเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อน กลายเป็นตัวตลกนั่นแหล่ะที่ต้องทิ้งระยะห่างออกมาจากชิน
“ เหมือนสัตว์ร้ายไม่มีผิด… กลายเป็นกลุ่มก้อนของความแค้นที่เคลื่อนไหวด้วยสัญชาติญาณดิบไร้ซึ่งเจตจำนงของตัวเอง ตกต่ำเสียจริง ๆ แวมไพร์ที่แข็งแกร่งที่สุดเอ๋ย ”
ตัวตลกเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวัง และที่ยิ่งทำให้น่าหงุดหงิดคือน้ำเสียงนั้นดูผิดหวังออกมาจากใจจริง ไม่ใช่สิ่งที่ชินอยากจะได้ยินจากปากของคนที่เป็นคนฆ่าพ่อและแม่ของเขา
“ ก็คนที่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ มันก็คือแกไม่ใช่เหรอ!!! ” ความโกรธปะทุออกมาราวกับไม่มีขีดจำกัดหรือทีท่าจะหมด มันยังคงถูกสันดาปออกมาเรื่อย ๆ ราวกับน้ำมันของเครื่องยนต์ไม่มีวันหมดสิ้น
ชินพุ่งเข้าไปโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สนเรื่องที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพและทักษะที่พอ ๆ กัน แต่ยังคงพุ่งเข้าไปคล้ายรอจังหวะขย้ำคออีกฝ่ายเอาท่าเดียว
“ ตกต่ำลงจริง ๆ… นี่เจ้ากลายเป็นคนที่เอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไร ”
“ หุบปาก! คนอย่างแกไม่มีสิทธิมาพูดอะไรกับฉันทั้งนั้น! ”
ตัวตลกดูใจเย็นอย่างน่าประหลาดและสั่งสอนชินประหนึ่งว่าเป็นศิษย์เอก แต่สำหรับชินที่กำลังโกรธกริ้วเห็นเข้าเป็นแค่ชิ้นเนื้อที่กำลังจะกลายสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อยเท่านั้น
การต่อสู้ของทั้งสองคนไม่มีท่าทีว่าจะจบสิ้นลง หรือเดิมทีมันอาจไม่ใช่การต่อสู้มาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ เพราะตัวตลกไม่ได้แสดงความต้องการที่จะต่อสู้เลยนอกจากต้องการท้าทายชินเท่านั้น
เพราะแบบนั้น จังหวะที่ตัวตลกไม่ได้โจมตีชินทั้งที่มีโอกาส ถึงได้ถูกขัดด้วยเวทมนตร์ของโอลิเวียที่ตามมาสมทบ วงเวท 20 วงถูกยิงด้วยความเร็วสุดขีดเท่าที่โอลิเวียจะทำได้ ทำเอาตัวตลกต้องถอยร่นออกไปไกล
ก่อนที่โอลิเวียจะปรากฏร่างที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศเหนือดาดฟ้าให้เห็นและลงพื้นตรงจุดที่อยู่ข้าง ๆ ชิน
“ แบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ ” ตัวตลกพึมพำในลำคอ บางทีเขาคงรู้สึกเสียเปรียบหากต้องสู้กับทั้งชินและโอลิเวียในเวลาเดียวกัน เขาค่อย ๆ ถอยร่นไปจนหลังติดกับขอบตึก
“ ถ้าคิดว่าเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดินนั้นถูกต้อง ก็ตามหาตัวฉันให้เจอ ”
“ เดี๋ยว!!! ”
เจ้าตัวตลกตัดสินใจเร็วทำเร็ว มันถอยหลังทิ้งตัวลงจากตึกในทันทีที่ได้จังหวะและหลังจากที่ประกาษสิ่งที่น่าจะเป็นเป้าหมายในการปรากฏตัวออกมา
แม้ว่าชินกับโอลิเวียจะวิ่งตามเข้าไปดู แต่ผลก็เป็นอย่างที่คาด… เจ้าตัวตลกอันตรธานหายไปจากรอบบริเวณอย่างไร้ร่องรอยเหมือนกับวิญญาณที่คิดจะโผล่ออกมาก็โผล่
“ ชินไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ”
“ อืม ”
ชินตอบกลับโอลิเวียสั้น ๆ
อนึ่ง สภาพภายนอกไม่ใช่เรื่องยากที่จะสังเกตว่าชินมีอาการบาดเจ็บหรือไม่ เพราะที่โอลิเวียถามนั้นหมายถึง ‘หัวใจ’ ของชินไม่เป็นไรใช่ไหม? ต่างหาก
…แต่ชินไม่ได้สนใจเรื่องนั้นในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
แม้ร่างของเจ้าตัวตลกคู่อาฆาตจะอันตรธานหายไป แต่สายตาของชินก็ยนังคงจดจ้องทิศทางที่มันหายลับรวมถึงมองตามสายลมที่พัดพากลิ่นอายของมันไปอย่างไม่ลดละด้วยแววตาสีแดงฉานของโลหิตอันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ คืนนี้มีเรื่องต้องทำแล้วล่ะโกลเด้นด็อก ” ชินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก แม้โอลิเวียจะไม่ได้สัมผัสท่าทางนี้เป็นครั้งแรก แต่บอกได้เลยว่าเธอไม่พิสมัย และออกจะเป็นห่วงชินเสียด้วยซ้ำ
“ …รับทราบแล้วค่ะมาสเตอร์ ”
กระนั้นที่เธอทำได้ในตอนนี้ ก็แค่การตอบรับความต้องการของชินให้สุดทางเหมือนอย่างเคยเพียงเท่านั้น