หลังจากช่วงพักกลางวันที่ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งเดียวกับการประกาศศึกกันแม้จะอยู่ในรูปของสงครามวาทะก็ตามที ทั้งสองกลุ่มก็ทำเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตในโรงเรียนกันตามปกติ
โดยหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังการกระทำของอีกฝ่ายจะมีการเคลื่อนไหวลับ ๆ บางอย่างซ่อนอยู่
…นั่นเป็นเหตุผลที่ชินกับโอลิเวีย(ซึ่งยังคงใส่ชุดนักเรียนอยู่)นัดพบกันที่เซฟเฮาส์หมายเลข 5 ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของพวกเขาในฐานะของแองกริคราวน์และโกลเด้นด็อก
“ แบบนี้ก็ชัดเจนแล้วสินะ ” ชินเอ่ยขึ้นในขณะที่กำลังนั่งเก้าอี้ชิดกับโต๊ะวางแผน
อนึ่ง ห้องนี้รวมถึงอุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์และชุดสำรองต่างมีลักษณะเหมือนกับเซฟเฮาส์ที่ชินเพิ่งทำลายทิ้งไปเมื่อวานซืนไม่มีผิด
สิ่งที่แตกต่างมีเพียงสถานที่ซ่อนกับเส้นทางลับเป็นเขาวงกตอันเต็มไปด้วยกับดักซึ่งมีแต่คนที่คิดมันขึ้นมาอย่างชินและโอลิเวียเท่านั้นที่รู้เส้นทาง
“ หากเธอมาในฐานะ The Singularity คงมาเพื่อต้องการพิสูจน์ว่าชินคือแองกริคราวน์สินะคะ ”
โอลิเวียพูดในขณะที่พิมพ์ข้อมูลอย่างคล่องแคล่วลงในคอมพิวเตอร์ ข้อมูลต่าง ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอใหญ่ซึ่งแสดงผลการค้นหาและข้อมูลของชงหยวนที่รู้มาตลอดจนกระทั่งเธอถูกประกาศว่าป่วยตาย
ในส่วนของเรื่องที่โอลิเวียกล่าว The Singularity นั้นเป็นสังคมในเงามืดที่มีอยู่ทั่วทั้งโลก แฝงตัวอยู่ในอาชีพต่าง ๆ บังหน้าหรือเปิดเผย อาทิเช่นมาเฟีย ยากุซ่า จึงไม่แปลกอะไรที่จะมีคนมาเกี่ยวข้องกับสังคมในเงามืดเช่นนั้น แน่นอนว่าชงหยวนก็ไม่มีข้อยกเว้น
“ แต่ว่า… ถ้ามาในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับศึกแย่งชิงสิทธิในการปกครองโลก ก็คงมาเพื่อพิสูจน์ว่าชินมีตราราชันย์หรือไม่ ”
โอลิเวียกล่าวจบก็เคาะปุ่ม Enter ยืนยันข้อมูล รายละเอียดทั้งหมดที่รู้เกี่ยวกับชงหยวนและชายสวมหน้ากากเสือผู้เป็นอัศวินนามว่าจินถูกแสดงบนหน้าจอนั้น
“ โอลิเวีย ถ้าเป็นเธอที่อยู่ในสถานะเดียวกันกับชงหยวน จะเข้าหาฉันด้วยเหตุผลอะไรงั้นเหรอ? ” ชินเอ่ยถามในขณะที่หมุนเก้าอี้แบบล้อหมุนไปทางโอลิเวีย เพราะหากคิดในมุมมองของตัวเองมันคงคับแคบและอาจคิดเข้าข้างตัวเองได้จึงต้องถามจากบุคคลอื่น
“ เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ก็เพราะอยากจะอยู่ข้าง ๆ ชินยังไงล่ะคะ ”
โอลิเวียเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใสดุงดวงตะวัน มันแฝงไว้ด้วยความขี้เล่นแต่ส่วนนึงก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ
หยอดเก่งจริงนะแม่คนนี้ ให้ตายเถอะ…
รอยยิ้มแบบนั้นของสาวงามไม่อาจมีใครทานทนจนต้องเขินอายแก้มแดงก่ำไปเป็นธรรมดา… ไม่แม้แต่ชิน
“ …จริงจังหน่อยสิ ”
“ ฮุฮุ นั่นสินะคะ ขออภัยด้วยค่ะ ”
ชินเอ่ยด้วยเสียงที่เบาราวยอมสยม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเพื่อหวังให้ความรู้สึกตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ออกไปพร้อมกัน แต่เสียงหัวเราะด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ของโอลิเวียก็ทำให้ชินต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยสาเหตุเดิม
“ อะแฮ่ม… นั่นสินะคะ ถ้าเป็นฉันคงเข้าหาคุณเพราะสงสัยทั้งสองอย่าง ”
“ คงเป็นแบบนั้นสินะคะ ”
โอลิเวียเปลี่ยนน้ำเสียงลงทุ้มกว่าปกติในตอนที่ตอบกลับ แน่นอนว่าที่เธอเป็นแบบนั้นเพราะอดกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้
“ งั้นถ้าให้คาดการณ์การกระทำของพวกชงหยวน ซึ่งเป็นพวกอัศวินของราชาเขต 86 แน่ ๆ เป้าหมายของพวกนั้นคือประเมินว่าจะใช้ฉันเป็นกำลังรบได้รึเปล่าสินะ ”
“ ค่ะ… กรณีที่ที่ชินจะถูกประเมินเช่นนั้นมีแค่อย่างเดียวคือ ถูกรู้ว่าเป็นผู้ถือครองตราราชันย์คนที่ 8 แต่ถ้าถูกรู้ว่าเป็นแองกริคราวน์คงถูกกำจัดแน่ ”
โอลิเวียพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นในขณะที่เดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้าง ๆ ชิน(แม้ในห้องจะมีเก้าอี้ 12 ตัวก็ตาม แต่เธอก็ทำแบบนี้เป็นประจำด้วยสาเหตุที่รู้ ๆ กันอยู่)
“ พอมาคิดดูวิธีเดียวที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายมีตราราชันย์หรือตราอัศวินก็มีแค่กรณีเดียวคือ ต้องเป็นผู้ครองดินแดนนั้นแล้วใช้ตราของตัวเองในการตรวจสอบสินะคะ ”
“ นั่นสินะ… ”
ความจริงที่โอลิเวียเอ่ยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เพราะได้เห็นมาแล้วกับตาที่มิวผู้ซึ่งเป็นผู้ปกครองเขตที่ชินสู้รบกับสคัลอย่างดุเดือดและเธอก็ได้แสดงการใช้พลังนี้ให้เห็นเมื่อคืนวานซืน
…แต่ว่าการคิดไปจนถึงจุดนั้น เลยทำให้ชินกับโอลิเวียฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้พร้อมกันจึงจ้องกันตาไม่กะพริบอย่างหวาด ๆ
“ ตอนนี้ที่นี่… คืออาณาเขตของอัลเฟรดสินะ ”
“ ถ้าเจ้าตัวไม่ได้โกหกล่ะก็… ใช่ค่ะ ”
ทั้งสองคนเริ่มเหงื่อตกขึ้นมาพร้อมกันเมื่อนึกถึงเรื่องกล่าวและเชื่อมโยงกับข้อมูลก่อนหน้านี้
นั้นเพราะการที่ชินอยู่ที่นี่ซึ่งเป็นเขตที่อยู่ใต้การปกครองของผู้ถือครองตราราชาคนอื่น แถมผู้ครองตราราชาที่ว่าก็อยู่ที่นี่ด้วย บวกกับข้อมูลก่อนหน้านี้ที่อัลเฟรดหาตัวชินเจอได้ทั้งที่ปกปิดข้อมูลได้อย่างแนบเนียนในฐานะแองกริคราวน์มาโดยตลอด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสาเหตุที่ทำเรื่องแบบนั้นได้ เป็นเพราะเขาใช้ตราราชันย์ของตัวเองในการค้นหา
พอคิดแบบนั้นเข้า เหงื่อเย็น ๆ ก็เริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าของชินอย่างไม่อาจควบคุมได้
เหมือนยิ่งหาข้อยุติของปัญหาเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแต่ปัญหางอกเข้ามาเรื่อย ๆ เลย
อัลเฟรด… ลูกชายของท่านดยุครัสเซิล ในหนแรกอธิบายแค่ว่าตราพวกนี้สามารถระบุเจตนาดีร้ายของคนในอาณาเขตได้ แต่ไม่ได้บอกเลยว่าสามารถใช้แยกแยะศัตรูที่มีตราสัญลักษณ์ได้ด้วย
ถ้าหากเด็กที่ชื่อมิวไม่ได้ทำให้ดูพวกเราก็คงไม่รู้… นี่แสดงว่าเจ้าหมอนี่รู้มาตลอดว่าเราเป็นผู้ครองตราราชันย์คนที่ 8 เลยน่ะสิ!
ไม่สิ… ถ้าอย่างงั้น เด็กที่ชื่อมิวเองก็ต้องรู้ด้วย เพราะตอนที่เด็กคนนั้นใช้พลังฉันเองก็อยู่ที่นั่น
หรือเลวร้ายสุด… ริว หมิงเซียน ไดอา หรืออาจจะเกวนเองก็ด้วยที่รู้เรื่องนี้
แต่ว่าทำไมกัน? ถ้าหากเป็นอย่างงั้น การกำจัดเราไปก่อนจะไม่ดีกว่าหรอกเหรอ?
ก็จริงที่เราเป็นกำลังรบที่สุดยอด แต่ก็น่าจะรู้ดีที่สุดว่าการเก็บอาวุธอันตรายขนาดนี้ไว้ข้างกาย มันอาจถูกหยิบไปใช้ทิ่มแทงตัวเองแบบไม่ทันตั้งตัวก็ได้
ถ้าเป็นฉัน ไม่สิ… ต่อให้เป็นใคร ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของแวมไพร์แถมยังเป็นแองกริคราวน์นักล่าค่าหัวชื่อดัง ก็ต้องอยากกำจัดฉันให้เร็วที่สุดมากกกว่าที่จะหลอกใช้งานอยู่แล้ว
หากอีกฝ่ายไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองเป็นอย่างมากก็คงทำแบบนี้ไม่ได้
ก็แสดงว่า… มีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังจิ๊กซอที่ยังต่อกันไม่ติดนี้
ชินคิดไม่ตกในขณะที่กอดอกแน่น
“ หลังจากนี้เราคงต้องระวังตัวให้มากกว่าอีกล่ะนะคะ ”
“ อา… ตอนนี้มีอย่างน้อย 3 คนที่รู้ตัวจริงของฉัน ยกเว้นชงหยวนที่รู้แค่ว่าฉันเป็นเจ้าชาย ” ชินเอ่ยในขณะที่เปลี่ยนมากุมขมับ โอลิเวียเห็นดังนั้นก็ไม่รีรอที่จะรีบไปชงกาแฟมาให้เหมือนทุกที
“ โทษทีนะ ”
“ มิได้ค่ะ ดิฉันเต็มใจอยู่แล้ว ”
โอลิเวียตอบกลับชินที่รู้สึกเหนื่อยอ่อนอย่างช่วยไม่ได้กับเรื่องที่เผชิญอย่างหนักหน่วงแถมไม่ได้พักได้ผ่อน แต่รอยยิ้มเยียวยาของเธอคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ชินใจเย็นลงได้
“ ถ้ารู้ไปแล้วก็คงช่วยไม่ได้ คงต้องแกล้งทำตามปกติไปก่อนสำหรับทางฟากของอัลเฟรด… แต่สำหรับชงหยวน จะให้เธอรู้ไม่ได้เด็ดชาดว่าฉันเป็นผู้ถือครองตราราชันย์คนที่ 8 ”
ชินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังหลังจากปรับอารมณ์เสร็จ โอลิเวียก็พยักหน้ารับอย่างจริงจัง
ทั้งสองคนต่างผ่านงานที่สุ่มเสี่ยงชีวิตมาแล้วเป็นอย่างมาก มากเสียจนนับไม่หวาดไม่ไหว แต่หากจะบอกว่าคุ้นชินไปเสียหมดก็คงจะโกหก
…แต่อย่างน้อยสิ่งที่ทำให้สติของทั้งคู่ไม่เตลิดหนีปัญหาที่จ่อหน้า ก็คงมีแค่การที่ทั้งสองยังคงอยู่ด้วยกัน
“ แล้วก็… ถ้าหากพูดถึงเรื่องที่ชงหยวนต้องการพิสูจน์ว่าฉันเป็นผู้ครองตราราชันหรือเปล่า วิธีพิสูจน์ก็มีแค่วิธีเดียวสินะ ” ชินที่กลับมาใจเย็นได้เหมือนเคยขมวดคิ้วแน่นเพราะพอจะเริ่มคาดเดาสิ่งที่ชงหยวนจะทำออก
ไม่สิ… เริ่มจะคาดเดาสิ่งที่ราชาและอัศวินของจีนกำลังจะทำออกแล้ว โอลิเวียที่คิดตามได้ไม่นานเองก็ทำสีหน้าคล้ายคลึงกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่อย่างรวดเร็ว สับเท้าไปเปลี่ยนชุดปฏิบัติการณ์ในฐานะแองกริคราวน์และโกลเด้นด็อกโดยพลัน
“ พวกเขา ตั้งใจจะยึดอาณาเขตที่ 66 นี่ ไปพร้อมกับการพิสูจน์ตัวตนของชินงั้นเหรอคะ ” โอลิเวียที่ภาวนาให้ตัวเองคิดผิดเอ่ยถามแบบนั้นออกมาในขณะเปลี่ยนชุด
“ อา… มีความเป็นไปได้สูงมากเลยทีเดียว ”
แต่การตอบในทันทีกลับเป็นสิ่งยืนยันถึงสิ่งที่ทั้งสองคนทำก่อนจะคิดได้เสียอีก
ใช่… การที่ชงหยวนหรืออัศวินในคราบหน้ากากเสือโคร่งผู้ซึ่งแข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มได้มาอยู่ที่นี่พร้อมกันไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน เพราะการนำขุนพลมาเตรียมพร้อมมันแสดงถึงการเตรียมตัวประกาศสงครามอย่างชัดเจน
พวกชงหยวน… ตั้งใจที่จะมาที่นี่เพื่อทำศึกชิงดินแดนเขตที่ 66 ไปจากอัลเฟรดตั้งแต่แรกแล้วนั่นเอง
“ แต่ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็ดีสิ ”
ชินเอ่ยด้วยความเหนื่อยหน่ายใจในขณะที่ตรวจเช็คอาวุธและระบบช่วยเหลือของชุดเป็นครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกับโอลิเวีย
เพราะหากสถานการณ์เป็นเช่นที่ได้กล่าวไป นอกจากต้องคอยระแวดระวังพวกอัลเฟรดเพราะยังไม่รู้จุดประสงค์ “จริง ๆ” ของเขา ยังต้องช่วยเหลือเขาไม่ให้เสียดินแดนแห่งนี้ไปด้วย เพราะไม่เช่นนั้นตัวตนแท้จริงของชินก็จะถูกเปิดเผยตามไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทั้งสองคนที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจึงรีบรุดออกจากเซฟเฮาส์เพื่อไปสังเกตการณ์ในเมืองให้เร็วที่สุด โดยหวังว่าเหตุการณ์ที่กลัวจะเกิดจะยังไม่อุบัติขึ้นในเร็ว ๆ นี้
❖❖❖❖❖
ทว่าการอธิษฐานนั้นกลับไม่เป็นผล ซ้ำยังให้ผลตรงข้ามเมื่อทั้งสองคนออกมายืนสังเกตการณ์บนตึกแห่งหนึ่งใจกลางเมือง
หากมองกวาดไปทั่ว แน่นอนว่ามันเต็มไปด้วยสีสันของสังคมยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นแสงจากไฟรถหรือร้านค้าริมถนน หรือการประดับตกแต่งตามข้างทางและจากในตึกบางแห่ง ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ชินเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนจากหลาย ๆ สถานที่
ในบรรดาแสงเหล่านั้น กลับมีอยู่จุดนึงซึ่งอยู่ไม่ไกลไปจากจุดศูนย์กลางของเมือง เป็นแสงไฟสีแดงส้มไหวไปมาพร้อมกับเกิดควันดำลอยขึ้นสูง และจากรัศมีของวงเพลิง เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้
แต่คงจะมีเพียงแค่ชินกับโอลิเวียเท่านั้นที่สวมหน้ากากซึ่งติดฟังก์ชั่นขยายภาพกอปรกับประสาทด้านการมองเห็นอันเหนือมนุษย์ที่มองเห็น ว่าจุดยอดบนตึกนั้น ไม่สิ… จะทั้งบนยอดตึกห้างสรรพสินค้าชื่อดังหรือพื้นถนนลาดยางบริเวณใกล้เคียง หรือบางทีอาจรวมถึงภายในตัวตึกนั้น มีคนกำลังต่อสู้ห่ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายหมายเอาชีวิต
…และสองคนที่ว่าก็คือริวที่กำลังประมือกับชายผู้สวมหน้ากากเสือโคร่งเหมือนเคย ส่วนไดอาก็กำลังรับมือกับหญิงสาวผู้สวมหน้ากากหนูอยู่อย่างสูสี
หากเร่งเสียงบริเวณนั้นขึ้น รอบบริเวณนั้นคงเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของคนธรรมดาที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรอย่างแน่นอน
“ บุกกันซึ่ง ๆ หน้าด้วยการก่อจลาจลใจกลางเมืองเลยอย่างงั้นเหรอ ” ชินขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นภาพเช่นนั้น
ไหนว่าศึกนี้จะไม่ดึงคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยไง แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย… ชินคิดแบบนั้นราวกับอดไม่ได้ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะต่อให้เป็นนักฆ่าที่กิริยามารยาทและทัศนคติในฐานะเจ้าชายผู้ซึ่งเป็นว่าที่ผู้ปกครองอาณาจักรย่อมทนเห็นเรื่องแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว
“ ไปกันเถอะ ”
“ ค่ะ มาสเตอร์ ”
ทั้งสองคนพยักหน้าให้กันก่อนจะกระโดลงจากตึกอันเป็นจุดสังเกตการณ์
เข้าสู่สนามรบยามค่ำคืนที่ไม่อาจเลี่ยงได้อีกครั้ง
❖❖❖❖❖
ในขณะเดียวกัน ณ หอคอยตึกสูงเสียดฟ้าตำแหน่งใกล้เคียงกับห้างสรรพสินค้าจุดเกิดเหตุ มีหญิงสาวสวมหน้ากากลิงยืนสังเกตการณ์อยู่ดังครั้งที่เคยทำในหนที่ชินกับสคัลปะทะกันเมื่อวานซืน
“ สถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้วล่ะคะ ”
ทว่าจุดที่แตกต่างนั้นมีอยู่… คือครั้งนี้มีหญิงสาวอีกคนมาด้วย
เธอเดินเข้าหาหญิงสาวผู้สวมหน้ากากลิงคนนี้พร้อมกับผู้ติดตามสองคนซึ่งเป็นชายร่างกำยำสวมหน้ากากวัวและมังกร เธอผู้ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้สวมหน้ากากเดินผ่านเงามืดของตึกจนเผยให้เห็นใบหน้าอันงามชดช้อยพร้อมกับส่วนสูงและรูปร่างที่โดดเด่น
“ ยินดีต้อนรับค่ะท่านชงหยวน ไม่สิ… ท่านฮ่องเต้ ” หญิงสาวผู้สวมหน้ากากลิงเอ่ยขึ้นในขณะที่คุกเข่าลงหย่างนอบน้อมต่อหน้าหญิงสาว… ต่อหน้าชงหยวนผู้เป็นนายของตน
“ ไม่ต้องพิธีรีตองนักหรอกนะ ”
ชงหยวนยิ้มอ่อนออกมาอย่างช่วยไม่ได้ที่ลูกน้องของตนเคร่งเกินไป
ดูเหมือนอย่างน้อยสำหรับเธอ รอยยิ้มเป็นห่วงเป็นใยจะยังคงมีอยู่ เพียงแต่มันเป็นของที่จำกัดให้เฉพาะคนที่เธอไว้ใจเพียงเท่านั้น
ชงหยวนเดินมาจนถึงขอบตึกจนชิดเสียจนทำให้เหล่าบริวารเป็นห่วง
“ ว่าแต่กำลังไปได้ดีเลยไม่ใช่เหรอ ”
“ ค่ะ… ถึงจะเริ่มลงมือในตอนที่ห้างปิดทำการไปแล้ว แต่คิดว่าเป็นจุดเด่นได้อย่างแน่นอนค่ะ ”
“ อ้างอิงจากคดีที่เกิดเมื่อไม่นานมานี้สินะ ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ”
ชงหยวนกอดอกอย่างห้าวหาญในขณะที่ชมผลงานของบริวารไปพลางมองภาพสนามรบเบื้องล่างไปพลาง พร้อมกับเลื่อนมือซ้ายปิดทับสนามรบเบื้องล่างประหนึ่งต้องการจะคว้ามันไว้ในมือ
พริบตานั้น หลังมือของชงหยวนก็ปรากฏตราสัญลักษณ์คล้ายรอยสักรูปมงกุฎที่มีเลขโรมันสลักว่า ‘IV’ ขึ้นมาพร้อมกับส่องแสงสีแดงสะท้อนออกมาอย่างหิวกระหาย
“ ถึงเวลาสงครามแล้ว ”
เป็นเวลาเดียวกับที่รอยยิ้มแฝงเลศนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชงหยวน อันแฝงถึงเล่ห์เหลี่ยมของเจ้าตัวที่มีต่อศึกนี้ไปพร้อมกัน
MANGA DISCUSSION