ปกรณัมของเหล่านักเรียน ม.ปลาย ผู้ปฏิวัติโลก - ตอนที่ 19: Overlord
“ แฮ่ก… แฮ่ก… ”
เสียงหายใจหอบดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากชายหนุ่มผู้คลุ้มคลั่งจากโลหิต… สคัลใช้พลังออกไปชุดใหญ่หลังได้รับเลือด
การโจมตีเป็นวงกว้างแบบไม่ได้หวังผลทำให้เขาเริ่มออกเดินไปรอบๆเพื่อหาร่องรอยของชินหลังการโจมตี แม้จะพูดไม่ได้อย่างมั่นใจว่าโค่นได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ้างแน่นอน
ไม่สิ… ถึงจะบอกไปแบบนั้นก็จริง แต่ตัวสคัลนั้นค่อนข้างมั่นใจอยู่พอควรว่าการโจมตีนั้นต้องทำให้ชินได้รับบาดเจ็บสาหัสได้แน่ เพราะแบบนั้นจึงเดินหาอย่างไม่รีบร้อนในขณะที่ดูดซับจิตตามธรรมชาติไปอย่างช้าๆ
ถึงจะไม่น่าเป็นไปได้ก็เถอะ… แต่ก็ต้องเผื่อไว้ก่อน
สคัลคิดแบบนั้นในขณะที่เดินไปรอบๆ กำลังกายของเขาฟื้นคืนเรื่อยๆ กระนั้นความกังวลกลับไม่ได้หายไปพร้อมกับความเหนื่อยล้า
เพราะยังมีความคิดนึงที่ติดอยู่ในหัว เป็นความคิดในแง่ร้ายที่ความเป็นไปได้ต่ำแต่ก็ไม่อาจลบออกไปได้ นั่นคือความเป็นไปได้ที่ว่าชินยังไม่ตายจากการโจมตีนั้นของเขา
และความจริงที่สัมพันธ์กับความเป็นไปได้นั้นก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง
กึก…
เสียงฝีเท้าเหยียบเศษซากอาคารดังมาจากทางขวาห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร ตรงจุดนั้นมีชายคนที่สคัลคิดว่าน่าจะตายไปแล้วยืนอยู่… คือแองกริคราวน์ในสภาพไร้บาดแผล
เป็นไปไม่ได้…
แม้จะแอบคิดว่าชินอาจจะรอดจากการโจมตีได้ แต่พอถูกตอกย้ำด้วยภาพความจริงก็ยากแก่การเชื่อไม่น้อย แถมที่สำคัญ ความจริงที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าการที่เขายังไม่ตาย ก็คือการที่แขนซ้ายของชินซึ่งถูกเขาสะบั้นจนขาดไปก่อนหน้านี้ได้งอกกลับมาใหม่เสมือนไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสแม้เศษดินด้วยซ้ำ
แม้แต่พลังปาฏิหาริย์ของเผ่านางฟ้ายังต้องใช้เวลาเป็นวันในการคืนอวัยวะที่เสียไปกลับคืนมา ต่อให้เร็วเท่ากับในตำนานปรัมปราก็ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง แต่ที่มันงอกกลับมาเร็วอย่างผิดธรรมชาติจึงมีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง
…หนึ่งคือเป็นไนท์ของชิน แต่ไนท์ของชินคือการลบพลังของศัตรูจึงไม่น่าใช่ เพราะงั้นความเป็นไปได้อีกอย่างที่เหลือก็คือ
“ นี่นายเอง… ก็เป็นแวมไพร์สายเลือดแท้อย่างงั้นเหรอ? ”
“ … ”
ดูท่าความจริงที่สคัลค้นพบจะยากแก่การทำความเข้าใจไม่ต่างกับครั้งของชิน เขาดูตกตะลึงไม่น้อยที่ศัตรูกลายเป็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่เหลืออยู่บนโลกเพียงหยิบมือ แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าความเยือกเย็นของเขาจะลดลง
แน่นอนว่าทางชินที่ไม่ได้ตอบกลับอะไรเลยเองก็เหมือนกัน
สคัลนิ่งไปพักนึง ทางชินเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆเพื่อดูท่าที เขากลับจับสัมผัสของโอลิเวียที่อยู่ห่างออกไปแทนเพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะปลอดภัย
น่าเสียดายที่โอลิเวียในตอนนี้กำลังงีบหลับจากความอ่อนล้าเพราะเสียเลือดโดยใช้ผ้าคลุมของชุดแองกริคราวน์คลุมร่าง ไม่อย่างนั้นเธอคงดีใจจนเนื้อเต้นที่ชินเป็นห่วงถึงขนาดนี้ไปแล้ว
“ งั้นเหรอ… ”
สคัลพึมพำแบบนั้นเบาๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนรูปทรงเพดานจากปิดฝาเป็นหลังคาแหลมคล้ายคริสตัลแถมยังเปลี่ยนคุณสมบัติของมันจากสิ่งที่มองทะลุเข้ามาได้เป็นสิ่งที่คล้ายกับกระจกไปเสีย
ในทางปฏิบัติก็คือ การทำแบบนั้นจะทำให้ดาวเทียมไม่สามารถจับภาพภาคพื้นดินภายใต้กล่องแก้วขนาดยักษ์ที่สคัลสร้างขึ้นนี้ได้
ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน…
“ มาคุยกันซักหน่อยไหม ”
ชินแอบคิดโดยไม่คาดหวัง ทว่าสคัลกลับเปิดปากบอกออกมาเอง น้ำเสียงที่เคยแหบแห้งของเขาถูกเสริมอารมณ์บางอย่างเข้ามามากกว่าปกติ
และหลังจากที่พูดแบบนั้น เขาก็ค่อยนั่งยองลงใกล้ๆกับเศษซากปรักหักพังใกล้ๆดังที่กล่าว และการทำให้สถานที่นี้ไม่ถูกจับตามองจากภายนอกก็เพื่อสร้างสถานการณ์ที่เป็นกลางในการพูดคุยอย่างแท้จริง แต่แน่นอนว่าชินไม่ได้วางการ์ดแล้วนั่งลงตามคำเชื้อเชิญ
รอบคอบซะจริง… แต่ก็เอาเถอะ
สคัลคิดพลางยักไหล่ก่อนจะเริ่มประเด็น
“ นายไม่คิดว่าโลกนี้มันไร้เหตุผลบ้างเหรอ ” สคัลพูดพลางหลับตาลงเบาๆราวหวนนึกบางสิ่ง
“ พวกเราแข็งแกร่งกว่าคนอื่น แต่เราก็ไม่เคยไปรุกรานใครก่อน ถึงอย่างงั้น เพราะหวาดกลัวถึงได้ถูกกำจัดออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์ แม้เราจะอยู่อย่างเงียบสงบ… เจ้าพวกขี้ขลาด ”
ในน้ำเสียงของสคัลแฝงไว้ด้วยความพิโรธที่ชินเข้าใจ ทั้งคำพูดนั้นก็ทำให้ชินคิดตามไปด้วยเช่นกัน
ไร้เหตุผลงั้นเหรอ… คำพูดนั้นเกิดจากการที่ตัวเราไม่พอใจกับเหตุผลต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะไม่สามารถยอมรับได้จึงบอกกล่าวว่ามันไร้เหตุผล นั่นต่างหากคือความหมายของคำว่าไร้เหตุผล
แต่ถ้ามันหมายถึงแบบนั้น ช่วงแรกเราเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
ชีวิตประจำวันที่เคยมีถูกช่วงชิงไป สายสัมพันธ์ที่ก่อร่างมาตลอดชีวิตถูกสะบั้น ผู้คนที่รู้จักล้มตายกันกลาดเกลื่อน
ที่อยู่ ครอบครัว สังคม วิถีชีวิต… ถูกช่วงชิงทุกสิ่งไปในคืนเดียว เรื่องแบบนั้นช่างไร้เหตุผล
“ นายไม่คิดอย่างงั้นเหรอ ” สคัลพูดแบบนั้นพลางส่งสายตามาทางชินราวขอความเห็นแต่แม้จะไม่ได้รับอะไรเขาก็ยังพูดต่อ
“ ไม่สิ… ถามอะไรโง่ๆสินะ เพราะคนที่เข้าร่วมศึกนี้ทุกคนต่างก็ทนกับความไร้เหตุผลของโลกใบนี้ไม่ไหว จนต้องทำอะไรซักอย่างด้วยตัวเองอยู่แล้ว ”
สคัลว่าพลางยักไหล่อีกครา แต่คำพูดนั้นทำให้ชินสงสัย
ก็จริงที่รางวัลอันหอมหวานหลังได้รับชัยก็คือการได้ปกครองเป็นราชาของโลกใบนี้ แต่สำหรับในโลกยุคนี้แล้วมันก็เป็นแค่ในนามเท่านั้นไม่ใช่หรือ? เพราะแต่ละประเทศตอนนี้ก็มีผู้นำเป็นของตัวเองอยู่แล้ว จะต้องการตกอยู่ใต้การปกครองของคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างผู้ชนะในศึกยามค่ำคืนแบบนี้ได้อย่างไร
เพราะงั้นหากไม่มีใครยอมรับให้เป็นผู้นำ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโลกใบนี้ย่อมไม่มีทางทำได้ นั่นคือความคิดที่ขัดแย้งกันจากสิ่งที่สคัลกับอัลเฟรดเล่าให้ฟัง
“ ฉันน่ะ คิดจะฟื้นฟูเผ่าของเราขึ้นใหม่ ” สคัลพูดแบบนั้นพร้อมกับลุกขึ้นยืน มองตรงมาทางชินอย่างแน่วแน่
“ หลังชนะศึกนี้ ราชาของฉันจะสร้างโลกใบใหม่ที่ถูกปกครองแบบรวมศูนย์… ทุกประเทศจะขึ้นตรงกับราชาองค์เดียว ทุกเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไร้สงคราม ไร้เกมการเมือง สืบทอดอำนาจด้วยระบบคัดเลือกตามความสามารถ ผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถถูกเลือกมาปกครองดูแลผู้คนที่อ่อนแอกว่า ผู้คนมีอิสระในหน้าที่การงาน ไร้ความอดอยาก บริการจากรัฐเข้าถึงได้จากทุกที่ ไม่มีใครเจ็บป่วย และเมื่อทุกคนได้ทรัพยากรในการดำรงชีวิตเพียงพอก็ไม่มีเหตุผลให้ก่ออาชญากรรม… กลายเป็นสังคมในอุดมคติที่ทุกคนมีความสุขได้ ”
สคัลพูดพร้อมกับค่อยๆแผ่มือออกราวเชื้อเชิญ เสนอโลกในอุดมคติของทุกคนให้กับชิน ท่าทางราวกับศาสนิกชนเชื้อเชิญให้เข้าร่วมศาสนาลัทธิของตัวเอง
คำเชื้อเชิญนั้นช่างหอมหวานน่าลิ้มลอง… ไม่ว่าใครต่างก็อยากจะมีความสุข สมปรารถนาให้นานที่สุดตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ทนความหอมหวานของความสุขไม่ได้
“ ไม่สนใจ… มาเป็นรากฐานของโลกใบใหม่นี้ด้วยกันเหรอ ”
สคัลว่าพร้อมกกับยื่นมือขวาแผ่มาทางชิน
สุดท้ายก็ชวนเป็นพวกด้วยจริงๆสินะ… ชินแอบคิดแบบนั้นอย่างหน่ายใจ รู้สึกว่าช่วงนี้ได้รับคำเชิญบ่อยเสียเหลือเกิน
“ ฝันหวานเหลือเกินนะ ” ชินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ตอบกลับไปยังสคัลที่แผ่มือมาหา ทำให้มือนั้นชะงักไป
“ ที่พูดมานั่น… ก็แค่เผด็จการเบ็ดเสร็จโดยมีราชาของนายเป็นผู้นำเองไม่ใช่รึไง ”
“ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับผู้นำ แค่นี้ก็ไม่เข้าใจรึ ”
สคัลพูดพร้อมกับชักมือตัวเองกลับไป ในน้ำเสียงเริ่มแสดงความหงุดหงิดออกมาเล็กๆ พร้อมกับจ้องมองชินด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ
ก็จริง… เผด็จการที่ดีก็มีความเป็นไปได้
ขึ้นอยู่กับมโนธรรมในการปกครองของตัวผู้นำ แต่ถึงอย่างงั้น…
ชินตัดสินใจจ้องมองสายตาใต้หน้ากากของสคัลกลับไป ด้วยสายตาที่รุนแรงยิ่งกว่า
“ คนสำคัญของฉันเคยพูดเอาไว้… รสชาติของอำนาจหอมหวนกว่าสุราใดจะเทียบเคียง ทั้งยิ่งหมักบ่มนานฤทธิ์มันก็ยิ่งแรง… ราชาของนาย ท้ายสุดก็จะหลงมัวเมาในอำนาจจนกลายเป็นกลียุค เกิดการแก่งแย่งชิงอำนาจของเหล่าผู้ปกครองชั้นย่อยอยู่ดีในซักวัน ”
สายตาของชินแข็งกร้าวยิ่งกว่าที่เขารู้ ในอกร้อนรุ่มด้วยความโกรธแต่เป็นคนละเหตุผลอย่างความแค้นเหมือนที่เคยเป็น
ทัศนคติที่ขัดแย้งกันราวเส้นขนาน สังคมจอมปลอมที่ขัดกับแนวคิดของตัวเอง สิ่งนั้นต่างหากที่ชินยอมรับไม่ได้
โลกจอมปลอมแบบนั้นปลุกความยุติธรรมในตัวของชินที่ถูกฝังดินด้วยความแค้นขึ้นมา…
ไม่สิ สำหรับชิน… มันคล้ายกับเจตจำนงที่ได้รับสืบทอดมาจากคนสำคัญซึ่งจากไปแล้วมากกว่า
เพื่อสิ่งนั้นแล้ว ชินจะไม่ยอมให้ใครทำมันแปดเปื้อนเด็ดขาด ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม
“ งั้นเหรอ… ถ้าขัดแย้งกันจนถึงระดับแนวคิดแบบนี้ก็คงช่วยไม่ได้ ”
สคัลพูดด้วยน้ำเสียงสั่นจากความหงุดหงิด กระนั้นก็นึกเสียดายอยู่ไม่น้อย
…ที่สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกนอกเสียจากต้องฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของตัวเอง
“ ไม่อยากทำแบบนี้เลยให้ตายสิ ” สคัลพูดพลางยื่นมือขวาออกมาทางชินราวคว้าจับ
ท่าทางนั้นคล้ายกับตอนที่ชินเสียแขนซ้ายไปครั้งแรกไม่มีผิด
ไม่สิ… สคัลตั้งใจจะทำแบบนั้นอีกครั้งต่างหาก ระหว่างที่คุยกันเขาก็ดูดซับจิตจนฟื้นฟูได้เต็มที่ สามารถใช้ไนท์ได้อย่างเต็มที่อีกครั้งหลังเสียไปกับการสร้างกล่องกรงขนาดใหญ่
ลาก่อน แองกริคราวน์…
สคัลคิดแบบนั้นพลางสะบัดมือขวาออกไปด้านข้าง วาดมันราวจะตัดภาพตรงหน้าเป็นแนวขวาง
จากนั้นแผ่นแก้วก็ปรากฏขึ้นตัดร่างของชินขาดเป็นสองส่วน… ความจริงมันควรเป็นเช่นนั้น
เพล้ง!!!
“ !!! ”
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นแผ่นแก้วของสคัลที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทนเสียอย่างงั้น
ทั้งที่พื้นที่ตรงนั้นควรจะถูกแทนที่ด้วยแผ่นแก้วจนตัดได้แม้แต่เพชรแท้ๆ แต่ฝ่ายที่ถูกตัดทำลายจนแตกเป็นเสี่ยงๆกลับเป็นแผ่นแก้วของสคัลเสียเอง นั่นทำเอาสคัลถึงกับเบิกตาโพลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
“ แค่เข้าไม่ถึงตัวฉันมันน่าตกใจขนาดนั้นเชียวเหรอ ” ชินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ทว่าท่าทางนั้นช่างดูผ่อนคลาย
แสดงท่าทีราวกับว่าศัตรูไม่อาจทำอะไรเขาได้อีกแล้วนับจากนี้
ชินเริ่มออกแรงกดเท้าตัวเองก่อนถีบพื้นจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ พุ่งเข้าใส่สคัลที่อยู่ห่างออกไปพร้อมกับออกหมัดขวาใส่เขา
สคัลเองก็ออกหมัดที่คลุมด้วยพลังของตัวเองปะทะเข้ากับชิน
เสียงปานระเบิดกัมปนาทเกิดในจุดที่หมัดของทั้งสองปะทะกัน สร้างแรงผลักมหาศาลแก่วัตถุและเศษซากปรักหักพังรอบๆจนกระจัดกระจายไปทั่วรอบบริเวณ
“ !!! ”
สคัลต้องเบิกตาโพลงอีกหน เมื่อพลังที่ใช้คลุมหมัดแตกสลายราวกับแก้วตกแตกอีกครา ดูเหมือนมันเปล่าๆของชินจะสลายพลังของมันไป
หมัดของทั้งสองที่เข้าปะทะไม่ขยับเขยื้อน แสดงถึงพลังทางกายภาพที่สูสีกัน เพียงเท่านี้สคัลก็รู้แล้วว่าชินคงได้รับเลือดมาเหมือนกับตน ไม่สิ… จริงๆเรื่องนั้นก็เดาได้ไม่ยากตั้งแต่ที่แขนของชินงอกกลับมาอยู่แล้ว
ในจังหวะที่สคัลกำลังคิดเรื่องอื่น ชินก็หมุนตัวกลางอากาศเตะเข้าที่สีข้างซ้ายของสคัลอย่างแรงจนสคัลถึงกับร่างกระตุก กระนั้นความรวดเร็วของปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ของทั้งคู่ในตอนนี้ก็พอๆกัน สคัลรีบใช้มือซ้ายหนีบขาของชินแล้วเหวี่ยงหมุนครึ่งรอบก่อนจะทุบลงพื้น
ทว่าในจังหวะก่อนที่ร่างจะกระแทกพื้น ชินก็ใช้สองมือที่ว่างค้ำยันไว้ ใช้ขาอีกข้างที่ไม่ได้ถูกจับรัดร่างของสคัลแล้วหมุนตัวโดยใช้ร่างกายท่อนบนเป็นศูนย์ถ่วง เหวี่ยงร่างขอสคัลออกไปไกลก่อนจะกลับมายืนโดยไม่เสียจังหวะใดๆ แต่ทางสคัลเองที่ถูกเหวี่ยงก็หมุนตัวกลับกลางอากาศมายืนตัวตรงในท่าตั้งการ์ดได้โดยไม่เสียสมดุลเช่นกัน
“ เข้ามา! ” สคัลตะโกนปานสบถ น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวแฝงไว้ด้วยความเสียดายที่ไม่อาจผูกมิตร
แม้กระนั้นก็ไม่ได้คิดผ่อนปรน เพราะพริบตาเดียวกับที่ตะโกนราวยั่วยุออกไป แท่งแก้วทรงลูกบาศก์ขนาดใหญ่พอๆกับตัวเขาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และจากนั้นผิวหน้าของมันก็ยืดออกพุ่งตรงเข้าใส่ชินด้วยความเร็วสูง แม้แต่ชินยังขยับหลบไม่พ้น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลำบากแต่อย่างใด… พริบตาที่มันพุ่งเข้ามาถึงระยะที่ห่างจากตัวชินราว 5 เมตร แท่งแก้วนั้นก็เริ่มแตกสลายหายไปราวชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น สร้างความตกตะลึงให้กับสคัลอีกครั้ง
อะไรกัน… ไม่ใช่ว่าสลายพลังได้เฉพาะสิ่งที่สัมผัสหรอกเหรอ
สคัลขมวดคิ้วแน่นหลังได้เห็นสภาพการณ์เมื่อครู่ เพราะดูยังไงพลังของตนก็ถูกสลายไปด้วยไนท์ของชินแน่ๆ แต่ชินกลับไม่ต้องสัมผัสพลังของตนเลยแม้แต่น้อย
ช่างเป็นชายที่เต็มไปด้วยปริศนาจริงๆ… สคัลคิดแบบนั้นก่อนจะถีบพื้นถอยออกมาไกล แล้วเริ่มสร้างชูริเคนจากพลังของตัวเองลอยอยู่กลางอากาศหลายสิบอันพุ่งเข้าใส่ชินด้วยความเร็วที่มากกว่าครั้งก่อนทั้งยังหลากทิศทาง บางอันมีการเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ
ชินเห็นแบบนั้นกลับพุ่งเข้าใส่โดยไร้ความเกรงกลัวใดๆ ชูริเคนอันที่เข้ามาใกล้ต่างแหลกสลายไปทีละอันทีละอันโดยไร้ข้อยกเว้น ระยะห่างของชินกับสคัลลดลงเรื่อยๆ
“ เจ้าหมอนี่! ” สำหรับคนที่สามารถสลายพลังได้ ยิ่งสู้ในระยะประชิดก็ยิ่งเสียเปรียบ สคัลจึงถีบพื้นถอยหลังหนีอีกครั้งพร้อมกับสร้างกับดักระหว่างทางไว้มากมาย แต่ชินก็กลับเร่งฝีเท้ามากขึ้น
หลังชูริเคนทั้งหมดถูกทำลาย หนามคริสตัลก็พวยพุ่งออกมาจากพื้นตามทางที่ชินไล่ตามสคัลปานจะเจาะให้พรุน ชินหลบทุกอันด้วยระยะที่ห่างแค่กระดาษแผ่นเดียว
แต่ดูเหมือนนั่นจะเป็นกับดักซ้อน… เพราะพริบตาที่หลบทั้งหมดได้คริสตัลที่บางราวเส้นด้ายจนยากจะสังเกตก็กลับปรากฏตรงหน้าพุ่งเข้าหาชินอย่างไม่ทันตั้งตัว และสำหรับชินที่ต้องสัมผัสกับวัตถุนั้นจึงจะสลายมันได้แล้วถือเป็นจุดบอดอันใหญ่หลวง เส้นคริสตัลนั้นพุ่งเข้ามาจากด้านหน้า สร้างบาดแผลให้กับชินเป็นรอยลึกบริเวณหน้าอกแม้จะหลบเลี่ยงได้เล็กน้อยก็ตาม
เท่านั้นยังไม่พอ คริสตัลหนามที่ชินผ่านมาแล้วยังแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยตัวเอง ไม่สิ… พูดให้ถูกคือมันระเบิดออกจากภายในด้วยตัวเอง ส่วนเศษคริสตัลทั้งหลายก็พุ่งไปรอบบริเวณแทนคล้ายสะเก็ดที่มีพลังในการทะลุทะลวงในตัว ด้วยจำนวนของวัตถุที่มากมายขนาดนี้ต่อให้เป็นชินก็ไม่สามารถกำจัดได้หมด ชินถีบพื้นหลบออกไปด้านข้างในทันที สคัลที่เห็นแบบนั้นก็โล่งอกไปเปราะนึง
ในขณะเดียวกัน พอเห็นท่าทางลำบากของชินในการหลบการโจมตีผสานเมื่อครู่ก็ได้รับรู้จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของไนท์ของชิน นั่นคือจะอ่อนแอต่อการโจมตีแบบวงกว้างด้วยจำนวนที่มากเกินความสามารถในการสังเกต
“ น่าเสียดายนะ ” สคัลพูดแบบนั้นด้วยรอยยิ้มที่ฉีกออกเล็กๆมุมปากจากความได้เปรียบเมื่อครู่ แต่ใช่ว่าชินจะไม่เข้าใจความหมาย
“ ฉันนึกว่านายจะเป็นคนพูดน้อยกว่านี้ซะอีก ”กระนั้นมันกลับทำให้ชินรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจมากกว่ารำคาญหรือหงุดหงิด
“ ไม่รู้สิ… คงเพราะนานๆทีได้เจอเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ มันก็อยากเก็บเรื่องของคนที่กำลังจะตายไว้ให้มากที่สุดเป็นธรรมดา ”
น้ำเสียงของเขายังแฝงไว้ด้วยความเสียดายอยู่เหมือนเคย ดูเหมือนอย่างน้อยเขาจะไม่ได้โกหกเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เขาทำหลังจากนั้นช่างขัดกับน้ำเสียงเสียนี่กระไร
เพราะพริบตาหลังจากนั้น ด้านหลังของสคัลได้ปรากฏแท่งคริสตัลแบบเดียวกับที่เคยใช้โจมตีก่อนหน้านี้ขึ้นมามากกว่าร้อยแท่ง แต่ลวดลายของมันดูแตกต่างออกไป ซึ่งหากจะให้ชี้ชัด ลวดลายของมันคล้ายกับหนามที่กลายเป็นระเบิดชิ้นเล็กๆไม่มีผิด ชินจึงเข้าใจสถานการณ์ในทันทีโดยที่ไม่ต้องให้สคัลเป็นฝ่ายบอก
“ ถึงเวลาต้องบอกลากันแล้ว ”
สคัลผายมือขึ้นสูงปานแม่ทัพก่อนเริ่มศึก ท่าทางนั้นมั่นใจหาใดเปรียบ แต่จากสถานการณ์ที่ผ่านมารวมถึงผลลัพธ์ ท่าทางของเขานั้นถือเป็นเรื่องปกติ
“ นั่นสินะ ถึงเวลาต้องบอกลาแล้ว ”
ชินพึมพำเบาๆในลำคอ สำหรับสคัลในตอนนี้คงได้ยินคำพูดนี้ด้วย แต่เขาไม่ใช่คนที่สนใจคำพูดของคนที่กำลังจะตาย
“ ลาก่อน ตัวตลกเอ๋ย ”
สคัลกลับหลับตาลงราวสวดภาวนาให้ชิน ก่อนจะสะบัดมือที่ผายขึ้นเหนือศีรษะลงอย่างแรงราวเปิดศึก
ไม่สิ เพื่อจบศึกต่างหาก… พริบตานั้นแท่งคริสตัลจำนวนกว่าร้อยแท่งก็พุ่งผ่านอากาศหมายทะลวงร่างของชินด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าหนก่อนๆ เห็นได้ชัดเลยว่าที่ผ่านมาสคัลแค่ออมพลังไว้เพื่อตัดสินในตอนท้าย ซึ่งถือเป็นการเลือกที่ฉลาด เพราะความเร็วของมันสูงราวเครื่องบินรบมากถึง 5 มัค จนสร้าง Shock Wave เลยทีเดียว
เสียงของแท่งคริสตัลแต่ละอันราวถูกจุดระเบิด พุ่งทะยานสายลมสูงกว่าความเร็วเสียง
สมกับเป็นแวมไพร์สายเลือดแท้
ดูเหมือนสุดท้าย ถ้าไม่เอาจริงซักหน่อย ก็คงเอาชนะไม่ได้ล่ะสินะ…
“ Percentage All Round… 100% ”
ชินพึมพำราวร่ายคาถา เปิดการใช้งานบางสิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากไนท์ของตัวเอง
พริบตานั้นดวงตาของชินก็ลุกโชนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ออร่าสีแดงดำคลอบคลุมทั้งร่างพร้อมสายฟ้าวาดไปทั่วดูน่าพรั่นพรึง ทั้งบาดแผลที่ได้รับก็สมานในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
กล้ามเนื้อร่ำร้อง สัมผัสสั่นสะท้าน… ความสามารถของชินทั้งหมดพุ่งทะลุขีดจำกัดที่สมองจำกัดไว้เพื่อไม่ให้ร่างกายรับภาระหนักเกินไป ผลลัพธ์ของการฝืนทำสิ่งนั้นคืออาการบาดเจ็บรุนแรงภายในระดับเซลล์ ทว่าพริบตาที่ได้รับความเสียหาย มันก็ถูกฟื้นฟูขึ้นทันทีเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น…
ทวยเทพเอ๋ย จงมอบพลังแห่งการเยียวยาให้ข้า… มารฟ้าเอ๋ย จงมอบพลังแห่งการทำลายล้างให้ข้า…
คำบริกรรมของชินสิ้นสุดในหัว เมฆหมอกแลดูคล้ายกลุ่มก้อนของแสงสว่างก็ปรากฏขึ้นในมือซ้ายของชิน เป็นพริบตาเดียวกับที่มือขวาถูกครอบคลุมด้วยของเหลวสีดำสนิทดูสยดสยอง ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นสิ่งที่มันควรเป็นทั้งสอง
…นั่นคือดาบ
เคร๊ง!
ใบดาบที่ห่อหุ้มมือทั้งสองของชินผ่าแท่งคริสตัลอันแรกที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเหนือเสียง 5 เท่าขาดเป็นสองส่วน
ไม่จบเพียงเท่านั้น จังหวะของชินยังรวดเร็วยิ่งขึ้น กระหน่ำวาดดาบใส่แท่งคริสตัลที่พุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วมากยิ่งกว่าที่มันพุ่งเข้ามา
เร็วยิ่งกว่าเสียง เร็วยิ่งกว่าผู้ใด… มากขึ้นและมากขึ้น เสียจนภาพรอบตัวแทบจะหยุดนิ่ง ตัวชินยังคงเคลื่อนไหวอยู่ผู้เดียว ร่ายรำท่ามกลางเศษคริสตัลสะท้อนแสงดุจเจ้าชายในงานเต้นรำอย่างสง่างาม
จนกว่าจะรู้ตัว แท่งคริสตัลทั้งหมดก็แหลกสลายหายไปจนหมดสิ้น สคัลได้แต่เลิกตาโพลงอ้าปากค้างให้กับภาพตรงหน้า
“ เป็นไปไม่ได้ ”
เขาไม่อดกลั้นที่จะพึมพำแบบนั้นและสูญเสียความเยือกเย็นไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างที่บอก อย่างน้อยสคัลก็เห็นแค่ภาพของชินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนมองตามไม่ทัน
ออร่าสีแดงดำอันแสดงถึงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงสุดของแวมไพร์ ว่ากันว่ามันเกิดขึ้นเมื่อแวมไพร์ได้รับเลือดมากเกินจนคลุ้มคลั่งเสียสติ แต่ชินที่อยู่ตรงหน้ากลับยังคงเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าเขาคงสถานะที่ก้าวข้ามขีดจำกัดได้โดยไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะ
ไม่… ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือดาบพวกนั้นต่างหาก
สคัลได้แต่คิดสงสัยพลางมองดาบสองเล่มที่คลุมมือของชินทั้งสองข้างด้วยความฉงนงงงวย
ทำไมงั้นหรือ? เพราะดาบสีทองราวแสงแห่งพระผู้เป็นเจ้า กับดาบสีดำราวเจตนาร้ายของจอมปีศาจที่อยู่ในมือทั้งสองของชิน มันคือ ‘ปาฏิหาริย์’ และ ‘คำสาป’ ของเผ่านางฟ้าและเผ่าปีศาจ
ไม่เพียงเท่านั้น ดาบทั้งสองยังเป็นมนตราระดับสูงของทั้งสองเผ่า ว่ากันว่ามีแต่แม่ทัพในสมัยสงครามโลกครั้งโบราณกาลเท่านั้นที่ใช้ได้ ในสมัยนี้เองก็มีน้อยจนนับคนได้ ทั้งอย่างงั้นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างชิน กลับสามารถใช้มันได้ทั้งสองอย่างทั้งที่เป็นแวมไพร์
“ นายมันเป็นตัวอะไรกันแน่… ”
เสียงของสคัลสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งแรก ขาขวาหยั่งถอยหลังกลับโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้ ทั้งเหงื่อเย็นๆยังไหลไปทั่วใบหน้า สคัลรู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีกับภาพที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้ตรงหน้า เป็นไปดังที่ชินคาด
“ ไม่เข้ามาแล้วเหรอ… เจ้าโครงกระดูก ” ชินพูดปานล้อเลียน กระนั้นในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น ยิ่งรีดเร้นความร้อนใจออกมาจากส่วนลึกของสคัลให้มากขึ้น
ท่าทางของชินทำให้สคัลแทบสติหลุด กระนั้นก็ทำแบบนั้นไม่ได้
ไม่ได้… จะถอยไม่ได้…
ไม่ว่าใครต่างก็มีเหตุผลที่จะไม่ยอมแพ้
ทั้งการปกป้องเจตจำนงของคนสำคัญและการปกป้องคนสำคัญอย่างโอลิเวียของชิน
ทั้งการสร้างโลกในอุดมคติของสคัล ชายหนุ่มทั้งสองจ้องมองกันด้วยสายตาที่ทั้งเคารพยำเกรงและไม่อาจยอมพ่ายแก่อีกฝ่าย
แต่ถึงอย่างงั้น…
แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ…
สคัลกลืนน้ำลายเสียงดัง นอกจากเสียงยังลามไปถึงร่างกายที่เริ่มสั่นด้วยความกลัว เพราะภาพตรงหน้ายังเหนือความเข้าใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ เตรียมรับมือซะสิ ” ชินพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไม่เปลี่ยน ทว่าสายตาของชินช่างดูแคลนอีกฝ่าย เขาเองก็รู้ตัวว่าไม่ควรทำเพราะเป็นการเสียมารยาท แต่ก็อดคิดแบบนั้นไม่ได้อยู่ดี
แต่จะกลายเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ เพราะด้านหลังของชินกำลังปรากฏวงเวทย์มากถึง 6 วงขึ้นวางตำแหน่งแต่ละมุมของรูปหกเหลี่ยม ลายลักษณ์และสีสื่อถึงไฟ น้ำ ดิน ลม สายฟ้าและน้ำแข็ง
นั่นคือนอกจากจะใช้พลังของเผ่านางฟ้าและปีศาจได้ในระดับสูงแล้ว ชินยังสามารถใช้เวทย์มนของเผ่าเอลฟ์ได้ครบทุกธาตุอีกต่างหาก
ราวฟ้ากับเหว… สคัลอดคิดแบบนั้นไม่ได้เมื่อเห็นความสามารถที่แตกต่างกันถึงขนาดนั้นตรงหน้า
กระนั้นสคัลก็ยังเค้นใจสู้ออกมาจากส่วนลึก สร้างบาเรียด้วยพลังของตัวเองหลายต่อหลายชั้นเพื่อป้องกันเวทย์ของชิน
ย่อมได้
ชินเห็นใจสู้ของสคัลก็เปลี่ยนใจ รู้สึกเคารพอีกฝ่ายอีกครั้งทั้งที่เห็นถึงความต่างชั้นราวกับอยู่คนละมิติขนาดนี้ ก่อนจะสั่งยิงเวทย์ทั้ง 6 ธาตุใส่บาเรียของสคัลอย่างต่อเนื่อง
“ อึก! ”
และก็เป็นไปตามคาด พลังของสคัลไม่อาจต้านทานเวทย์มนผสมสผานของชินได้ บาเรียที่สร้างถูกทำลายลงทีละชั้นๆ ราวความหวังถูกบดขยี้ทีละนิดทีละน้อย
จนกระทั่งพริบตาที่กำแพงชั้นสุดท้ายแตกสลายไป กลับกลายเป็นชินที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของสคัลอย่างไม่ทันตั้งตัวพร้อมดาบสองเล่มง้างเตรียม
“ หวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีกนะ เจ้าโครงกระดูกเอ๋ย ”
ชินกล่าวด้วยความเคารพต่อคู่ต่อสู้ ก่อนจัดการใช้ดาบสองเล่มในมือฟันร่างของสคัลจากด้านหน้าเป็นรอยกากบาทขนาดใหญ่ เกิดแผลฉกรรจ์ที่ไม่อาจฟื้นฟูได้ในทันทีขึ้นจนสคัลล้มหงายไปทั้งอย่างงั้นราวหมดแรงจะต่อต้าน
ทั้งพลังของเผ่านางฟ้าและเผ่าปีศาจระดับสูงราวเทวทูตหรือจอมปีศาจ
ทั้งพลังของเอลฟ์ที่สามารถใช้เวทย์ได้ทุกประเภทอย่างชำนาญราวกับเทพจากอิกดราซิลในตำนาน
ทั้งยังสามารถคงสภาวะคลุ้มคลั่งของผีดูดเลือดได้ราวกับราชาเอลเนอร์ผู้พิชิตโลกทั้งใบได้กลับชาติมาเกิด
ทั้งหมดนั่นคือภาพสุดท้ายที่สคัลรับรู้ได้ก่อนจะหมดสติไปเพราะบาดแผลอันถูกสร้างจากตัวตนระดับนั้น… คือภาพของชินผู้ครองพลังมหาศาลราวกับรวมความเป็นไปได้ของแต่ละเผ่าพันธุ์เอาไว้ในมือ
คือภาพของชินผู้จ้องมองตนจากจุดที่อยู่เหนือกว่า…
ดุจดั่งราชาผู้อยู่เหนือราชันย์ทั้งปวง (Overlord)
❖❖❖❖❖
Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant