ตอนที่ 16: วลาดจอมเสียบ
“ เป็นอะไรไป ทำไมนิ่งไปแบบนั้นล่ะครับแองกริคราวน์? ”
หลังจากการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของกลุ่มผู้บุกรุกถึงสองฟากฝั่งจากทั้งทางออสเตรเลียและจีน หนึ่งในนั้นคือโจทย์เก่าของชินที่สวมหน้ากากเสือโคร่งส่งเสียงไม่พอใจออกมาพร้อมกับส่งออร่าความเป็นศัตรูใส่อย่างชัดเจน
เขาที่สวมชุดเกราะแบบเดียวกับหนก่อนไม่มีผิดเดินนำหน้าลูกน้องสองคนคือคู่ชายหญิงที่สวมหน้ากากเด็กสาวเด็กชายยิ้มแป้น มายืนประจันหน้ากับชินโดยไร้อาการเกรงกลัวแม้จะพ่ายแพ้มาครั้งนึง
ท่าทางของเขาที่เป็นแบบนั้นคงต้องบอกว่าเกินความคาดหมายของชินอยู่พอสมควร
ไม่คิดเลยว่าศัตรูคนเดิมจะกล้ากลับมาเผชิญหน้าฉันอีกครั้ง นึกว่าจะเข็ดหลาบไปแล้วซะอีก
ไม่สิ ลืมคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง… หากอีกฝ่ายรอดกลับไปได้ก็คงหมายความถึงการสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้มีสิทธิครองบัลลังก์ของพวกจีนด้วย
หากต้องการกลับมาแก้มือเพื่อกู้คืนศักดิ์ศรีไปก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร …แน่นอนว่าในกรณีที่ชนะเราล่ะก็นะ
ในอีกแง่นึง หากนี้เราชนะแล้วยังปล่อยให้เจ้าหมอนี่มีชีวิตรอดกลับไปอีก คงถือเป็นการเหยียดหยามศัตรูมากแน่นอน และนั่นแหล่ะคือสิ่งที่เราจะทำ
ชินคิดแบบนั้นพร้อมกับกาหัวชายสวมหน้ากากเสือโคร่งเป็นเป้าหมาย เป็นเวลาเดียวกับที่โอลิเวีย อัลเฟรด เกวน มิวส์ ริว หมิงเซียนและไดอาขยับเอาหลังชนกันพร้อมกับระวังศัตรูที่อยู่โดยรอบ
เพราะแม้หากจะไม่นับชายผู้สวมหน้ากากเสือโคร่งผู้มีสมญานามว่า หู่(เสือ) ที่เป็นนักรบสสุดแกร่งอันดับต้นๆของศึกนี้ ก็ยังมีคนที่ควรระวังอีกหลายคนจากทั้งทางออสเตรเลียที่เป็นกองกำลังย่อย 4 คน รวมถึงคนจากจีนอีกสองคนด้วย
“ เราจะแยกเป็นสองฝั่งนะครับ สู้ทั้งที่โดนล้อมแบบนี้เสียเปรียบแน่ ”
“ …ฉันกับโอลิเวียจะจัดการทางฝั่งจีนเอง ”
ชินพูดแบบนั้นออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังจงใจพูดออกมาเสียงดังหวังให้เป้าหมายได้ยินอีก กระนั้นทางฝั่งพวกอัลเฟรดเองก็ยังแสดงท่าทีตะลึงเล็กๆเมื่อชินพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ นั่นทำเอาฝ่ายออสเตรเลียถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าศัตรูตัวฉกาจอย่างแองกริคราวน์ไม่ได้หมายหัวตัวเองเลยทีเดียว
เพราะเช่นไรก็ตาม ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ตั้งใจจะมาจัดการตนอยู่แล้ว การยั่วโมโหให้อีกฝ่ายเสียความเยือกเย็นน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าในความคิดของชิน
…และดูเหมือนมันจะได้ผลยิ่งกว่าที่คาด หู่ที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตัวสั่นด้วยโกรธา เป็นท่าทางที่แม้แต่พรรคพวกอย่างเด็กสาวและเด็กชายยังไม่กล้าเข้าใกล้
“ มันจะ… ดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะโว้ย!!! ”
คำพูดสุภาพจนถึงเมื่อครู่จางหายไปจากหู่ เขายกมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะสะบัดลงอย่างแรง
พริบตานั้นสายลมปริศนาก็พัดกรรโชกจากบนลงสู่พื้นในจุดที่กลุ่มของพวกชินยืนอยู่ แต่ทั้งกลุ่มก็กระจายตัวออกได้ทันก่อนที่บริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งจากการที่สถานที่นี้ถูกทิ้งร้างไปนาน
อัลเฟรด ไดอา หมิงเซียน ริวและมิวพุ่งเข้าหากลุ่มของออสเตรเลียในทันทีอย่างไม่สูญเปล่า ทั้งสองฝ่ายหยิบอาวุธประจำตัวออกมาประจันหน้ากันด้วยความรวดเร็วเหนือสายลมประหนึ่งจอมยุทธเชี่ยวศึก
ส่วนอีกด้านหนึ่ง โอลิเวียพุ่งเข้าใส่ทางฝั่งจีนที่สวมหน้ากากเด็กผู้ชายพร้อมกับประมือกันระยะเวลาสั้นๆด้วยหมัดและเท้า เป็นจังหวะให้หน้ากากเด็กผู้หญิงอีกคนโจมตีด้วยมีดสั้น กระนั้นปลายคมของมันก็มาไม่ถึงเพราะเกวนที่ตอนนี้สวมหน้ากากกระต่ายอยู่เข้ามาขวางไว้ด้วยอาวุธมีดสั้นคู่ประจำตัวของเธอพอดิบพอดี
“ ชิ! หายไปไหนแล้ว! ”
หู่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะมองไปรอบๆอย่างถี่ถ้วน มองหาร่างของชิน… ร่างของแองกริคราวน์ที่แฝงตัวไปตามเงาของความมิดมิดในตัวตึก
“ ช้าไป ”
“ อึก! ”
หู่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เปิดช่องว่างแม้แต่น้อย กระนั้นความมืดกลับไล่ตามหลังเขาอย่างประชิดโดยไม่ทันตั้งตัว และพริบตาที่คมเคียวแห่งความหวาดกลัวลูบไล้หลังจนต้องพลิกตัวกลับไปมองก็สายไปเสียแล้ว
ความมืดอันมีนามว่าชิน เข้าประชิดก่อนจะจู่โจมหมัดอย่างแรงเข้าใส่ลำตัวของหู่จนร่างเขาถอยกรูดไปถึง 5 เมตร กระนั้นดูเหมือนว่าชุดเกราะของเขาจะหนามากกว่าที่ชินคิดนัก แถมดูเหมือนจะมีหลายชั้นอีกด้วย ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่ง่ายดายเหมือนกับครั้งของเฮเดอร์ที่สามารถทำลายชุดเกราะได้ในครั้งเดียวแม้จะใช้ไนท์ของเขาก็ตาม
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น หู่ก็ยังได้รับความเสียหายจนถึงกับกระอักเลือด โลหิตของเขาไหลออกมาจนถึงปลายคาง
หลังจากที่สร้างจังหวะให้พวกตัวเองได้ ชินก็หันหลังกลับถีบพื้นพุ่งทะยานออกนอกตัวตึกจากโถงกลางสู่ทางเข้าตึกในพริบตา และเป็นจังหวะที่นัดแนะกันไว้ล่วงหน้าแล้ว โอลิเวียกับเกวนจึงกระโจนตามไปในทันที
ในขณะที่ทางหู่นั้นกำลังกุมท้องตัวเองอยู่ ทั้งหน้ากากเด็กชายและหน้ากากเด็กสาวต่างรีบเข้ามาดูอาการในทันที
“ พี่ใหญ่! ”
“ ไม่… ไม่เป็นไร ”
หน้ากากเด็กหนุ่มร้องตะโกนด้วยความเป็นห่วง แต่หู่กลับยืดหลังจนตรงเหยียดพลางปรามมือห้าม
เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงความตายในทุกพริบตาที่ย้ำเตือนกับตัวเองว่าศัตรูคือแองกริคราวน์
แต่ถึงแบบนั้นก็ต้องไป… ตัวเรามีเรื่องที่ต้องทำ!
หู่คิดเช่นนั้นเพื่อปลุกใจตัวเอง หวนคิดภาพคนๆนึงอยู่ในหัวสร้างแรงผลักดัน ก่อนจะถีบพื้นมุ่งตามทางที่แองกริคราวน์หนีไปก่อนหน้า เช่นเดียวกับหน้ากากเด็กสาวเด็กชายที่ตามไปติดๆ
ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าเป็นกับดักแต่กระนั้นก็ยังตามไปอย่างไม่ลังเล… ท่าทีนั้นของฝั่งจีนทั้งสามคนเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นไปตามการคาดการณ์ของชิน อัลเฟรดพยักหน้าเบาๆราวกับชื่นชม
ฝากด้วยนะครับคุณชิน… ที่เหลือก็
ตามแผนการที่ให้แยกกลุ่มศัตรูออกเป็นสองเพื่อไม่ให้เกิดการเสียเปรียบด้านจำนวนและเกิดสถานการณ์ที่ว่า ‘ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร’ ขึ้นมา
ในความหมายก็คือทั้งอัลเฟรดและชินต่างกลัวว่ากลุ่มของออสเตรเลียและจีนจะร่วมมือกันเพื่อโค่นพวกเรา เพราะเป็นที่แน่ชัดว่า อย่างน้อยหากเป้าหมายไม่ใช่เพื่อกำจัดแองกริคราวน์ที่เป็นศัตรูอันดับ 1 ออกจากเกมก็ต้องเป็นการตามหาผู้ปกครองดินแดนมาเลเซียอย่างมิว
และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าผู้ปกครองคือมิว ดังนั้นหนทางชนะจึงเหลือเพียงอย่างเดียว นั่นคือการโค่นพวกชินให้ได้หมดทุกคน แม้จะเป็นงานยาก แต่ต่อให้เป็นพวกชิน หากเจอสถานการณ์ที่เสียเปรียบเกินไปขนาดนี้เห็นทีก็คงไม่ใช่เรื่องยากเช่นกันที่จะเอาตัวรอด
“ โอ้ยๆ… ดูเหมือนเจ้า วลาด จะมาร่วมศึกค่ำคืนนี้ด้วยแฮะ ”
ในระหว่างที่อัลเฟรดคิดถึงเรื่องที่จะทำต่อไป ชายผู้สวมหน้ากากจิงโจ้ก็พูดออกมาพลางเหวี่ยงกระบอกเหล็กหนามในมือไปมาราวคันไม้คันมือ
รวมถึงศัตรูที่เหลืออีก 3 คนที่เป็นฝั่งออสเตรเลียเหมือนกันเองก็ทำท่าทางเหมือนอยากจะสู้เต็มแก่
ไม่สิ… บางทีอีกฝ่ายอาจจะร้อนใจอยู่ก็ได้ เพราะหากคิดตามปกติ ยังไงออสเตรเลียก็น่าจะเสียพื้นที่ให้กับรัสเซียไปภายในคืนนี้แน่นอน ไม่มีทางเป็นอื่น
นั่นคือเหตุผลที่รีบร้อนกันสินะ
อัลเฟรดคิดและวิเคราะห์ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ก่อนจะเอามือไพล่หลังให้สัญญาณมือกับพวกพ้องทุกคนที่เหลือ หากไม่นับเกวนที่โผล่ไปช่วยทางชินอย่างที่เขาคาด ซึ่งแม้จะไม่ใช่คำสั่งและเป็นการทำโดยพลการ แต่ก็ถือว่าตัดสินใจได้ถูกต้อง
เพราะหากจะให้คนอื่นที่ไม่ใช่เกวน ซึ่งเป็นคนที่ชินเชื่อใจเพียงคนเดียวในกลุ่มตนตามเขาไป บางทีชินอาจทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงก็ได้
“ อย่าประมาทล่ะครับแกงก้า อีกฝ่ายเป็นถึง วลาด แถมจำนวนของอีกฝ่ายยังมีมากกว่าด้วย ” ในขณะที่ยังมีคนนึงคุมตัวเองได้อยู่ นั่นคือชายผู้สวมหน้ากากหมีโคอาล่า
เขาพูดในขณะทำท่าทางดันแว่นตาทั้งที่ก็สวมหน้ากากอยู่แท้ๆ
เช่นไรก็ตาม… แม้ชายที่สวมหน้ากากจิงโจ้จะได้ยินเช่นนั้นแล้วเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ เขาก็ยังเชื่อฟังคำพูดของพวกพ้องเป็นอย่างดี รวมถึงชายสวมหน้ากากพอสซัมผู้ใช้กระบองเหล็ก และชายสวมหน้ากากวอมแบทผู้ใช้ค้อนเหล็กขนาดพอกับส่วนสูง ด้วยเช่นกัน
ดูจากรูปร่างจากภายนอก พวกเขาล้วนเป็นชายหนุ่มอายุ 20 ต้นๆที่ไม่ได้มีร่างใหญ่โตอันผ่านการศึกมามากมายแต่อย่างใด
กลับกัน พวกเขาอาจเป็นคนที่มีชีวิตปกติใต้แสงตะวันแบบเดียวกับพวกอัลเฟรดก็ได้ด้วยซ้ำ
ดูเหมือนไม่ว่าจะก๊กเหล่าไหน ก็ดูจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหมดเลยแฮะ สมแล้วกับที่เป็นเหล่าคนที่ถูกเลือกโดยผู้มีคุณสมบัติของผู้ปกครอง
“ ยอดเยี่ยมมากครับที่ไม่บุกเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า… ”
อัลเฟรดว่าแบบนั้นพลางยิ้มขมอย่างไม่ทราบสาเหตุภายใต้หน้ากาก ก่อนจะเปิดปากแทนพวกของตนราวประกาศศึก
“ แต่ถึงแบบนั้น พวกเราเองก็ไม่ยอมให้พวกคุณเริ่มก่อน หรอกนะ! ”
“ ห๊ะ! ”
ทันทีที่อัลเฟรดว่าจบ พริบตานั้นริวกับมิวก็พุ่งตัวแทรกผ่านด้านข้างของอัลเฟรดเข้าใส่ศัตรูทันที หอกของริวฟาดใส่ชายสวมหน้ากากพอสซัมแต่เขาก็รับไว้ได้ กระนั้นก็ยังถึงกับกระเด็นไปไกลหลายเมตรด้วยพละกำลังที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เช่นเดียวกับมิวที่ปามีดสั้นใส่ชายสวมหน้ากากวอมแบทจนต้องถอยกรูดไปอีกทาง… กำลังรบของอีกฝ่ายถูกแบ่งอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดจากความต่างชั้นของประสบการณ์ในการสั่งการ
“ มาเจอกันหน่อยไอ้หนูผี! ” ริวภายใต้หน้ากากลิงเผือกประกาศกร้าวราวยั่วยุ และดูเหมือนมันจะได้ผลแทบจะทันที
“ ปากดีนักนะโว้ย!!! ”
ทันทีที่ชายผู้สวมหน้ากากพอสซัมที่ได้ยินแบบนั้น เขาก็ทุบกระบองเหล็กลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราดในทันที ก่อนจะยกขึ้นมาควงเหวี่ยงไปมาหลายต่อหลายรอบพลางเดินดุ่มเข้าหาริว ท่าทางคลุ่มคลั่งนั่นราวกับจะบอกว่า หากไม่ได้ขยี้ลิงเผือกตรงหน้าก็คงไม่อาจหยุดเหวี่ยงอาวุธในมือลงได้
ทางริวที่ยิ้มออกมาใต้หน้ากากพลางร้อง หึ! ออกมาด้วยความพึงพอใจตั้งท่า พลางใช้หอกชี้เตรียมพุ่งแทง แต่อีกฝ่ายที่ไร้กระบวนท่าใดๆนั้นกลับน่าประหลาดเพราะการเหวี่ยงกระบอกเหล็กไปมาอย่างรวดเร็วราวพายุคลั่งนั่น รู้สึกราวกับว่าหากเข้าไปใกล้จะต้องถูกซัดปลิวแน่
และในตอนที่ริวดูสถานการณ์เงียบๆ พอสซัมก็กระโดดขึ้นสูงทั้งที่ยังเหวี่ยงกระบอกเหล็กอยู่ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ริวและทุบเขาด้วยกระบองเหล็กจากด้านบน ริวทำได้เพียงแค่ใช้ด้ามหอกเปลี่ยนวิถีการโมตีอกไปเท่านั้น ความรุนแรงนั่นทำเอาริวที่แม้จะฝึกฝนร่างกายมาตลอดยังถึงกับแขนขาชา
“ ท่าทางจะงานยากกว่าที่คิดนะเนี่ย ”
ริวคิดแบบนั้นพลางเหงื่อตกอยู่ใต้หน้ากาก หันมาคิดอย่างจริงจังถึงวิธีพิชิตศัตรู
…และไม่เพียงแค่ริวเท่านั้น แต่แม้กระทั่งการเผชิญหน้าระหว่างมิวกับวอมแบทเองก็เป็นไปอย่างสูสี แต่ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะมิวยังไม่ได้ใช้พลังจริงๆของตัวเองบวกกับยังไม่ยอมใช้ตราอัศวิน
ทางหมิงเซียนนั้นมีพลังในการต่อสู่ต่ำสุดจึงยืนอยู่แนวหลังสุดประเมินสถานการณ์
เหลือเพียงอัลเฟรดใต้หน้ากากผีดูดเลือดกับไดอาผู้อยู่ภายใต้หน้ากากกบสีเขียว ที่กำลังเผชิญหน้ากับชายสองคนผู้สวมหน้ากากจิงโจ้และหมีโคอาล่าซึ่งน่าจะเป็นผู้นำของกลุ่มนี้
“ ว่าแต่บังเอิญจังนะครับเนี่ย เล่นมาพร้อมกันกับประเทศจีนแบบนี้ พวกผมเองก็ลำบากแย่สิ ” อัลเฟรดว่าพลางยักไหล่ด้วยท่าทีสบายๆ แม้ทั้งสองจะยืนประจันหน้ากันอยู่
“ จะคิดไงก็เอาเถอะนะ เพราะยังไงสิ่งที่พวกเราต้องทำก็ไม่เปลี่ยน เนอะโคล่า! ”
“ ก็ตามนั้นแหล่ะนะครับ ”
ทั้งสองคนตั้งท่าเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้ามาเต็มที่
ไม่สิ… พุ่งเข้ามาแล้วต่างหาก ระยะทางเกือบสิบเมตรระหว่างแกงก้ากับอัลเฟรดถูกร่นลงในพริบตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาเงื้อกระบองเหล็กหนามขึ้นสูงแล้วฟาดกวาดทั้งอัลเฟรดและไดอาในพริบตา
“ ห๊ะ!? ”
ทว่าพริบตาที่กระบองเหล็กสัมผัส ร่างของทั้งคู่ก็เริ่มบิดเบี้ยวราวหมอกน้ำค้างถูกพัด แถมในพริบตาเดียวกันนั้น ที่พื้นซึ่งแกงก้ากำลังจะร่อนลงยังมีเหล็กแหลมสีแดงโลหิตพุ่งเข้าใส่ราวกับหอก ทว่าเขาก็ใช้ไหวพริบ พลิกตัวหลบกลางอากาศลงพื้นจนได้
แม้จะมีการโมตีระลอกสอง อย่างหอกนับสิบเล่มแทงทะลุขึ้นจากพื้นใส่เขา แต่แกงก้าก็ยังสามารถวิ่งหลบไปมาได้ จนถึงตอนที่แก้งก้าถีบพื้นกลับไปตำแหน่งเดิม การโจมตีก็หยุดลงพอดี
“ โห… ต้องขอชมล่ะนะครับที่หลบการโจมตีประสานของพวกเราได้หมดเลยแบบนี้ ”
ร่างของอัลเฟรดปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่ห่างออกไป แน่นอนว่าตรงนั้นมีไดอาอยู่ด้วย แกงก้าที่ยืนหอบกับโคล่าที่แสดงท่าทีระแวดระวังต่างมองไปยังจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่
“ เฮอะ! ทางนี้เองก็เหมือนกันล่ะวะ ” แก้งก้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะยกกระบองเหล็กหนามขึ้นพาดบ่า
“ อย่างที่ลือกันจริงๆนะครับ วลาดจอมเสียบ ”
โคอาล่าพูดพลางทำท่าดันแว่นทั้งที่สวมหน้ากากอีกครั้ง พินิจพิเคราะห์ดงหนามสีแดงฉานตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน รวมถึงมองระยะไกลเพื่อสังเกตบริเวณข้อมือของอัลเฟรดที่ถูกกรีดจนเลือดไหลออกมา ก่อนจะพูดต่อ
“ ไนท์ที่สามารถเปลี่ยนของเหลวให้เป็นของแข็งได้อย่างที่ต้องการสินะครับ ความแข็งก็ขึ้นกับวัตถุดิบต้นฉบับด้วย เพราะเหตุนั้นเลือดของเจ้าตัวที่มีความเข้ากันได้กับพลัง แถมถ้าเป็นคุณที่มีข่าวลือว่าเป็นแวมไพร์ เลือดของคุณคงเป็นวัตถุดิบชั้นยอดเลยล่ะสิ ”
“ หวา… โดนจับได้ซะแล้ว เป็นคนดังนี่ลำบากจังนะครับเนี่ย ”
อัลเฟรดที่ได้ยินแบบนั้นส่งเสียงน่าสมเพชออกมาก่อนจะยกมือเกาหลังศีรษะ ท่าทางเหยาะแหยะนั่นทำให้โคล่าส่งเสียง หึ! ออกมาอย่างพอใจ
แม้แต่ในโลกเบื้องหลัง ดูเหมือนพวกอัลเฟรดเองก็เป็นกลุ่มที่มีความสามารถอันดับต้นๆอย่างที่ชินคิด แต่ชินเองก็คงไม่คาดคิดหรอกว่าพวกอัลเฟรดนั้นหากนับจริงๆแล้วเป็นราชาที่ถูกกล่าวขวัญว่าแข็งแกร่งรองจากรัสเซีย จีนและสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว
ความเจ้าเล่ มันสมองและความเจ้าแผนการของเจ้าตัวนั้นก็ส่วนนึง แต่แน่นอนว่าปัจจัยหลักนอกเหนือจากนั้นยังมีอีก…
“ แต่ว่าก็ว่าเถอะนะครับ… พลังของพวกคุณเองก็ดูเหมือนจะโกงเหมือนกันนะครับ เล่นสามารถเคลื่อนย้ายทุกอย่างที่อยู่ในระยะสายตาได้เนี่ย ”
อยู่ดีๆน้ำเสียงของอัลเฟรดก็ทุ้มต่ำลงจนน่าขนลุก หน้ากากผีดูดเลือดที่เขาสวมยิ่งแสดงความน่าเกรงขามออกมา ทำให้ขาของทั้งแกงก้าและโคล่าหยุดกึกไปเองด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัวเอง
เรื่องที่อัลเฟรดอาจรู้พลังของตนนั้นยังไม่น่ากลัวเท่าความกดดันที่ชายคนนี้แสดงออกมาด้วยซ้ำ นั่นคือสิ่งที่ทั้งสองคนคิด
“ ทางผมเองก็ไม่อยากยืดเยื้อซะด้วย มาจบเรื่องกันเลยดีกว่า ”
อัลเฟรดว่าแบบนั้นจบ ร่างของเขาก็อันตรธานหายไปราวกับหมอกอีกครั้ง
พลังสร้างภาพลวงตาของผู้หญิงที่สวมหน้ากากกบงั้นเหรอ? โคล่าคิดพลางเหงื่อตกในขณะที่มองไปรอบๆ แต่หาได้กังวลไม่ เพราะแม้อีกฝ่ายจะโผล่มาโจมตีจากทางไหนตนก็จะทำการเคลื่อนย้ายตัวเองกับแก้งก้าไปให้ไกลจากจุดได้เปรียบของศัตรูในทันที———
“ เอ๊ะ!? ”
ทว่า… ในระหว่างที่โคล่าคิดแบบนั้น หอกโลหิตสีแดงฉานก็แทงทะลุอกเขาจากด้านหลังไปเสียอย่างงั้น การโจมตีที่คาดไม่ถึงทำให้เขาได้สติ กระนั้นก็ยังคิดถึงสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก นั่นคือการเคลื่อนย้ายออกจากจุดนี้ในพริบตา
“ ทะ ทำไม!? ”
ทว่าความจริงที่ตระหนักได้กลับโหดร้ายยิ่งนัก… ตัวเขาไม่สามารถใช้พลังไนท์ที่เป็นไพ่ตายแสนภาคภูมิใจได้เลยสักนิด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจใต้หน้ากากเริ่มแฝงความสิ้นหวัง ทั้งโลหิตที่ไหลจากปากแผลยังมากขึ้น ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจสถานการณ์เข้าไปใหญ่
และอัลเฟรดก็ปรากฏตัวขึ้นจากทางด้านหลังของโคล่าในจังหวะนั้น
“ อะ อ้าก! ”
“ เวสเตอร์!!! ”
ราวกับไม่ปล่อยโอกาส หอกอีกสองเล่มพุ่งจากพื้นเสียบทะลุร่างของโคล่าอีกคราจนเขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แม้แต่แกงก้ายังไม่อาจใจเย็นอยู่ได้จนเผลอเรียกชื่อจริงของพรรคพวกออกมา
ภาพที่ชายสวมหน้ากากโคล่าถูกเสียบด้วยหอกสามเล่ม พร้อมกับมีผีดูดเลือดอยู่เบื้องหลังนั้น ราวกับgเป็นสิ่งยืนยันฉายาของอัลเฟรด… วลาดจอมเสียบ
ทางโคล่า หากดูจากสภาพภายนอกนั้นน่าเป็นห่วงอย่างไม่ต้องสงสัย เรียกได้ว่าหากไม่มีสายเลือดของแวมไพร์เจือปนอยู่โคล่าก็อาจจะเสียเลือดจนเกิดอาการช็อคไปแล้ว บาดแผลของเขาสาหัสถึงขนาดนั้น
อัลเฟรดไม่หวั่นไหวใดๆ ชักมีดออกมาพลางขยับคมของมันเข้าใกล้คอของโคล่า สถานการณ์เข้าถึงจุดที่ใกล้การรุกฆาต จนแม้แต่ทั้งชายสวมหน้ากากวอมแบตหรือพอสซัมที่ควรจะง่วนกับศึกของตนยังต้องหยุดดูด้วยความเป็นห่วง
“ กะ แก! ถ้าแกทำอะไร——— ”
“ นี่คือข้อเสนอครับ ”
อัลเฟรดพูดอย่างใจเย็น ตัดบทสนทนาที่ไม่น่าจะได้อะไรทิ้งนอกจากความโกรธาอย่างไร้เยื่อใย
“ ผมจะปล่อยพวกคุณไป… พวกเราไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ ส่วนพวกคุณก็ออกไปจากประเทศนี้ซะ แล้วอย่ามาเหยียบเขตของผมอีก ถ้าทำตามนี้ผมจะปล่อยพวกคุณไป แต่ถ้าไม่ล่ะก็… ”
อัลเฟรดแบบนั้นพลางเลื่อนคมสัมผัสผิวลำคอของโคล่าส่วนที่ไม่ได้ถูกสวมหน้ากากจนเลือดไหลออกมา เป็นคำพูดเชิงข่มขู่ที่น่าจะได้ผลดีทีเดียว
“ ยะ อย่านะ… ถ้าเราไม่ชนะตรงนี้ เราจะไม่เหลือเขตของตัวเองอีกแล้ว ”
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลกับตัวประกันเลยสักนิด ริมฝีปากภายใต้หน้ากากของโคล่าเปิดขึ้นราวกับเป็นแรงเฮือกสุดท้าย เสียงอันสั่นเครือของเขาแบกรับความรู้สึกแรงกล้าขนาดไหนไว้ เห็นทีก็คงจะมีแต่ผู้เข้าร่วมศึกด้วยกันเท่านั้นที่รู้
ทว่า…
“ เข้าใจแล้ว… ” แกงก้าผู้เป็นผู้นำกลับตอบรับข้อเสนอนี้ในทันที
“ แก้งก้า! ”
“ คนเจ็บน่ะหุบปากไปเถอะ! ”
ดังที่แกงก้ากล่าว โคล่าที่ฝืนพูดแบบนั้นไอเสียงดังพลางกระอักเลือด เขาไม่มีตัวเลือกอื่นตั้งแต่แรกแล้ว
จากสถานการณ์ที่เสียเปรียบในด้านจำนวนและยุทธวิธี ทั้งยังจะเสียพรรคพวกไปอีกคนจนไม่ต้องพูดถึงว่าจะเสียเปรียบอะไรต่อจากนี้อีก ประเมินแล้วยังไงการถอยทัพก็เป็นสิ่งที่ควร
และที่สำคัญก็คือ… พวกอัลเฟรดยังไม่แม้แต่จะเปิดใช้ การดูดซับจิต ด้วยตราของตัวเองเพื่อเพิ่มพลังทั้งกายภาพและพลังของเผ่าตนเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นผลลัพธ์ในตอนนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าพวกตนด้อยกว่า
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายวางแผนอะไรอยู่ถึงไม่ฆ่าโคล่าทิ้งเพื่อข่มขู่คนที่เหลือ เพราะทำแบบนั้นน่าจะแสดงความต่างชั้นให้เห็นมากกว่า แต่แกงก้าก็เลิกคิดถึงเรื่องนั้น เพราะมีเรื่องสำคัญกว่า
“ พวกเราขอยอมแพ้… จะทำตามข้อตกลงนั้นแล้วกัน ”
แกงก้าพูดแบบนั้นพลางโยนอาวุธทิ้งเพราะไม่มีอะไรจะเสีย ต่อให้ถูกฆ่าทิ้งก็คงไม่แปลกเลยด้วยซ้ำ
สถานการณ์และความสามารถของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากถึงขนาดนั้นเลยทีเดียว เขารู้สึกเหมือนเป็นไอ้ไง่ที่เพิ่งมาตระหนักเรื่องนั้นเอาป่านนี้
อัลเฟรดเองไอ้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะทำให้เลือดที่แข็งตัวเป็นหอกกลับไปเป็นของเหลว ร่างของโคล่าที่กำลังจะล้มลงได้แกงก้าเข้ามาพยุงไว้ รวมถึงเพื่อนพ้องอีกสองคนที่ปลดอาวุธตัวเองทิ้งเรียบร้อยแล้วเข้ามาช่วย
แกงก้ากับอัลเฟรดส่งสายตาหากันปานจะบอกว่า “พอใจแล้วใช่ไหม” ก่อนจะค่อยพยุงร่างของโคล่าออกไปนอกอาคาร ทางโคล่าเองก็ได้แต่แสดงท่าทีเจ็บใจแต่มันก็ช่วยไม่ได้
“ ปล่อยไปง่ายๆแบบนี้จะดีเหรอวะ? ” ริวพูดในขณะที่เดินเข้ามาใกล้อัลเฟรดพลางกอดอกด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ แหมๆ ยังไม่ชินอีกเหรอ ถามจริงดิ? ” มิวพูดราวกับตั้งใจจะหยอกอัลเฟรด แต่แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่คิดอะไร
ส่วนไดอาก็ได้แต่หัวเราะ ฮุฮุ! ออกมาปานรู้ใจอัลเฟรด ในขณะที่พวกเขามองกลุ่มสี่คนนั้นเดินออกจากตัวอาคารไป
ในระหว่างที่ทุกคนสนใจว่าศัตรูยอมแพ้แล้วจริงๆหรือไม่ อัลเฟรดก็คิดบางอย่างอยู่ในหัวคนเดียวราวกับจะแก้ตัวกับเพื่อนพ้องของตัวเอง
ก็มีคำสั่งว่าให้ฆ่าคนให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้นี่นา
ความปรารถนาของ ท่านผู้นั้น… จะให้ขัดได้ยังไงกันล่ะ
อัลเฟรดคิดแบบนั้นพลางยิ้มขมอยู่ภายใต้หน้ากาก
“ แล้วอีกอย่าง ถือว่าโชคดีนะที่อีกฝ่ายยังไม่สังเกตเรื่องที่ว่านายมีไนท์สองอย่าง ” ไดอาพูดขึ้นมาแบบนั้นหมิงเซียนก็พยักหน้าตาม
“ ก็ถ้าเป็นแบบนั้นคงปล่อยไว้ไม่ได้หรอก ”
“ นั่นสินะครับ ”
อัลเฟรดเองก็พยักหน้ารับราวกับโล่งใจที่มันไม่เป็นแบบนั้น แต่ถ้าเกิดสถานการณ์กลายเป็นดังว่าเขาก็หาได้ลังเลที่จะสังหารอีกฝ่ายไม่ เพราะมันคือไพ่ตายของตัวเขา
ในบรรดาแวมไพร์สายเลือดแท้นั้น การมีไนท์คือสิ่งปกติ ทว่าในบรรดาแวมไพร์ทั้งหลายนั้นโดยเฉพาะเหล่าขุนนางจะมีการสืบทอดไนท์มาจากต้นตระกูลแรกสุดจากรุ่นสู่รุ่นอีก เรียกได้ว่าสิ่งแตกต่างระหว่างสามัญชนกับขุนนางของเหล่าผีดูดเลือด ก็คือความแข็งแกร่งในรูปแบบที่เรียกว่า ไนท์ที่สืบทอดทางสายเลือด นั่นเอง
ผู้ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นั่นคือความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่นำมาใช้ปกครองในระบบขุนนางของอาณาจักรแวมไพร์จนกระทั่งล่มสลายลงเมื่อ 12 ปีก่อน
…ว่ากันว่าสาเหตุที่อาณาจักรแวมไพร์ถูกโจมตีนั้น ก็เพื่อกวาดล้างเหล่าขุนนางที่มีพลังมากเกินไปเพราะมีไนท์ถึง 2 ชนิดอยู่ตัวคนเดียวให้สูญพันธ์เองก็มี และดูเหมือนมันจะได้ผลไม่น้อย เพราะส่วนใหญ่ก็สูญสิ้นชีวิตไปเมื่อครานั้นสมปรารถนาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีจริงๆ
“ เสียเวลามากพอแล้ว… จะเริ่มบุกอินโดนีเซียได้ยัง? ” หมิงเซียนพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะไม่พอใจ แต่นั่นเป็นน้ำเสียงปกติของเธอ ทำให้อัลเฟรดที่หวนนึกถึงเรื่องในอดีตดึงสติตัวเองกลับมา
“ แล้วไม่รอพวกชินเหรอ? ” ไดอาพูดแบบนั้นทุกคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“ เกวนน่ะอาจใช่ แต่จะเป็นห่วงพวกคนที่เก่งกว่าตัวเองไปทำไมล่ะ ” ริวพูดแบบนั้นออกมาพลางท้าวสะเอว ท่าทางเหมือนหงุดหงิดก็จริง แต่ก็พูดออกมาแบบเดียวกับที่ทุกคนคิด แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ไม่ได้ทึ่มตามรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนนักเลง
และจากท่าทางนั้นของทุกคน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้จะมั่นใจใความสามารถของตัวเองที่สามารถเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งได้อย่างท่วมท้นและในระยะเวลาอันสั้น กระนั้นการจะเปรียบมันกับแองกริคราวน์ก็ยังไม่สามารถทำได้
ในสายตาของทุกคน… ดูเหมือนแองกริคราวน์จะเป็นตัวตนที่เหนือไปอีกมิติ แต่นั่นก็แค่มุมมองของคนที่เม่เคยสัมผัสเขาจริงๆเท่านั้น
“ งั้นพวกเราคงต้องล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวทางนั้นชนะแล้วก็คงติดต่อมาเอง ”
หมิงเซียนได้ข้อสรุปแบบนั้นตรงกับทุกคนที่พยักหน้าตอบ ทั้งกลุ่มจึงวิ่งตามติดกันไปยังเป้าหมายดั้งเดิมนั่นคือการพิชิตอินโดนีเซียในค่ำคืนนี้
❖❖❖❖❖
ในอีกด้านหนึ่ง… ขณะที่พวกอัลเฟรดและชินกำลังประจันหน้ากับศัตรูที่ขวางทาง กองกำลังสุดท้ายของออสเตรเลียก็กำลังประจันหน้าอยู่กับรัสเซีย
ฟุ่บ!
เสียงราวกับวัตถุบางอย่างไหลผ่านดังขึ้นเป็นพักๆในสนามรบที่เต็มไปด้วยเสียงลั่นไกของปืนเป็นจำนวนมาก ราวกับอยู่ในทุ่งสงคราม แม้ความจริงแล้วที่นี่จะเป็นเพียงห้องโถงของห้างสรรพสินค้าร้างก็ตาม
และทุกครั้งที่เสียงนั้นดังขึ้น เสียงลั่นไกของปืนจะหายไปกระบอกนึงเสมอ พร้อมกับโลหิตสีแดงฉานที่สาดกระจายไปทั่วบริเวณจากเจ้าของปืนกระบอกนั้น
“ ทะ ทำไมกัน!!! มันมาแค่คนเดียวเองแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้——— ”
ชายผู้สวมชุดเกราะหนาพูดยังไม่ทันจบ ศีรษะของเขาก็หลุดออกจากบ่าหล่นลงพื้นเสียงดัง เหล่าเพื่อนพ้องต่างก็ขาสั่น บ้างก็วิ่งหนีไปด้วยความกลัว แต่คงจะโทษกันไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาราวกับไม่เกรงกลัวสิ่งใดนั้นราวกับเทพเจ้าก็มิปาน
ร่างสูงประมาณ 180 ซม. สวมหน้ากากหนังปิดบังครึ่งใบหน้าท่อนบนเป็นหน้ากากหัวกะโหลก ท่าบริเวณหัวกกระโหลกเหมือนจะมีกระเปาะเข็มฉีดยาฝังอยู่แทนเส้นผม ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยชุดเกราะหนา
เขาเดินเข้ามาทางศัตรูอย่างไม่ยำเกรงสิ่งใด กระสุนที่ศัตรูยิงมาไม่อาจกระทบผิวกายของเขาได้ เพราะก่อนที่จะถึง มันก็ถูกปัดกระเด็นออกไปก่อนราวกับมีบาเรียขวางกั้น และพริบตาที่เข้าใกล้ศัตรูก็จะมีหัวหนึ่งปลิวว่อนอากาศทุกครั้งไป
นี่คือสถานการณ์รบปัจจุบันทางฝั่งออสเตรเลียที่กำลังเผชิญหน้ากับรัสเซีย
จากขีดความสามารถของตราราชันย์ที่อัลเฟรดอธิบายเรื่องของตราอัศวินว่าราชันย์นั้นแต่งตั้งอัศวินได้เพียง 2 คนบวกด้วยจำนวนของอาณาเขต แต่ในสงครามจริงนั้นไม่ได้มีกฏห้ามจ้างคนอื่นนอกจากอัศวินมาเป็นกำลัง ซึ่งทางราชาของออสเตรเลียเองก็ใช้วิธีการจ้างกลุ่มมือปืนปละทหารรับจ้างมาช่วยในการสงครามยามค่ำคืนนี้ด้วย
ในศึกครั้งนี้ทางออสเตรเลียมีกำลังพลมากกว่าร้อยคนเลยทีเดียว
ทว่า… เรื่องน่าตกใจก็คือทางฝั่งรัสเซียนั้นกลับส่งมาเพียงแค่คนเดียว และเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ กองกำลังที่มีจำนวนเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดของออสเตรเลีย เหลือเพียงไม่ถึง 20 คนแล้วด้วยซ้ำในตอนนี้
“ สัตว์ประหลาดชัดๆ… ”
ผู้ปกครองออสเตรเลียผู้ซึ่งเป็นลุงวัยกลางคนร่างกำยำได้แต่เหงื่อตกด้วยความหวาดกลัว แม้จะมองผ่านมอนิเตอร์ในห้องใต้ดินซึ่งอยู่คนละตึกก็ตาม
ภาพที่เทพอสูรจดจ้องผ่านกล้องวงจรปิดผ่านเข้ามาในดวงตาของเขานั้น แม้จะรอดชีวิตจากศึกนี้ไปได้ แต่ก็คงไม่อาจลบความหวาดหวั่นน่าขนลุกนี้ออกจากหัวได้อย่างแน่นอน
❖❖❖❖❖
Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant
Chapters
Comments
- ตอนที่ 47 มิถุนายน 19, 2022
- ตอนที่ 46: การประลองแบบตัวต่อตัว พฤษภาคม 7, 2022
- ตอนที่ 45: เพื่อนร่วมฝึกงาน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 44: วิธีสร้างข้อผูกมัด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 43: ข้อเสนอที่น่าลำบากใจ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 42: สิ่งที่ควรทำมาตั้งนานแล้ว (เริ่มบทที่ 2) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 41: ตัวจริงเบื้องหลังเรื่องราว (จบบทที่ 1) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 40: ผลตัดสินศึกสุดอลหม่าน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 39: ศึกตัดสินอันอลหม่าน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 38: การต่อสู้ของลูกผู้หญิง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 37: อดีตของจิน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 36: แองกริคราวน์ผู้ถูกไล่ล่า มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 35: สถานการณ์ที่เริ่มผิดปกติ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 34: เริ่มต้นทัศนศึกษา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 33: การโหวตเลือก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 32: ความเข้าใจผิด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 31: เบาะแสแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 30: ปณิธานของชงหยวน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 29: ไฟสุมขอนยังคงร้อนอยู่ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 28: คาบเรียนพิเศษ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 27: การต่อสู้ระหว่างราชา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 26: กำลังเสริมของทั้งสองฟาก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 25: ยุทธการสายฟ้าแลบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 24: คณะกรรมการจัดงาน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 23: ความลังเล มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 22: คู่หมั้นอันตราย มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 21: นักเรียนใหม่ (เริ่มบทที่ 1) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 20 : ก่อนรุ่งสางของคืนวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล (จบ Prologue) มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 19: Overlord มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 18: ผีดูดเลือดผู้คลุ้มคลั่งจากโลหิต มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 17: แองกริคราวน์หลั่งเลือด มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 16: วลาดจอมเสียบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 15: ข่าวร้ายกลายเป็นจริง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 14: ผู้(ถูก)พิพากษา มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 13: เป้าหมายแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 12: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนจบ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 11: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนกลาง มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 10: ความเป็นจริงที่ค่อยๆที่ถูกแง้มให้เห็น ตอนแรก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 9: เค้าลางก่อนพายุ มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 8: ตกกระไดพลอยโจน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 7: เขตที่ 84 มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 6: ฝันกลางวัน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 5: ยามเช้าดังเช่นทุกวัน มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 4: ระเบิดกัมปนาท มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 3: เส้นแบ่งของโลก มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 2: ชีวิตประจำวันที่ควรจะเป็น มีนาคม 13, 2022
- ตอนที่ 1: ยามเช้าแสนธรรมดาดังเช่นทุกวัน มีนาคม 13, 2022
MANGA DISCUSSION