“ อัลเฟรด ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม ”
“ อะไรเหรอครับ? ”
ชินเอ่ยถามอัลเฟรดที่กำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งตรงข้าม ในตอนนี้คนที่ไม่ได้สวมหน้ากากก็ยังมีแค่อัลเฟรดเหมือนเดิม
ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งเก้าบุนวมอย่างดีในตำแหน่งติดหน้าต่างบนเครื่องบิน กั้นหว่างด้วยโต๊ะพื้นแก้วที่ดูหรูหรา สำหรับที่นั่งข้างทางเดินด้านข้างชินคือโอลิเวียเหมือนเคย ส่วนทางอัลเฟรดก็คือไดอา การเดินทางผ่านมานานพอสมควรแล้ว อีกไม่ถึง 5 นาทีน่าจะถึงที่หมายยากคำพูดของนักบินที่ส่งผ่านมาทางลำโพงก่อนหน้านี้
ในส่วนของริว หมิงเซียนและเกวน ทั้งสามคนนั่งอยู่อีกฝั่งตรงข้ามของพวกชิน ต่างนั่งนิ่งสร้างสมาธิให้ตัวเองก่อนสงครามย่อมๆจะเริ่มขึ้น
“ ฉันเองก็เคยถามไปแล้วถึงวิธียึดครองดินแดนที่บอกให้ใช้ตราสัญลักษณ์กับพื้นที่นั้น แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นกรณีทั่วไป… เพราะงั้นถ้าเกิดดินแดนนั้นมีผู้ปกครองอยู่ จะต้องทำยังไงแบบเป็นรูปธรรมกันหล่ะ ”
“ เป็นคำถามที่ดีครับ… ”
อัลเฟรดพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเคาะโต๊ะแก้วตรงหน้า มีกระดานโฮโลแกรมปรากฏขึ้น เขาวาดภาพโฟลวชาร์ต แบบเข้าใจง่ายๆขึ้นบนนั้นประกอบการอธิบาย
“ ในกรณีทั่วไป เมื่อเราจะยึดครองพื้นที่ใดๆ เราสามารถใช้ตราสัญลักษณ์ยึดครองได้ทันทีครับ แต่ถ้าเกิดมันไม่ได้ผลขึ้นมา ก็แสดงว่ามีคนมีตราสัญลักษณ์ซึ่งขึ้นตรงกับราชาคนละองค์เหลืออยู่ พอเป็นแบบนั้นก็ต้องกำจัดพวกอีกฝ่ายด้วยการทำให้หมดสติไม่ก็สังหาร จนกว่าจะเหลือแค่ฝ่ายเรา ตอนนั้นแหล่ะครับถึงจะทำสัญญากับอาณาเขตได้ ”
“ แล้วถ้าคนที่เหลือเป็นฝ่ายเดียวกันใครจะเป็นคนได้ไป? คนที่ทำสัญญางั้นเหรอ? ”
“ ถูกต้องครับผม ขั้นตอนคร่าวๆก็มีเท่านี้ ง่ายดีใช่ไหมหล่ะครับ? ”
อัลเฟรดกล่าวจบด้วยรอยยิ้มก็หันไปดื่มชา ในน้ำเสียงแอบซ่อนความประชดประชันไว้เล็กน้อย
ทางชินเองก็รับชาจากโอลิเวียมาดื่มเช่นกัน แม้มันวางอยู่ตรงหน้าชินแต่โอลิเวียยังคอยดูแลเป็นอย่างดี ทำเอาริวรู้สึกอิจฉารวมถึงเกวนด้วย หากแต่เป็นคนละแง่กัน
“ ถึงแล้วครับท่าน! ”
มีเสียงประกาศจากลำโพงตัวที่ติดกับห้องนักบิน สายตาของทุกคนที่นั่งชิดหน้าต่างเลื่อนลงไปมองโดยอัตโนมัติ ทัศนวิสัยภายล่างมืดมิดหากไร้แสงจากรันเวย์ ดูเหมือนปลายทางเองก็เตรียมตัวรับเป็นอย่างดี
ทางโอลิเวียนั้นความจริงแล้วไม่มีความจำเป็นต้องมองลงไป แต่เธอก็ยังขยับตัวเข้ามาเบียดตัวของชินที่นั่งข้างๆ หน้าอกของเธอแนบกับแขนของชินอย่างจงใจ ภายนอกนั้นไม่อาจมีใครทราบ ทว่าภายใต้หน้ากากนั้นชินกำลังแก้มแดงระเรื่อ
ทำอะไรอีกเนี่ยโอลิเวีย… ชินคิดแบบนั้นอย่างเหนื่อยหน่ายใจ โดยไม่อาจทราบได้ว่าเกวนกำลังทำแก้มป้องมองมาทางตนอยู่
หลังจากนั้นเครื่องก็ลงจอดถึงพื้น ประตูทางเดินเปิดออกอีกครั้ง ทั้งกลุ่มเดินลงจากเครื่องอย่างรวดเร็วเป็นขบวน อัลเฟรดเข้าไปนัดแนะบางอย่างกับกลุ่มทหารชั้นสัญญาบัตรที่มารอรับอย่างรวดเร็ว คำสั่งสั้นๆทำให้นายทหารเหล่านั้นทำท่าวันทยาหัตถ์ก่อนจะวิ่งไปอีกทาง
ชินเองก็ไม่ได้สนใจในเนื้อความเท่าไหร่นัก เพราะการไปยุ่งกิจการของชาวบ้านมากเกินไปก็เห็นจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ ขอโทษที่ให้คอยครับผม ดูเหมือนมิวจะรออยู่ไม่ไกลจากนี้มากครับ พวกเราไปกันเถอะ ”
อัลเฟรดพูดแบบนั้นกับทั้งกลุ่ม เพราะดูเหมือนคนที่รู้ว่ามิวคนที่ว่าคือใครจะมีแต่สมาชิกหน้าเก่า
หลังจากนั้นอัลเฟรดก็หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงมาทาบใบหน้า มันขยายออกครอบคลุมศีรษะกลายเป็นหน้ากากผีดูดเลือดอันน่ายำเกรง
ทั้งกลุ่มพยักหน้าให้กัน ก่อนถีบพื้นมุ่งไปยังตำแหน่งดังกล่าว
❖❖❖❖❖
ทั้งกลุ่มใช้พลังกายราว 60% ในการวิ่งมาจนถึงเป้าหมายกับคนที่เป็นมนุษย์อย่างหมิงเซียนและเกวน นี่ถือว่ารวดเร็วแล้วหากใช้เกณฑ์มาตรฐาน แต่สำหรับคนอื่นนั้นยังเรียกไม่ได้ว่าออกกำลัง
ตอนหน้าเบื้องหน้าของทุกคนคืออาคารร้าง มีลักษณะเป็นโดมแลคล้ายอาคารแข่งกีฬาในร่มที่ถูกทิ้งร้าง โดมสีเหลืองไร้แวว พร้อมทั้งเศษผนังภายนอกที่ถุกกระเทาะตามอายุขัยแสดงให้เห็นว่าถึงความน่ากลัวอย่างนึงที่ว่า สามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ แม้แต่การใช้เป็นแหล่งมั่วสุมยังไม่คุ้มความเสี่ยง เพราะตำแหน่งก็อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร
แต่สำหรับพวกชินที่ไม่อยากจะสร้างความลำบากให้กับคนในตัวเมือง รวมถึงเป็นจุดที่ไม่น่าจะมีใครเข้า อาคารสนามกีฬาเก่าที่อยู่นอกเมืองถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก
ทั้งกลุ่มค่อยเดินเข้าไปในตัวอาคารอย่างระมัดระวัง ชินนั้นรู้อยู่แล้ว จากทั้งประสาทสัมผัสและอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนจากใต้หน้ากากว่าไม่มีใครนอกจากคนที่น่าจะเป็นมิวซึ่งรออยู่โถงกลาง
อัลเฟรดนำหน้าตามด้วยไดอาเหมือนเคย หนนี้เกวนขยับเข้ามาใกล้ชินมากขึ้นแม้จะมีโอลิเวียอยู่อีกฝั่งก็ตาม ทำเอาริวกับหมิงเซียนที่เดินตามหลังพวกชินมาอดคิดไม่ได้เลยว่า ตรงนี้เองก็มีสงครามของหญิงสาวเช่นกัน
“ โอ๊ะ มากันแล้วสินะ! ”
ห่างออกไปไม่ไกล เสียงใสกังวานดังขึ้นทักทายก่อนที่เท้าของพวกชินจะย่างเข้าไปถึงเสียอีก
เมื่อมั่นใจว่าเป็นพวกอัลเฟรด เธอจึงค่อยๆปลดฮู้ดที่สวมอยู่ลง เผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มราวเด็กอายุ 13 บวกกับส่วนสูงราว 150 ซม. ซึ่งถือว่าเตี้ยพอสมควร
ดวงตากลมโตสีฟ้า โทนเดียวกับสีผมที่ทำไว้เป็นทรงบ๊อบอย่างน่ารักน่าชัง ส่วนประกอบทั้งหมดเหล่านั้นประกอบเป็นเด็กสาวที่ดูคล้ายเด็ก ม.ต้น ที่มีส่วนสูงน้อยยิ่งกว่าหมิงเซียนเสียอีก
ดูภายนอกสัมผัสได้ถึงความบอบบางขนาดนี้ ชินเองก็คิดว่าสมแล้วที่เกวนยังต้องเป็นห่วง แต่แม้จะเด็กสักเพียงใดก็เป็นคนที่อยู่ในโลกเบื้องหลัง ไม่ว่าจะในแง่ไหน แต่ต้องมีฝีมือซ่อนอยู่แน่นอน
“ ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะครับ มีใครลอบเข้ามาไหมครับ? ”
“ สำหรับเรื่องนั้นก็มีข่าวดีกับข่าวร้ายหล่ะนะคะ อยากฟังอันไหนก่อนเอ่ย ”
คำพูดขี้เล่นสมเป็นเด็กออกมาจากปากของเธอ แต่ท่าทางนั้นดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ชินคาดนัก
“ เล่ามาเถอะเฟ้ย! ” ริวว่าอย่างรีบร้อน ไม่สิ… ออกไปทางหงุดหงิดเสียมากกว่า
เพราะว่ากันตามตรง… ในประเทศอาณาเขตของตัวเองนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องที่จะถูกศัตรูพบตัวได้โดยง่ายเลยซักนิด นั่นเพราะมีแค่ผู้ปกครองอาณาเขตนั้นที่จะสามารถตรวจจับศัตรูได้
“ นายเนี่ยไม่มีอารมณ์ขันเลยนะ เพราะเงี่ยถึงได้ไม่เนื้อหอม ” มิวว่าพลางแลบลิ้นใส่ ชินเดาไม่ถูกแล้วว่าคนๆนี้เป็นผู้ใหญ่จริงหรือเปล่า
“ วะ ว่าไงนะยัยเปี๊ยกนี่! ”
“ “ ว่าใครเปี๊ยกยะ! ” ”
“ อึ๊ย! ”
ริวถึงกับสะดุ้งเพราะถูกดุมาจากสองฝั่งทั้งหมิงเซียนและมิว
น่าจะเป็นเพราะเกรงใจหมิงเซียน… ริวเริ่มไหล่ตกไม่พูดอะไรไปพักใหญ่ๆ
“ อะแฮ่ม! ถ้างั้นก็… อย่างที่คาดหล่ะนะ มีคนเข้ามาในเขตและคาดว่าเป็นศัตรู 7 คนหล่ะ แต่ก็มีแค่ทางนี้นะ โชคดีที่ไม่มีศัตรูมาจากอีกฝั่งนึง ”
มิวว่าแบบนั้นออกมา สายตาเธอจริงจังขึ้นเล็กน้อย ในระหว่างพูดก็แหล่มองมาทางชินเป็นพักๆ สงสัยจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่คนดังอย่างแองกริคราวน์จะตกเป็นเป้าสายตา
ส่วนทางชิน เขาไม่ได้สนใจสายตาแบบนั้นเหมือนเคย เพราะคิดว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นคงจะคุ้มค่ากว่า อาทิเช่นการทำความเข้าใจเรื่องที่เด็กสาวที่ชื่อมิวคนนี้พูด
ภูมิศาสตร์ของมาเลเซียนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งมีทะเลจีนใต้ขั้น
ดังนั้นหากมีผู้ปกครองของฝั่งเราอยู่ฝั่งนึง และให้คนของเราอีกคนอยู่อีกฝั่งนึง ถ้าเกิดผู้ปกครองพลาดท่าก็จะไม่เสียดินแดนนั้นไปในทันที เพราะต้องทำการกำจัดศัตรูให้หมดไปจากอีกฝั่งหนึ่งด้วย
มองในแง่นี้แล้วประเทศเกาะจึงนับเป็นจุดยุทธศาสตร์ชั้นเยี่ยม
บางทีที่อัลเฟรดเล็งอินโดนีเซียที่เป็นหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ไม่สิ… ไม่ใช่แค่นั้น
การที่รัสเซียตั้งใจบุกยึดออสเตรเลีย บางทีก็คงเพื่อย่นอาณาเขตของตัวเองในการเข้ายึดอินโดนีเซียได้ง่ายขึ้นด้วยเหมือนกันก็เป็นไปได้
เพราะไม่ว่ายังไง ถ้าหากยึดอินโดนีเซียที่มีหมู่เกาะจำนวนมากมายได้ การใช้กลยุทธ์ดังกล่าวนั้นย่อมมีประสิทธิภาพสูงสุด
แต่ยังไงก็ตาม… ถ้าผู้ปกครองดินแดนคนนั้นเป็นคนอ่อนแอ ยังไงก็ต้องเสียดินแดนให้ศัตรูอยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะยื้อยั้งในเขตตัวเองได้นานแค่ไหนจนกว่าอีกฝ่ายจะพบตัวเท่านั้น
“ แล้วข่าวดีหล่ะจ๊ะ? ”
ในระหว่างที่ชินคิดโน่นคิดนี่ ไดอาก็เอ่ยถามมิวต่อในทันที ทางมิวที่เป็นฝ่ายถูกถามยิ้มแย้มออกมาแทบจะทันที
“ ฮิฮี่! สงสัยคงจะหลับลึกกันสินะเลยไม่รู้ เพราะข่าวดีก็คือแผนลับของท่านราชาสำเร็จยังไงล่า! พวกเรายึดเขตที่ 673 ได้แล้ว!!! ”
“ “ โห! ” ”
กับมิวที่พูดออกมาพร้อมชูสองนิ้วในท่า Victory อย่างร่าเริง ทุกคนต่างส่งเสียงดีใจออกมากันใหญ่ ตอนนี้ใบหน้าของทุกคนคงกำลังเต็มไปด้วยรอยยิ้มเตรียมฉลองชัย จะมีข้อยกเว้นก็คงแค่ชินกับโอลิเวียที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องด้วย
เขตที่ 673… บรูไน งั้นสินะ จะว่าไปก็เป็นเขตประเทศเล็กๆที่อยู่ติดกับมาเลเซียในฝั่งนี้
มีแผนในการยึดหลายประเทศในเวลาเดียวกันแบบนี้ แถมยังทำสำเร็จไปแล้วอย่างนึง คงต้องประมเนกำลังรบของกลุ่มนี้ใหม่แล้วหล่ะนะ
ชินคิดแบบนั้นอยู่ในใจด้วยความชื่นชมไม่น้อย แม้จะไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร แต่ชินก็ประเมินความสามารถในการเป็นผู้นำของอัลเฟรดใหม่ไปพร้อมกัน
และในระหว่างที่คิดแบบนั้นอยู่ มิวก็เดินย่องเข้ามาหาชิน ช้อนสายตามองด้วยเพราะส่วนสูงที่ต่างกันกว่า 2 ไม้บรรทัด
“ คุณเองเหรอคะแองกริคราวน์? ”
“ อา ”
ชินตอบกลับสั้นๆ กับท่าทางขี้สงสัยพลางยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากราวเด็กของมิว
“ จะว่าไงดี… ไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยนะคะเนี่ย นึกว่าจะน่ากลัว แล้วก็เป็นตาลุงยิ่งกว่านี้ซะอีก ” มิวพูดแบบนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่สีหน้าท่าทางยังออกไปในทางเกรงใจ
ไม่สิ… กำลังกลัวอยู่ต่างหาก
“ น่าเสียดายนะคะ… แต่ภายใต้หน้ากากนั่นเป็นหนุ่มหล่อชนิดที่คุณเห็นต้องใจละลายแน่นอน ”
“ เอ๊ะ! งะ งั้นเหรอ? ”
ไม่รู้ทำไม แต่โอลิเวียกลับพูดโอ้อวดแบบนั้น แถมยังยืดอกมั่นใจราวกับเป็นเรื่องของตัวเองอีกต่างหาก ทำเอามิวเผลอก้าวถอยหลังไปก้าวนึงด้วยรอยยิ้มแหยๆเลยทีเดียว
ให้มันได้อย่างงี้สิ… ชินบ่นอุบแบบนั้นอยู่ในใจ
“ อะแฮ่ม! การแนะนำตัวคงต้องเอาไว้ทีหลังนะครับ รายละเอียดตอนยึดเขตที่ 673 สำเร็จก็ด้วย… ตอนนี้ต้องโฟกัสกับการยึดอินโดนีเซียก่อน ”
อัลเฟรดที่เห็นว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงจุดที่จะคลายความกังวล หันความสนใจทุกคนกลับมายังศ฿กที่กำลังจะเกิด ท่าทางของทุกคนกลับเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที
“ คิดว่าอีกฝ่ายก็ไม่น่าเจอตัวเราหรอกครับ แต่ว่า——— ”
“ เอ้อ ขอขัดตรงนี้หน่อยนะคะ ”
เป็นครั้งแรกที่อัลเฟรดถูกขัดก่อนจะพูดจบ แต่เขาก็ไม่ถือสามิวที่ยกมือขึ้นสูงแบบนั้น
และเรื่องที่ถึงกับต้องขัดขอราชาของตัวเอง ก็เป็นเรื่องสำคัญจริงๆเสียด้วย
“ ตอนยึดบรูไนเมื่อวานเราเจอศึกสามทางอย่างที่คาด เราเอาชนะได้โดยการแอบตามกองกำลังของราชาที่ครองพื้นที่แถวตะวันออกกลางและเอาชนะพวกนั้นหลังจากที่สู้กับอีกพวกจนล้าหน่ะค่ะ… พวกเขาสามารถตามหาผู้ปกครองดินแดนของบรูไนได้ในเวลาไม่นานด้วยอุปกรณ์บางอย่าง จริงๆก็ว่าจะเอามาด้วยแหล่ะ แต่พอโค่นศัตรูได้เครื่องนั่นก็ระเบิดตัวเองทันทีเลย รอบคอบกันจริงๆ ”
“ อุปกรณ์ติดตาม? ”
อัลเฟรดมีปฏิกิริยากับเรื่องที่มิวเล่าทันที ตอนนี้เขาใส่หน้ากากอยู่ จึงไม่อาจบ่งบอกสีหน้าได้ แต่น้ำเสียงก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ากำลังร้อนใจ
“ ใช่ค่ะ… ไม่รู้ว่าที่มาเป็นยังไง แต่เครื่องนั้นเหมือนจะสามารถใช้ตามหาตำแหน่งของผู้ปกครองดินแดนได้ในรัศมี 100 เมตร คิดว่าคงใช้เวลาพอสมควร แต่ถ้าเป็นแผนระยะยาวยังไงก็หาเจอแน่ ”
100 เมตรกับการหาคนในประเทศเล็กๆงั้นเหรอ? สำหรับกรณีแบบนี้คิดว่าไม่น่าจะนานในการหาตัว
แต่จะยังไงก็ตาม… ทุกวันนี้เทคโนโลยีมันพัฒนาได้รวดเร็วมาก
หากมีอุปกรณ์ที่สะดวกแบบนั้นอยู่จริง การพัฒนามันให้เพิ่มระยะการค้นและความแม่นยำขึ้นก็คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วหล่ะ
เพื่อความปลอดภัย… คงต้องตั้งสมมติฐานไว้ว่าเจ้าเครื่องนั่นเป็นแค่รุ่นต้นแบบไว้ก่อน
ในความหมายก็คือ ต้องคิดเผื่อในกรณีที่อีกฝ่ายมีอุปกรณ์ค้นหาระยะกว้างกว่านี้ไว้ด้วยเพื่อความรอบคอบ
แต่ถ้าเป็นแบบนั้น… แสดงว่าการที่พวกเรารวมตัวอยู่กับมิวที่น่าจะเป็นผู้ปกครองดินแดนนั้นไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
“ …ทราบเงื่อนไขในการใช้ไหมครับ? ” อัลเฟรดถามสิ่งที่ควรถามในทันที ซึ่งเป็นข้อสงสัยเดียวกับชิน
“ ขอโทษด้วยค่ะ รู้แค่เท่าที่บอกไปนั่นแหล่ะ ” มิวพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดหน่อยๆ ในตอนนั้นเกวนก็ขยับเข้าไปใกล้แล้วก็ลูบศีรษะพลางบอกว่า ไม่เป็นไรๆ
ชินได้แต่คิดว่าสมเป็นเธอดี
แต่ว่า… เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม… เรื่องที่มิวเล่ามานั้นมีจุดอันตรายยิ่งกว่าที่คิดในความคิดของชิน
“ ชื่อมิวใช่ไหม? ” ชินเอ่ยถาม เกวนก็ละมือออกจากมิวในทันที
“ อ่ะค่ะ! มะ มีอะไรเหรอคะ? ”
มิวตอบกลับอย่างตะกุกตะกักนิดหน่อย ดูเหมือนเธอจะกลัวชินอยู่จริงๆ
เช่นไรก็ตาม ชินมีเรื่องที่ต้องสนใจมากกว่า
“ ศัตรูที่ลอบเข้ามาในเขตของเธอหน่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
“ ก็ตั้งแต่เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน… !!!? ”
เมื่อได้ยินคำตอบของมิว อัลเฟรด เกวนและหมิงเซียนก็ตะลึงถึงกับดีดหลังตรง ไม่แม้แต่เจ้าตัวที่ตอบคำถามนั้นเอง
“ แย่แล้ว… ลืมคิดเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย ” มิวบ่นอุบพร้อมขมวดคิ้วแน่น เธอหยิบหน้ากากที่ห้อยไว้ที่เอวมาสวมอย่างรวดเร็ว
หน้ากากที่เธอสวมคือแมวน้ำอันเป็นภาพวาดราวเด็กๆที่ดูน่ารักน่าชัง แต่ท่าทางที่เปลี่ยนเป็นระแวดระวังในพริบตานั้นกลับสะท้อนภาพลักษณ์คนละแบบออกมาจากตัวหน้ากาก
ไดอาที่เพิ่งเข้าใจตามหลังไม่นานเองก็มองไปรอบๆทันทีอย่างหวาดระแวง
“ เฮ้ย! ศัตรูเข้ามาก่อน 1 สัปดาห์แล้วมันยังไงเล่า!? อธิบายให้ฉันเข้าใจด้วยสิเฟ้ย! ” มีเพียงริวเท่านั้นที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่
และคนที่ตอบคำถามนั้นก็คืออัลเฟรดที่เดินเข้ามาใกล้ริว พลางยกนิ้วชี้ขึ้นขวางปากของหน้ากากตัวเองพร้อมทำเสียง ชู่! เพื่อให้ลดเสียง
“ ศัตรูที่เข้ามาก่อน 1 สัปดาห์แต่ยังไม่ลงมืออะไรอย่างเป็นรูปธรรม ก็แสดงว่าเขากำลังเคลื่อนไหวลับๆเพื่อทำบางอย่างอยู่ยังไงหล่ะครับ… ”
“ ก็แล้วมันอะไรหล่ะ ”
ริวเชื่อฟังเป็นอย่างที่พูดกระซิบกับอัลเฟรดด้วยเสียงที่เบาลงกว่าปกติ
แต่คำตอบของอัลเฟรดก็แทบจะทำเอาเขาตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกเลยทีเดียว
“ ยกตัวอย่างเช่น… กำลังใช้เครื่องนั่นแกะรอยหาผู้ปกครองดินแดนอยู่ยังไงหล่ะครับ ”
“ !!!? ”
ริวแทบจะหลุดปากอย่างที่เคยเปรียบเปรย เขาคงกำลังอดกลั้นเสียงที่เกือบจะหลุดตกใจออกมา
ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่รู้เงื่อนไขในการแกะรอยของอีกฝ่าย พวกชินในตอนนี้จึงเสี่ยงอันตรายมากถึงมากที่สุด ยิ่งไม่ต้องนึกถึงการที่ศัตรูใช้เวลาไปกว่า 1 สัปดาห์แล้วในการควานหาตัวมิว สถานการณ์ปัจจุบันจึงเสี่ยงขึ้นมหาศาลอย่างคาดไม่ถึง
…เรียกได้ว่า ต่อให้พวกนั้นรู้ตำแหน่งของมิวตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรแปลกเลยซักนิด
และสัญญาณของสิ่งนั้นก็กำลังจะมา อันเกิดจากที่ชินสัมผัสท่าทางแปลกๆของโอลิเวีย เธอยกมือขวาขึ้นป้องหูที่อยู่ใต้หน้ากาก เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือบางอย่างจากชิน
โอลิเวียสัมผัสบางอย่างได้ จึงต้องการขยายขอบเขตการค้นหา เป็นพลังลักษณะคล้ายที่ใช้กับเฮเดอร์ ณ ตึกยูเนี่ยนทาวเวอร์
ชินที่รับรู้เรื่องนั้นขยับเข้าไป วางมือบนไหล่ของเธอเพื่อใช้ ไนท์ ของตัวเองขยายขอบเขตการค้นหาของโอลิเวียเหมือนทุกที
“ มาสเตอร์คะ ในระยะ 500 เมตร มีกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเป็นแบบแผน คาดว่าเป็นศัตรูค่ะ มาจากทิศสิบนาฬิกา 4 คนและทางหกนาฬิกา 3 คน ”
ชินได้ยินคำตอบจากโอลิเวียก็หันไปมองมิวเมื่อขอคำยืนยันในทันที
แต่คำตอบที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดนั้นไม่อาจหลีกพ้น… มิวพยักหน้ารับชินอย่างหวาดๆหลังจากใช้ตราสัญลักษณ์ตรวจจับศัตรู
“ จากสองกลุ่ม มีผู้มีสัญลักษณ์กลุ่มละ 2 คน ”
คำยืนยันดุจดั่งสายฟ้าฟาดผ่านศีรษะผ่านลงไปถึงปลายเท้าของทุกคน
สายตาภายใต้หน้ากากคมกริบปรับตัวพร้อมรับการโจมตีทุกเมื่อในทันที
“ หนีได้ไหมครับคุณโกลเด้นด็อก ”
“ สายไปแล้วค่ะ… ศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว ”
ตู้ม!!!
อัลเฟรดถามโอลิเวียยังไม่ทันจบดี เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้นทันที
สายตาทุกคนหันไปยังต้นเสียง โดมของสนามกีฬาบาสเก็ตบอลมที่เลยโถงกลางไปด้านหลังเล็กน้อยถล่มลงมาอย่างแรง เกิดฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว สายตาทุกคนจับจ้องไปยังกลุ่มเงาที่ซ่อนอยู่ใต้ฝุ่นนั้น
ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น
ตู้ม!!!
เสียงสิ่งก่อสร้างถล่มดังเป็นรอบที่สองราวกับไม่ยอมปล่อยให้พัก
ประตูใหญ่จากอีกทิศตรงข้ามเยื้องขวาเล็กน้อยถล่มลงมา เผยตัวกลุ่มคนลอดเข้ามาผ่านฝุ่นคลุ้งมากถึง 4 คนด้วย ทั้งกลุ่มแต่งกายในลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นชุดเกราะเบาสีแดงเข้ม แตกต่างตรงหน้ากากที่สวมนั้นแตกต่างกันในแต่ละคน
นำหน้ามาด้วยหน้ากากจิงโจ้ หมีโคอาล่า สัตว์มีลักษณะคล้ายหนูอย่างพอสซัม ตามด้วยวอมแบท ทั้งหมดคือสัตว์ที่หาได้ไม่ยากในออสเตรเลีย ราวกับประกาศศักดาข้าศึก
เฉกเช่นเดียวกับอีกฟากนึงที่นำมาโดยหน้ากากที่สวมเป็นรูปเด็กสาว เด็กชายยิ้มแป้น ผู้หญิงที่สวมชุดเด็กสาวสวมกี่เพ้าสีแดง ส่วนเด็กชายสวมเสื้อถังจวง(เสื้อคอจีน)สีเขียว
และคนสุดท้ายที่ตามมาหลังสุด… คือคนที่ชินกับโอลิเวียแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกแล้ว
“ ไม่คิดว่าคุณจะอยู่ที่นี่ด้วย… บังเอิญจังเลยนะครับ ”
ชายหนุ่มผู้เป็นหนึ่งในอัศวินกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของจีน ผู้เคยประมือและพ่ายแพ้ให้กับชินเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ ไอ้คุณ แองกริคราวน์!!! ”
ชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากเสือโคร่ง… หู่(เสือ) ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงตะโกนลั่นอันสะท้อนถึงความเกลียดชังอย่างล้นเหลือที่มีต่อชิน
❖❖❖❖❖
Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant
MANGA DISCUSSION