บ่วงแค้น บ่วงรัก - ตอนที่ 45 รักเธอเท่าชมพูแพร
เมื่อเห็นแมลงวันบินลงมาตอมบนร่างกายของชมพูนุช คณินก็สั่งให้คนทำความสะอาดเลือดบนเรือด้วยท่าทีเย็นชา และเดินทางมุ่งหน้ากลับเมืองไอยา
เมื่อกลับถึงบ้าน คณินก็อาบน้ำ และอุ้มยาหยีที่ไม่ยอมนอนหลับกับสาวใช้ ให้เอนตัวนอนลง ก่อนหน้านี้ยาหยีไม่กล้านอนหลับ แต่เมื่อเห็นคณินก็รู้สึกง่วงทันที และผล็อยหลับไปภายในหนึ่งนาที
เช้าตรู่
คณินตื่นขึ้นมา โดยไม่ได้ถูกการเคลื่อนไหวของยาหยีปลุกให้ตื่น เขาลืมตาขึ้นแล้วใช้มือคลำหา แต่กลับไม่พบเด็กน้อยนอนอยู่ข้าง ๆ จึงรีบลุกขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกทันที
ยาหยีไม่อยู่ในห้อง เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ที่ยาหยีถูกชมพูนุชลักพาตัว ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้อีก แต่คณินก็ยังลุกขึ้นด้วยความตกใจ “ยาหยี ?”
ไม่แน่ว่ายาหยีอาจจะเล่นซ่อนหากับเขาอยู่ก็ได้ เด็ก ๆ มักจะชอบเล่นเกมไร้เดียงสาที่พวกเขารู้สึกว่าเป็นเกมที่ยอดเยี่ยม
ทันใดนั้น คณินก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องน้ำ ยิ่งเขาเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งประหม่า เสียงของชมพูแพรดังขึ้นเบา ๆ เป็นเสียงที่ขาด ๆ หาย ๆ ดังออกมาจากในห้องน้ำ
ชมพูแพรกำลังอาบน้ำให้ ยาหยีด้วยรอยยิ้ม ส่วนยาหยีเองก็กำลังเล่นฟองสบู่อย่างสนุกสนาน ราวกับว่าตนเองนั้นไม่เป็นอะไร และเล่นหยอกล้อกับแม่ของเธออย่างอบอุ่น เธอยิ้มจนกระทั่งดวงตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว “แม่คะ แม่หายป่วยหรือยังคะ ? ยาหยีคิดถึงแม่มากเลย พ่อบอกว่าแม่ป่วย รอให้แม่หายดีแล้ว ยาหยีก็จะไปหาแม่ได้”
ชมพูแพรมองดูรอยบาดแผลบนตัวของยาหยี รู้สึกเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เธอยิ้มทั้งน้ำตาและพยักหน้า “แม่ป่วยแล้ว ยาหยีจะรังเกียจแม่ไหม ? ยาหยี แม่ขอโทษนะ แม่เป็นคนทำร้ายหนูหรือเปล่า ?”
ชมพูแพรรู้สึกผิด โทษตัวเอง เธอรู้ดีว่า จะต้องเป็นเพราะโรคของเธอ แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเมื่ออาการของตนเองกำเริบ จะลงมือกับยาหยีรุนแรงถึงขั้นนี้ เธอมันไม่ใช่คน !
เธอมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน !
แต่เด็กน้อยกลับมองเธอด้วยแววตาที่ไร้เดียงสา แล้วใช้มือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของชมพูแพร แล้วใช้น้ำเสียงเล็ก ๆ ของเธอ อธิบายอย่างจริงจัง “แม่อย่าร้องไห้นะคะ แม่ไม่ได้ตียาหยี แต่เป็นปีศาจที่แปลงร่างเป็นแม่มาตียาหยี พ่อจัดการปีศาจจนวิ่งหนีไปแล้ว จะไม่มีปีศาจมาตียาหยีอีกแล้ว……”
ชมพูแพรเงยหน้าขึ้น เธอรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอป่วยก็จะกลายเป็นปีศาจ แล้วทำร้ายลูกของตัวเอง ตีจนทั่วทั้งร่างกายไม่หลงเหลือส่วนดี นั่นคือยาหยีผู้งดงามจนทุกคนต้องรู้สึกเอ็นดูของเธอเองนะ
ชมพูแพรหยิบฝักบัวขึ้นมาล้างฟองสบู่บนตัวให้ยาหยี “ยาหยี ต่อไปจะไม่มีปีศาจอีกแล้ว ลูกห้ามแยกจากคุณพ่อไปไหนนะ พ่อจะช่วยลูกจัดการปีศาจ พ่อไม่มีวันปล่อยให้ปีศาจทำร้ายยาหยีเด็ดขาด……”
เมื่อคณินเดินมาถึงประตูห้องน้ำ ก็ตะโกนขึ้นว่า “แพร” ชมพูแพรหันกลับไปมองคณิน เธอกัดฟันและหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่ส่งเสียง
คณินเห็นท่าทางของชมพูแพรก็รีบดึกเธอออกอย่างรวดเร็ว “ยาหยีไม่ทันระวังจึงล้มลง ผม……ผม……”
คณินไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เขาต้องการรอให้ยาหยีหายดีเสียก่อน แล้วค่อยให้ชมพูแพรตื่นขึ้นมา แต่ยากล่อมประสาทส่งผลเสียต่อร่างกาย เขาจึงสั่งให้หมอลดขนาดยาลง คิดไม่ถึงว่าชมพูแพรจะตื่นขึ้นมาเร็วกว่าที่คาดไว้
ชมพูแพรร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของคณิน เธอร้อนจนแทบจะหมดสติ คณินรีบกดโทรศัพท์มนห้องน้ำ และเรียกให้พี่เลี้ยงเข้ามาอุ้มเด็กน้อยออกไปเล่นด้านนอก
คณินกอดชมพูแพรเอาไว้ “แพร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ !”
ชมพูแพรข่มเสียงร้องของความเจ็บปวดเอาไว้ เธอไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้ออกมา กลัวว่าเด็กน้อยจะได้ยิน จึงทำได้เพียงจับชุดนอนผ้าไหมของคณินเอาไว้แน่น น้ำตาของเธอไหลรินลงมาราวกับน้ำป่าไหลหลาก “ทำไมฉันถึงเลวอย่างนี้ ทำไมพอฉันป่วยถึงได้เลวอย่างนี้ ยาหยีบอกว่ามีปีศาจปลอมตัวเป็นฉันมาทำร้ายเธอ เธอยังเล็กขนาดนั้น ก็รู้จักหาข้ออ้างมาแก้ต่างแทนฉัน นั่นคือลูกของฉัน เป็นเลือดเนื้อที่ออกมาจากตัวของฉัน ! ทำไมฉันถึงไร้ซึ่งความเป็นคนเช่นนี้ !
คณิน ! คุณส่งฉันเข้าคุกเถอะ ! คุณให้ศาลตัดสินประหารชีวิตฉันเสีย ! ฉันขอร้องคุณล่ะ คนอย่างฉันไม่สมควรที่จะเป็นแม่ ! ฉันเป็นคนโรคจิต ! พออาการกำเริบฉันก็จำอะไรไม่ได้ ฉันพาเธอออกไป ฉันตีเธอ ฉันทำร้ายเธอเหมือนเธอเป็นศัตรู หากคนอย่างฉันไม่ถูกกักตัวเอาไว้ คราวหน้าไม่รู้ว่าจะทำให้เธอต้องบาดเจ็บแค่ไหน คณิน ! อย่าให้ฉันพบกับยาหยีอีก ! อย่าให้ฉันทำร้ายเธออีก !”
คณินปลอบใจชมพูแพรไม่หยุด “แพร ไม่ใช่คุณ เป็นคนอื่นจริง ๆ เป็นฝีมือของชมพูนุช ! ผมช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้ยาหยีแล้ว ! ต่อไปจะไม่มีใครกล้าทำร้ายยาหยีได้อีก”
ชมพูแพรไม่รับฟังในสิ่งที่คณินพูด เธอไม่อาจควบคุมสติตัวเองได้อีก ความตื่นเต้นของเธอทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงร้องไห้ของเธอดังขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเสียงที่เจ็บปวดทรมาน เธอทุบตีศีรษะของตัวเอง “ฉันไม่เลวขนาดนั้น เพื่อปกป้องเธอ ฉันยอมฝืนตนต่อการผ่าตัดตลอดสองวันหนึ่งคืน สูญเสียเลือดราวกับคนที่ต้องถ่ายเลือด ฉันเกือบจะต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อปกป้องเธอ ฉันยอมหนีจากคนที่ฉันเกลียดและคิดจะทำร้ายฉัน ฉันอยากแก้แค้นพวกเขาออกอย่างนั้น แต่ฉันก็ไม่สามารถทำได้ ฉันต้องปล่อยวางความแค้นและออกห่างจากบุคคลอันตรายพวกนั้น ฉันกลัวว่าการแก้แค้นของฉัน จะทำให้เธอไม่สามารถออกมาลืมตาดูโลกใบนี้ได้ ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นเหมือนกับพี่ชายที่จากเธอไป ต้องถูกแช่อยู่ในฟอร์มาลีน”
ชมพูแพรกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอใช้หัวโขกเข้าไปที่ไหล่ของคณิน “ลูกที่ฉันพยายามปกป้องมาด้วยความยากลำบาก แล้วฉันจะกล้าทำร้ายเธอแม้เพียงปลายเล็บได้อย่างไร ฉันแทบอยากจะฆ่าตัวเองให้ตาย คณิน ! ฉันมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน ! คุณฆ่าฉันเถอะ ! ฆ่าฉันให้ตาย !”
คณินกุมมือของชมพูแพรเอาไว้แน่น และกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่น
แน่นจนแม้แต่ตนเองก็ไม่กล้าหายใจ เมื่อหายใจ ก็รู้สึกราวกับอวัยวะภายในและเส้นเลือดถูกดึงออกมา
เขาไม่กล้าแม้แต่จะทบทวนคำพูดของชมพูแพรเป็นครั้งที่สอง ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน……
เขาจะนึกถึงได้อย่างไรว่า เด็กสาวตัวน้อยที่ยังเดินไม่ได้ จะมีอายุจริงถึงสองขวบครึ่งแล้ว
เขาจะรู้ได้อย่างไรว่า ครั้งนั้นที่เธออุ้มท้องจะเป็นลูกแฝด และสูญเสียไปเพียงแค่หนึ่งคน ส่วนเด็กอีกคนหนึ่งรอดตายมาได้ด้วยข้อแลกเปลี่ยนที่มหาศาล และความเจ็บปวดที่เธอต้องแบกรับเอาไว้ เขากลับไม่มีส่วนร่วมเลย
ยาหยีเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา คณิน !
ยาหยีที่ลูบใบหน้าของเขาซ้ำไปซ้ำมาเพื่อปลอบโยนเขา คือลูกสาวแท้ ๆ ของเขา คณินเอง !
โชคชะตาช่างโหดร้าย ทำให้เขาพลาดเวลาที่สมควรทุ่มเทไปมากมาย สิ่งนี้ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้กับชมพูแพร ตอนนี้เธอกัดเขาอย่างแรง ถึงแม้จะไม่มีบาดแผล แต่ทุกที่กลับรู้สึกเจ็บปวดไปจนถึงกระดูก จนยากที่จะทนได้
เมื่อหลับตาลง ภาพของยาหยีที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลก็ปรากฏขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ยาหยีที่น่าสงสารของเขา……
“แพร ! เป็นความผิดของผมทั้งหมด เป็นความผิดของผมเอง แพร คุณไม่ต้องอภัยให้ผม ชาตินี้ไม่ต้องอภัยให้ผม ! ปล่อยให้ผมชดเชยให้คุณ ชดเชยให้ยาหยี ชาตินี้ต่อให้ผมต้องตายก็ไม่อาจชดใช้หนี้ที่ติดค้างคุณได้ จึงทำได้เพียงมอบชีวิตที่เหลืออยู่ของผมให้กับคุณ !”
คณินกอดชมพูแพรเอาไว้ เอาซุกใบหน้าลงไปที่คอของเธอ เสียงร้องของเขาผสมปนเปกับเสียงร้องของเธอ “แพร ขอบคุณนะ ขอบคุณที่คุณเก็บลูกสาวตัวน้อยเอาไว้ให้ผมหนึ่งคน ชาตินี้ ผมรู้สึกพอใจแล้วจริง ๆ”
ชมพูแพรค่อย ๆ สงบลง มีความรู้สึกราวกับมีภาพยนตร์ฉายขึ้นในหัวของเธอ เธอเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองคณิน แววตาของเธอค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยภาพของชายหนุ่มที่หล่อเหลา และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
คณินจูงมือของชมพูแพรเดินไปที่ริมหน้าต่าง แล้วโอบไหล่ของเธอเอาไว้ แล้วชี้ลงไปที่ยาหยี ซึ่งกำลังกอดสุนัขอยู่ในสวนดอกไม้ “แพร ต่อไปพวกเราสามคนพ่อแม่ลูก จะไม่มีวันแยกจากกันอีก”
หลังจากที่เขาพูดจบพักใหญ่ หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ เขากลับไม่พูดอะไรออกมา จนกระทั่งเขารู้สึกได้ถึงการสั่นไหวเบา ๆ ของไหล่อันบอบบางที่อยู่ในมือ จึงได้ยินเสียงที่สั่นเครือของหญิงสาวดังขึ้น “ค่ะ !”
【จบบริบูรณ์】