บ่วงแค้น บ่วงรัก - ตอนที่ 30 จะไม่ทำให้เธอต้องทุกข์อีก
คณินเคยเล่าให้หมอกเหนือฟังว่า ชมพูแพรเป็นห่วงลูกมากที่สุด จึงกำชับเขาว่าห้ามยุ่งกับเด็ก ห้ามแตะต้องตัวอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าหมอกเหนือต้องการทำภารกิจให้สำเร็จ หากไม่แตะต้องเด็ก ก็ต้องใช้วิธีขู่ชมพูแพรแทน
ชมพูแพรกอดยาหยีแน่นพลางก้าวถอยหลังด้วยแววที่มีแต่ความระแวดระวัง “หมอกเหนือ พวกเราป็นคนคุ้นเคยกัน อย่าทำให้ลูกของฉันต้องตกใจเลยนะ”
หมอกเหนือแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าคือชมพูแพร เธอเปลี่ยนไปเยอะมากจนแทบไม่เหลือเค้าคนเดิม ชมพูแพรที่เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ คณินยังชอบเธออยู่อีกหรือ ถ้าหากชอบ แล้วจะฝึกชมพูนุชให้เลียนแบบท่าทางชมพูแพรในอดีตทำไมกัน?
หมอกเหนือถอนใจ “แพร พวกเราเติบโตมาด้วยกัน ผมเป็นคนที่หวังดีกับคุณมากที่สุด จริงๆ นะ แต่คุณช่วยสงสารคณินให้มากๆ หน่อยได้ไหม ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาใช้ชีวิตอย่างกับไม่ใช่คน ขนาดผู้ชายอกสามศอกอย่างผมยังอดสงสารเขาไม่ได้”
เมื่อเห็นชมพูแพรไร้ปฏิกิริยา หมอกเหนือจึงแกล้งยื่นมือเข้าใกล้เด็ก “แพร ถ้าคุณไม่ไปกับพวกเรา ผมคงไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของเด็กได้……”
ชมพูแพรยิ่งกอดยาหยีแน่นขึ้น เธอรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ ถ้าคนพวกนี้ใช้ไม้แข็ง ต่อให้ตำรวจมาทัน ลูกก็คงจะตกใจเสียขวัญไปแล้ว เธอจึงได้แต่ตามหมอกเหนือขึ้นรถไป “ฉันไม่ออกจากเมืองไอยานะ”
หมอกเหนือเพียงตอบว่า “ได้” คำเดียวแล้วขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่คณินพักอยู่ เขาต้องรีบเอาเธอไปส่งให้ถึงมือคณินเร็วที่สุด ภารกิจจะได้เสร็จสิ้นไปสักที
ที่โรงแรม คณินเปิดประตูแล้วรับสัมภาระของชมพูแพรมาจากมือของบอดี้การ์ด เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นเพียงเดินหันหลังไปต้มน้ำร้อน
มีคำพูดมากมายจนไม่พูดไม่ออก เมื่อน้ำเดือด เขาจึงถามขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ยาหยีจะกินนมผงไหม ผมต้มน้ำร้อนเอาไว้ให้แล้ว”
ตอนแรกชมพูแพรวางแผนอยากจะหนี แต่เมื่อลากประตูเปิดออก เห็นเพียงบอดี้การ์ดยืนอออยู่เต็มด้านนอก เธอจึงรู้ตัวว่าตัวเองหนีไม่รอด
ตอนนั้นเธอรู้สึกแปลกใจไปชั่วขณะที่คณินรู้ชื่อลูกของเธอ เธอไม่ยอมตอบคำถามของเขา ได้แต่เดินอุ้มยาหยีเอาสัมภาระไปเก็บและรับนมผงมา
คณินเห็นชมพูแพรไม่ยอมปล่อยมือออกจากลูก จึงรีบก้าวเข้าไปช่วยเธอใส่รหัสเปิดกระเป๋าเดินทาง ส่วนรหัสของกระเป๋าเดินทางนั้น เขาใส่เลขวันเกิดของตัวเอง จากนั้นกระเป๋าจึงส่งเสียงดัง “คลิก” ล็อกกระเป๋าถูกปลดออก
เสียง “คลิก” ที่ดังขึ้นนั้น ทำให้เขาชะงักค้างมองที่ล็อกกระเป๋าอยู่นาน หัวใจของเขาถูกกระแทกเข้าอย่างจัง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ยอมเงยหน้า แล้วใช้นิ้วลากซิปเปิดออก ลมหายใจยิ่งหนักหน่วงขึ้น เขาพยายามอย่างยิ่งไม่ให้ตัวเองถอนใจออกมาอย่างขมขื่น
เมื่อก่อนเธอเคยสารภาพรักกับเขาว่า “พี่คณิน ฉันชอบพี่นะ ฉันรู้ว่าพี่ชอบผู้หญิงผมยาว ฉันก็เลยไว้ผมยาว และฉันจะพยายามใส่รองเท้าส้นสูงให้ได้ แฟนสาวแบบนี้ใช่ไหมที่ทำให้พี่คณินชอบ รหัสทุกอย่างของฉันจะตั้งเป็นวันเกิดของพี่ พี่จะได้ไม่ต้องกังวลว่าฉันจะแอบไปคุยกับหนุ่มคนอื่น ฉันจะไม่มีความลับอะไรกับพี่แน่นอน”
ตอนนั้นเธออายุ 19 ปี รอยยิ้มของเธอสดใสร่าเริง แต่หลังจากที่เขาบอกเธอว่า “ฉันอยู่กินกับชมพูนุชแล้ว”
เขาเห็นใบหน้าของเธอยังคงเปื้อนรอยยิ้มอยู่ แต่ดอกไม้ที่เคยผลิบานอยู่ในดวงตาของเธอกลับเหี่ยวเฉาทันที เมื่อดอกไม้พวกนั้นเหี่ยวเฉาไปแล้ว ก็ไม่เคยผลิบานขึ้นในดวงตาของเธออีกเลย
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เธอกับเขายิ่งไกลห่าง แต่เธอยังคงใช้วันเกิดของเขาในการตั้งรหัส
ความทรงจำบางอย่าง ก็ลึกซึ้งถึงขั้นฝังอยู่ในทุกการกระทำของชีวิต
ชมพูแพรกอดยาหยีเอาไว้ตลอดเวลา คอยป้อนนม คอยเล่านิทานและกล่อมลูกจนหลับไปในที่สุด คณินไม่ได้พูดอะไรเลยเพียงยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ และคอยช่วยแบ่งเบาภาระเล็กๆ น้อยๆ ให้เธอ
ใช่ว่าเขาจะไม่อยากพูด แต่แค่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
เขากลัวว่าหากตนเองพูดอะไรไม่ถูกออกไปจะทิ่มแทงหัวใจลูกของเธอ และยิ่งทำให้เด็กต่อต้านเขา เขาไม่อยากบังคับพาเธอกลับเมืองจาซา และยิ่งไม่อยากให้เธอหวีดร้องอย่างหัวใจสลายแบบตอนที่อยู่บนถนนวันนั้นอีก เขาทำผิดต่อเธอมากแล้ว จึงไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจอีกต่อไป