บ่วงแค้น บ่วงรัก - ตอนที่ 29 ผู้ชายบ้าคลั่ง
คณินหัวเราะอย่างขมขื่น “เห๊อะ คุณเคยปล่อยผมไปซะที่ไหน ผมไม่เคยหลับสนิทเลยสักครั้งเดียว คุณคิดว่าผมไม่ทำอะไรมิสเตอร์แล้วคุณจะปล่อยผมไปงั้นหรือ ผมคิดว่าคุณตายไปแล้ว ทุกคืนที่ผมหลับ ผมจะฝันถึงคุณ เห็นคุณกลับมา เห็นคุณจากไป เห็นคุณแต่งงานมีลูกกับคนอื่นโดยไม่สนใจว่าผมจะเจ็บปวดแค่ไหน เห็นคุณอยู่กับผมแต่กลับตายคาอกของผม พอตื่นขึ้นมาก็หลับไม่ลงอีก คุณบอกว่าคุณจะไม่ปล่อยผม ก็ดี คุณกลับมาอยู่กับผม แล้วคุณจะจัดการผมยังไงก็แล้วแต่คุณ”
“ฉันไม่มีวันกลับไปอีก ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว”
“แต่ผม……รักคุณ”
“ความรักข้างเดียว ไม่มีทางไปต่อได้”
“ผม……ไม่สนใจว่าคุณจะรักหรือไม่รัก” คณินจำได้ว่าเมื่อก่อนชมพูแพรก็เคยพูดกับเขาแบบนี้ เธอบอกว่าไม่สนใจว่าเขาจะรักเธอหรือไม่
ที่แท้คนที่ทุ่มเทเพื่อความรัก มักโง่งมจนดื้อรั้นขนาดนี้
“คณิน!”
คณินสูดหายใจลึก “แพร ผมจะบอกอะไรคุณให้ มิสเตอร์ซื้อกองทุนทรัสต์ให้ครอบครัวไว้ ตอนแรกเขาก็สามารถสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวได้อยู่หรอก แต่เขาทำเรื่องผิดพลาดเรื่องหนึ่งเอาไว้ นั่นก็คือแย่งผู้หญิงของผม ที่มาของเงินก้อนนั้นที่เขาซื้อกองทรัสต์เอาไว้มีแนวโน้มว่าจะเป็นการฟอกเงิน สิ่งที่เป็นเครื่องค้ำประกันทั้งหมดดูจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว คุณคิดว่าเขาจะเอาอะไรมาปกป้องครอบครัวเขาได้ คุณแน่ใจหรือว่าอยากดึงครอบครัวของเขามาเดือดร้อนด้วย”
ชมพูแพรหลับตาลง เธอพยายามฝืนควบคุมสติของเธอที่แตกเป็นเสี่ยง “ปล่อยมิสเตอร์กับครอบครัวของเขาไป ปล่อยฉันไปด้วย ฉันไม่ได้ติดหนี้อะไรคุณ ฉันก็แค่รักคุณหัวปักหัวปำเท่านั้น และฉันได้จ่ายค่าตอบแทนที่สาหัสไปแล้ว ฉันพอแล้ว…… คณิน ปล่อยวางได้แล้ว”
“แพร ผมปล่อยไม่ได้ ยกเว้นว่าผมจะตายเท่านั้น” คณินได้ยินเสียงวุ่นวายมาจากปลายสาย จากนั้นก็ตัดสายไป
ชมพูแพรกอดยาหยี นอนอยู่บนแผ่นโฟมรองคลานในห้องนอนเด็ก เวลานี้มิสเตอร์ยังกลับมาไม่ถึง เธอรู้ว่าเขายากลำบากขนาดไหน ความเดือดร้อนที่เกิดเพราะสตรีนั้นเกิดขึ้นได้จริง เธอติดหนี้มิสเตอร์เอาไว้มากมายเหลือเกิน เธอไม่อยากทำให้เขาต้องเดือดร้อนอีก
มิสเตอร์งานยุ่งมาก กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปตีสองแล้ว ตอนนั้นเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าชมพูแพรกับยาหยีได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เขาค้นทั่วทุกห้องในวิลล่าแห่งนี้ ทุกครั้งที่ออกมาจากห้องๆ หนึ่ง หัวใจของเขาก็จะสะท้านวูบลง สุดท้ายเขาจึงจำใจนั่งลงบนพื้นห้องนอนเด็กอย่างหมดอาลัยตายอยาก แล้วหยิบจดหมายที่ชมพูแพรวางเอาไว้บนหมอนของยาหยีขึ้นมาอ่านทีละคำจนจบ ฉับพลันหัวใจของเขาหนาวสะท้านราวน้ำแข็ง
สุดท้ายเธอก็ไป เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางเอื้อมถึงเธอและไม่เคยเอื้อมถึง แต่ว่าเขารักเธอ ในตอนเด็กมีคนบอกว่าชมพูแพรคือเจ้าสาวเด็กของเขา แต่เจ้าสาวเด็กของเขากลับทำตาหวานตาเชื่อมใส่คณินทุกครั้งที่เจอ
ตอนนั้นเขาอิจฉาแทบคลั่ง ต่อหน้าทำเป็นยิ้มอย่างไม่แยแส และถึงขั้นไม่กล้าบอกว่าตัวเองชอบเธอ ซ้ำยังชอบพูดปลอบเธออีกว่า เจ้าสาวเด็กอะไรกัน ความคิดสมัยศักดินาชัดๆ
แต่ที่จริงแล้วเขาอยากย้อนกลับไปอยู่ในสมัยศักดินา เพราะหากเป็นเช่นนั้นเขาจะไม่มีทางเสียเธอไป
ในตอนแรกเขาคิดว่าพอโตขึ้นทุกอย่างจะดีขึ้นเอง สุดท้ายพอโตขึ้น เธอกลับยิ่งห่างออกไปจากเขามากกว่าเดิม
ชั่งเป็นเรื่องน่าขำ พวกเขารักคนที่ไม่สามารถเอื้อมถึง ทุกข์ระทมขนาดนี้แล้วยังปล่อยวางไม่ลง คงต้องให้ร่างกายแตกสลายเป็นเสี่ยงไปก่อนถึงจะได้สติขึ้นมา
ชมพูแพรไม่อยากไปจากเมืองไอยา เธอออกไปรอรถที่ป้ายรถสาธารณะ เพื่อมุ่งหน้าไปหาที่อยู่ในเขตรอบนอกของเมืองไอยา ถ้าหากออกจากเมืองไอยาไกลเกินไป เธอเกรงว่ายาหยีจะแพ้ขึ้นมาได้อีก
ขณะที่เธออุ้มลูกลงจากรถแท็กซี่ กลุ่มชายฉกรรจ์เสื้อดำสองสามคนก็ได้มายืนล้อมเธอเอาไว้
หมอกเหนือมองชมพูแพร เขาไม่อยากเชื่อภาพที่สายตาของเขามองเห็น แต่ก็ยังคงทำสีหน้าเรียบเฉยแล้วอมยิ้มเล็กน้อย “แพร ขึ้นรถมากับพวกเราเถอะ เด็กยังเล็กอยู่เดี๋ยวจะตกใจเอา ตอนนี้คณินแทบจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว ผมไม่กังวลเรื่องอื่นแต่กังวลเรื่องเด็กคนนี้ ไม่เคยเจอบ้าคลั่งขนาดนั้น คงจะตกใจกลัวมากแน่ๆ”