บ่วงแค้น บ่วงรัก - ตอนที่ 25 เด็ก
คณินรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า ผู้ชายคนนั้นไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้นอกเสียจากมิสเตอร์
เด็กคนนั้นโตขนาดนี้แล้ว
แถมผู้หญิงคนนั้นที่อยู่กับเขาก็คล้ายแพรมาก ขาดเพียงขี้แมลงวันเท่านั้น
ลมหายใจของเขาวุ่นวาย ร่างกายสั่นไหวเบาๆ คณินรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว เขาต้องขวางพวกเขาเอาไว้ให้ได้!
จะต้องถามทุกอย่างให้รู้เรื่อง
หากตะโกนจะเท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่น และพวกเขาคงจะหนีไป!
ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนนำร่างของชมพูแพรย้ายกลับประเทศด้วยตัวเอง และจัดงานเผาศพไปเรียบร้อย ทั้งยังแอบตรวจสอบดีเอ็นเอของชมพูแพรกับภาสกรด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นร่างๆ นั้นคือของชมพูแพรจริงๆ
คนคนนั้นคือชมพูแพรไม่ผิดอย่างแน่นอน!
หรือว่ามิสเตอร์เองก็หลงรักชมพูแพรจนถอนตัวไม่ขึ้นเหมือนกัน เลยต้องหาผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายเธอมาอยู่ด้วย?
แต่เด็กคนนั้นล่ะ จะอธิบายว่าอย่างไร
ถ้าออกตามหาชมพูแพรหลังจากที่เธอเสียชีวิตทันที เด็กก็น่าจะอายุแค่ไม่กี่เดือน ถ้าตัดเรื่องความสูงจากกรรมพันธุ์ออกไป ความสูงของเด็กคนนี้น่าจะเป็นความสูงของเด็กอายุราวหนึ่งขวบครึ่งถึงสามขวบ
ความคิดของคณินสับสนวุ่นวาย ระหว่างวิ่งทะยานไปข้างหน้า
แต่เขาคาดการณ์ผิด เมื่อคนสามคนนั้นเห็นเขากลับไม่ได้วิ่งหนี ชายคนนั้นเฉยเมย ผู้หญิงมีท่าทีสงสัย ส่วนเด็กน้อยส่งยิ้มให้เขา
“มิสเตอร์” คณินหยุดลงตรงหน้าคนทั้งสามแล้วเอ่ยเรียกชื่อของมิสเตอร์ก่อน เพื่อกลบเกลื่อนความสับสนของตัวเอง
มิสเตอร์ไม่ได้กล่าวปฏิเสธ “อืม ฉันเอง แต่เธอไม่ใช่คนที่คุณกำลังตามหาหรอก ท่านประธานที่ยิ่งใหญ่อย่างคุณคงไม่ถึงขั้นลักพาตัวคนที่หน้าเหมือนทุกคนไป แถมยังพรากแม่พรากลูกคนอื่นหรอกนะ”
ท่าทีของมิสเตอร์นิ่งสงบ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจให้เขาสำรวจดูได้เต็มที่ คำพูดของเขาหยุดยั้งความบ้าระห่ำและไร้สติของคณินลงได้
คณินเองก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เช่นกัน หากคนคนนี้คือชมพูแพร แล้วผลการตรวจดีเอ็นเอศพในตอนนั้นจะอธิบายอย่างไร และหากเป็นชมพูแพร จริง มิสเตอร์คงจะต้องพาเธอไปซ่อนอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสตามหาเจอ
แต่นี่กลับอยู่ในประเทศ!
คณินเหม่อมองตามคนทั้งสามเดินห่างออกไป พร้อมกับหัวใจที่ค่อยๆ ดำดิ่ง หัวใจของเขาไม่เต้นแรงขนาดนี้มานานมากแล้ว ต่อให้เห็นหน้าชมพูนุชทุกวัน หัวใจของเขาก็เหมือนตายด้านไปแล้ว
แต่เมื่อครู่ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้คล้ายคลึงเธอขนาดนั้น กลับทำให้หัวใจของเขากลับมามีชีวิตอีกครั้งขณะออกวิ่งตามไป
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนั้นพูดสักคำเดียว
หรือว่าเธอจะกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงพูดของเธอ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ คณินก็รีบวิ่งกวดไปอีกครั้ง บอดี้การ์ดกับเลขานุการที่อยู่ด้านหลังจึงวิ่งตามท่านประธานของตัวเองที่อยู่ระหว่างการมาเที่ยวพักผ่อนที่เมืองไอยาไปด้วย
มิสเตอร์โอบไหล่ของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้แน่น เขาแกล้งทำทีเดินช้าๆ ไปอย่างนิ่งสงบ แต่เมื่อคณินวิ่งมาถึงก็กระชากเอาเด็กที่อยู่ในอกของผู้หญิงคนนั้นไป
เรื่องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนนั้นจึงตกใจกลัวจนหวีดร้องเสียงแหลม “โอ๊ย! เอาลูกของฉันคืนมานะ!”
คณินยืนค้างอยู่กับที่ ไม่ได้สนใจเด็กน้อยในอกของตัวเองที่กำลังร้องเพราะตกใจกลัว และลืมไปว่าตัวเองกำลังทำตัวเกะกะระรานอยู่ข้างถนนที่มีคนเดินกันเบียดเสียด ช่วงเวลาที่เขาได้ยินผู้หญิงคนนั้นตะโกนออกมา น้ำตาของเขาก็ไหลทะลัก
“แพร……” น้ำเสียงของเขาแหบสั่น เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเด็กร้องไห้ แม้มิสเตอร์จะต่อยเขาเต็มแรงเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บ
แต่เสียงร้องแหลมราวสว่านของผู้หญิงคนนี้กลับทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเขา เขารู้สึกราวถูกค้อนทุบลงกลางหัวใจของตน เจ็บปวดระบมจนเปล่งเสียงไม่ออก
ไม่ว่าเขาจะพยายามฝึกฝนชมพูนุชมากแค่ไหน เสียงของชมพูนุชก็ไม่มีทางเหมือนเสียงของชมพูแพรได้ เขาไม่เคยหาคนที่มีเสียงเหมือนเป๊ะขนาดนี้ได้เลย จนกระทั่งตอนนี้ เขาหาเจอแล้ว
ในตอนนั้น บอดี้การ์ดของมิสเตอร์ก็วิ่งเข้ามา
เด็กน้อยในมือคณินถูกแย่งกลับไป เขามองตามชมพูแพรที่กำลังอุ้มเด็กเดินห่างออกไปกับมิสเตอร์เขาอยากตามไปแทบแย่ แต่ที่นี่คือเมืองไอยา เขาไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมาเยอะขนาดจะตามไปได้
ค่ำคืนเงียบสงัด คณินอ่านข้อมูลหนาๆ กองหนึ่งที่อยู่ในมือ เด็กหญิงคนนี้อายุหนึ่งขวบครึ่ง ชมพูแพรออกมาจากเมืองจาซาเกือบสามปีแล้ว เด็กคนนั้นต้องเป็นลูกของมิสเตอร์แน่
แต่เขาไม่สนใจ เขาสนใจแค่ชมพูแพรเท่านั้น