บ่วงแค้น บ่วงรัก - ตอนที่ 21 แกจะฆ่าฉันหรอ
ภาสกรยืนอยู่เหนือโซฟาอย่างประหม่า จะนั่งก็ไม่นั่ง ได้แต่ยืนอยู่อราวกับตนเป็นลูกน้องที่มีหน้าที่รายงานข่าว
ส่วนคณินก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับตระกูลหทัยภักดีมานานแล้ว เวลาหนึ่งปีจึงก่อให้เกิดความรู้สึกห่างเหิน ท่าทางไร้อารมณ์ของคณินยิ่งทำให้ภาสกรไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไร
ชมพูนุชกำมือแน่นแล้วนั่งลงข้างๆ คณินอย่างสนิทสนม “แต่ว่า……นั่นมันเป็นของฉันแล้วนะคะ……”
“ก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงเธอก็เป็นคนตระกูลหทัยภักดีอยู่แล้ว พอเคลียร์ปัญหานี้จบ เธอเอามันคืนไปก็จบแล้ว”
แต่สิ่งที่ภาสกรคาดคิดไม่ถึงคือ เมื่อเอาหุ้นไปค้ำประกันกับคณินแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับส่งอ้อยเข้าปากช้าง ไม่ว่าอย่างไรหุ้นของตระกูลหทัยภักดีก็หมดทางเยียวยา เงินที่ยืมมาจากคณินก็เหมือนเอาหินโยนลงไปในทะเล ที่ก่อให้เกิดคลื่นลูกเล็กๆ แต่ถูกคลื่นทะเลดูดกลืนหายไป
เมื่อเงินถูกใช้หมดแล้ว คณินก็ไม่ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออีก เมื่อของค้ำประกันเลยระยะเวลาไถ่ถอนก็กลายเป็นของคณินทั้งหมด
ภาสกรล้มละลาย!
เขาไปขอความช่วยเหลือจากคณิน อีกครั้ง แต่กลับได้รับน้ำเสียงหัวเราะเยาะอย่างไร้ความรู้สึกจากคณินกลับมาแทน “ก็สมควรแล้วไม่ใช่หรอ”
“คณิน?”
คณินยืนอยู่ข้างตู้สุราอย่างสบายอารมณ์ เขารินไวน์แดงให้ตัวเองหนึ่งแก้วพร้อมจิบช้าๆ “หุ้นพวกนี้ ผมช่วยทวงคืนให้แพรน่ะครับ สิ่งของที่แม่เธอทิ้งไว้ให้ไม่ควรจะตกไปอยู่ในมือคนอื่น ถ้าเธอเห็นหุ้นพวกนี้ เธอต้องดีใจแน่”
“คณิน! แกเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ใช่ไหม”
คณิน หัวเราะ “ตอนแรกผมแค่คิดว่าจะเอาหุ้นของแม่แพรคืนมาเท่านั้น แต่วันนั้นที่หอบรรพบุรุษ พวกคุณมองรูปของแพร โดยไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด!”
ตอนนี้ภาสกรเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าตนเห็นรูปของชมพูแพรจริงๆ แต่เป็นเพราะตอนนั้นว้าวุ่นใจเลยไม่ทันสังเกต “แกกำลังจะบอกว่าแพรตายแล้ว?”
“ถูกต้อง พวกคุณคงดีใจสินะ”
ข่าวนี้ส่งผลต่อจิตใจของภาสกรมาก เขาไม่อยากให้ชมพูแพรได้ทรัพย์สมบัติอะไรไปแม้แต่บาทเดียว ทั้งไม่อยากเห็นหน้าของชมพูแพรด้วยซ้ำ เพราะชมพูแพร เป็นเครื่องเตือนความทรงจำให้เขาหวนนึกไปถึงอดีตที่เขาต้องอาศัยผู้หญิงเพื่อให้ได้ตำแหน่งดีๆ ในหน้าที่การงาน
แต่เรื่องการตายนั้น
ถึงอย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวของเขา สีหน้าของเขาซีดเผือด “อะไรนะ!”
คณินนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา “ในเมื่อตอนนั้นคุณเอาผมมาเป็นข้ออ้างให้เธอยอมสละอำนาจผู้สืบทอดตระกูลหทัยภักดี และในเมื่อเธอไม่ได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูล แสดงว่าความเป็นตายของตระกูลหทัยภักดีไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว ผมเลยไม่มีความจำเป็นต้องปราณีอะไร ต่อให้เอาบริษัทที่ทิ่มแทงหัวใจของเธอออกจากตลาดหุ้นแล้วทำให้หายไปตลอดกาลก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้”
ภาสกรเบิกตากว้างแล้วพลั้งปากตะโกนออกมาอย่างไม่คาดคิด “แกทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง! ฉันเป็นพ่อของชมพูนุช คนที่แกรักคือชมพูนุช!”
คณินรู้สึกอยากหัวเราะ “ผมรักใครนะครับ? ทั้งหมดไม่ใช่แผนของพวกคุณหรอกหรอ ความจริงตอนนั้นคนที่ช่วยผมออกมาจากอันตรายคือแพร พวกคุณใช้วิธีสกปรกอะไรบีบไม่ให้เธอปริปากเล่าเรื่องนี้”
“คณิน!ฟังฉันอธิบายก่อน”
“เรื่องมันผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว ถ้าหากอยากจะอธิบายจริง คุณไปอธิบายให้แพรฟังนู่น”
ภาสกรผวาจนขาอ่อน “คณิน? แกคิดจะฆ่าฉันรึไง”
“ผมไม่ทำเรื่องผิดกฎหมายแน่นอน แต่จะจัดการแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน”
จากนั้นคณินจึงไล่ภาสกรกลับไป การค้ำประกันทำให้ภาสกรสูญเสียสมบัติทุกอย่าง ไม่มีแม้แต่บ้านให้กลับจึงต้องไปหาห้องเช่าอยู่แทน คนสามคนแออัดอยู่ในห้องที่มีเนื้อที่เพียงหกสิบกว่าตารางเมตรในหอพักเก่าโทรม วันทั้งวันเอาแต่ซึมเซาและด่าทอชมพูนุช อารมณ์ของเขานับวันก็ยิ่งจะรุนแรงขึ้นถึงขั้นลงมือทุบตีลูกเมียของตัวเอง
ชมพูนุชไม่อาจทนความลำบากแบบนี้ได้อีก จึงแอบพ่อกับแม่ออกไปหาคณิน ในวิลล่าหลังที่คณินใช้ชีวิตหลังแต่งงาน ชมพูนุชได้โผเข้าไปซุกอยู่ในอกของคณิน แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่คณินคะ วันนี้หนาวมากเลย ฉันหนาวจนเท้าแข็งไปหมดแล้ว พี่ให้ฉันเข้าไปอยู่ในบ้านด้วยได้ไหมคะ ฉันไม่อยากกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้ว”
คำว่า “พี่คณิน” ทำให้คณินก้มหน้าลง ชมพูนุชกับชมพูแพรหน้าตาเหมือนกันมากจริงๆ หากตัดเรื่องขี้แมลงวันเล็กๆ บริเวณคิ้วที่ชมพูนุชไม่มี ใบหน้าของคนทั้งสองจะคล้ายคลึงกันถึง 80%
ตอนที่ชมพูแพรมาถึงบ้านตระกูลชลปักษาขณะอายุได้สิบสามขวบ เธอใช้สายตาน่าสงสารแบบนี้มองเขาและบอกว่าหนาว ไม่อยากกลับบ้านและขอค้างที่บ้านตระกูลชลปักษาหนึ่งคืน……
เวลานั้นตรงกับเดือนตุลาคมในฤดูใบไม้ร่วง สีหน้าของเขาไร้ความรู้สึก แม้น้ำเสียงจะเย็นชาแต่กลับไม่ปฏิเสธ……