บ่วงแค้น บ่วงรัก - ตอนที่ 12 ระเหยหายไปจากโลกมนุษย์
ชมพูแพรหายไป ราวกับระเหยหายไปจากโลกมนุษย์ คนๆนี้ไม่มีการบันทึกประวัติใดๆในเมืองจาซาเลย
ไม่ว่าจะเป็นบัตรธนาคต หรือแม้แต่ประวัติการนั่งรถ เรือ และเครื่องบิน
ไม่มีการบันทึกใดๆ
ชื่อของเธอเหมือนถูกลบออกจากเมืองนี้ภายใต้คืนเดียว
หลังจากหนึ่งเดือนคณินกลับเมืองจาซา สืบค้นประวัติการบันทึกทั้งหมด หาอะไรไม่เจอเลย
การปิดการประชุมทางธุรกิจที่อเมริกาก็ค่อยๆ เข้าสู่ช่วงเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ความลับทางธุรกิจไม่สามารถเปิดโปงได้
ทุกคนที่เข้าร่วมการประชุม รวมไปถึงโงานทำความสะอาด ก็ต้องตัดเครื่องมือที่ส่งสัญญาณทั้งหมด
หนึ่งเดือนนี้ ทีแรกเขาให้ป้าคนหนึ่งในตระกูลชลปักษาคอยดูแลชมพูแพร แต่ ตระกูลชลปักษารู้ว่าชมพูแพรไม่สามารถตั้งครรภ์อีก จึงอาศัยเส้นสายทำใบหย่าให้พวกเขา
หลังจากนั้นชมพูแพรก็หายไปจากเมืองจาซา
ไม่มีเบาะแสใดๆแม้แต่น้อย แม้กระทั่งรถแท็กซี่ที่เธอนั่งออกจากโรงพยาบาล ก็หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีกล้องวงจรปิด
ชมพูแพรชอบคณินมาสิบเอ็ดปี ตั้งแต่เธออายุสิบสามขวบ ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาตลอดเวลา โจทย์ที่ง่ายมาก แต่เธอยังจงใจเอาโจทย์มาถามเขาถึงตระกูลชลปักษา ทั้งยังกล้าทำเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วมองเขาไว้ “พี่คณิน ข้อนี้ทำยังไง ฉันทำไม่เป็น”
“คิดเอง ทำเสร็จก็อยู่กินข้าวที่ตระกูลชลปักษาเถอะ ไม่ต้องรีบกลับไปตระกูลหทัยภักดีหรอก!”
ผ่านไปแปบเดียวเธอก็ทำออกมาได้ทันที จากนั้นก็อยู่กินข้าวที่ตระกูลชลปักษาอยู่หน้าด้านๆ แล้วยังหาข้ออ้างค้างคืนที่ตระกูลชลปักษา
ช่วงปิดเทอมเล็ก เธอก็มักจะเล่นไม้นี้อยู่เป็นประจำ
เธอเป็นเหมือนพลาสเตอร์หนังหมาที่สะบัดยังไงก็สะบัดไม่ออก แต่พอจู่ๆ บอกว่าหายไปก็หายไปเลย
สะอาดเกลี้ยงจนเหมือนไม่ได้เดินเข้าไปในโลกของเขา
คณินรู้สึกว่าตนเองนิ่งเฉยมาก แค่หย่ากันเท่านั้น
ยังไงเขาก็ไม่รักเธอ ครั้งนี้เธอแท้ง เขาก็ได้ให้หมอพยายามช่วยสุดความสามารถ แต่เขาก็ไม่ออกนอกประเทศไม่ได้ เขาไม่วางใจเลยให้คนใช้ที่ได้เรื่องที่สุดดูแล
ชีวิตของเธอยังถูกช่วยกลับมาเพราะว่าเขาเซ็นชื่อ
เขาไม่ได้ติดค้างอะไรเธอ
เขาบอกตนเอง ชมพูแพรไม่ใช่คนอะไรของเขา ไม่เคยรัก ชีวิตการแต่งงานสองปีนี้จืดชืดเหมือนผืนน้ำ ไม่คุ้มแค่การระลึกถึง……
พวกเขาหย่ากันก็ถือเป็นการปลดปล่อยต่างฝ่าย
เวลาหนึ่งปี คณินไม่เคยกลับบ้านที่เคยอยู่กับชมพูแพร เขายุ่งมาก ยุ่งกับการขยายขอบเขตธุรกิจของเขาให้ใหญ่โตมากขึ้น
มีคนเคยเอ่ยถึงภรรยาของเขา ชมพูแพร เขาก็แค่แก้ตัวไปอย่างเป็นสุภาพบุรุษ “เป็นภรรยาเก่า”
หนึ่งปีนี้ เขาเป็นข่าวหน้าหนึ่งมากพอแล้ว วันนี้นางแบบคนดัง พรุ่งนี้ดาราสาวคนดัง คนอย่างเขาที่เกลียดข่าวซุบซิบดาราตลอดมา วันนี้ข่าวฉาวได้ล้อมตัวเขาไว้แล้ว
เขาอยู่ในวิลล่าที่พักก่อนจะแต่งงาน ในห้องทำงานเต็มไปด้วยหนังสือพิมพ์ข่าวฉาวที่เกี่ยวกับเขาในหนึ่งปีนี้
ทุกๆ อาทิตย์ก็จะกลับไปกินข้าวที่ตระกูลชลปักษาตามกฎระเบียบ นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ ท่านปู่สั่งสอนเขาต่อหน้าทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหาร “แกเป็นมือเอกของเมธีประสิทธิ์กรุ๊ป เอาแต่เป็นข่าวขึ้นหนังสือพิมพ์กับเหล่าดาราพวกนั้น! แกไม่อยากให้ชื่อเสียงของเมธีประสิทธิ์กรุ๊ปเสียแล้วจะไม่ยอมรามือใช่ไหม!”
เขาคีบอาหารด้วยท่าทีที่สง่าผ่าเผย “ฐานะของผมสามารถทำให้ค่าตัวของพวกเธอสูงขึ้น ความดังของข่าวพวกเธอก็ทำให้เมธีประสิทธิ์กรุ๊ปโด่งดังมากขึ้น แค่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่านั้น ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแม้แต่บาทเดียว มีอะไรไม่น่ายินดีทำเหรอครับ?”
น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย กลับสามารถทำให้เหล่าอาวุโสทั้งโต๊ะเครียดจนกินข้าวไม่ลง “แกจะทำให้ชื่อเสียงของเมธีประสิทธิ์กรุ๊ปโด่งดัง ทำเอาวันนี้เปลี่ยนวิธีนี้ พรุ่งนี้เปลี่ยนอีกวิชาหนึ่ง! แกหาคนที่ควงแล้วเป็นข่าวดังมากได้ แล้วคบกันอย่างมั่นคงโดยที่ไม่ต้องสร้างข่าวอื้อฉาวแบบนี้ไม่ได้หรือไง!”
เขายิ้ม “ถ้าเป็นแบบนั้น ผู้ชมก็ไม่รู้สึกสดใหม่น่ะสิ?”
“แกสร้างข่าวอื้อฉาวยังจะกังวลว่าผู้ชมจะรู้สึกไม่สดใหม่งั้นเหรอ?”
ท่านปู่พิงลงบนเก้าอี้ แก้วชาวางลงบนที่รองแก้วชาอย่างแรง! “หนึ่งปีที่แกกลับมาไม่เคยให้สีหน้าที่ดีกับคนในครอบครัวเลย! แกเกลียดชังที่ฉันเห็นด้วยกับแม่แกที่ใช้เส้นสายทำใบหย่าให้แกกับชมพูแพรใช่ไหม! แกเองที่ตอนแรกบอกว่าไม่รักเธอ เรื่องที่เธอไม่สามารถมีลูก ฉันเลยตอบสนองความต้องการของแกไงเล่า! ทำไม! ผู้หญิงที่แกไม่รัก คนที่บ้านให้แกหย่าให้จบๆ แล้วแกกลับให้สีหน้าที่ไม่ดีกับฉันอีก!”
คณินยังคงไม่เงยหน้ามองใครหน้าไหน แล้วพูดอย่างใจเย็น “ขอบคุณคุณปู่ที่ทำให้ผมสมหวัง”
พูดจบ วางถ้วยและตะเกียบแล้วลุกขึ้น “ตอนกลางคืนบริษัทยังต้องประชุม ผมไปก่อน กินให้อร่อย”
ท่านปู่มองคณินเดินออกจากห้องอาหาร จึงจับถ้วยข้าวตรงหน้าแล้วปาใส่เขาที่เดินจากไป
คณินเดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมองเลย
เหล่ารุ่นผู้น้อยทั้งโต๊ะตกใจจนต้องรีบไปโน้มน้าว พ่อของคณินพยุง ท่านปู่ไว้ “พ่อ อย่าโกรธเลย อย่าโกรธเลย!”
ท่านปู่ชี้ไปยังร่างของคณินแล้วก่นด่า “พวกแกดูมันทำหน้าแบบนั้นให้ใครมองกัน! แต่ก่อน ทุกอาทิตย์ยังมาค้างคืนที่นี่ ตอนนี้แค่กินข้าวสองคำก็บอกว่าจะไปประชุมที่บริษัท! เขาคนนายกรัฐมนตรีที่ต้องกลัวว่าจะโดนไล่ฆ่าทุกวันเลยหรือไง? บอกให้เขากินข้าวด้วยกันก็อ้างว่ามีประชุม! ประชุม! มีปัญญาก็ไปประชุมไว้อาลัยสิ!”
“พ่อ! อย่าพูดคำที่ใช้อารมณ์แบบนี้สิ ผมจะจัดการหลานอกตัญญูคนนั้นแทนคุณพ่อเอง!”
ชมพูแพรจากไปหนึ่งปี คณินเหมือนทะเลที่นิ่งสงบ จริงๆเขามีพลังในการอยู่ต่อที่แข็งแกร่ง แต่ก็นิ่งเงียบไร้ซึ่งเสียง
ทว่าตระกูลชลปักษาก็มีแค่ท่านปู่ที่กล้าตะคอกด่าเขา คนอื่นกำลังจะเอ่ยปากก็ถูกสายตาที่เย็นชาของเขาจับจ้องแล้ว
จริงๆใครก็บอกว่าคณินไม่รักชมพูแพร แต่ทุกคนก็ตกลงโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงชื่อ “ชมพูแพร” นี้