บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 88 กำชับ
หวังเจียนเคยได้ยินแม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดมาก่อนว่าเฉินตันจูคิดจะรับแม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นพ่อบุญธรรม แต่เมื่อได้ยินได้เห็นด้วยตัวเอง ช่าง…ตลกอย่างยิ่ง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “อย่าเรียกมั่ว ผู้ใดรับเจ้าเป็นบุตรสาวกัน”
เฉินตันจูไม่ได้พูดต่อ “เจ้าค่ะ แต่ว่าท่านแม่ทัพเปรียบดั่งบิดาผู้มีเมตตาในดวงใจของตันจู”
หวังเจียนถลึงตา คิดภายในใจว่านางมองออกได้อย่างไรว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กมีเมตตา ดูจากการคร่าชีวิตคนหรือดูจากหน้ากากเหล็ก? แต่เมื่อครุ่นคิด สำหรับเฉินตันจูแล้ว แม่ทัพหน้ากากเหล็กมีเมตตามากแล้ว ได้ข่าวว่านางสังหารหลี่เหลียงก็ไม่ได้ฆ่านาง แต่ฟังนางพูดจาโกหก อีกทั้งแม่ทัพหน้ากากเหล็กยังเชื่อคำแนะนำที่แปลกประหลาดของนาง…
“ข้าบอกกล่าวทางซีจิงแล้ว” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “เจ้าไม่ต้องกังวลพ่อที่เข้มงวดของเจ้า”
หากเป็นเช่นนั้นนางก็วางใจ นางแค่กลัวว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กจะลืมเรื่องนี้ หากเขาจากไปโดยที่ตระกูลของนางยังไม่ถึงซีจิง ถึงเวลานางจะไปหาที่เพิ่งจากที่ใด
เฉินตันจูใช้ผ้าซับน้ำตา “ท่านแม่ทัพไม่พูดข้าก็รู้ ท่านแม่ทัพเป็นผู้รักษาคำมั่นสัญญา ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย เพียงแค่ได้ยินว่าท่านแม่ทัพกำลังจะจากไป เรื่องกะทันหันเสียมาก…ท่านแม่ทัพบอกกล่าวกับผู้ใด”
เสแสร้งได้จริงใจกว่านี้เสียหน่อยหรือไม่ ยังบอกว่าไม่เคยสนใจเรื่องนี้ แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดอย่างเรียบเฉย “ในเมื่อข้าเป็นคนพูด ย่อมต้องมอบหมายให้บุคคลที่ใหญ่ที่สุดในซีจิงอย่างองค์รัชทายาท”
ดีใจใช่หรือไม่ ตะลึงใช่หรือไม่ เขามองหญิงสาวตรงหน้า แต่บนใบหน้าของหญิงสาวไม่มีความดีแม้แต่น้อย อีกทั้งยังขมวดคิ้ว
“เหตุใดจึงเป็นองค์รัชทายาท” นางพึมพำ ถามขึ้นอีกครั้ง “เหตุใดจึงไม่ใช่องค์ชายหก”
พูดถึงองค์ชายหกอีกแล้ว เหตุใดนางจึงยึดมั่นในองค์ชายหก หรือว่าภายในใจของนางองค์ชายหกใหญ่กว่าองค์รัชทายาทเสียอีก นางรู้จักองค์ชายหกหรือ นางเคยพบองค์ชายหกหรือ เป็นไปไม่ได้!
หญิงสาวคนนี้มักมีความแปลกประหลาด
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่อยากตอบรับนาง พูดเสียงเย็น “เจ้ายังคิดจะเลือก?”
นางกล้าเสียที่ใด…เฉินตันจูตกใจ เมื่อนึกถึงคำพูดที่ได้ยินก่อนตายเมื่อชาติก่อน องค์รัชทายาทให้หลี่เหลียงสังหารองค์ชายหกแสดงว่าองค์รัชทายาทไม่ถูกกับองค์ชายหกอย่างแน่นอน ผู้ใดจะรู้ว่าเวลานี้แม่ทัพหน้ากากเหล็กสนิทกับฝ่ายไหนมากกว่ากัน
“ขอบคุณท่านแม่ทัพ” เฉินตันจูรีบคารวะ “ข้าไม่ได้เลือก” พูดจบก็เม้มปาก หลุบตาต่ำร่ำไห้ น้ำเสียงอ่อนแรง เสียงขึ้นจมูกอย่างมาก “ตันจูรู้ว่าตระกูลของตนเองเป็นขุนนางมีโทษของราชสำนัก…”
หญิงสาวอายุสิบห้าสิบหกเป็นช่วงอายุที่งดงามที่สุด เฉินตันจูมีลักษณะตัวเล็กน่ารัก เมื่อร้องไห้ยิ่งน่าสงสาร
แต่…
แม่ทัพหน้ากากเหล็กระอา เขากำลังคิดอยู่ว่าจะบอกหญิงสาวตรงหน้าดีหรือไม่ กลอุบายแสร้งทำตัวน่าสงสารของนาง นอกจากท่านอ๋องอู๋ที่ชื่นชมในหญิงงามแล้ว ไม่อาจหลอกใครได้ทั้งสิ้น
แน่นอน ครั้งก่อนตอนที่นางส่งคนในตระกูลจากไปยังมีความจริงใจอยู่บ้าง ดังนั้นเขาถึงได้โดนหลอก…มันเป็นแค่อุบติเหตุ
หากไม่เตือนนาง เมื่อรอเมืองอู๋กลายเป็นเมืองหลวง เชื้อสายราชวงศ์และขุนนางชั้นสูงจากเมืองหลวงมาแล้ว หากนางได้รับความไม่เป็นธรรม หรืออยากจะใส่ร้ายคนอื่นแล้วยังเสแสร้งเช่นนี้ ไม่รู้ว่า…อืม คนเหล่านั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
แม่ทัพหน้ากากเหล็กเกิดความสงสัย มุมปากเผยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่มีหน้ากากปิดบังเอาไว้จึงไม่มีใครเห็น
“ข้าเคยพูดแล้ว” เขาพูด “ตระกูลเฉินไม่มีโทษมีแต่คุณงามความดี หากใครกล้าบอกว่าพวกเจ้ามีโทษ ใช้ข้ออ้างนี้รังแกพวกเจ้า ให้พวกเขามาถามข้า”
เฉินตันจูดีใจ ร้องไห้ใช้ได้ผลดีเสียจริง นางเดินทางมาส่งอย่างเร่งรีบเพียงนี้ ก็เพื่อประโยคนี้เท่านั้น
บนใบหน้าของนางไม่ได้เผยความดีใจมากเท่าใด เพียงแต่ลดความน่าสงสารลง ทำการคารวะอีกฝ่าย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ”
นางย่อมรู้ว่าการขอบคุณไม่ใช่เพียงแค่การกล่าวปากเปล่า นางเรียกขานจู๋หลิน ก่อนหน้านี้จู๋หลินคิดแต่เพียงอยู่ข้างตัวท่านแม่ทัพตลอดเวลา แต่เวลานี้เขาไม่อยากจะเดินขึ้นหน้านัก เขานำสัมภาระสองใบส่งเข้ามา…เขาเป็นองครักษ์ไม่ใช่บ่าวรับใช้ เหตุใดจึงไม่ให้อาเถียนหยิบ
“ท่านแม่ทัพ” เฉินตันจูถือสัมภาระเอาไว้ “เหล่านี้คือยาที่ข้าไม่กินไม่ดื่มไม่หลับไม่นอนหลายวันทำออกมา มียาถอนพิษ ยาพิษ มียาสำหรับห้ามเลือดสมานแผล มีต่อกระดูกเชื่อมเส้นเอ็น มีแบบกินแบบดื่มแบบทา…”
โดยรวมแล้วนางนึกถึงเหตุการณ์ที่ท่านแม่ทัพจะได้รับบาดเจ็บบนสนามรบเอาไว้หลายร้อยประเภท
นางยิ้มอย่างห่วงใยต่อแม่ทัพหน้ากากเหล็ก
“แน่นอน สิ่งเหล่านี้เตรียมไว้ดีกว่า ตันจูยังคงหวังว่าท่านแม่ทัพจะไม่ต้องใช้ยาเหล่านี้”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะเสียงแห้ง “ขอบใจมาก” มองไปยังจู๋หลิน “ข้าขอพูดกับจู๋หลินสักสองสามประโยค”
เฉินตันจูตอบรับ แต่ยืนนิ่งไม่ขยับ จนกระทั่ง แม่ทัพหน้ากากเหล็กจู๋หลินมองนาง นางราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ “ท่านแม่ทัพต้องการพูดเรื่องลับกับจู๋หลินหรือ เช่นนั้นตันจูขอตัวก่อน”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้พูดตามที่นางหวังเอาไว้ว่าไม่ใช่เรื่องความลับ ไม่ต้องหลบหลีก เพียงแต่ตอบรับ
เฉินตันจูทำได้เพียงหันหลังเดินออกไปหลายก้าว เบะปากตอนที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองไม่เห็น แอบฟังเสียหน่อยก็ไม่ได้
จู๋หลินยืนอยู่ด้านหน้าของแม่ทัพหน้ากากเหล็กด้วยความตื่นเต้น ถามเสียงเบา “ท่านแม่ทัพมีคำสั่งอะไรขอรับ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กเหลือบมองเขา พูดเสียงเบา “ไม่มีคำสั่งอะไร”
จู๋หลินผงะ ไม่มีคำสั่งคือคำสั่งอะไร
เขาถาม “เรื่องลับเล่าขอรับ”
คุณหนูตันจูถามท่านแม่ทัพว่ามีเรื่องลับจะพูดกับเขาหรือไม่ไม่ใช่หรือ ท่านแม่ทัพยังตอบรับด้วย!
“ต่อจากนี้เมืองอู๋คือเมืองหลวง ใต้เท้าโอรสสวรรค์ ท้องฟ้าสว่างไสว” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดอย่างเรียบเฉย “มีเรื่องลับอะไรกัน…ไปเถิด”
จู๋หลินตอบรับก่อนจะหันหลังอย่างฉงน จากนั้นถูกแม่ทัพหน้ากากเหล็กเรียกเอาไว้อีกครั้ง
“ท่านแม่ทัพ…” จู๋หลินตาลุกวาว ดังนั้นท่านแม่ทัพนึกเรื่องลับที่ต้องการกำชับได้แล้วหรือ
แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองมือของเขา “ยา”
จู๋หลินตระหนักได้ว่าตนเองยังถือยาสองห่อใหญ่ที่เฉินตันจูทำเอาไว้อยู่ เขาส่งสัมภาระให้เฟิงหลินด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะเดินก้มหน้ากลับไปหาเฉินตันจู
“ท่านแม่ทัพ เช่นนั้น…” เฉินตันจูคิดจะเดินขึ้นหน้าพูดอะไรบางอย่าง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กโบกมือให้นาง “ข้าจะออกเดินทางแล้ว คุณหนูตันจูส่งแค่นี้ก็พอ”
เฉินตันจูหยุดชะงักอย่างเชื่อฟัง มองเขาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า “ท่านแม่ทัพเดินทางปลอดภัย”
…
รถม้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้า หวังเจียนหันกลับไปมอง ร่างของหญิงสาวยังอยู่บนถนน
เขาพูดกับแม่ทัพหน้ากากเหล็กภายในรถ “ลูกบุญธรรมท่านยังส่งอยู่ จริงใจอย่างมาก”
พูดจบก็หัวเราะร่า
“ตลกเสียจริง เฉินตันจูคิดได้อย่างไร นางคิดว่าพวกเราโง่หรืออย่างไร”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้หัวเราะ ราวกับตั้งสติขึ้นมาได้ ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าเฉินตันจูไม่ได้เห็นพวกเขาเป็นคนโง่ แต่หญิงสาวคนนั้นราวกับเห็นพวกเขาเป็น…คนที่รู้จัก
ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรก
จะบอกว่ารู้จักก็ไม่แปลกอะไร ชื่อเสียงของแม่ทัพหน้ากากเหล็กคนต้าเซี่ยต่างรู้ดีเป็นอย่างยิ่ง…แต่นางให้ความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังมองดูเหตุการณ์อย่างห่างๆ…ไม่รู้ต้องอธิบายอย่างไร
แต่โดยรวมแล้วแปลกประหลาด
น่าสนใจ
รถม้าเคลื่อนที่ไปไกลจนมองไม่เห็น เฉินตันจูหันหลังจากไป ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
อาเถียนได้ยินเสียงถอนหายใจ จึงถามเสียงเบา “คุณหนู ท่านไม่อยากให้แม่ทัพหน้ากากเหล็กไปจริงหรือ” นางคิดว่าคุณหนูแสร้งทำเสียอีก…ระยะนี้พบเห็นคุณหนูหลั่งไหลน้ำตาที่แตกต่างกันต่อหน้าคนที่แตกต่าง นางไม่รู้สึกว่าน้ำตาของคุณหนูคือน้ำตาแล้ว
เวลานี้ไม่ต้องแสร้งทำตัวน่าสงสาร เฉินตันจูสีหน้าเรียบเฉย เจือปนไปด้วยความครุ่นคิดและความเรียบเฉย
“ไม่อยากให้ไปก็จริง เขาอยู่ ข้าก็มีที่เพิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อประสบปัญหาสามารถจัดการได้ง่าย” นางมองไปยังถนนทางไกล “ต่อจากนี้เมืองอู๋ ไม่ เมืองหลวงของพวกเราจะมีคนเดินทางมามาก”
ไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชาติก่อนถึงแม้นางจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเวลาสิบปี แต่นางถูกขังไว้บนภูเขาตลอด ชาตินี้ไม่มีใครขังนางเอาไว้ ส่วนชื่อเสียงของนางย่อมดึงดูดผู้คน
“คุณหนูกลัวหรือไม่” อาเถียนถามเสียงเบา คุณหนูโดดเดี่ยวตัวคนเดียว เฮ้อ
เฉินตันจูยิ้ม “กลัวข้าไม่กลัว ข้ามีอะไรให้กลัว อย่างมากก็แค่ตาย ตายไม่ได้ก็ต้องอยู่ให้รอด…แต่ว่าเวลานี้ พวกเราต้องหาเงินให้มาก”
อาเถียนยิ้มหวาน “พวกเรารีบกลับไป หากมีคนมาให้รักษาจะพลาดโอกาสหาเงิน”
เฉินตันจูขึ้นรถด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นจู๋หลินที่อยู่ด้านข้าง นางก็กวักมือเรียกเขา “จู๋หลิน ท่านแม่ทัพกำชับเรื่องลับอะไรกับเจ้า เจ้าบอกข้ามา ข้ารับรองว่าจะปิดเป็นความลับ”
จู๋หลินพูด “ไม่มีเรื่องลับอะไร”
เฉินตันจูใช้พัดตบไหล่ของเขา “ดี ทำได้ดี คำสั่งของท่านแม่ทัพต้องปิดเป็นความลับ ใครก็พูดไม่ได้”
พูดจบก็มุดเข้ารถไป เหลือไว้เพียงจู๋หลินที่หน้าดำทะมึนทั้งน้อยใจทั้งขุ่นเคือง