บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 87 ลาจาก
เฉินตันจูไม่รู้ว่าชาติก่อนแม่ทัพหน้ากากเหล็กเข้ามาในเมืองอู๋เมื่อใด อีกทั้งจากไปเมื่อใด
ชาติก่อนหลี่เหลียงเป็นผู้รุกรานเมืองอู๋ เมืองอู๋ได้ยินแต่ชื่อเสียงของหลี่เหลียง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กมีชื่อเสียงในเมืองอู๋เพราะทำร้ายหลี่เหลียง เวลานั้นคนที่ผ่านเข้าออกโรงน้ำชาของหญิงชราขายชาเล่าปากต่อปากเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน
มีวันหนึ่ง รถม้าคันหนึ่งเคลื่อนผ่านถนน คนที่นั่งอยู่ด้านในคือแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ไม่มีธงสัญลักษณ์ ไม่มีทหารเปิดทาง ราษฎรไม่รู้ว่าเขาคือผู้ใด แต่หลี่เหลียงรู้ เขาวิ่งมาด้านหน้ารถขอเข้าพบเพื่อแสดงถึงความเคารพ
รถม้าหยุดลงบนท้องถนน แม่ทัพหน้ากากเหล็กเปิดประตูรถออก กวักมือเรียกหลี่เหลียง “มา เจ้าเข้ามา” หลี่เหลียงเดินเข้าไป สุดท้ายแม่ทัพหน้ากากเหล็กยกมือขึ้นกระแทกเข้าที่ตัวของหลี่เหลียง หลี่เหลียงที่ไม่ทันได้ป้องกันตัวถูกแรงกระแทกจนล้มลงกับพื้น
แต่ยังไม่จบสิ้น แม่ทัพหน้ากากเหล็กตะโกนขึ้นมาคำหนึ่ง ทหารของเขาก็ล้อมรอบหลี่เหลียงเอาไว้ ทหารของหลี่เหลียงตกอยู่ในความฉงน หลี่เหลียงล้มลงบนพื้นถูกคนกลุ่มหนึ่งรุมทำร้าย…
ทหารของหลี่เหลียงตั้งสติกลับมาได้จึงพุ่งตัวเข้ามา ทหารของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอยู่บนถนน ทั้งเมืองอู๋ตกอยู่ในความโกลาหล เหล่าราษฎรต่างคิดว่าเมืองอู๋ถูกรุกรานอีกครั้ง
ฮ่องเต้ตำหนิแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ต่อมามีคนบอกว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กถูกขับไล่ออกจากเมืองอู๋ แต่ก็มีคนบอกว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กนำทัพไปตีเมืองฉีต่อ แต่อย่างไรก็ตามหลี่เหลียงนอนพักฟื้นอยู่ในบ้านหนึ่งเดือน แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็หายตัวไปจากเมืองหลวง
ต่อมา หลี่เหลียงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแม่ทัพหน้ากากเหล็ก หลายครั้งที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กมาเมืองหลวง หลี่เหลียงมักไม่ออกจากจวน
แต่ว่าเวลานี้ไม่มีหลี่เหลียง แม่ทัพหน้ากากเหล็กเข้าเมืองอู๋พร้อมฮ่องเต้ ถือเป็นขุนนางผู้มีคุณงามความดี อีกทั้งยังประกาศให้เมืองอู๋เป็นเมืองหลวง คนอื่นล้วนต้องการเข้ามา แต่เขาคิดจะจากไปในเวลานี้?
“เพื่อสงครามหรือ” เฉินตันจูถามจู๋หลิน “ทางเมืองฉีจะลงมือแล้ว?”
เรื่องนี้จะพูดได้อย่างไร! ความลับทางการทหาร! จู๋หลินก้มหน้าต่ำ อันที่จริงเรื่องการจากไปของท่านแม่ทัพก็เป็นความลับ อีกทั้งไม่ได้ให้เขาบอกเฉินตันจู
สิ่งที่เขาทำคือการปล่อยความลับรั่วไหล
เฉินตันจูมองดูท่าทางของจู๋หลินก็รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ อยากจะกลอกตาขาวให้เขา
เวลานี้ท่านอ๋องโจวถูกสังหาร ฮ่องเต้ให้ท่านอ๋องอู๋ไปเป็นท่านอ๋องโจว ถึงแม้จะดูเหมือนยังเป็นท่านอ๋อง แต่ย่อมไม่มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน เวลานี้เหลือเพียงเมืองฉีเท่านั้น…แม่ทัพหน้ากากเหล็กออกจากเมืองอู๋ คนโง่ยังรู้ว่าไปทำอะไร ยังจะรักษาความลับ
“เจ้า พวกเจ้าก็ต้องไปทั้งหมดหรือ” นางถาม
เรื่องนี้คือคำถามสำคัญ ต่อจากนี้นางก็ไม่มีคนให้ใช้งานแล้ว? หากเป็นเช่นนี้คงเป็นเรื่องยาก…นางไม่มีเงินจ้างคน
พูดถึงเรื่องนี้จู๋หลินยิ่งเสียใจ ท่านแม่ทัพไม่ได้ให้พวกเขาติดตามไปด้วย…เขายังไปถามท่านแม่ทัพโดยเฉพาะ ท่านแม่ทัพบอกว่าข้างตัวไม่ต้องการพวกเขาสิบคน
“ไม่ไป” เขาตอบ ไม่อาจพูดมากกว่านี้ได้ มิฉะนั้นความเสียใจของเขาจะซ่อนเอาไว้ไม่อยู่
เฉินตันจูอดกลั้นความดีใจของตนเองเอาไว้ กระแอมไอเสียงเบาหนึ่งที “ข้าคิดอยู่แล้วว่าพวกเจ้าไม่ไปด้วย เวลานี้ท่านแม่ทัพออกจากเมืองอู๋ ย่อมต้องทิ้งคนเอาไว้จับตาดูอย่างดี ต่อจากนี้เมืองอู๋ย่อมต้องเกิดเหตุการณ์พลิกผัน ถึงแม้จะไม่ใช่สนามรบแต่ก็คล้ายคลึงกับสนามรบ”
อะไรกัน นี่เรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ จู๋หลินมองนาง
“จู๋หลินเจ้าไม่เข้าใจ” เฉินตันจูโบกพัดต่อหน้าเขา พูดอย่างตั้งใจ “ไม่ใช่ทุกสนามรบที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อปะทะมีดดาบแหลมคม สนามรบที่โหดเหี้ยมที่สุดในใต้หล้าคือราชสำนัก แม่ทัพหน้ากากเหล็กได้รับการไว้วางใจจากฝ่าบาทอย่างมากใช่หรือไม่ เช่นนั้นย่อมต้องมีคนอิจฉา พูดจาใส่ร้ายเขาลับหลัง หากเขาจากไป ราชสำนักย้ายเข้ามา ขุนนาง เชื้อสายราชวงศ์จำนวนมากเช่นนั้น เจ้าลองคิดดู ท่านแม่ทัพไม่ต้องทิ้งคนเอาไว้จับตาดูหรือ”
จู๋หลินได้ยินก็ไม่รู้จะมีอารมณ์อย่างไรดี นางพูดอะไรกัน เอาเถิด นางยอมถือว่าพวกเขาเป็นสายที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กทิ้งเอาไว้ก็ให้นางคิดไปเถิด…อืม สำหรับคุณหนูตันจูแล้ว ทุกที่ล้วนเป็นสนามรบ ทุกที่ล้วนมีแต่คนอยากทำร้ายนาง
แต่เมื่อถูกขัดเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจมากแล้ว
“ท่านแม่ทัพจากไปเมื่อใด” เฉินตันจูวางพัดลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืน “ข้าต้องไปส่งเสียหน่อย”
จู๋หลินรีบพูด “ท่านแม่ทัพไม่ให้คนอื่นส่ง”
เฉินตันจูถลึงตาใส่เขา “ข้าไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย” เฉินตันจูไม่สนใจเขา เรียกขานหาอาเถียน “มา ช่วยข้าทำยามอบให้ท่านแม่ทัพเป็นของขวัญ”
อาเถียนตอบรับเดินตามนางไป จู๋หลินยืนอยู่ที่เดิมอย่างตะลึง นางไม่ใช่คนอื่น แล้วนางเป็นผู้ใด
ขบวนทหารเดินทางอยู่บนถนนหลวงนอกเมืองอู๋ไม่ได้ดูโดดเด่นมากนัก เนื่องจากบนท้องถนนเต็มไปด้วยกลุ่มคน มีทั้งคนชราและเด็ก รถม้าเคลื่อนที่ไปยังเมืองอู๋ด้วยความหนาแน่น…
“หลังจากฝ่าบาทประกาศอพยพเมืองหลวง ผู้คนก็หลั่งไหลมาจากทุกทิศทั่วทาง” หวังเจียนพูด พลางส่ายหัวและถอนหายใจ “เมืองอู๋ต้องขยับขยาย ต่อไปมีเรื่องอีกมากมาย ท่านแม่ทัพจะไปแล้วหรือ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กนั่งอยู่บนรถ ประตูรถที่กึ่งปิดซ่อนเร้นร่างกายและใบหน้าของเขา ดังนั้นคนบนท้องถนนจึงไม่ทันสังเกตเขา อีกทั้งไม่ได้ตกใจในลักษณะของเขา
“เจ้าคิดมากเพียงนี้” เขาพูด “หรือไม่เจ้าอยู่ต่อเถิด ความสามารถเหล่านี้จะได้ไม่เสียเปล่า”
หวังเจียนติดตามเขามานาน ย่อมรู้นิสัยที่แท้จริงของเขา คำพูดนี้ไม่ใช่คำชื่นชม!
เขาคัดค้าน “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เรื่องนี้คือการสร้างเมืองและการดูแลเมือง การดูแลเมืองก็สำคัญมาก”
เสียงชราของแม่ทัพหน้ากากเหล็กดังขึ้น “ข้านำทัพทำสงคราม การดูแลเมืองเกี่ยวอะไรกับข้า”
เอาเถิด เขาพูดมากเอง หวังเจียนดึงหมวกขึ้นมา “ไป ไป รีบไปเถิด”
รถม้าของแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ขยับ พลางเอ่ย “จู๋หลินบอกว่าจะมา”
จู๋หลิน? หวังเจียนพูด “เขายังคิดจะทำอะไรอีก ลูกบุญธรรมท่านคนนี้นิสัยเอาแต่ใจมากขึ้น ปากบอกว่าฟังคำสั่ง แต่ยังกล้ามาอีก สิ่งเหล่านี้เรียนรู้จากหญิงสาวคนนั้นอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่าคนใกล้ชิดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ทิศทางของเมืองหลวงมีรถม้าคันหนึ่งเคลื่อนที่เข้ามา สิ่งแรกที่เห็นคือองครักษ์ด้านหน้าและด้านข้างรถ…
จู๋หลินมือถือแส้ตะโกนเสียงดัง “หลีกทาง! หลีกทาง! เรื่องด่วนทางทหาร” การเปิดทางบนท้องถนนที่แออัดก็โอหังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
คนบนท้องถนนต่างหลบหลีกอย่างตระหนก ชนกันไปชนกันมา เสียงดังโหวกเหวก
แต่ไม่มีคนบ่น เมืองอู๋กลายเป็นเมืองหลวง ใต้เท้าของโอรสสวรรค์ เรื่องต่างๆ ย่อมต้องเป็นเรื่องด่วน…ถึงแม้คนที่นั่งอยู่ในรถม้าที่มีเรื่องด่วนนี้จะเป็นหญิงสาว…
…
“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ เหตุใดท่านบอกว่าจะจากไปก็จากไป” เฉินตันจูถูกอาเถียนพยุงลงจากรถม้า ปิดหน้าร้องไห้ “หากไม่ใช่ข้าให้จู๋หลินไปถามในวัง ก็คงไม่ได้พบท่านครั้งสุดท้ายแล้ว”
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนต้องการสาปแช่งให้เขาตาย คิ้วด้านหลังหน้ากากของแม่ทัพหน้ากากเหล็กขมวดมุ่น แต่ว่าครั้งนี้ไม่ว่านางพูดอะไร เขาก็จ้องมองนางเท่านั้น…
หญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีขาว อาจเป็นเพราะยากจนอดข้าว…ได้ยินว่าไม่มีเงินจึงยืมเงินจู๋หลินเปิดร้านยา…คนผอมลงอย่างมาก ตัวเบาดุจดั่งจะลอยได้ มือพยุงสาวรับใช้เอาไว้ ร้องไห้สะอึกสะอื้น ภายใต้แขนเสื้อเผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยน้ำตา และสีหน้าโศกเศร้า…
เหมือนดั่งที่นางพบเขาในวันที่ส่งบิดาจากไป
เฉินตันจูเดินมาด้านหน้ารถของแม่ทัพหน้ากากเหล็กภายใต้การพยุงของอาเถียน มองเขาด้วยดวงตารื้นน้ำตา “ท่านแม่ทัพ ข้าเพิ่งส่งท่านพ่อจากไป ไม่คิดว่า พ่อบุญธรรมท่านก็จะจากไป…”
หวังเจียนได้ยินแทบจะพ่นน้ำออกมา