บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 8 บังเอิญ
สำหรับคำขอของเฉินตันจู ไต้ฟูราชสำนักคนนี้ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนางทีหนึ่งก่อนเดินจากไปด้านนอกกระโจมไม่มีทหารเข้ามาอีก เฉินตันจูรู้สึกได้ว่าทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเปลี่ยนคนไป ไม่ใช่ทหารคนสนิทของหลี่เหลียงอีกต่อไป
เฉินตันจูที่ยืนอยู่ในกระโจมนั่งลงอย่างช้าๆ ถึงแม้นางจะดูไม่กังวล แต่ร่างกายของนางตรึงเครียดอยู่ตลอดเวลา เฉินเฉียงจะเป็นอย่างไรบ้าง ถูกจับหรือว่าถูกฆ่า แล้วเฉินลี่ที่ถือตราอาญาสิทธิ์ล่ะ คงจะอันตรายอย่างมาก คนของราชสำนักคนนี้พูดถึงตราอาญาสิทธิ์ แสดงว่าพวกเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
เฮ้อ อันที่จริงนางไม่มีความคิดอันใดทั้งสิ้น หลังจากฟื้นขึ้นมาก็มุ่งตรงมาฆ่าหลี่เหลียง หลังจากฆ่าหลี่เหลียงแล้วจะรับมืออย่างไร นางไม่ได้คิดหรือควรจะบอกเรื่องนี้กับพี่สาวและท่านพ่อ แต่ท่านพ่อและท่านพี่ล้วนเชื่อใจหลี่เหลียงอย่างมาก นางไม่มีหลักฐานและเวลาที่เพียงพอในการโน้มน้าว
เฉินตันจูนั่งเหม่อลอยอยู่ด้านหลังโต๊ะ สายตาจับจ้องไปยังข่าวทหารนั้น ลายมือเดิมนั้นถูกเขียนทับด้วยรายชื่อของยา…
“คนด้านนอก” นางเรียกเสียงดัง
มีทหารเดินเข้ามาจากด้านนอกกระโจม เปลี่ยนคนแล้วจริงด้วย เป็นคนที่ไม่คุ้นหน้าแต่เป็นทหารของเมืองอู๋อย่างแน่นอน…แต่ใจคงจะไม่ใช่แล้ว
เขาคารวะด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “คุณหนูรองมีอะไรให้รับใช้ขอรับ”
เฉินตันจูยื่นข่าวทหารให้เขา “ไปต้มยานี้มาให้ข้า อีกอย่างข้าวเช้าส่งเข้ามาได้แล้ว”
ทหารรับคำก่อนจะหันหลังเดินออกไป
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว นางจึงไม่คิดอะไรนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกต่อ
ภายในกระโจมอีกด้านของค่ายทหารอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ฉากกั้นบังอยู่ด้านหน้าโต๊ะ เผยให้เห็นเงาคนที่นั่งขัดสมาธิกินข้าวอยู่ด้านหลัง
“นางบอกจะพบข้า?” เสียงชราแหบพร่ายิ่งเลือนรางเพราะกำลังกินอาหาร “นางรู้ว่าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ไต้ฟูที่ออกจากกระโจมของเฉินตันจูมายืนอยู่ด้านนอกของฉากกั้น ในเวลานี้ดวงตาเต็มไปด้วยความฉงน “ใช่ขอรับ ข้าน้อยเองก็ไม่รู้ แม้แต่หลี่เหลียงยังไม่รู้ว่าใต้เท้าท่านอยู่ที่นี่ เฉินเลี่ยหู่รู้ได้อย่างไร”
เสียงด้านหลังฉากกั้นเงียบไปสักพัก ก่อนจะกินอาหารต่อ “หลี่เหลียงไม่รู้ เฉินเลี่ยหู่ไม่รู้ แต่นางอาจรู้ เราไม่อาจตัดสินใครด้วยคนอื่นได้”
เสียงกินอาหารทำให้ยิ่งฟังไม่ชัดไต้ฟูคิดจะถาม แต่เสียงกินอาหารด้านหลังฉากกั้นหยุดลง เสียงพูดชัดเจนขึ้น “คุณหนูรองเฉินตอนนี้ทำอะไร”
ไต้ฟูหันไปถามทางด้านนอกกระโจม สักพักหลังจากนั้นทหารเดินเข้ามา “คุณหนูรองเฉินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหวีผม จากนั้นกินข้าวตอนนี้กำลังกินยา…ที่ท่านเขียนให้”
เด็กหญิงกินยาที่เขาเขียนจริงๆ ไต้ฟูตกตะลึงเล็กน้อยนางช่างใจกล้า
ชายหนุ่มด้านหลังฉากกั้นหัวเราะออกมาด้วยเสียงแหบพร่า ก่อนจะยัดอาหารเข้าปากจนหมด
“เชิญนางมาเถิด ข้าจะพบคุณหนูรองเฉินท่านนี้”
…
เฉินตันจูตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อถูกทหารเชิญออกมา ด้านนอกไม่มีทหารพุ่งตรงเข้ามา ภายในค่ายทหารเป็นปกติเหมือนเคย เมื่อเห็นนางเดินออกมาเหล่าทหารที่เดินผ่านล้วนดีใจ อีกทั้งยังมีคนกล่าวทัก
“คุณหนูเฉินหายดีแล้ว”
เฉินตันจูถอนหายใจภายในใจ ค่ายทหารไม่เกิดความโกลาหลไม่มีอะไรน่าดีใจ เพราะไม่ใช่คุณงามความดีของนาง ทหารทั้งสองนำนางเดินอยู่ในค่ายทหารไม่ได้มีการควบคุมตัว แต่เฉินตันจูก็ไม่ได้มองว่าพวกเขากำลังคุ้มกัน ยิ่งไม่มีทางตะโกนร้องขอความช่วยเหลือชายผู้นั้นยอมให้คนพาตัวนางออกมา คงจะมีความมั่นใจว่านางไม่อาจก่อความวุ่นวายได้
ระหว่างทางนางสำรวจอย่างละเอียด ไม่พบเห็นร่างของเฉินเฉียง เฉินตันจูถอนหายใจยภายในใจ ทหารสองคนที่นำทางหยุดอยู่ตรงหน้ากระโจมหลังหนึ่ง “คุณหนูรองเข้าไปเถิด”
เฉินตันจูคิดภายในใจหรือว่าต้องการเปลี่ยนสถานที่กักขังตนเอง จากนั้นนางจะตายในกระโจมแห่งนี้ ภายในใจเต็มไปด้วยความคิดมากมาย แต่ฝีเท้าของเฉินตันจูไม่มีความหวาดกลัวแต่อย่างใด นางย่างเท้าเข้าไป สิ่งแรกที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือฉากกั้นภายในกระโจม ด้านหลังฉากกั้นมีเสียงของน้ำไหล มองจากเงาแล้วมีคนหนึ่งกำลังถืออ่างน้ำทองแดงอยู่ ส่วนอีกคนกำลังอาบน้ำ
ด้านหน้าฉากกั้นมีคนคารวะต่อเฉินตันจู “คุณหนูรองเฉิน”
เฉินตันจูมองเขา ถามขึ้น “ไต้ฟูมีเรื่องอันใดพูดทางนั้นไม่ได้”
ไต้ฟูยังไม่ได้พูดอะไร ทหารที่ถืออ่างทองแดงด้านหลังฉากกั้นถอยออกมา ฉากกั้นถูกยกออก เผยให้เห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลัง เขาก้มหน้าจัดการเสื้อบนตัว พูดขึ้น “คุณหนูรองเฉินต้องการพบข้าไม่ใช่หรือ”
เฉินตันจูผงะ มองดูชายตรงหน้า รูปร่างของเขาใกล้เคียงกับหลี่เหลียง บนตัวสวมชุดคลุมสีดำ ด้านในคือชุดเกราะที่หนาและหนัก เขาเงยหน้าขึ้นภายใต้หมวกนั้นคือใบหน้าเหล็ก…
เฉินตันจูตกใจ ยื่นมือปิดปากที่กำลังจะส่งเสียงออกมา ถอยหลังไปหนึ่งก้าวเบิกตาโตมองดูใบหน้าตรงหน้า…ใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าคนจริงๆ แต่เป็นหน้ากากที่ไม่รู้ว่าเป็นทองแดงหรือว่าเป็นเหล็ก มันปกคลุมใบหน้าทั้งหมดของอีกฝ่ายเอาไว้ เหลือไว้เพียงตาจมูกปาก หากมองในครั้งแรกน่ากลัวอย่างยิ่ง มองอีกครั้งยิ่งน่ากลัว
“ท่าน!” เฉินตันจูตกตะลึง “แม่ทัพหน้ากากเหล็ก?”
เหตุใดเขาจึงอยู่ที่นี่ประโยคนี้นางไม่ได้พูดออกมา แต่แม่ทัพหน้ากากเหล็กกระจ่างใจแล้ว ถึงแม้จะมองไม่เห็นสีหน้าตกตะลึง แต่ภายในน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้าไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่”
เขามองไต้ฟูที่ยืนอยู่ด้านหน้าฉากกั้น ไต้ฟูเองก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน “คุณหนูรองเฉิน ท่านไม่ได้ต้องการพบท่านแม่ทัพ?”
เฉินตันจูภายในใจเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ นางรู้ว่าชาติก่อนแม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นผู้บัญชาการโจมตีเมืองอู๋ อีกทั้งไม่ได้มีเพียงแม่ทัพหน้ากากเหล็ก แม้แต่ฮ่องเต้เองก็เดินทางมาบัญชาการเอง
ดังนั้นนางจึงบอกว่าต้องการพบแม่ทัพหน้ากากเหล็ก แต่นางไม่คิดว่าจะพบที่นี่ นางคิดว่าการพบแม่ทัพหน้ากากเหล็กต้องขี่ม้าออกจากค่ายทหาร ไปริมแม่น้ำ ล่องเรือ เดินทางผ่านแม่น้ำไปยังค่ายทหารฝั่งตรงข้าม…นางกลับพบเจอกับแม่ทัพใหญ่ที่ควบคุมกองทัพนับแสนของราชสำนักในค่ายทหารเมืองอู๋ ระยะทางห่างจากกระโจมแม่ทัพใกล้เพียงนี้!
หัวใจของเฉินตันจูทบจะเต้นหลุดออกมา หูทั้งสองข้าดับไป ในขณะเดียวกันทั้งหายใจไม่ออก ฉงนสิ้นหวัง…แม่ทัพหน้ากากเหล็กมาถึงค่ายทหารแล้ว กองทัพนับแสนของเมืองอู๋จะมีประโยชน์อันใดอีก
“คุณหนูรองเฉิน ท่าน…” ไต้ฟูเห็นท่าทางของนาง หัวใจของเขาก็หล่นลงไปเช่นเดียวกันเขาอาจจะทำผิดไปแล้วเขาถูกคุณหนูรองหลอก!
คุณหนูรองเฉินไม่รู้ว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กอยู่ที่นี่ แต่เป็นเพราะความประมาทของเขาคิดว่านางรู้…ไอ้หยา ต้องตายแน่
เฉินตันจูเห็นสีหน้าของไต้ฟูก็เข้าใจเรื่องนี้แล้ว แน่นอนว่าเรื่องนี้นางไม่มีทางยอมรับ ยิ่งทำให้พวกเขามองไม่ออกถึงจะยิ่งมีโอกาส
“ข้าต้องการพบท่านแม่ทัพ” นางพูด ก่อนจะมองพินิจแม่ทัพหน้ากากเหล็กอย่างเปิดเผย “ที่แท้ท่านแม่ทัพสวมหน้ากากเหล็กจริงด้วย”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองออกว่าเฉินตันจูตรงหน้าโกหก แต่เขาไม่ได้เปิดโปงเพียงแค่พูด “ข้าได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า หากไม่สวมหน้ากากคงจะทำให้คนกลัว”
เฉินตันจูพูด “ใบหน้าของท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บเพราะสงคราม สิ่งที่ทำให้คนอื่นกลัวไม่ใช่ใบหน้า หากแต่เป็นเกียรติยศของท่าน”
นางกำลังยกยอเขาหรือแม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะเสียงดัง
“คุณหนูรองเฉินช่างน่าชัง มิน่าท่านมหาราชครูถึงได้รักเจ้าดั่งสมบัติล้ำค่า”
เฉินตันจูนั่งลง “ถึงข้าจะไม่น่าชัง ข้าก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่าของท่านพ่อ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองดูเด็กหญิงที่สดใสตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
“ดังนั้น หากส่งข่าวร้ายของคุณหนูรองเฉินกลับไป ท่านมหาราชครูคงจะเสียใจอย่างมาก” เขาพูด
“ข้ากับท่านมหาราชครูเฉินอายุใกล้เคียงกัน เสียดายที่ไม่มีบุตรเหมือนดั่งท่านมหาราชครูเฉิน หากข้ามีบุตรสาวแสนน่าชังเหมือนคุณหนูรอง แล้วต้องสูญเสียไปคงจะเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง”
เฉินตันจูมองหน้ากากเล็กของเขา เส้นผมของเขาเป็นสีเทาขาว ดวงตาดำขลับอีกทั้งเสียงที่แหบพร่า ทำให้เขาดูน่ากลัว นางพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “เช่นนั้นท่านแม่ทัพอย่าฆ่าข้าสิ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองดูข่าวทหารบนโต๊ะ
“คุณหนูรองเฉิน ท่านอ๋องอู๋ก่อการกบฏ ราษฎรอย่างพวกเจ้าล้วนเป็นนักโทษ อีกทั้งเจ้ายังฆ่าหลี่เหลียง ทำลายโอกาสสงครามของข้า เจ้ารู้ว่าจะมีทหารมากน้อยเพียงใดต้องสละชีวิตเพียงเพราะการกระทำของเจ้าหรือไม่” เสียงแหบพร่าของเขาไร้อารมณ์
“เหตุใดข้าจึงไม่ฆ่าเจ้า เพราะว่าเจ้างดงามกว่าทหารของข้าหรือ”
เขาเงยหน้าขึ้นใช้สายตาดำขลับของตนเองมองมายังเฉินตันจูทะลุออกมาจากหน้ากาก
“ใช้ดอกไม้งามอันเป็นที่รักยิ่งของเฉินเลี่ยหู่เซ่นให้กับทหารของข้า จะเป็นการดียิ่งกว่าหรือไม่”