บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 79 แตกต่าง
อาเถียนทั้งตะลึงทั้งฉงน
“ยาที่ไม่เสียเงิน” นางพูด “เหตุใดจึงไม่มีคนมารับ”
สาวรับใช้นามชุ่ยเอ๋อคาดเดา “อาจเพราะทุกคนไม่ต้องการ” หากไม่มีโรค ให้ยาไปก็ไร้ประโยชน์ มีคนบางส่วนอาจรู้สึกว่าเป็นการสาปแช่งให้ตนเองป่วย
สาวรับใช้อีกคนนามเยี่ยนเอ๋อจึงใช้ตะกร้าใส่ยา “ไม่มีทางไม่มีคนป่วยแม้แต่คนเดียว ป้าเถาที่ขึ้นเขามาเก็บฟืนเมื่อหลายวันก่อนไอหนัก บอกว่าไอมาหลายวันแล้ว” นางเรียกคนอื่น “ไปๆ บางทีพวกเขาอาจไม่เชื่อว่าพวกเราให้ พวกเราต้องไปส่งให้พวกเขาเอง”
ก็มีความเป็นไปได้ เพราะอย่างไรก็ตามอารามดอกท้อเป็นสมบัติส่วนตัวของท่านมหาราชครูเฉิน ชาวบ้านรอบด้านไม่กล้าเข้ามาโดยพลการ
อาเถียนและคนอื่นนำยาลงเขาไป มีคนไปในหมู่บ้าน มีคนอยู่บนถนน
“พวกเรามาจากอารามดอกท้อ คุณหนูของพวกเรามอบยาให้ทุกคน”
“หากอากาศร้อน เดินทางลำบาก ยานี้สามารถคลายร้อนได้ ท่านลองชิมดู”
“ลุงซ่ง ท่านบอกว่าปวดขาไม่ใช่หรือ ยานี้แก้ปวดได้ ท่านลองดู”
“พี่ชายเดินทางมาไกลใช่หรือไม่ นี่เป็นชาคลายกังวลของอารามดอกท้อ สามารถทำให้ร่างการผ่อนคลาย…ไม่เสียเงิน…ท่านอย่าวิ่ง”
“พวกท่านวิ่งอะไรกัน! นี่เป็นยารักษาโรค ไม่ใช่ยาพิษ…”
มองดูความคึกคักบริเวณเชิงเขากลายเป็นความโหวกเหวก น้ำเสียงใจเย็นของเหล่าสาวใช้เริ่มดังขึ้น เฉินตันจูที่ยืนดูอยู่บริเวณไหล่เขาหัวเราะออกมา
“คุณหนู ท่านยังหัวเราะอีก” อาเถียนเดินกลับมาอย่างท้อแท้
ชุ่ยเอ๋อและเยี่ยนเอ๋อที่เดินทางเข้าไปในหมู่บ้านก็กลับมาแล้ว ท่าทางท้อแท้ที่ยาไม่ได้ถูกมอบออกไป
ชุ่ยเอ๋อรู้สึกว่าทุกคนเขินอาย จึงแอบนำยาวางไว้หน้าบ้านของชาวบ้าน แต่สุดท้ายก็ถูกชาวบ้านโยนกลับมา หากคิดจะมอบให้ ชาวบ้านก็คุกเข่าลงขอร้องให้ไว้ชีวิต…
“พวกเราทำเรื่องดีไม่ใช่หรือ” ชุ่ยเอ๋อทำหน้าท้อแท้ “เหตุใดเหมือนทำร้ายพวกเขา ไม่เชื่อใจพวกเราเพียงนี้เลยหรือ”
อันที่จริงชาวบ้านของภูเขาดอกท้อดีมาก อีกทั้งยินดีที่จะเชื่อใจคน เฉินตันจูนึกถึงชาติก่อนที่นางศึกษาวิชาแพทย์กับหมอทหารชรา นางยังไม่เชื่อใจว่าตนเองจะสามารถรักษาคนได้ มีครั้งหนึ่งพบชาวบ้านมีโรคร้ายแรง หลังจากที่ลังเลบอกว่าสามารถลองดู เหล่าชาวบ้านก็เชื่อใจนางทันที กินยาที่นางให้ลงไป ตอนแรกที่ยายังไม่ออกฤทธิ์ นางคิดว่าตนเองคงต้องถูกชาวบ้านตี…แต่ชาวบ้านไม่เพียงไม่ถาม อีกทั้งยังหันกลับมาปลอบนาง
หลังจากที่ชาวบ้านคนนี้หายดี จึงมีชาวบ้านจำนวนมากขึ้นมาหานาง ไม่ว่าจะถามอาการหรือขอยา นางย่อมไม่เก็บเงิน ชาวบ้านจึงนำอาหารหรือเป็ดไก่ที่เลี้ยงไว้วางไว้ด้านหน้าประตูอาราม…
เหล่าชาวบ้านบริเวณเชิงเขาของอารามดอกท้อเมื่อชาติก่อนดูแลนางอย่างมาก
แต่เวลานี้…
เฉินตันจูเองก็เข้าใจ ส่งยารักษาโรคไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่สิ่งสำคัญคือคนที่ทำเรื่องนี้ในเวลานี้แตกต่างจากชาติก่อนแล้ว
ชาติก่อนนางเป็นคุณหนูชนชั้นสูงผู้ตกอับเพราะคนในตระกูลถูกประหาร ถึงแม้จะมีหลี่เหลียงผู้เป็นพี่เขยที่มีอำนาจบาตรใหญ่ แต่อันที่จริงนางก็ถือเป็นเหยื่อของพี่เขยคนนี้ ในสายตาของทุกคน นางอ่อนแอน่าสงสาร
แต่เวลานี้แตกต่างกัน หลี่เหลียงถูกนางสังหาร ฮ่องเต้ถูกนางเชิญเข้ามา นางส่งคุณชายรองหยางที่เติบโตมาด้วยกันเข้าคุก บีบบังคับให้เหม่ยเหรินของท่านอ๋องอู๋ปลิดชีวิตของตนเอง ขับไล่ขุนนางอู๋ให้ติดตามท่านอ๋องอู๋ไป ส่วนท่านพ่อของนางประกาศตนว่าไม่ใช่ขุนนางอู๋อีกต่อไป…เวลานี้นางกลายเป็นคนที่วางอำนาจยโสโอหังในเมืองอู๋ แม้แต่จวิ้นโส่ยังต้องหลบเลี่ยง ทหารยามหน้าประตูเมืองไม่กล้าที่จะตรวจค้น
คนเช่นนี้บอกว่าจะส่งยารักษาโรคให้ทุกคนโดยไม่ต้องเสียงเงิน ใครจะกล้ารับ มีเพียงเกรงกลัว
“คุณหนู ข่าวลือเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องจริง” อาเถียนกระทืบเท้าด้วยความขุ่นเคือง
เฮ้อ นางได้ยินข่าวลือที่เกินจริงเกี่ยวกับคุณหนูมากมายเพียงนี้เพราะเดินเล่นลงมาด้านล่างเขา
เรื่องเหล่านี้คุณหนูเป็นคนทำก็จริง แต่ส่งหยางจิ้งเข้าคุกเพราะหยางจิ้งบีบบังคับให้คุณหนูปลิดชีวิตของตนเอง จางเหม่ยเหรินของท่านอ๋องอู๋ถูกบังคับให้ปลิดชีวิตของตนเองเพราะนางต้องการใช้ร่างกายเข้าแลกกับฮ่องเต้ คุณหนูต้องการบังคับให้นางตามท่านอ๋องไป ขับไล่ขุนนางอู๋ยิ่งเหลวไหล คุณหนูไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น ส่วนเฉินเลี่ยหู่ประกาศว่าไม่ใช่ขุนนางอู๋ ไม่ติดตามท่านอ๋องไป…ขุนนางอู๋มากมายทั่วเมืองต่างก็ไม่ติดตามท่านอ๋องไป เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ประกาศเท่านั้น
เหตุใดมีเพียงชื่อเสียงของคุณหนูที่เสียหาย
“เพราะมีคนจงใจปล่อยข่าวเสียหาย” เฉินตันจูยอมรับอย่างสงบ “สอง เพราะเรื่องที่เจ้าทำแตกต่างจากสิ่งที่ทุกคนเห็น”
นางยิ้มให้กับอาเถียน
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ”
อาเถียนเรียกขานคุณหนูอย่างน้อยใจ
เฉินตันจูเงยหน้าแสร้งทำท่าทางหยิ่งยโส “ข้าเป็นคนเลวที่โหดเหี้ยม พวกเขายังไม่ทันรังแกข้า ภายในใจของข้าก็คิดจะรังแกพวกเขาก่อน”
อาเถียนตลกในท่าทางของนาง แต่ภายในใจเศร้าโศก นางหยอกล้อตาม “คุณหนูต้องแสร้งเป็นคนดีก่อนหรือไม่”
อย่างน้อยทำให้เหล่าชาวบ้านไม่กลัวนาง
เฉินตันจูมองไปยังเชิงเขา ส่ายหัว “ไม่ ข้าไม่อยากแสร้งเป็นคนดี”
อีกทั้งนางแสร้งเป็นคนดีไม่ได้ สำหรับคนที่มีชื่อเสียงเสียหายอย่างนางแล้ว เป็นคนดีอาจอยู่ไม่รอด
“ต่อไป…” อาเถียนถาม “จะทำอย่างไร”
ในมือของทุกคนหิ้วตะกร้าที่ถูกบรรจุจนเต็ม ยาบางประเภทวางนานไม่ได้ คุณหนูไม่หลับไม่นอนต้มเองกับมือต้องมาสิ้นเปลืองเช่นนี้? อีกอย่าง ทุกคนล้วนเกรงกลัว จะเปิดร้านยาหาเงินได้อย่างไร
“ยาเหล่านี้ส่งต่อไป” เฉินตันจูพูด “แต่อย่าไปรบกวนทำให้ทุกคนลำบากใจในหมู่บ้าน พวกเราก่อเพิงด้านข้างโรงน้ำชาเชิงเขา วางตู้ยาไว้ข้างทาง”
“แต่ไม่มีคนเอา” อาเถียนพูดอย่างลำบากใจ “ทำอย่างไร”
“ไม่เป็นไร รอ” เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “รอจนทุกคนคุ้นชินก็จะไม่กลัว จากนั้นรอจนคนเป็นโรค ถึงแม้มีความคิดเช่นนี้จะไม่ดี แต่ว่าคนไม่มีทางไม่ป่วย รอจนถึงเวลาพวกเราจะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ทุกคนก็จะยอมรับได้”
อาเถียนพยักหน้า กระปรี้ประเปร่าขึ้นมาอีกครั้ง
“ได้ คุณหนูพูดถูก” นางจับตะกร้าแน่น “พวกเราจะลงไปตั้งเพิงด้านล่างเดี๋ยวนี้”
เฉินตันจูพยักหน้า “ข้าไปทำยาแก้คันแก้พิษจากแมลงกัดต่อยที่ทุกคนยอมรับได้ง่าย”
ใช้บรรเทาอาการเจ็บปวด ไม่ใช้ก็ไม่ตาย คนก็จะไม่มีใจต่อต้านมาก
อาเถียนตอบรับ มองเฉินตันจูเดินขึ้นไปบนเขาอย่างอารมณ์ดี
“อาเถียน” ชุ่ยเอ๋อถามเสียงเบา “แบบนี้จะได้จริงหรือ”
อาเถียนหันไปมองพวกนางด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าได้หรือไม่ได้ คุณหนูอยากทำเรื่องนี้ พวกเราก็ต้องทำ เวลานี้คุณหนูผ่านเรื่องราวมามาย ไม่มีใครอยู่ข้างตัว ย่อมต้องให้นางหาอะไรทำ มิเช่นนั้นนางอาจแบกรับไม่ไหว”
ชุ่ยเอ๋อกระจ่าง อิงกูที่อายุมากยิ่งพยักหน้าตอบรับ “แม่หญิงอาเถียนพูดถูก คนมีชีวิตอยู่ย่อมต้องมีอะไรทำ ต้องมีความหวัง มิเช่นนั้นจะล้มลง เฮ้อ ก่อนหน้านี้คุณหนูล้มป่วยก็เพราะทนไม่ไหว”
ชุ่ยเอ๋อและเยี่ยนเอ๋อพยักหน้า ก่อนจะหันหลังวิ่งลงเขาไป “พวกเราไปก่อเพิง”
…
หวังเจียนคอยเฝ้าจับตาดูทางเฉินตันจู แต่ระยะนี้จู๋หลินมาน้อยครั้งมาก อีกทั้งไม่ได้รายงานเรื่องเฉินตันจูเหมือนก่อนหน้านี้
แม่ทัพหน้ากากเหล็กเองก็รู้สึกประหลาด ให้เฟิงหลินองครักษ์อีกคนไปถามจู๋หลินว่ากำลังทำอะไร
เฟิงหลินกลับมารายงานอย่างรวดเร็วว่าจู๋หลินไม่ได้ทำอะไร ยังคงอยู่กับเฉินตันจู เพียงแต่หลายวันนี้กำลังขอเบิกเงินเดือนปีหน้าทั้งปี…
“เจ้านี่เล่นพนันหรือ” หวังเจียนส่งเสียง
เฟิงหลินส่ายหัว เขาสืบมาแล้ว จู๋หลินไม่ได้เล่นพนัน หากแต่นำเงินไปให้คุณหนูตันจูใช้ นอกจากอาหารข้าวของเครื่องใช้ ระยะนี้คุณหนูตันจูจะเปิดร้านยา จึงขอยืมเงินกับเขา
หวังเจียนกระจ่าง แม่ทัพหน้ากากเหล็กเองก็พยักหน้า เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดระยะก่อนจู๋หลินถึงได้วนเวียนต่อหน้าตนเอง…ขอเงิน
“เจ้านี่ช่าง…” หวังเจียนหัวเราะ มองไปยังแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ก่อนจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขายิ้มร้ายกาจขึ้นมา “คุณหนูตันจูไม่มีเงินแล้ว ท่านแม่ทัพไม่สนใจ?”
เขานึกถึงเรื่องที่เฉินตันจูไล่ขอรับอีกฝ่ายเป็นพ่อบุญธรรมขึ้นมา
แม่ทัพหน้ากากเหล็กเหลือบมองหวังเจียน ย่อมรู้ความคิดของเขา เขาจึงพูดดักเอาไว้ “นางไม่มีเงินเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าไม่ใช่พ่อของนาง” ก่อนจะพูดกับเฟิงหลิน “ให้จู๋หลินเบิกเงินไป จากนั้นเลื่อนขั้นให้เขาหนึ่งขั้น”
ตำแหน่งเลื่อนขั้น เงินเดือนย่อมสูงขึ้น
หวังเจียนหัวเราะ “ท่าทางจะเป็นพ่อบุญธรรมของจู๋หลินเสียแล้ว”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ในสายตาของข้า เหล่าทหารล้วนเป็นลูกรักของข้า ผิดตรงไหนหรือ”