บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 73 ดู
สาวรับใช้อาชิ่นเดินออกมาจากด้านใน เรียกขานคุณหนูสี่
“ข้าอาบน้ำให้คุณชายเล่อแล้ว อีกทั้งป้อนอาหารแล้ว เวลานี้เขาหลับไปแล้ว ให้ข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำเถิด”
เหยาฝูเดินเข้าไปด้านใน “ไม่ต้อง ข้าอาบเองก็พอ เจ้าไปอาบน้ำกินข้าว พักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เจ้าออกไปสืบเสียหน่อยว่าหลายปีนี้มีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง”
ถึงแม้นางจะมีการติดต่อกับทางเมืองหลวงตอนที่อยู่เมืองอู๋ แต่สิ่งที่รู้มีน้อยมาก
อาชิ่นตอบรับ ถามขึ้นด้วยความลังเล “คุณหนู หลายวันนี้จะกลับจวนไปดูหน่อยหรือไม่เจ้าคะ”
เหยาฝูหันหน้ามามองนางอย่างเย็นชา “กลับจวน? พวกเรากลับมาถึงจวนแล้วไม่ใช่หรือ ยังจะกลับจวนไหน”
อาชิ่นก้มหัวตอบรับ
“อาชิ่น ท่านแม่แลพี่ชายข้าซื้อเจ้ามา แต่ซื้อเจ้ามาให้ข้า” เหยาฝูพูดอย่างเย็นชา “เจ้าต้องจำไว้ว่าเวลานี้เจ้าเป็นคนของใคร! ข้าเข้าประตูของท่านลุงแล้ว ไม่มีจวนแห่งอื่น ต่อจากนี้อย่าให้ข้าได้ยินอีก”
อาชิ่นก้มหน้ารับผิด
เหยาฝูเดินมาตรงหน้านาง ลูบแขนของนางแผ่วเบา น้ำเสียงโศกเศร้า “อาชิ่น เวลานี้ข้ามีเพียงตัวข้าเอง คนอื่นพึ่งพาไม่ได้”
อาชิ่นเงยหน้า เผยสีหน้าละอายใจ รู้สึกว่าตนเองไม่ควรพูดเรื่องที่ผ่านมาแล้ว คุณหนูกลายเป็นเช่นนี้ล้วนเริ่มจากนาทีที่ออกจากบ้านมา
นางพึมพำ “อาชิ่นจำไว้แล้ว ต่อจากนี้จะไม่พูดอีก”
เหยาฝูลูบไล้ใบ้หน้าของนาง “รีบไปพักผ่อนเถิด ไม่ว่าเมืองหลวงหรือเมืองอู๋ ข้ามีเพียงเจ้าที่เชื่อใจได้”
อาชิ่นถอยออกไป เมื่อเหยาฝูเห็นนางออกไป สีหน้าโศกเศร้าก็สลายไป นางส่งเสียงฮึออกมา สายตาตกอยู่ที่ลูกเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียงเล็ก สีหน้าผ่อนคลายลง
นางถอนหายใจ เดินไปแกว่งเตียงเล็กเบาๆ
“ลูกที่น่าสงสารของข้า ต่อจากนี้เจ้าจะทำอย่างไร” นางพึมพำ “เดิมทีเพียงแค่บอกไม่ได้ว่าพ่อของเจ้าเป็นใคร เวลานี้แม้แต่พ่อก็ไม่มีแล้ว”
ลำบากมาสามปี นางไม่ได้อะไรแม้แต่น้อย ยกเว้นลูกคนหนึ่ง
หากพ่อของลูกเจริญก้าวหน้า ลูกคนนี้ย่อมเป็นต้นทุนความมั่งคั่งของนาง
แต่พ่อของลูกไม่มีแล้ว ความมั่งคั่งก็ไม่มีแล้ว ลูกคนนี้ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง
นึกถึงเมื่อครู่ที่เหยาซูและฝูชิงบอกว่าผลลัพธ์เรื่องนี้ยังไม่เลว ภายในใจของนางก็คุกรุ่นไปด้วยไฟโกรธ…เหยาซูและพระชายาไม่เอาเรื่องนาง แม่ทัพหน้ากากเหล็กใช้องครักษ์ลับของฮ่องเต้ขับไล่นาง ล้วนเป็นเพราะพวกเขาต่างได้ประโยชน์
ผลลัพธ์ไม่เลวสำหรับพวกเขาคือ ยึดครองเมืองอู๋ได้ ฝ่าบาทดีใจ ขุนนางเหล่านี้ล้วนได้ประโยชน์ นอกจากนาง
นางไม่มีอะไรแล้ว คุณงามความดีในเดิมที ความร่ำรวยมั่งคั่งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ล้วนสลายหายไปตามการตายของหลี่เหลียง…
มือของเหยาฝูกำแน่นริมขอบเตียง ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความแค้น ทุกสิ่งเป็นเพราะเฉินตันจูคนเดียว
เฉินตันจูสังหารหลี่เหลียง แย่งชิงคุณงามความดีของหลี่เหลียง อีกทั้งแย่งชิงทุกสิ่งของนาง
“ข้าไม่มีวันปล่อยนางไป” เหยาฝูกัดฟัน “ข้าต้องแย่งชิงทุกสิ่งของข้ากลับมา”
…
เหยาฝูที่ถูกรับกลับมาในจวนของเหยาซู นางเป็นเพียงบุคคลตัวเล็กๆ ภายในสายตาของฝูชิง หลังจากที่เขาเดินออกจากประตูก็ถูกโยนทิ้งไว้ด้านหลัง ความงามเป็นเพียงส่วนเล็กในแผนการขององค์รัชทายาท สาเหตุที่หลี่เหลียงถูกเกลี้ยกล่อม ไม่ได้เป็นเพียงเพราะความงาม แต่ส่วนสำคัญเพราะอำนาจขององค์รัชทายาท
ฝูชิงกลับมายังจวนรัชทายาทอย่างรวดเร็ว จวนรัชทายาทมีการคุ้มกันแน่นหนา แสงไฟสว่างไสว แต่ว่าเวลานี้องค์รัชทายาทไม่ได้อยู่ในจวน…ฮ่องเต้ออกรบด้วยตนเอง องค์รัชทายาทนั่งบัญชาการดูแลเมือง จึงพักอยู่ในพระราชวังชั่วคราว
ฝูชิงไปพบพระชายา พระชายาเหยาหมิ่นกำลังรอคอยเขาอยู่
“คุณหนูสี่ว่าอย่างไร” นางถามอย่างรีบร้อน
พระชายาอายุมากกว่าเหยาฝูสองปี แต่งงานกับองค์รัชทายาทเมื่ออายุสิบแปด ภายในห้าปีมีโอรสหนึ่งองค์หญิงสอง ถึงแม้รูปลักษณ์จะเทียบเหยาฝูที่พบเมื่อครู่ไม่ได้ แต่ตำแหน่งในราชวงศ์มั่นคงอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้เคยต้องทนรับความลำบากจากเหล่าท่านอ๋อง ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคตอย่างกะทันหัน ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์อย่างบากลำบาก เผชิญหน้ากับเหล่าท่านอ๋องที่ยโสโอหัง เกรงว่าตนเองจะถูกทำร้ายเหมือนพระราชบิดา ราชบัลลังก์ตกเป็นของคนอื่น หลังจากขึ้นครองราชย์ไม่สนใจสิ่งอื่น สิ่งแรกที่ทำคือคัดเลือกพระสนมสืบทอดเชื้อสาย พระสนมไม่ได้รับการรักใคร่เพราะหน้าตา หากแต่เป็นการตั้งครรภ์ ดังนั้นเหล่าองค์ชายก็เป็นเช่นนี้…งานแต่งขององค์รัชทายาทกับตระกูลเหยาในตอนนั้นก็เพราะตอนที่คัดเลือก หมอหลวงหญิงในพระราชวังบอกว่าคุณหนูเหยาง่ายต่อการตั้งครรภ์
องค์รัชทายาทแม้แต่คนยังไม่มอง ไม่สนใจว่าตระกูลเหยาจะเป็นเพียงแค่ตระกูลขุนนางระดับสาม เขาเลือกตระกูลเหยาทันที
พระชายาก็ไม่ทำให้องค์รัชทายาทผิดหวัง ทำให้องค์รัชทายาทได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้
แต่เวลานี้เหล่าท่านอ๋องจะล่มสลายแล้ว ราชวงศ์ที่ไร้การข่มขู่จากเหล่าท่านอ๋องสามารถปลดภาระบนตัวลงได้ในที่สุด ต่อจากนี้พระชายายังจะได้รับความสำคัญหรือไม่…ฝูชิงครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ทำความเคารพต่อพระชายา ก่อนจะบอกต่อคำพูดของเหยาฝู “นางไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเรื่องเกิดกะทันหัน เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด”
เหยาหมิ่นพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่เอาไหน เหยาฝูไม่ได้เรื่อง หลี่เหลียงก็เช่นกัน ข้าคิดว่าจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ดันมาตายไปเช่นนี้ เสียดายแรงใจของฝ่าบาท”
ฝูชิงพูดต่อ “ผู้ลักเล็กขโมยน้อยบอกไม่ได้ว่าคนไหนจะมีประโยชน์ หากไม่มีประโยชน์ก็ปล่อยไป ฝ่าบาทไม่สนใจสิ่งเหล่านี้”
เหยาหมิ่นเคารพรักสามี ย่อมไม่พูดสิ่งไม่ดีของเขา นางถอนหายใจเสียงเบา “ไม่พูดถึงพวกเขาแล้ว ยังดีไม่ได้ก่อให้เกิดเรื่องใหญ่” ก่อนจะกำชับฝูชิง “ถึงจะเป็นเรื่องเล็ก เจ้าก็ไปบอกฝ่าบาทในวังเสียหน่อย”
องค์รัชทายาทรู้นานแล้ว ฝูชิงคิดในใจ แต่ก็ยังคงยิ้มรับ
พระชายาให้เหล่าสาวรับใช้ยกกล่องอาหารขนาดใหญ่สองอันมาอย่างดีใจ “ข้าทำอาหารที่ฝ่าบาทชอบมากที่สุด ให้เจ้าส่งไป”
ฝูชิงตอบรับ ก่อนจะรับไว้ถอยออกไป เขาพาขันทีอีกคนเดินทางไปพระราชวัง
พระราชวังซีจิงตั้งอยู่บนพระราชวังเก่าของราชวงศ์เดิม
พระราชวังของราชวงศ์ก่อนถูกเผาทำลายไปกว่าครึ่ง จักรพรรดิเกาจู่ประหยัดอดออมไม่ได้ให้คนสร้างใหม่ รื้อส่วนที่ไม่อาจซ่อมแซมได้ หากซ่อมแซมได้ก็ซ่อมแซม
เวลานั้นใต้หล้าวุ่นวายสั่นคลอนไม่สงบ จักรพรรดิเกาจู่จดจ่ออยู่กับการหยุดยั้งการจลาจล เมื่อถึงเวลาสวรรคตก็ไม่พูดถึงเรื่องการสร้างพระราชวังใหม่
ต่อมาฮ่องเต้องค์ก่อนต้องเผชิญหน้ากับสงครามห้าเมือง พระราชบัลลังก์ไม่ปลอดภัย จึงไม่มีจิตใจซ่อมแซมพระราชวัง จนกระทั่งเวลานี้
เมืองซีจิง ตำหนักพระราชวังตั้งตระหง่าน แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดยังคงสามารถเห็นถึงความเสื่อมโทรม เพียงแต่ต่อไปไม่ต้องซ่อมแซมแล้ว ฝูชิงคิดภายในใจ…
“ฝูกงกง” ขันทีเรียกขานเสียงเบา ชี้ด้านหน้า “หน้าประตูวังมีรถม้าจำนวนมาก”
ฝูชิงจ้องมองไป พบว่าหน้าประตูวังมีรถสองคันจอดอยู่ ภายในรถแต่ละคันต่างมีชายหนุ่มเดินออก ทั้งสองคนรูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดผ้าไหม อายุยี่สิบสอง ยี่สิบสาม รูปลักษณ์งดงามแตกต่างกัน แต่ระหว่างคิ้วมีความเหมือนกันบางส่วน
“องค์ชายสองและองค์ชายสี่” ฝูชิงพูด “ดูท่าคืนนี้องค์รัชทายาทจะเรียกทุกคนหารือเรื่องสำคัญแล้ว”
องค์ชายสองและองค์ชายสี่ลงจากรถ ทั้งสองเดินเข้าไปภายในพระราชวังด้วยรอยยิ้ม
รถม้าถูกจูงออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ฝูชิงไม่ได้เดินขึ้นหน้า ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก ผ่านไปไม่นานมีรถอีกคันเคลื่อนที่เข้ามา ด้านข้างรถนอกจากมีองครักษ์แล้ว ยังมีชายหนุ่มที่หน้าตาสดใสอีกหนึ่งคน
เขากระโดดลงมาก่อน ก่อนจะพูดกับพี่สามภายในรถ “ท่านช้าหน่อย ด้านนอกมีลม”
ประตูรถถูกเปิดออก ชายหนุ่มที่คลุมผ้ากันลมในฤดูร้อนเดินออกมา อายุยี่สิบกว่า ใบหน้าอ่อนล้า เขากระแอมไอสองที พยักหน้ากับชายหนุ่มที่เป็นห่วงตนเอง
“ฝ่าบาทเรียกท่านมาดึกดื่นเช่นนี้ด้วยเหคุใด พรุ่งนี้เช้าบอกท่านก็พอแล้ว” ชายหนุ่มบ่น ไม่เคารพต่อองค์รัชทายาทอย่างยิ่ง…
บนใบหน้าของฝูชิงไม่มีความไม่พอใจอันใด หากแต่ยิ้มเลือนราง องค์ชายห้าและองค์รัชทายาทล้วนเป็นโอรสของพระมเหสี พี่น้องแท้ๆ สามารถพูดจาบังอาจได้
แตกต่างจากองค์ชายสาม เขายิ้ม “ข้าอ่อนแอเช่นนั้นที่ใดกัน” พูดจบพลางเดินก้าวเท้าเข้าไปในพระราชวัง องค์ชายห้าโยนแส้ม้าให้องครักษ์ ก่อนจะเดินตามขึ้นไป
รถม้าด้านหน้าประตูพระราชวังถูกจูงไป หน้าประตูเงียบลงอีกครั้ง ฝูชิงเร่งม้าเดินขึ้นหน้า เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดลง
“ยังมีองค์ชายอีกองค์ใช่หรือไม่” เขาครุ่นคิดภายในใจ เมื่อสักครู่พบองค์ชายสี่องค์ แต่ฮ่องเต้มีโอรสหกพระองค์…
ขันทีอีกคนพูด “องค์ชายหกหรือ ฝูกงกง องค์ชายหกปกติไม่ออกจากจวน”