บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 72 ซักถาม
เหยาฝูเดินทางมาถึงตระกูลเหยา ชีวิตที่เคยพบเจอกับชนชั้นสูง นางไม่มีวันกลับไปเป็นฝุ่นละอองหนึ่งในตระกูลเหยาอีก แต่ไม่กลับไปก็ไม่มีคู่ที่เหมาะส…องค์รัชทายาทส่งนางกลับมา แสดงว่าไม่หลงใหลในความงาม หากคนอื่นแต่งนางกลับไป ย่อมเป็นการหลงใหลในความงาม
เหยาฝูไม่ยอม บังเอิญราชสำนักทั้งบนทั้งล่างมีใจหนึ่งเดียวกันคิดจะจัดการกับเหล่าท่านอ๋อง องค์รัชทายาทย่อมต้องช่วยคลายกังวลให้ฝ่าบาท แทรกแซงคนเข้าไปในดินแดนของเหล่าท่านอ๋อง ใช้เงินสินบนขุนนาง เวลานี้สายขององค์รัชทายาทคนหนึ่งรายงานว่าติดต่อหลี่เหลียงลูกเขยของท่านมหาราชครูเฉินเลี่ยหู่แห่งเมืองอู๋ได้
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอู๋คือท่านมหาราชครู หากกำจัดท่านมหาราชครูเฉินได้ เมืองอู๋ต้องพังทลาย องค์รัชทายาทตัดสินใจสยบหลี่เหลียง การสยบชายผู้หนึ่งย่อมต้องใช้อำนาจและหญิงงาม องค์รัชทายาทให้ความมั่งคั่งแก่หลี่เหลียงได้ เหยาฝูได้ยินข่าวนี้จึงเสนอตน
ครั้งนี้เป็นโอกาสที่นางจะได้เจริญก้าวหน้า ความงามคืออาวุธของนาง
หลี่เหลียงหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ นางเกลี้ยกล่อมหลี่เหลียงจนสำเร็จ หลี่เหลียงตัดสินใจยอมจำนนต่อองค์รัชทายาท รอเวลารุกรานเมืองอู๋ เมื่อถึงเวลาหลี่เหลียงกลายเป็นขุนนางผู้มีความดีที่ล้มเมืองอู๋ได้ ส่วนนางอาศัยบารมีของสามี พระชายาของรัชทายาทบอกกับนางเป็นการส่วนตัว ในอนาคตสามารถให้ฮ่องเต้พระราชทานตำแหน่งองค์หญิงให้นาง
เวลานี้เวลามาถึงแล้ว แต่สุดท้ายหลี่เหลียงกลับถูกคนสังหาร
เหยาฝูดุจดั่งถูกหมัดหนึ่งชกเข้าจนงุนงง
“ท่านลุง” นางพูดพลางร้องไห้ “ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น”
เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กว่านางจะรู้ ร่างของหลี่เหลียงก็ถูกแขวนประจานแล้ว
“ข้าทำตามคำสั่งของอาเหลียง อยู่ในเมืองอู๋” เหยาฝูร้องไห้ “ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้ข่าวจากอาเหลียงคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินลักตราประทับมาได้แล้ว กำลังจะรีบส่งไป ใครจะคิดว่าตราประทับส่งไปแล้ว แต่อาเหลียงจะถูกสังหาร”
เหยาซูถาม “ข่าวรั่วไหลออกไปหรือ ข่าวรั่วไหลออกไปได้อย่างไร เจ้าบอกว่าบุตรสาวของเฉินเลี่ยหู่รักใคร่หลี่เหลียงอย่างมาก นอกจากนี้สมองว่างเปล่าไม่ใช่หรือ”
คุณหนูใหญ่สมองว่างเปล่า แต่ไม่ได้สังเกตว่าตระกูลเฉินจะมีคุณหนูรอง…เหยาฝูขุ่นเคือง คุณหนูรองนั้นอายุเพียงสิบห้า ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใด
นอกจากสังหารหลี่เหลียงแล้ว ยังคิดจะมาสังหารนาง…
“ไม่รู้ว่าข่าวรั่วไหลไปได้อย่างไร” เหยาฝูสะอื้นไห้ “ทั้งที่อาเหลียงบอกว่าไม่มีใครรู้”
เหยาซูเห็นท่าทางร้องไห้ของนางยิ่งโกรธ…ยังดีที่องค์รัชทายาทไม่ได้หลงเสน่ห์นาง มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลาพระชายาคงต้องโกรธจนหลั่งน้ำตาทุกวัน
“รู้แต่เพียงอาเหลียงพูด อาเหลียงพูด” เขาตำหนิ “เจ้ามีประโยชน์อันใด! เจ้าจดจ่อกับการเป็นบ้านเล็กเลี้ยงบุตรให้คนอื่นเสียจริง? เจ้าลืมแล้วหรือว่าตนเองไปทำอันใด”
เหยาฝูคุกเข่าหลังน้ำตา “ท่านลุง อาฝูผิดไปแล้ว”
“เจ้าผิดมหันต์” เหยาซูพูด “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเวลานั้นฝ่าบาทอยู่ฝั่งตรงข้าม หลี่เหลียงถูกคนสังหาร เพราะมีคนรู้ความลับของพวกเจ้า หากพวกเขาจู่โจมขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฝ่าบาท…”
เขาใช้นิ้วจิ้มไปยังเหยาฝู คำพูดที่เหลือเขาไม่กล้าพูดออกมา
ฝูชิงเห็นว่าเขาสั่งสอนจนพอแล้ว จึงเกลี้ยกล่อมด้วยรอยยิ้ม “ท่านซื่อชิงอย่าขุ่นเคือง ถึงแม้จะมีเรื่องนอกเหนือการคาดการณ์ แต่ยังดีที่ฝ่าบาทยึดครองเมืองอู๋ได้อย่างราบรื่น อีกทั้งกำจัดท่านอ๋องโจวได้เร็วกว่ากำหนด ฝ่าบาทเวลานี้ดีใจอย่างมาก นี่คือผลที่ดี…”
“ฝูชิง แต่มันทำให้น่าหวาดกลัวเสียจริง” เหยาซูขมวดคิ้ว ไม่สนใจเหยาฝูที่ยังคุกเข่าอยู่ พูดเสียงต่ำ “ผลลัพธ์นี้มีอะไรดีต่อองค์รัชทายาท”
เดิมทีหลี่เหลียงล้มเมืองอู๋ สังหารท่านอ๋องอู๋ สิ่งเหล่านี้เป็นคุณงามความดีขององค์รัชทายาท แต่เวลานี้…คุณงามความดีขององค์รัชทายาทหายไปแล้ว
“แต่คนอื่นก็ไม่มีคุณงามความดี” ฝูชิงยิ้ม “เวลานี้ไม่มีการสงคราม คุณงามความดีล้วนเป็นฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ต้องออกรบแต่สามารถทำให้อีกฝ่ายยอมแพ้ได้ ย่อมมีพลานุภาพมากกว่า”
เงื่อนไขขององค์รัชทายาทไม่สูง แค่เพียงคนอื่นไม่มีคุณงามความดี เขาก็ไม่สนใจว่าตนเองจะมีคุณงามความดีหรือไม่
“ขอแค่ไม่มีโทษ แต่ไม่ขอมีคุณงามความดี”
“ดังนั้นเวลานี้ สำหรับองค์รัชทายาทแล้วก็ไม่เลว ท่านซื่อชิงไม่ต้องกังวล”
เหยาซูพยักหน้า เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว ก็คงทำได้เพียงปล่อยไป “กงกงพูดถูก การล้มล้างเหล่าท่านอ๋องเป็นเจตนาของฝ่าบาท เจตนาของฝ่าบาทลุล่วงย่อมดีที่สุด องค์รัชทายาทรักษาเมืองหลวงเอาไว้ให้ดีตามคำสั่งของฝ่าบาทก็พอ”
ฝูชิงยิ้ม “เพราะเป็นกังวลว่าใต้เท้าจะโกรธ ดังนั้นเมื่อได้ข่าวจึงให้ข้ามาดู” เขามองไปยัง เหยาฝูที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “คุณหนูสี่ไม่ต้องรีบไปพบพระชายา กลับมาแล้วก็พักผ่อนในจวนให้สบาย”
เหยาซูถอนหายใจอย่างดีใจ “พระชายาคำนึงรอบคอบ ผู้เป็นพ่ออย่างข้ากลับต้องทำให้นางเป็นกังวล” ก่อนจะมองเหยาฝูด้วยใบหน้าดำทะมึน “ลุกขึ้นมาเถิด พระชายาและองค์รัชทายาทไม่เอาโทษเจ้า”
เหยาฝูก้มกราบด้วยเสียงสะอื้น “ขอบพระทัยพระชายา ขอบพระทัยองค์รัชทายาท”
เหยาซูไม่สนใจนาง พูดต่อฝูชิง “ข้าได้ข่าวว่าฝ่าบาทจะอพยพเมืองหลวง?”
ฝูชิงพยักหน้า “ฝ่าบาทส่งจดหมายลับมา กำลังหารือกับองค์รัชทายาท…”
เขาพูดถึงตรงนี้ก็หยุดลง
เหยาซูเห็นเหยาฝูยังยืนอยู่ ขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงยังไม่ถอยไป”
เหยาฝูที่เงี่ยหูฟังตอบรับ ก้มหน้าถอยออกไป
จวนตระกูลเหยาใหญ่อย่างมาก นางอายุสิบหกถูกรับมายังจวนตระกูลเหยา พักอยู่ในจวนสองปี ต่อมาออกจากเมืองหลวงไปเมืองอู๋ กระทั่งเวลานี้มีสามปีที่ไม่ได้กลับมาแล้ว
เหยาฝูยืนอยู่บนทางด้วยความฉงน จำไม่ได้ว่าที่พักของตนเองอยู่ที่ใด
“คุณหนูสี่?” สาวรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูถามด้วยความเป็นห่วง “ต้องการให้ข้าทำอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
เหยาฝูยิ้มขอบคุณให้นาง พูดเสียงเบา “ข้าจำทางไม่ได้แล้ว เจ้าพาข้ากลับไปเถิด”
สาวรับใช้หัวเราะ “คุณหนูสี่ลืมทางในจวนเสียแล้ว ตามข้ามาเถิด”
เหยาฝูยิ้มขอบคุณ เดินอยู่ด้านหลังของสาวรับใช้ บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย จ้องมองแผ่นหลังของสาวรับใช้อย่างโหดเหี้ยม…ทางในจวน? ที่นี่เป็นจวนของนางหรือ แต่ละคนที่นี่ล้วนไม่เห็นนางเป็นคนในจวน ถึงแม้จะเรียกนางว่าคุณหนูสี่ แต่ภายในใจภายในดวงตาล้วนแสดงออกถึงความดูถูก
ความโหดเหี้ยมปรากฏเพียงชั่วพริบตา เหยาฝูหลุบตาต่ำลง พูดคุยกับสาวรับใช้เสียงเบา ถามว่าฮูหยินสบายดีหรือไม่ พระชายาสบายดีหรือไม่ คุณหนูและคุณชายคนอื่นในจวนสบายดีหรือไม่ ก่อนจะถูกสาวรับใช้ส่งไปถึงที่พักอย่างรวดเร็ว
ที่พักของเหยาฝูเป็นหอที่อยู่โดดเดี่ยว เหมือนดั่งเหล่าคุณหนูและคุณชายภายในจวน ประณีตน่านัก ถึงแม้นางจะกลับมาอย่างเร่งรีบ แต่ด้านในและด้านนอกของหอล้วนเก็บกวาดอย่างสะอาด ไม่มีฝุ่นแม้แต่น้อย เวลานี้ทุกหนแห่งสว่างไปด้วยแสงไฟ ภายใต้ทางเดินมีสาวรับใช้สองคนเดินเข้ามา
“คุณหนูสี่ น้ำร้อนเตรียมเสร็จแล้ว พวกข้าปรนนิบัติท่านอาบน้ำเถิด”
“คุณหนูสี่ อาหารก็เตรียมไว้แล้ว ท่านจะกินเวลานี้หรือไม่”
เหยาฝูยิ้มให้พวกนาง “ข้าทำเองก็พอ พวกท่านก็เหนื่อยแล้ว ไปพักเถิด”
เหล่าสาวรับใช้ไม่ได้บังคับ เพียงแค่เหลือสาวรับใช้สองคนเอาไว้รับคำสั่ง ก่อนจะถอยออกไป
เหยาฝูเดินเข้าภายในห้อง แต่ไม่ได้เดินเข้าไปด้านในทันที นางอยู่ด้านหลังม่านประตูเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของเหล่าสาวรับใช้ในหอ
“…เด็กคนนี้โตขนาดนี้แล้ว…”
“…คุณหนูสี่มีความสามารถเสียจริง คลอดลูกออกมา…”
“…เห็นได้ชัดว่าคนนั้นชื่นชอบนางมาก…”
“…แล้วอย่างไร คนก็ตายไปแล้วอยู่ดี…”
“…ซู่…”
เสียงพูดคุยกับเสียงฝีเท้าห่างออกไปไกล
เหยาฝูลืมตาขึ้น สายตาเผยให้เห็นความเกลียดแค้น ดูสิ พวกนางกำลังดูสนุกเรื่องของตนเอง