บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 51 ฝันเก่า
งานวัดฤดูหนาวในปีนั้นฝนตกพอดี เฉินตันจูพบชายผู้เมาสุรานอนอยู่ท่ามกลางหิมะบนภูเขา
เฉินตันจูคิดว่าเขาหนาวตายไปแล้ว จึงรีบรักษาให้เขา เขาพึมพำไม่หยุด “ละครที่แสดง ใต้เท้าโจว ใต้เท้าโจวน่าสงสารมาก”
เฉินตันจูได้กลิ่นสุรา ก่อนจะมองหนวดเคราของชายผู้นี้ คิดว่าอีกฝ่ายเป็นชายขอทาน ชายขอทานดูละครนั้นยังรู้สึกฮึกเหิม นางนำหิมะถูไถบนมือและใบหน้าของเขาอย่างแรง พลางตอบรับพลางปลอบใจ “อย่าเสียใจ ฝ่าบาทแก้แค้นให้ใต้เท้าโจวแล้ว ท่านอ๋องโจวและท่านอ๋องอู๋ล้วนถูกประหารแล้ว”
ชายขอทานหัวเราะ หัวเราะไปก่อนจะร้องไห้ออกมา “แก้แค้นไม่ได้ แก้แค้นไม่ได้ คนที่แก้แค้นคือศัตรู ศัตรูไม่ใช่เหล่าท่านอ๋อง คือฮ่องเต้…”
เฉินตันจูมือสั่น ใช้หิมะถูบนจมูกและปากของชายผู้นั้น ชายผู้นั้นสลบไป เวลานี้บริเวณเชิงเขามีเสียงฝีเท้าดังขึ้น นางรีบหลบไปอยู่ด้านหลังหิน ก่อนจะเห็นบ่าวรับใช้ที่แต่งตัวดีกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา…
“ โหวเหยีย [1] อยู่ทางนี้!” คนเหล่านั้นตะโกน “หาเจอแล้ว เร็วเข้า เร็วเข้า โหวเหยียอยู่ทางนี้”
คนกลุ่มหนึ่งล้อมชายผู้เมาสุราเอาไว้ก่อนจะยกลงเขาไป เฉินตันจูที่อยู่ด้านหลังหินตกตะลึงอย่างมาก ชายที่เหมือนขอทานคนนี้เป็นโหวเหยีย?
หลังจากกำจัดเหล่าท่านอ๋องแล้ว ฮ่องเต้ราวกับฝังใจต่อเหล่าท่านอ๋อง ไม่ยอมสถาปนาอ๋องให้แก่เหล่าพระราชโอรส ยศโหวที่สถาปนาก็น้อยมาก สิบปีนี้มียศโหวเพียงหนึ่งเดียว…บุตรชายของโจวชิง คนเรียกโจวโหวน้อย
เฉินตันจูตกตะลึงอยู่ด้านหลังหิน ชายผู้นี้คือบุตรชายของโจวชิง?
นึกถึงคำพูดของเขาเมื่อครู่ มือสังหารที่สังหารโจวชิงเป็นคนของฮ่องเต้…
ตอนนั้นเฉินตันจูคิดว่านางต้องตายในไม่ช้า คำพูดนี้ถูกนางได้ยินเข้า ชายผู้นั้น…โจวโหวน้อยต้องมาปิดปากนางอย่างแน่นอน
นางอกสั่นขวัญเเขวน แต่ก็ตื่นเต้นขึ้นมา หากโจวโหวน้อยนี้มาปิดปากนาง คนของเขากับคนของ
หลี่เหลียงจะปะทะกันหรือไม่ ทำให้เขาเข้าใจผิดว่าหลี่เหลียงก็รู้เรื่องนี้ เช่นนี้ปิดปากหลี่เหลียงได้ด้วยหรือไม่
นางคิดหาวิธีทุกวันทุกคืน แต่ไม่มีผู้ใดมาสังหารนาง ผ่านไปสักพักนางแอบไปสืบ พบว่าโจวโหวน้อยตายแล้ว ดื่มสุราตากหิมะทำให้ล้มป่วย หลังจากกลับไปก็ไม่ดีขึ้น สุดท้าย…
เฉินตันจูไม่สบายใจเล็กน้อย ตนเองไม่ควรใช้หิมะถูจมูกและปากของเขา…หากช่วยเขาเสียหน่อย แต่หลังจากที่นางถูจมูกและปากของเขา บ่าวรับใช้ของเขาก็มาถึง ถือว่าช่วยทันเวลาอย่างมากแล้ว
ดังนั้นโหวเหยียนี้ไม่มีโอกาสหรือไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดถูกนางได้ยินเข้า?
เรื่องนี้ผ่านไปอย่างไร้ร่องรอย เฉินตันจูนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในบางครั้ง รู้สึกว่าการตายของโจวชิงอาจเป็นฝีมือของฮ่องเต้จริง เมื่อโจวชิงตาย ผู้ใดได้รับประโยชน์ที่สุด
เหล่าท่านอ๋องกำจัดโจวชิงเพราะพระราชโองการเรียกคืนพื้นที่ศักดินา แต่พระราชโองการนี้ออกมาจากฮ่องเต้ หากฮ่องเต้ไม่เรียกคืน โจวชิงผู้เสนอออกมาตายไปก็ไร้ประโยชน์
หากโจวชิงถูกลอบสังหาร ฮ่องเต้ก็มีเหตุผลใช้กำลังกับเหล่าท่านอ๋อง
“คุณหนูรอง คุณหนูรอง” อาเถียนเรียก ใช้มือเขย่านางเบาๆ
เฉินตันจูตั้งสติกลับมา รู้สึกหนาวเหมือนอยู่ในฤดูหนาว
“คุณหนูรองเป็นอะไรเจ้าคะ” อาเถียนถามอย่างกังวล “ไม่สบายหรือไม่เจ้าคะ”
ไม่สบายหรือ ไม่มี รู้เรื่องนี้ทำให้รู้จักฮ่องเต้มากขึ้น…เฉินตันจูยิ้มให้อาเถียน “ไม่มี ข้าสบายดี จัดการเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว”
อาเถียนโล่งใจ พลางเสนอ “เวลาที่น่ายินดีเช่นนี้ คืนนี้เราต้องกินของอร่อย”
เฉินตันจูหัวเราะ “ดื่มสุราอีกหน่อย”
“ใช่” อาเถียนทำหน้าดีใจ “ครั้งก่อนคุณหนูบอกว่าเหล้าไป่ฮวาของหอจุ้ยเฟิงอร่อย พวกเราผ่านหอจุ้ยเฟิง ซื้อสักเหยือก”
เฉินตันจูพยักหน้าตอบรับด้วยรอบยิ้ม สุราที่ดื่มตั้งแต่สิบปีที่แล้วนางจำไม่ได้ว่าอร่อยหรือไม่ ตอนนี้ลองชิมอีกสักครั้ง
อาเถียนเปิดม่านอย่างดีใจ “จู๋หลิน”
จู๋หลินหันหน้ากลับมา เห็นใบหน้ายิ้มหวานของอาเถียน
นางพูด “ผ่านหอจุ้ยเฟิง แวะซื้อเหล่าไป่ฮวาหนึ่ง…ไม่ สองเหยือก”
มือที่ถือแส้ม้าของจู๋หลินจับถุงเงินบนเอวเอาไว้…เงินเดือนเดือนหน้า ท่านแม่ทัพให้ก่อนได้หรือไม่
เฉินตันจูกลับไปยังอารามดอกท้อ ดื่มเหล้าหนึ่งเหยือก ทานอาหารหมดโต๊ะ ก่อนจะนอนหลับไปในค่ำคืนแห่งฤดูร้อน
ค่ำคืนนี้ เฉินตันจูฝัน
หลังจากเกิดใหม่ในอายุสิบห้า ถึงแม้จะนอนสลบตอนป่วย แต่นางไม่เคยฝันสักครั้ง อาจเป็นเพราะฝันร้ายอยู่ตรงหน้า ไม่มีแรงที่จะฝันอีกแล้ว
เวลานี้อันตรายเหล่านั้นกำลังสลายไป หรืออาจเพราะวันนี้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อชาติก่อน เฉินตันจูจึงฝันถึงชาติก่อน
ภูเขาดอกท้อถูกหิมะปกคลุม นางไม่เคยเห็นหิมะตกหนักขนาดนี้มาก่อน…เมืองอู๋ไม่เคยมีหิมะที่ตกหนักขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าอยู่ในฝัน นางรู้ดีว่าตนเองกำลังฝัน
นางกางร่มเดินอยู่บนภูเขา มันเป็นความเคยชินในการออกกำลังของนาง เห็นคนในตระกูลตายต่อหน้าต่อตา ตนเองป่วยจนเกือบตาย ใช้เวลาหนึ่งปีถึงตั้งตัวได้ นางตายไม่ได้ นางยังไม่ได้แก้แค้น นางต้องรักษาตัวให้ดี อยู่บนภูเขาไม่อาจขี่ม้ายิงธนู นางจึงปีนภูเขาขึ้นลงทุกวัน ไม่ว่าลมโหมกระหน่ำหรือฝนตกล้วนไม่เคยหยุด
ภูเขาทั้งลูกถูกหิมะปกคลุม เฉินตันจูราวกับเดินอยู่บนก้อนเมฆ จากนั้นเห็นชายผู้เมาสุรานอนอยู่บนพื้นหิมะ…
เฉินตันจูรู้ว่าอยู่ในฝัน ดังนั้นจึงไม่ได้หลบออกไปเหมือนครั้งนั้น หากแต่เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ชายผู้นั้นนอนอยู่ท่ามกลางหิมะ ในมือถือเหยือกสุราดื่มไม่หยุด
เฉินตันจูเดินไปทางเขา คิดจะถามให้กระจ่าง “บิดาของท่านถูกฮ่องเต้สังหารจริงหรือ” แต่ไม่ว่านางจะวิ่งอย่างไรก็วิ่งไปไม่ถึง
ชายผู้นั้นดื่มเหล้าจนหมดเหยือก ทิ้งเหยือกเหล้าไปก่อนจะลุกขึ้นจากพื้น เดินจากไปอย่างโซซัดโซเซ
“ท่านคือท่านโหวหรือ” เฉินตันจูถามเสียงดัง “ท่านเป็นบุตรของโจวชิง?”
เขาหันกลับมามองนาง ไม่พูดอะไร จากนั้นยิ่งเดินยิ่งไกล
เฉินตันจูทำได้เพียงยืนนิ่ง ช่างเถิด อันที่จริงใช่หรือไม่ ไม่สำคัญกับนาง
เฉินตันจูยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ ข้างหูเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวก นางหันไปมองพบว่าเชิงเขามีคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่าน เป็นทิวทัศน์ประจำของภูเขาดอกท้อ ทุกวันล้วนมีคนผ่านไปมา
เฉินตันจูถือร่มมองคนบนเชิงเขานิ่งงัน เหมือนทุกวันเมื่อสิบปีก่อน จนกระทั่งสายตาของนางมองเห็นคนคนหนึ่ง คนนั้นเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่า บนหลังแบกชั้นตำรา ใบหน้าเปื้อนฝุ่น…
เฉินตันจูตะโกนเสียงดัง ทิ้งร่มลง วิ่งไปยังเชิงเขา
“จางเหยา…จางเหยา…” นางตะโกนเสียงดัง โบกมืออย่างออกแรง น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตา
ร่างเลือนรางของชายหนุ่มชัดเจนขึ้น เขาหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงเรียก เงยหน้าขึ้นมองมาบนภูเขา ใบหน้านั้นงดงามสดใส ดวงตาดุจดวงดาว
เฉินตันจูวิ่งไปไม่ถึง ไม่ว่าวิ่งอย่างไรก็ทำได้เพียงมองเขาอยู่ไกลๆ เฉินตันจูสิ้นหวังเล็กน้อย แต่ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า ทำได้เพียงบอกเขา ให้เขาได้ยินก็พอ
“จางเหยา เจ้าอย่าไปเมืองหลวง” นางตะโกน “เจ้าอย่าไปตระกูลหลิว เจ้าอย่าไป”
ชายผู้นั้นไม่รู้ว่าได้ยินหรือไม่ เขาเพียงยิ้มให้นาง ก่อนจะหันหลังเดินไปยังเมืองหลวงพร้อมสหาย ยิ่งเดินยิ่งไกล…
เฉินตันจูปล่อยโฮออกมา นางลืมตาขึ้น ด้านนอกม่านสว่างจ้า กระดิ่งที่แขวนอยู่ด้านล่างเชิงชายของทางเดินส่งเสียงออกมาเบาๆ สาวรับใช้เดินผ่านไปมาพูดคุยกันอย่างแผ่วเบา…
เฉินตันจูกุมหน้าอกเอาไว้ รับรู้ถึงการขึ้นลงอย่างรุนแรง ลำคอแสบร้อนอย่างมาก…
“คุณหนู” อาเถียนเดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมชาอุ่น “ท่านตื่นแล้ว ดื่มให้ชุ่มคอเจ้าค่ะ”
นางเปิดม่านขึ้น เห็นสีหน้าตะลึงของเฉินตันจู… “คุณหนู? เป็นอะไรไปเจ้าคะ”
เฉินตันจูลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ “ไม่เป็นไร ข้าแค่…ฝัน”
——————————————-
[1] โหวเหยีย หมายถึง คำที่เรียกนายท่านของจวนโหว หรือบุตรที่จะรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าของจวนโหว