บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 48 เรื่องน่าขัน
จางเหม่ยเหรินทำสีหน้าเศร้าโศก น้ำเสียงอ่อนเพลีย
“คุณหนูตันจูพูดถูก ข้า สมควรตาย”
นางมองไปยังฮ่องเต้ ฮ่องเต้ถูกเหม่ยเหรินจ้องมอง คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อย ภายในดวงตาฉายแววเสียดาย แต่ไม่ได้พูดอันใด…
เป็นเพียงความสนุกชั่วค่ำคืน ชายผู้นี้พึ่งพาไม่ได้ สายตาของเหม่ยเหรินเคลื่อนผ่านจากยังฮ่องเต้ไปยังท่านอ๋องอู๋ สีหน้าของนางทั้งสิ้นหวังทั้งหมดหนทาง
“ท่านอ๋อง ข้าติดตามท่านอ๋องไม่ได้แล้ว ข้าไปก่อน”
ท่านอ๋องอู๋ลุกพรวดขึ้น เสียงฉีกขาดของเสื้อที่ถูกเหวินจงทับเอาไว้ดังนั้น เหวินจงถูกพาล้มไปทางด้านหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว…
“เหม่ยเหริน!” ท่านอ๋องอู๋ไม่สนใจเขา เขาวิ่งมาจากที่นั่งด้วยเสื้อผ้าที่ขาด กอดจางเหม่ยเหรินที่กำลังจะล้มลงได้ทันเวลา “เหม่ยเหริน…”
จางเหม่ยเหรินอิงอยู่ในอ้อมกอดของท่านอ๋องอู๋ มองเขาด้วยดวงตารื้นน้ำตา “ท่านอ๋อง ท่านอย่าได้คิดถึงข้ามาก ทำให้เรื่องใหญ่ต้องล่าช้า ข้าอยู่ข้างล่างก็ไม่อาจสบายใจได้…”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว” หัวใจของท่านอ๋องอู๋จะแหลกสลาย เขากอดเหม่ยเหรินเอาไว้แน่น จากนั้นถลึงตาใส่เฉินตันจูด้วยความโกรธเคือง “เฉินตันจู ข้าให้เหม่ยเหรินพักฟื้นอยู่ในวังเอง เจ้าอย่าได้พูดเหลวไหล”
ทันทีที่สิ้นเสียง ภายในตำหนักเงียบสงัดลงอีกครั้ง
จางเหม่ยเหรินที่แอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของท่านอ๋องอู๋เผยดวงตาออกมาจากใต้แขนเสื้อ ยิ้มโหดให้เฉินตันจู ดูเจ้าจะทำอย่างไร เจ้าดุอีกด่าอีก…
นางคิดเช่นนี้ ก่อนจะเห็นว่าหัวของเฉินตันจูตรงหน้าก้มต่ำลง ปิดหน้าร่ำไห้ “ท่านอ๋อง…”
จางเหม่ยเหรินกัดฟัน หญิงร้ายกาจ! นางรู้ว่าจะรับมือกับท่านอ๋องอู๋อย่างไร!
เมื่อท่านอ๋องอู๋เห็นเฉินตันจูก้มหน้าร่ำไห้ เขาสยบความโกรธลงทันใด อันที่จริงคุณหนูตันจูก็ทำเพื่อตนเอง รีบพูดขึ้น “เจ้าก็อย่าร้องไห้ เรื่องนี้ หากเจ้ามาถามข้าก่อนก็จะไม่เข้าใจผิดแล้ว…”
มาถามท่านก่อน ท่านย่อมต้องให้ข้าทำเช่นนี้ จากนั้นตกใจฮ่องเต้ เมื่อเหม่ยเหรินร้องไห้ก็รีบส่งข้าออกมาตาย เหมือนในตอนนี้ เฉินตันจูหัวเราะอยู่ในใจแล้ว
จางเหม่ยเหรินร้องไห้ หญิงงามอีกคนก็ร้องไห้ บรรยากาศแปลกประหลาดในตำหนักก่อนหน้านี้สลายไปทันที
เหล่าขุนนางต่างผงะ ราวกับอยากพูดอันใดบางอย่างแต่ก็ไร้คำพูด ขุนนางเก่าแก่ที่ฮึกเหิมในเดิมทีเห็นว่าตรงหน้ากลายเป็นเรื่องน่าขัน ดวงตาของพวกเขาก็ฟื้นความมัวหมองกลับมา
“พวกเจ้าอย่าร้องไห้” เสียงของฮ่องเต้ลอยมาจากด้านบน “ไม่ได้กำลังพูดถึงเรื่องที่ข้าไร้คุณธรรมหรือ”
ขุนนางในตำหนักต่างก้มหน้า สายตาของท่านอ๋องอู๋หลบหลีก เมื่อเห็นไม่มีคนออกมาพูด จึงทำได้เพียงมองไปยังฮ่องเต้ “ฝ่าบาท เป็นเรื่องเข้าใจผิด” ก่อนจะเร่งเร้าเฉินตันจู “รีบรับผิดต่อฝ่าบาท!”
เฉินตันจูเช็ดน้ำตา “ข้าไม่ผิด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด ถึงแม้ท่านอ๋องจะให้จางเหม่ยเหรินอยู่ต่อ ฝ่าบาทก็ไม่ควรรั้งเอาไว้ ฝ่าบาททำเช่นนี้เป็นเรื่องผิด”
ไม่สนแล้ว เจ้าอยากตายเจ้าก็ไปตายเอง ท่านอ๋องอู๋ส่งเสียงไม่พอใจภายในใจ น่ารำคาญเหมือนกับท่านมหาราชครูเฉิน
ฮ่องเต้มองเฉินตันจู หัวเราะเสียงเย็น “หากข้าไม่รับผิด?”
รีบลากนางออกไปประหารเสีย จางเจี้ยนจวินและจางเหม่ยเหรินตะโกนภายในใจพร้อมกัน
เฉินตันจูหัวเราะ “ฝ่าบาทลงโทษข้าเถิด ข้าทำเพื่อท่านอ๋องของตนเอง อย่าว่าแต่รับโทษ ให้ข้าตายก็ย่อมได้”
จางเจี้ยนจวินทั้งโกรธทั้งตกตะลึง ต้องไร้ยางอายเพียงใดถึงพูดเช่นนี้ออกมาได้
“เฉินตันจู เจ้าข่มขู่ฝ่าบาท?” เขาคุกเข้าร้องไห้ “ฝ่าบาท ข้าก็ทำเพื่อท่านอ๋องของตนเอง ขอให้ฝ่าบาทลงโทษคนผู้นี้เสีย เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาแบบ ใช้ข้ออ้างทำเพื่อท่านอ๋องอู๋ ทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องอู๋”
ฮ่องเต้มองภายในตำหนัก สายตาจับจ้องไปยังท่านอ๋องอู๋ “น้องข้า เจ้าว่าอย่างไร ขุนนางของเจ้าล้วนทำเพื่อเจ้า”
ท่านอ๋องอู๋ตะลึง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ไม่อาจรั้งมาไว้กับตัวได้
“ฝ่าบาท” ท่านอ๋องอู๋รีบพูด “ขุนนางของข้าก็เป็นของฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินเถิด”
เฉินตันจูแอบก่นด่าภายในใจ โชคดีที่ไม่ใช่ท่านพ่อมา
ฮ่องเต้สะบัดมืออย่างรำคาญใจ “เอาเถิด เอาเถิด เจ้ารีบพาจางเหม่ยเหรินของเจ้าไปเถิด ถึงแม้จางเหม่ยเหรินของเจ้าจะตายอยู่บนทาง ข้าก็ไม่กล้ารั้งเอาไว้แล้ว”
ท่านอ๋องอู๋ดีใจ “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ขอบคุณ? ขอบคุณอันใด ขอบคุณที่ฮ่องเต้รั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้คืนให้แล้ว? เหวินจงทนฟังต่อไปไม่ได้ แม่นางคือหายนะ แต่ครั้งนี้ไม่ได้หายนะเพราะจางเหม่ยเหริน หากแต่เป็นเฉินตันจูแทน
เหวินจงหันไปมองเฉินตันจูอย่างขุ่นเคือง แต่ทันทีที่เขามองไปก็พบว่าแม่นางที่กำลังเช็ดน้ำตามองมายังเขา น้ำตายังไม่อาจปิดบังความโหดเหี้ยมในดวงตาของนางได้…
แม่นางนี้ไม่อาจเป็นศัตรูด้วยได้ เหวินจงตกใจ อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่ได้ เขาหลุบตาต่ำยืนขึ้น
“ท่านอ๋อง” เขาพูด “ในเมื่อต้องพาจางเหม่ยเหรินเดินทางไปด้วย ยังมีเรื่องอีกมากต้องเตรียมการ ไต้ฟู รถม้า ยา…พวกเรารีบไปเตรียมเถิด”
ใช่ๆ จางเหม่ยเหรินเดินทางไกลเช่นนั้น ร่างกายอ่อนแอนี้ต้องระวังให้ดี ท่านอ๋องอู๋รีบตอบรับ ก่อนจะโอบเหม่ยเหรินเดินออกไปด้านนอก เดินไปไม่กี่ก้าวถึงนึกขึ้นได้ว่าต้องบอกฮ่องเต้ก่อน ฮ่องเต้สะบัดมือ ไม่อยากมองเขา
ท่านอ๋องอู๋โอบจางเหม่ยเหรินจากไป เหล่าขุนนางคนอื่นยังคงผงะอยู่
ฮ่องเต้พูดเสียงเย็น “พวกเจ้ายังไม่ไปอีก? ขุนนางอู๋อย่างพวกเจ้ามียังสิ่งใดต้องการตำหนิข้าอีกหรือ”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างตั้งสติกลับมา ก่อนจะจากไปยังตื่นตระหนก ช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี
จางเจี้ยนจวินเดินออกไปด้านหน้าอย่างหมดหวัง จบสิ้นแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
“เฉินตันจู” เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้น “เจ้าอย่าเพิ่งไป เรื่องของเจ้าข้ายังพูดไม่จบ”
เฉินตันจูที่ปะปนอยู่ในเหล่าขุนนางชะงักฝีเท้าลง คนบริเวณรอบด้านรีบออกห่างจากนาง เดินออกจากตำหนักใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นภายในตำหนักเหลือเพียงเฉินตันจู
“เฉินตันจู” ฮ่องเต้มองนางจากด้านบน “เจ้าทำเพื่อท่านอ๋องอู๋อย่างสุดกำลังแรงใจเสียจริง”
หวังเจียนที่อยู่ด้านนอกตำหนักส่งเสียงไม่พอใจออกมา “สมควร หาเรื่องเอง เสียดายที่ท่านแม่ทัพหาโอกาสให้นางได้รับความเชื่อใจจากฝ่าบาท” หันไปมองแม่ทัพหน้ากากเหล็ก “ท่านแม่ทัพยังไม่เข้าไปหรือ สองครั้งก่อนล้วนเป็นท่านแม่ทัพพูดคำพูดยโสเหล่านั้นแทนนาง ครั้งนี้นางเป็นคนเดินมาปะทะหน้าฝ่าบาทเอง…นิสัยของฝ่าบาทท่านก็รู้ หัวของนางอาจจะหลุดออกมาได้”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กบอกให้เขาเงียบอีกครั้ง
หวังซินแสเหยียดเท้ามองเข้าไปภายในตำหนัก เห็นเพียงแม่นางเงยหน้าขึ้น
“ฝ่าบาท” เฉินตันจูพูดอย่างจริงใจ “ข้าไม่ได้ทำเพื่อท่านอ๋องอู๋ ข้าทำเพื่อฝ่าบาท…หากข้าไม่รั้งจางเหม่ยเหรินเอาไว้ ท่านคงต้องถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ไร้คุณธรรม”
ด้านนอกเหมือนมีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่วเบา
เวลานี้ภายในตำหนักเงียบสงัด เฉินตันจูได้ยินเสียงนั้นจึงหันไปมองเล็กน้อย แต่เสียงหัวเราะหายไปอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ไม่มีขันที องครักษ์หรือว่านางในหัวเราะอยู่กระมัง?
หูฝาด?
นางดึงสายตากลับมา เห็นฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนราชบัลลังก์ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเคร่งขรึมขึ้นมา
“เฉินตันจู” เขาพูดพร้อมขมวดคิ้ว “เข้าใจผิดว่าข้าเป็นผู้ไร้คุณธรรมมีเพียงแค่เจ้าเสียกระมัง”
“ไม่แน่” เฉินตันจูถอนหายใจเสียงเบา “แต่ผู้ที่กล้าพูดต่อหน้าฝ่าบาท คงมีแค่ข้าคนเดียว… ฝ่าบาท คำพูดที่จริงใจมักฟังขัดหู ยาดีมักมีรสขม”
ฮ่องเต้หัวเราะเฮอะออกมา “ข้าต้องขอบคุณเจ้า?”
เฉินตันจูก้มหน้าตอบ “ไม่ต้อง”