บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 463 แตกต่าง
บรรดาเด็กน้อยที่เฝ้าอยู่หน้าหมู่บ้านต่างรู้สึกว่าบรรยากาศภายในหมู่บ้านไม่เหมือนเดิมนัก
หน้าเรือนของตาเฒ่าเฉินขาเป๋มีคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้สวมชุดเกราะ แต่ก็ยังคงน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย
แต่มันก็ไม่ได้สำคัญนัก นับแต่ตาเฒ่าเฉินขาเป๋กลายเป็นแม่ทัพใหญ่ นอกประตูเรือนก็มักมีคนที่น่าเกรงขามไปมาอยู่บ่อยครั้ง
พวกเขาจะยืนเฝ้ายามอย่างตั้งใจ ภายหน้าพวกเขาก็สามารถกลายเป็นคนที่น่าเกรงขามเช่นเดียวกัน
บรรดาเด็กน้อยถือหอกไม้พลันยืดหลังตรง…ตาเฒ่าเฉิน ไม่ใช่ ท่านแม่ทัพเฉินเป็นคนทำให้พวกเขาเอง
ภายในเรือน แผ่นหลังของฉู่อวี๋หยงก็ตั้งตรงราวกับหอก ถึงแม้เขาจะเป็นเช่นนี้เสมอมา แต่เวลานี้เขาก็ยังคงเกร็งเล็กน้อย
เฉินตันจูยื่นมือจิ้มหลังของเขา พลันหัวเราะคิกคัก
เฉินตันเหยียนดึงมือของน้องสาวออก พลางพูดกับฉู่อวี๋หยงด้วยรอยยิ้ม “รีบเข้าไปเถิดเพคะ ท่านพ่ออยู่ที่เรือนด้านหลัง หม่อมฉันบอกกับท่านแล้ว ท่านกำลังรอพบพระองค์”
ฉู่อวี๋หยงพยักหน้าพลันก้าวขาออกไป
เฉินตันจูใช้มือป้องปากอยู่ด้านหลัง “ต้องให้หม่อมฉันไปด้วยหรือไม่ หม่อมฉันเป็นสมบัติล้ำค่าของท่านพ่อเชียวนะ หากท่านไม่ชื่นชอบพระองค์ขึ้นมา หม่อมฉันสามารถช่วยพระองค์ได้”
ฉู่อวี๋หยงดึงมือของหญิงสาวลง “เจ้าก็เป็นสมบัติล้ำค่าของข้า ข้ากับท่านแม่ทัพเฉินล้วนเป็นบุรุษที่รู้คุณค่าของสิ่งของ พวกเราย่อมมีความเห็นใจซึ่งกันและกัน”
เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจ
“ตันจูหยุดเล่นได้แล้ว” เฉินตันเหยียนพูด พลันทำท่าเชิญต่อฉู่อวี๋หยง “เชิญองค์รัชทายาททางนี้เพคะ”
ฉู่อวี๋หยงพยักหน้าพลันเดินไปทางเรือนด้านหลัง
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นฉู่อวี๋หยงเดินไปทางเรือนด้านหลัง เฉินตันจูก็ยังคงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“ท่านพี่” นางถาม “ท่านเตรียมชาแล้วหรือไม่ ให้หม่อมฉันส่งเข้าไปเถิด”
เฉินตันเหยียนกดนางให้นั่งลง “เจ้านั่งอยู่เฉยๆ มีเรื่องใดให้น่ากังวลกัน ท่านพ่อปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร เจ้าไม่รู้หรือ องค์รัชทายาททรงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร เจ้าไม่รู้หรือ”
พวกเขาล้วนเห็นนางเป็นสมบัติล้ำค่า เฉินตันจูยิ้ม นั่งอยู่ในลานอย่างสบายอารมณ์
บรรยากาศที่เรือนด้านหลังไม่ตึงเครียดจริงๆ เฉินเลี่ยหู่และฉู่อวี๋หยงไม่ได้เอ่ยถึงเฉินตันจูแม้แต่น้อย หลังจากถวายบังคมแล้ว เฉินเลี่ยหู่จึงเลื่อยไม้ต่อ ฉู่อวี๋หยงไม่รู้สึกว่าถูกเพิกเฉย อีกทั้งยังเริ่มลงมือช่วยทำ
“องค์รัชทายาททรงเป็นงานฝีมือนี้ด้วย” เฉินเลี่ยหู่เห็นท่าทางคล่องแคล่วของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
ฉู่อวี๋หยงยิ้ม “ฝีมือนี้ติดตามข้ามาหลายปี”
บุตรหลานแห่งราชวงศ์ไร้ความกังวลเรื่องความเป็นอยู่ แต่การมีความชอบที่แปลกประหลาดก็เป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง เฉินเลี่ยหู่ไม่พูดสิ่งใดอีก
ฉู่อวี๋หยงยื่นท่อนไม้ที่จัดการเสร็จให้เขา “ท่านลุงเฉิน ตันจูอยู่กับข้า ท่านวางใจได้”
สีหน้าของเฉินเลี่ยหู่เศร้าโศกเล็กน้อย “ความจริงตันจูอยู่กับผู้ใด กระหม่อมล้วนวางใจ เพราะมันเป็นทางเลือกของนาง”
ฉู่อวี๋หยงพูดเสียงเบา “ข้าเข้าใจความหมายของท่านแม่ทัพ เรื่องนี้เป็นทางเลือกของข้ากับตันจูก็จริง แต่หากมีการอวยพรจากครอบครัว สามารถทำให้ครอบครัวดีใจ พวกเรายิ่งดีใจ”
เฉินเลี่ยหู่มองเขา พลางพูด “องค์รัชทายาท เมื่อรู้ว่าพระองค์เสด็จมาเพื่อตันจู พวกเราทั้งครอบครัวต่างดีใจ”
ใบหน้าของฉู่อวี๋หยงเปื้อนยิ้ม เขายกมือทำท่าคารวะ “ขอบคุณแม่ทัพเฉิน”
เฉินเลี่ยหู่รับการคารวะจากเขา ก่อนจะก้มหน้าเลื่อยไม้ต่อ ฉู่อวี๋หยงช่วยเขาจัดการไม้ท่อนนี้เสร็จ จึงลุกขึ้นขอตัว
เฉินเลี่ยหู่ไม่ได้รั้งเขาเอาไว้ เขาน้อมส่งอีกฝ่ายด้วยพิธีของขุนนาง ฉู่อวี๋หยงเดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเฉินเลี่ยหู่พูดขึ้นจากด้านหลัง
“เขา จากไปตั้งแต่เมื่อใด”
คำพูดที่ไร้ต้นสายปลายเหตุนี้ทำให้ร่างของฉู่อวี๋หยงชะงักไป
เขารู้ว่าเฉินเลี่ยหู่พูดถึงผู้ใด
เรื่องเกี่ยวกับแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ฉู่อวี๋หยงไม่คิดจะบอกผู้คนในแผ่นดิน ดังนั้นเขาย่อมไม่มีทางเอ่ยกับเฉินเลี่ยหู่ เฉินตันจูยิ่งไม่มีทางพูด ไม่คิดว่าเฉินเลี่ยหู่จะสังเกตได้เอง
ฉู่อวี๋หยงหันหน้ากลับมา “เทียนหยวน ปีที่สาม”
เฉินเลี่ยหู่ถาม “เพราะเหตุใด”
ฉู่อวี๋หยงยื่นมือกดท้องของตนเอง “แผลเก่าตรงนี้กำเริบอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาไม่อาจทนได้”
เฉินเลี่ยหู่พึมพำ “แผลตรงนั้นคร่าชีวิตของเขาจริงด้วย” แต่นาทีถัดมาก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ไม่เลวแล้ว เวลานั้นเขากุมบาดแผลเอาไว้ ต่อสู้ท่ามกลางกองกำลังท่านอ๋องเยียนหลายร้อยครั้ง เดิมทีกระหม่อมคิดว่าเขาจะอยู่ได้เพียงเท่านี้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะประคองตัวเองอยู่ได้จนถึงเทียนหยวน ปีที่สาม”
พูดพลางหัวเราะร่า
“ดี ดี ดี”
พูดคำว่าดีจบสามครั้ง เขาก็หยิบเลื่อยขึ้นมาเลื่อยไม้ต่อ หลังจากทำอุปกรณ์การเกษตรชุดนี้เสร็จสิ้น เขาก็ต้องออกเดินทางไปชายแดน สารจากราชสำนักมาถึงแล้ว เขาต้องไล่ล่ากองทัพซีเหลียง บุกกระโจมหลวงของท่านอ๋องซีเหลียง
ฉู่อวี๋หยงไม่พูดสิ่งใดอีก เขาหันหลังเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
“ตันจู…” บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาต้องการบอกคำอวยพรของเฉินเลี่ยหู่แก่นาง
แต่ในลานไม่มีร่างของหญิงสาว
ตันจูเล่า?
เฉินตันเหยียนระอาเล็กน้อย “องค์รัชทายาท ตันจูนางมีเรื่องให้ออกไปด้านนอก”
เรื่องใดกัน ฉู่อวี๋หยงสงสัย
เวลานี้จู๋หลินวิ่งเข้ามา ถึงแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแรง แต่เมื่อวิ่งมาตลอดทาง ลมหายใจของเขาก็ไม่เสถียรนัก เขาหอบหายใจพลางพูด “องค์รัชทายาท กระหม่อมเห็นชิงเฟิงพ่ะย่ะค่ะ”
ชิงเฟิง? ฉู่อวี๋หยงผงะ
“ชิงเฟิงเดินทางไปแล้ว” จู๋หลินพูดด้วยสีหน้าระแวง “ชิงเฟิงมาได้อย่างไร”
ชิงเฟิงเป็นพวกเดียวกับโจวเสวียนไม่ใช่หรือ เรื่องที่โจวเสวียนลอบปลงพระชมน์ฮ่องเต้ถูกฮ่องเต้ทรงปิดเอาไว้ แต่บรรดาผู้ติดตามของโจวเสวียนล้วนมีโทษ
ฉู่อวี๋หยงส่งเสียงตอบรับ “เวลานั้นชิงเฟิงต้องการเปิดโปงโจวเสวียน จึงถูกโจวเสวียนตีและกักขังเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงถูกส่งกลับกองทัพเหนือ เวลานี้เขาอยู่ในกองกำลังแนวหน้าที่ใช้ในการปะทะกับกองกำลังซีเหลียง”
จู๋หลินโล่งใจ เช่นนี้ย่อมดี เช่นนี้ย่อมไม่มีปัญหา
แต่คิ้วของฉู่อวี๋หยงยังไม่คลายออก ชิงเฟิงไม่มีปัญหา แต่นอกจากชิงเฟิงที่เดินทางมาซีจิงแล้ว โจวเสวียนก็มาด้วย เห็นได้ชัดว่า ชิงเฟิงมาเพื่อบอกข่าวนี้ต่อเฉินตันจู ส่วนตันจูนางคงไปพบโจวเสวียนแล้ว
ฉู่อวี๋หยงหัวเราะออกมา ตันจูของเขาช่างไม่ลำบากตัวเองเสียจริง เพิ่งเอ่ยวาจาอ่อนหวานกับเขาก็หันไปพบชายอื่นเสียแล้ว
…
ชิงเฟิงให้บรรดาเด็กน้อยบริเวณหน้าหมู่บ้านไปเชิญเฉินตันจูมา
เมื่อได้ยินว่าชิงเฟิงมา เฉินตันจูจึงวิ่งออกมาพบเขาทันทีอย่างไม่ลังเล
ชิงเฟิงบอกนางว่าโจวเสวียนกลับมาแล้ว กำลังเฝ้าอยู่หน้าสุสานของโจวชิง
เขาไปๆ มาๆ หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังไม่พบนายน้อยของเขา
“ข้าเป็นกองทัพเหนือของฝ่าบาท แต่ก็เป็นองครักษ์ของนายน้อย นายน้อยก่อเรื่องลอบปลงพระชนม์ออกมา ข้าไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร นายน้อยก็คงไม่อยากพบข้า”
ใบหน้าขององครักษ์หนุ่มไร้ซึ่งรอยยิ้ม สีหน้าของเขาเศร้าโศก
เฉินตันจูถอนหายใจเสียงเบา “เขาไม่อยากพบเจ้า ไม่ใช่เพราะเกลียดเจ้า หากแต่ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตอีกแล้ว”
ชิงเฟิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจ แต่คุณหนูตันจู นายน้อยคงยังอยากพบท่าน” เขาก้มหน้า “นายน้อยไม่ได้พบท่านมานานแล้ว ถึงแม้แต่ก่อนเขาแทบจะเดินผ่านหน้าจวนของท่านทุกวัน”
เรื่องนี้หรือ ความจริงเฉินตันจูรู้เรื่องนี้ เพราะจู๋หลินบอกกับนางแล้ว
เฉินตันจูเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะไปพบเขา”
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ บนใบหน้าของชิงเฟิงก็ปรากฏรอยยิ้มในที่สุด เขาชี้ทางให้เฉินตันจู ก่อนจะคารวะต่อเฉินตันจูอย่างจริงจัง จากนั้นเขาจึงขี่ม้าจากไปไกล
เฉินตันจูไปตามทางที่ชิงเฟิงบอก นางขี่ม้าพร้อมองครักษ์ผู้หนึ่งที่ติดตามมา…จู๋หลินยังไม่มา นางจึงเรียกใช้องครักษ์ของฉู่อวี๋หยง องครักษ์ผู้นั้นก็ไม่ถาม เพียงแค่น้อมรับคำสั่งและติดตามมา
สุสานของโจวชิงอยู่ด้านนอกเมืองไม่ไกล เฉินตันจูหาเจออย่างรวดเร็ว นางมองเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่หน้าสุสานจากระยะไกล ในมือถือค้อนเคาะเสียงดัง
เฉินตันจูเดินเข้าไปพินิจแผ่นหลังของเขา เห็นเขาสวมชุดผ้าสีดำที่เปรอะเปื้อนดินโคลนและเศษหิน ราวกับว่าเป็นช่างแกะสลักหิน
เขากำลังเคาะกระเบื้องบนพื้น
“เจ้าจะซ่อมพื้นนี้หรือ” เฉินตันจูถาม
โจวเสวียนย่อมรู้ว่านางมา แต่เขาไม่ได้หันกลับมาแม้แต่น้อย มือก็ยังคงเคาะไม่หยุด เวลานี้เขาได้ยินเฉินตันจูพูดจึงหันกลับมา
สายตาของเขาจับจ้องไปยังบนตัวของนาง จากนั้นจึงส่งเสียงไม่พอใจ “สวมใส่งดงามเพียงนี้ เจ้าไปทำอันใดกัน”
เฉินตันจูยิ้ม “ไม่ทำอันใด แต่ข้าสวมชุดใดก็งดงาม”
โจวเสวียนหัวเราะออกมา หันหลังเคาะพื้นต่อ “พื้นกระเบื้องด้านหน้าสุสานของท่านพ่อเสียหายบางส่วน ข้ากำลังซ่อมแซม”
เฉินตันจูตอบรับ ยืนอยู่ด้านหลังโดยไม่พูดสิ่งใด ราวกับนางไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใด
โจวเสวียนยกมือชี้ไปด้านข้าง “ดู ตำราที่ข้าต้องอ่านทั้งหมด”
เฉินตันจูมองไปด้านข้าง ทางนั้นเป็นที่พักของคนเฝ้าสุสาน ริมประตูมีชั้นวางตำราหลายใบตั้งอยู่ ภายในล้วนวางเต็มไปด้วยตำรา
“มากมายเพียงนี้เชียวหรือ” นางถามด้วยความตกตะลึง “เจ้าจะอ่านหมดหรือ”
“คนทั่วไปย่อมไม่ได้” โจวเสวียนพูดด้วยความได้ใจเล็กน้อย “แต่ข้าโจวเสวียนเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก”
เฉินตันจูสงสัย “ข้าว่าไม่ใช่ เจ้าร่ำเรียนไม่ดี กลัวความลำบากจึงแอบวิ่งไปหลบอยู่ในห้องทรงพระอักษร จากนั้นจึงพบกับเรื่องที่ฝ่าบาทและบิดาเจ้าถูกลอบสังหาร”
นางพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างเปิดเผย สีหน้าของโจวเสวียนผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ “ผู้ใดบอกว่าการศึกษากลัวความลำบากไม่ได้ ข้ากลัวลำบากวิ่งไปนอนในห้องทรงพระอักษรก็ไม่ใช่เพื่อนอนหลับ หากแต่เพื่อหาสถานที่ที่อบอุ่นและสบายในการอ่านตำรา!”
เฉินตันจูส่ายมือ “ไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว ดูว่าเจ้าทำอย่างไรดีกว่า เมื่อถึงเวลาข้าจะมาดูว่าเจ้าอ่านไปถึงไหน”
โจวเสวียนหัวเราะร่า “เจ้าอ่านเข้าใจหรือ”
เฉินตันจูพูด “อย่าดูถูกข้า ข้าก็มีความสามารถเช่นเดียวกัน รอถึงเวลานั้นเถิด” พูดพลางส่ายมือ “ข้าไปแล้ว”
นางหันหลังพลันไขว้มือไว้ด้านหลัง ก้าวเดินออกไปอย่างเชื่องช้า
เมื่อนางหันหลัง สายตาของโจวเสวียนก็สามารถมองนางอย่างจดจ่อมากขึ้น เขามองหญิงสาวก้าวออกไปทีละก้าว…
“เฉินตันจู!” เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนเรียก
เฉินตันจูหยุดลงพลันหันมามองเขา
“ฉู่ซิวหยงบอกข้าว่าเจ้าจะไปกับเขา” โจวเสวียนถาม “เหตุใดเจ้าจึงไม่ถามข้าว่าต้องการให้เจ้าอ่านตำรากับข้าหรือไม่”
เอ๊ะ? เขารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ เฉินตันจูพูดแก้เก้อ “ฉู่ซิวหยงท่าทางเป็นบุรุษ เหตุใดจึงชอบนินทาเหมือนกัน”
นางไม่ได้ตอบคำถามนี้
โจวเสวียนเลิกคิ้วตอบแทนนาง “เจ้ากลัวข้าจะรับปากเจ้า เจ้ารู้ว่าฉู่ซิวหยงไม่มีทางรับปากเจ้า ไม่เหมือนกับข้า เฉินตันจู หากเจ้ากล้าถาม ข้าก็กล้ารับปาก ในใจของเจ้ารู้ดีอย่างยิ่ง”
เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจด้วยความขุ่นเคือง “อย่างไร! ข้ารู้ดีแล้วอย่างไร” พูดพลันเดินจากไปอย่างตึงตัง
โจวเสวียนมองแผ่นหลังของหญิงสาวพลันหัวเราะร่า เขาไม่ได้เรียกนางเอาไว้อีก
ในใจของเจ้ารู้จักข้าดีก็เพียงพอแล้ว
เขามองหญิงสาวเดินออกไป ขึ้นขี่ม้าจากไปภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ผู้หนึ่ง…
โจวเสวียนเบนสายตากลับมา เขาวางค้อนในมือลง ปัดเศษฝุ่นบนชุด เดินมายังหน้าสุสาน พลันหยิบตำราเล่มหนึ่งออกมานั่งอ่านบนพื้นอย่างตั้งใจ
ชีวิตของเขาเริ่มต้นอีกครั้งหลังจากที่หลบเข้าไปอ่านตำราในตู้
…
เฉินตันจูเร่งม้าเดินทางกลับเรือน นางกำลังครุ่นคิดถึงบิดาและอวี๋หยงที่กำลังสนทนากันอย่างรื่นรมย์…แม้จะไม่รื่นรมย์ก็ไม่เป็นอันใด ฉู่อวี๋หยงเพียงแค่ต้องพูดโน้มน้าวท่านพ่อให้มากขึ้น อย่างไรแล้วเมื่อพวกเขาพูดคุยกันนาน ย่อมไม่มีทางรู้ว่านางออกมา
แต่เมื่อนางเดินทางมาถึงหน้าหมู่บ้านก็เห็นฉู่อวี๋หยงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในมือยังถือหอกไม้ของเด็กอยู่ด้ามหนึ่ง
“องค์รัชทายาท” เฉินตันจูเอ่ยชมก่อน “มีพระองค์ทรงเฝ้ายามแทนพวกเรา ช่างเปรียบเสมือนมีกองกำลังนับหมื่นเสียจริง”
ฉู่อวี๋หยงมองค้อนนาง แต่ไม่ได้ถามว่านางไปที่ใดมา เขาวางหอกไม้ลง ยื่นมือให้นาง
คราวนี้เฉินตันจูไม่ได้กล่าวว่าตนเองมีความสามารถไร้เทียมทาน นางยื่นมือให้ฉู่อวี๋หยงด้วยท่าทางที่เสแสร้งว่าอ่อนแอเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้เขาอุ้มลงจากม้า
หลังจากอุ้มลงจากม้า ฉู่อวี๋หยงก็ไม่ได้ปล่อยมือ เฉินตันจูปล่อยให้เขาอุ้มด้วยความประหม่า
ปลายคางของฉู่อวี๋หยงถูไถเส้นผมของหญิงสาว ก่อนที่จะอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เฉินตันจูเอ๋ยเฉินตันจู…”
เฉินตันจูเองก็หัวเราะขึ้นมา
“ข้าต้องกลับไปก่อนแล้ว” ฉู่อวี๋หยงพูด
เฉินตันจูจับมือของเขาด้วยความกังวลเล็กน้อย “เมืองหลวงเกิดเรื่องหรือ”
ฉู่อวี๋หยงจับมือของนาง มองนางด้วยรอยยิ้ม “ไม่มี เมืองหลวงสงบอย่างมาก ข้าจะรีบกลับไปให้เสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการ จัดเตรียมงานอภิเษกของพวกเรา”
เฉินตันจูมองใบหน้ารูปงามของเขา ก่อนจะมุดหัวไว้ที่หน้าอกของอีกฝ่าย เสียงอู้อี้ของนางดังขึ้น “หม่อมฉันจะรอพระองค์มาสู่ขอหม่อมฉันที่เรือน”