บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 41 ลวนลาม / ตอนที่ 42 สอบสวน
ตอนที่ 41 ลวนลาม
“ทั้งเมืองวุ่นวายไปหมด” หยางจิ้งนั่งอยู่บนก้อนหิน ทั้งเศร้าทั้งโกรธ “ฮ่องเต้กักขังท่านอ๋องไว้ในพระราชวัง ให้ท่านอ๋องออกเดินทางจากเมืองอู๋ไปเมืองโจวภายในสิบวัน”
เฉินตันจูฟังอย่างออกรส เวลานี้นางถามขึ้นด้วยความสงสัย “เมืองหลวงมีกองกำลังหนึ่งแสนไม่ใช่หรือ”
หยางจิ้งเงยหน้ามองนาง “แต่กองกำลังของราชสำนักข้ามแม่น้ำขึ้นบกมาแล้ว จากตะวันออกถึงตะวันตกเฉียงใต้ กองทัพนับแสนปักหลักอยู่ในเมืองอู๋…ทุกคนล้วนรู้ว่าท่านอ๋องอู๋รับพระราชโองการเป็นท่านอ๋องโจว กองกำลังของเมืองอู๋ไม่กล้าขัดขืนพระราชโองการ ไม่อาจรั้งกองทัพของราชสำนักได้”
อ่อ ใช่ ฮ่องเต้ออกพระราชโองการ ท่านอ๋องอู๋รับพระราชโองการแล้ว ท่านอ๋องอู๋จึงไม่ใช่ท่านอ๋องอู๋ แต่เป็นท่านอ๋องโจว กองทัพของเมืองอู๋จะฟังคำสั่งของท่านอ๋องโจวได้อย่างไร เฉินตันจูอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“เจ้ายังหัวเราะได้?!” หยางจิ้งมองนางด้วยความโกรธ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโศกเศร้า “ใช่ เจ้าย่อมต้องหัวเราะได้ สมดั่งใจเจ้าแล้ว”
เฉินตันจูพูด “พี่จิ้งท่านพูดอะไร สมดั่งใจข้าอย่างไร ข้าไม่ได้หัวเราะเพราะความดีใจ หากแต่เพราะความสงสัย ท่านอ๋องกลายเป็นท่านอ๋องโจว ผู้ใดจะเป็นท่านอ๋องอู๋”
หยางจิ้งขุ่นเคือง “ไม่มีท่านอ๋องอู๋แล้ว! เมืองอู๋ล่มสลายแล้ว!” เขาชี้ไปยังหญิงสาวที่ยิ้มสดใสอยู่ตรงหน้า “เฉินตันจู ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะเจ้า!”
เฉินตันจูมองเขา รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นความตระหนก “พี่จิ้ง เรื่องนี้โทษข้าได้อย่างไร ข้าไม่ได้ทำอะไรแม้แต่น้อย”
“เจ้าไม่ได้ทำอะไร? เจ้าเป็นคนนำฮ่องเต้เข้ามา” หยางจิ้งทั้งโศกเศร้าทั้งขุ่นเคืองและเจ็บปวด “เฉินตันจู หากเจ้ายังเป็นคนเมืองอู๋ เจ้าไปฆ่าตัวตายไถ่โทษที่หน้าพระราชวังเสีย!”
“พี่จิ้ง” เฉินตันจูเดินขึ้นหน้าดึงแขนของเขาเอาไว้ เรียกขานเสียงเศร้า “ในสายตาท่าน ข้าเป็นคนเลวหรือ”
ตั้งแต่หยางจิ้งตะโกนว่าทุกสิ่งเป็นเพราะเจ้า อาเถียนก็เดินเข้ามาแล้ว นางกำมือแน่นจ้องมองเขาอย่างระแวง เกรงว่าเขาจะทำร้ายคุณหนู ไม่คิดว่าคุณหนูจะเข้าใกล้เขาเอง…
หยางจิ้งสะบัดมือของเฉินตันจูออก “เจ้าเป็นคนเลว! อาจู ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้!”
เฉินตันจูตอบรับ “ต่อจากนี้พี่จิ้งก็คงรู้แล้ว” พูดจบ นางก็ขานเรียกให้คนออกมา “ออกมา”
องครักษ์เจ็ดแปดคนปรากฏตัวในป่า ล้อมรอบพวกนางเพียงชั่วพริบตา ส่วนหนึ่งล้อมเฉินตันจูเอาไว้ อีกส่วนล้อมหยางจิ้งเอาไว้
หยางจิ้งวิงเวียนเล็กน้อย เขามองคนที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันด้วยความตกใจ “ผู้ใด จะทำอันใด”
เฉินตันจูไม่สนใจเขา ออกคำสั่งต่อจู๋หลิน “ส่งเขาไปที่ว่าการ”
จู๋หลินลังเลเล็กน้อย ส่งไปที่ว่าการหรือ คิดจะฟ้องที่ว่าการหรือ ที่ว่าการในเวลานี้ยังเป็นที่ว่าการของเมืองอู๋หยางจิ้งเป็นบุตรชายของไต้ฟูเมืองอู๋ จะฟ้องโทษเรื่องใด
ด่าทอเฉินตันจูเพราะท่านอ๋องหรือ? เหมือนจะไม่เหมาะสม อีกทั้งยังจะช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของ
หยางจิ้ง หรืออาจสร้างความลำบากยิ่งกว่าเดิม…
เฉินตันจูเหลือบมองชาที่ถูกนางวางยา ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว หยางจิ้งที่ไร้สติในเวลานี้ฉีกเสื้อของนางออก…
จู๋หลินที่เห็นลำคอเรียว ไหปลาร้า หัวไหล่…ขาวดุจดั่งหินหยกภายใต้แสงอาทิตย์
เขารีบก้มหน้าลง ได้ยินเพียงเสียงหญิงสาวดังขึ้น
“ฟ้องเขา ลวนลามข้า”
เมืองหลวงหลายวันนี้มีข่าวใหม่ทุกวัน ตั้งแต่พระราชสำนักจนกระทั่งราษฎร สั่นสะเทือนจนทุกคนเหนื่อยล้า
แต่วันนี้เกิดเรื่องสดใหม่ที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอีกครั้ง มีคนฟ้องที่ว่าการว่าถูกลวนลาม
อันดับแรก เรื่องเสียหน้าอย่างการลวนลามมีคนไปฟ้องที่ว่าการก็เป็นที่ดึงดูดมากพอแล้ว
อีกทั้ง ทั้งสองฝ่ายมีฐานะสูงส่ง ฝ่ายหนึ่งเป็นคุณชาย อีกฝ่ายเป็นคุณหนู
สุดท้าย โอรสสวรรค์อยู่เมืองอู๋ ท่านอ๋องอู๋กลายเป็นท่านอ๋องโจว ทั้งบนทั้งล่างวุ่นวายไปหมด เวลานี้ยังมีคนคิดจะไปลวนลามคนอื่น? ช่างเดรัจฉานเสียจริง!
ตอนที่ 42 สอบสวน
ไต้ฟูเมืองอู๋ หยางจิ้งอ้างตนว่าป่วยตั้งแต่ฮ่องเต้เดินทางเข้าเมืองอู๋
เขาหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ตอนที่ฮ่องเต้ขับไล่ท่านอ๋องอู๋ออกจากพระราชวัง อีกทั้งหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ฮ่องเต้ออกพระราชโองการให้ท่านอ๋องอู๋รับตำแหน่งท่านอ๋องโจว แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงเรื่องของบุตรชายตัวเองที่โด่งดังไปทั่วเมืองได้ หยางจิ้งไม่ยอมออกแม้แต่ประตูห้อง หยางฮูหยินทำได้เพียงพาคุณชายใหญ่หยางเดินทางไปที่ว่าการอย่างรีบร้อน
ด้านนอกที่ว่าการหนาแน่นไปด้วยผู้คน หยางฮูหยินและคุณชายใหญ่หยางหน้าดำทะมึนลงอีกครั้ง ข่าวแพร่กระจายไปเร็วถึงเพียงนี้? ทำไมคนว่างมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาคับขันหรือ ท่านอ๋องอู๋กำลังจะถูกขับไล่ไปเป็นท่านอ๋องโจวแล้ว…
ในเวลาคับขันเพียงนี้ บุตรหลานขุนนางชั้นสูงยังกล้าลวนลามแม่นาง เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ไม่ได้ตึงเครียดมาก เหล่าราษฎรต่างคิดเช่นนี้พวกเขายืนอยู่ด้านนอกที่ว่าการ เห็นคุณชายและฮูหยินที่ลงจากรถม้า ก่อนจะจำได้ทันทีว่าเป็นคนของตระกูลหยางไต้ฟู
“ที่แท้ก็เป็นคุณชายตระกูลหยางไต้ฟู”
“ตระกูลหยางไต้ฟู เป็นคนลวนลามหรือถูกลวนลาม”
“เจ้าจะบ้าหรือ ย่อมต้องเป็นคุณชายลวนลามคุณหนู”
ฟังคำถกเถียงของเหล่าราษฎร หยางฮูหยินพยุงสาวใช้ปิดหน้าวิ่งเข้าไปด้านใน โชคดีที่จวิ้นโส่ว[1]ไว้หน้า ไม่ได้อยู่บนโถงใหญ่จริงๆ
มองดูน้องชายที่นั่งอยู่ด้านหลังโถงใหญ่ คุณชายใหญ่หยางพุ่งตัวเข้าไปตีทันที “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! ตอนนี้เวลาอันใด! เจ้าทำไมทำเรื่องเช่นนี้”
หยางจิ้งวิงเวียน ในหัวสับสนอย่างยิ่ง เขานึกไม่ออกว่าเกิดอันใดขึ้น เวลานี้ถูกพี่ใหญ่ทุบตี เขากุมหัวตอบกลับ “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ทำอันใด ข้าแค่ไปหาอาจู ถามนางว่าชักนำฮ่องเต้เข้ามาทำร้ายท่านอ๋อง…”
คุณชายใหญ่หยางตัวสั่น มือของเขาหล่นลงบนใบหน้าของหยางจิ้ง ขัดคำพูดของของเขาไว้ ท่านพ่อหลบอยู่ในบ้านเพราะต้องการหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร
หยางฮูหยินรักบุตรชายคนเล็กอย่างมาก ให้คุณชายใหญ่หยุดตี ก่อนจะถามคุณชายรองหยาง “เจ้าไปหาอาจู พวกเจ้าทะเลาะกันหรือ เฮ้อ! พวกเจ้าเล่นด้วยกันแต่เด็ก มักจะเป็นเช่นนี้…” จากนั้นมองไปยังจวิ้นโส่วที่ยืนอยู่ ต่างเป็นขุนนางของท่านอ๋อง ย่อมรู้จักกัน เรียกขานหลี่จวิ้นโส่ว “มันเป็นความเข้าใจผิด”
หลี่จวิ้นโส่วอายุสี่สิบกว่า เขากระแอมไอทีหนึ่ง “หยางฮูหยิน คุณหนูรองเฉินเป็นคนมาฟ้อง คนยังอยู่ด้านใน”
หยางฮูหยินถึงได้สังเกตเห็น ภายในโถงด้านข้างฉากกั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ นางสวมผ้าคลุมสีขาว ใบหน้าละอ่อน ปากแดงเล็ก นางพยุงสาวรับใช้คนหนึ่งยืนอยู่อย่างเขินอาย
หยางฮูหยินผงะ ถึงแม้เด็กๆ จะสนิทกัน แต่นางเคยพบกับคุณหนูรองเฉินเพียงไม่กี่ครั้ง ตระกูลเฉินไม่มีนายหญิง ดังนั้นจึงแทบไม่มีการไปมาหาสู่กับตระกูลอื่น เด็กยังเติบโตไม่เต็มที่ ลักษณะเหมือนกันหมด พบหน้าก็จำไม่ได้ เวลานี้พบคุณหนูรองเฉิน ถึงแม้จะอายุเพียงสิบห้า แต่รูปลักษณ์งดงามยิ่งกว่าคุณหนูใหญ่เฉินเสียอีก…อีกทั้งเป็นความสวยที่ดึงดูดคนอย่างมาก
หยางฮูหยินคิด ไม่อาจแต่งเข้าตระกูลได้ หากท่านอ๋องเกิดสนใจขึ้นมา พวกเขาไม่อาจขายหน้าได้…เรื่องของคุณหนูใหญ่เฉินในตอนนั้น ถึงแม้ตระกูลเฉินจะไม่พูด แต่ในเมืองหลวงมีผู้ใดไม่รู้
ก่อนจะนึกได้ว่าท่านอ๋องจะไปเป็นท่านอ๋องโจว ต่อจากนี้ไม่อยู่ในเมืองอู๋แล้ว แต่หากท่านอ๋องไปเป็นท่านอ๋องโจว พวกเขาก็ต้องติดตามไปเป็นขุนนางโจว…
หยางฮูหยินตกอยู่ในภวังค์ความคิด ส่วนทางเฉินตันจูร่ำไห้เสียงเบาขึ้นมา
“หยางฮูหยิน” หลี่จวิ้นโส่วกระแอมไอเป็นการเตือน ไม่พอใจเล็กน้อย ทิ้งหญิงสาวยืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร
หยางฮูหยินไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงเหม่อลอย อาจเป็นเพราะคุณหนูรองเฉินสวยเกินไป ทำให้นางเหม่อลอย…นางรีบดึงลูกชายออก เดินไปด้านหน้าของเฉินตันจูอย่างรวดเร็ว
“อาจู พวกเจ้าสองคนทะเลาะกันอีกแล้วหรือ เจ้าอย่าโกรธ ข้าจะกลับไปสั่งสอนเขา” นางพูดเสียงอ่อนโยน จับมือของเฉินตันจูเอาไว้ “พวกเจ้าทั้งสองต้องแต่งงานกันไม่ช้าก็เร็ว…”
คำว่าอีก คำว่าแต่งงาน คำพูดของหยางฮูหยินช่างฉลาดเฉลียว ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องทะเลาะกันของบุตรหลานได้
เฉินตันจูหัวเราะในใจ
นางไม่ได้คัดค้าน น้ำตาหลั่งไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย จับมือของหยางฮูหยินเอาไว้ “ไม่ใช่ เขาบอกจะไม่แต่งงานกับข้าแล้ว ท่านพ่อของข้าทำให้ท่านอ๋องโกรธ ส่วนข้าพาฮ่องเต้เข้ามา ข้าเป็นคนบาปของเมืองอู๋…”
พูดถึงตรงนี้ราวกับนึกถึงเรื่องอย่างน่ากลัว เธอเปิดผ้าคลุมบนตัวออก
“ดังนั้นเขาจึงรังแกข้า บอกว่าข้า…”
ผ้าคลุมถูกเปิดออก เผยให้เห็นหัวไหล่เล็กภายใต้เสื้อที่ถูกฉีกขาด…
หยางฮูหยินตกใจ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ต่อหน้าสาธารณชน แต่ล้วนอยู่ต่อหน้าคนนอก เด็กหญิงนี้กล้าทำทุกอย่างเสียจริง!
อีกทั้งได้ยินคำพูดของนางยิ่งตกใจ ทำไมกล้าพูดทุกอย่าง…
หยางฮูหยินยื่นมือปิดปากของเฉินตันจูเอาไว้ “อาจู! นี่…นี่พูดไม่ได้”
สีหน้าของคุณชายใหญ่หยางซีดเผือด กลัวจนไม่รู้จะมองไปทางไหน
เวลานี้หยางจิ้งตั้งสติขึ้นมาได้ เขาขมวดคิ้วส่ายหัว “เหลวไหล ข้าไม่เคยพูด! ข้าไม่ได้…”
เขามองไปยังเฉินตันจู เห็นเสื้อผ้าสะเปะสะปะบนตัวของนาง ตอนนั้นเขาโกรธมากหรือว่าจะลงมือจริง?
แต่ถึงจะลงมือ เขาก็ไม่ได้จะลวนลามนาง เขาไม่ใช่คนแบบนั้น!
“…ไม่เคยทำ!” หยางจิ้งตบโต๊ะ ตะโกนคำพูดที่เหลือออกมา
เฉินตันจูมองเขา สีหน้าเศร้าโศก “ท่านบอกไม่เคยก็ไม่เคยเถิด” นางล้มพิงไปบนไหล่ของสาวใช้ ร่ำไห้
“ข้าเป็นคนบาปที่นำหายนะมาแก่เมืองอู๋ พ่อข้าถูกขังไว้ในจวนรอการซักโทษ ข้าจะมีชีวิตไปเพื่ออันใด ข้าไปขอให้ฝ่าบาทประทานโทษตายแก่ข้า…อาเถียน พาข้าไป”
น้ำตาของอาเถียนหลั่งไหลลงมาเช่นเดียวกัน นางพยุงร่างของเฉินตันจูเดินออกไปด้านนอกอย่างโซซัดโซเซ คนในโถงนอกจากหยางจิ้งต่างตกใจจนเข่าอ่อน ตะโกนอย่างพร้อมเพรียง “อย่า!”
เฉินตันจูเป็นใคร นางเป็นคนพาฮ่องเต้เข้ามา…แค่ก ทุกคนล้วนคิดเช่นนี้ในใจ นางจะไปฟ้องต่อหน้าฮ่องเต้ เรื่องที่ฟ้องคือการมาของฮ่องเต้เป็นเรื่องไม่ดี ตอนนี้ฮ่องเต้สังหารท่านอ๋องโจว อีกทั้งให้ท่านอ๋องอู๋กลายเป็นท่านอ๋องโจว ด้านนอกยังมีกองกำลังหลายแสนเตรียมเข้าเมืองอู๋ ด่าฮ่องเต้เวลานี้? ทุกคนอย่าคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย!
“คุณหนูตันจู มีอันใดค่อยๆ คุย!”
“อาจู เจ้าอย่าใจร้อน ป้าอยู่นี่ เจ้าบอกป้ามา ป้าจะจัดการให้เจ้า”
แม้แต่คุณชายใหญ่หยางยังพูดขึ้น “พ่อข้าก็จะจัดการให้เจ้า”
มีเพียงหยางจิ้งที่ถูกพี่ชายของตนเองตี ถูกการร่ำไห้ของเฉินตันจูทำให้ตั้งสติได้ เขารู้สึกได้ว่าที่ตนเองวิงเวียนต้องเป็นปัญหาจากที่ตนเองสัมผัสสิ่งที่ไม่ควรสัมผัส…ชาถ้วยนั้น
“เฉินตันจู” เขาลุกขึ้นยืน “เจ้าให้ข้าดื่มชา เจ้าวางยา!”
เฉินตันจูฟังดังนี้ ยกแขนเสื้อปิดหน้าร่ำไห้ “ท่านดื่มชาของข้า ยังคิดจะใส่ร้ายข้าวางยา…ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”
หยางฮูหยินรีบเดินขึ้นหน้ารั้งเฉินตันจูเอาไว้ “เป็นไปไม่ได้ อาจู เขาพูดเหลวไหล ข้าเป็นพยาน”
คุณชายใหญ่หยางจับหยางจิ้งเอาไว้ “รับผิดเร็วเข้า!”
ภายในห้องกำลังวุ่นวาย ผู้ส่งสารด้านนอกรีบวิ่งเข้ามา “ใต้เท้าแย่แล้ว ฝ่าบาทและท่านอ๋องส่งคนมาแล้ว!” ด้านหลังของพวกเขาตามมาด้วนขันทีคนหนึ่งและทหารคนหนึ่ง
“ฝ่าบาทได้ยินว่า คุณหนูเฉินตันจูถูกคนลวนลาม?” ขันทีเดินเข้ามา ไม่แม้แต่จะมองคน เขาเงยหน้าถามเสียงดัง “มีเรื่องนี้จริงหรือ”
ก่อนที่ทุกคนจะตั้งสติได้ หลี่จวิ้นโส่วเดินขึ้นหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทูลฝ่าบาท มีเรื่องนี้จริง ข้าได้สอบสวนเรื่องนี้แล้ว หยางจิ้งทำเรื่องชั่วร้าย จับเข้าคุกหลวงทันที รอการลงโทษ”
หลี่จวิ้นโส่วพูดจบ เขาส่งสัญญาณมือให้เหล่าทหารยาม เหล่าทหารยามรีบเข้าไปจับกุมหยางจิ้งทันที
คุณชายใหญ่หยางถอยหลังไปหลายก้าว ไม่ได้เดินขึ้นหน้ารั้งเอาไว้อีก แม้แต่หยางฮูหยินที่รักลูกอย่างยิ่งก็ไม่พูดอันใด
ขันทีพนักหน้าอย่างพอใจ “สอบเสร็จแล้วหรือ” เขามองไปยังเฉินตันจู ถามด้วยความห่วงใย “คุณหนูตันจู สบายดีหรือไม่ ท่านจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับท่านอ๋องหรือไม่”
เฉินตันจูอิงอยู่ในอ้อมกอดของอาเถียน ส่ายหัวอย่างอ่อนแรง “ไม่ต้อง ใต้เท้าจัดการให้ข้าแล้ว เพียงเรื่องเล็กน้อย ทำให้ฝ่าบาทและท่านอ๋องกังวล ข้าเสียใจยิ่งนัก” พูดพลางร้องไห้ขึ้นมา
ขันทีรีบปลอบ ก่อนจะมองไปยังหลี่จวิ้นโส่วพร้อมกำชับให้รีบจัดการตัดสิน “ภายใต้ฝ่าพระบาทโอรสสวรรค์ เหตุใดจึงมีเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้!”
หลี่จวิ้นโส่วตอบรับ ขันทีไม่ได้ตำหนิหยางฮูหยินและคุณชายใหญ่หยางแต่อย่างไร เพียงแค่เหลือบมองพวกเขา พลางส่งเสียงไม่พอใจ จากนั้นพาทหารเดินจากไป
คนเหล่านี้มาเร็วไปเร็ว คนในห้องราวกับกำลังฝัน
หลี่จวิ้นโส่วถอยหายใจยาว กล่าวขอบคุณเฉินตันจูที่นางไม่ฟ้องไปถึงหน้าท่านอ๋องและฝ่าบาท ก่อนจะหันกลับมามองหยางฮูหยินและคุณชายใหญ่หยาง “ทั้งสองท่านไม่มีความเห็นใช่หรือไม่”
คุณชายใหญ่หยางส่ายหัว “ไม่มีๆ”
หยางฮูหยินอยากจะพูดอันใดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด นางมองบุตรชายที่ถูกจับเอาไว้ ร่ำไห้เสียงเบา “บาปกรรม”
เวลานี้เฉินตันจูไม่ร้องไห้แล้ว นางยืนขึ้นจากอ้อมกอดของอาเถียน นำผ้าคลุมปิดบังเสื้อผ้าที่สะเปสะปะของตนเอง คารวะ “เรื่องนี้รบกวนใต้เท้าด้วย ข้าขอตัวก่อน”
หลี่จวิ้นโส่วรีบพูด “คุณหนูตันจูรีบกลับไปพักผ่อน” ก่อนจะให้คนเตรียมรถ
“ใช้รถของข้าส่งคุณหนูตันจู”
เฉินตันจูยอมรับแต่โดยดี นางหันหลังเดินออกไปด้านนอก เวลานี้หยางจิ้งดิ้นหลุดจากเหล่าทหารยาม ดึงผ้าที่อุดปากลง
ตอนนี้เขามีสติอย่างเต็มที่แล้ว นึกถึงตอนที่ตัวเองขึ้นเขา ยังไม่ทันได้พูดอันใดก็ดื่มชาก่อนหนึ่งถ้วย หลังจากนี้เกิดอันใดขึ้นเขาจำไม่ได้แม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าชามีปัญหา เฉินตันจูจงใจใส่ร้ายเขา
“เฉินตันจู” เขาตะโกน ในขณะที่กำลังจะพุ่งเข้าหาเฉินตันจูนั้น คนภายในห้องต่างรั้งเขาเอาไว้ ทำได้เพียงมองเฉินตันจูหันหน้ากลับมาที่หน้าประตู
หญิงสาวคลุมผ้าสีขาว ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ ขนตายังคงเปรอะเปื้อนหยาดน้ำตา แต่บนใบหน้าไร้ซึ่งความอ่อนแอเหมือนก่อน มุมปากของนางมีรอยยิ้มที่เห็นได้ไม่ชัด
“เฉินตันจู!” หยางจิ้งมองนาง ตะโกน “เหตุใดเจ้าจึงใส่ร้ายข้า! เจ้ามีมโนสำนึกหรือไม่”
เหตุใดจึงใส่ร้ายเขา คำถามนี้ช่างไร้มโนสำนัก เฉินตันจูส่ายหัว เขาคิดจะเอาชีวิตนาง ส่วนนางแค่ส่งเขาเข้าคุกหลวงเท่านั้น นางเป็นคนมีมโนสำนึกเสียจริง
———————————————-
[1]จวิ้นโส่ว หมายถึง ตำแหน่งผู้ว่าราชการในสมัยโบราณ