เฉินตันจูจับมือของฉู่อวี๋หยง อาศัยแรงของอีกฝ่ายคุกเข่าลงข้างเตียงแล้วก็ปล่อยออก นางคลานเข่าไปด้านหน้าเพื่อดูอาการของฮ่องเต้ แต่ถูกขันทีฝูชิงห้ามเอาไว้
“คุณหนูตันจู ไม่อาจเข้าใกล้ขอรับ”
เฉินตันจูพูด “กงกง ข้าก็รักษาโรคได้ ข้ารู้ว่าเหล่าหมอหลวงมีความสามารถมาก แต่หากบางโรคข้ามีวิธีการรักษาแบบพื้นเมืองพอดีเล่า”
ฝูชิงส่ายหน้า “คุณหนูตันจู พระวรกายของฝ่าบาทไม่กล้าลองวิธีการรักษาแบบพื้นเมืองของท่าน”
เฉินตันจูมองขันทีจิ้นจงที่อยู่ข้างเตียง ขันทีจิ้นจงไม่พูดสิ่งใด
บรรดาหมอหลวงที่ได้ยินต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ ความยโสโอหังของคุณหนูตันจูช่างไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อนเสียจริง
เวลานี้ยังกล้าเสนอตัว
ฉู่อวี๋หยงดึงแขนเสื้อของเฉินตันจูเบาๆ “ตันจู เสด็จพ่อทรงรู้ถึงน้ำใจของเจ้าแล้ว”
อันที่จริงนางก็ไม่ได้มีน้ำใจอันใด เฉินตันจูเหลือบมองฮ่องเต้ที่นอนอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนอนอยู่หรือไม่ ฮ่องเต้ที่สูงใหญ่ในความทรงจำกลายเป็นคนผอมแห้ง นางก้มหน้าตอบรับ
ฉู่อวี๋หยงลุกขึ้นพลันจับแขนเสื้อของเฉินตันจู พูดเสียงเบา “มา พวกเราออกมาคุยด้านนอก อย่าได้รบกวนเสด็จพ่อ”
เฉินตันจูเดินตามเขาออกไป
เหล่าหมอหลวงยังคงทำงานต่อ บ้างตรวจดูอาการของฮ่องเต้ บ้างถกเถียงสูตรยาเสียงเบา ฝูชิงก็เฝ้าอยู่ข้างเตียง เขาพูดกับขันทีจิ้นจง “องค์รัชทายาททรงงานเสร็จจะรีบเสด็จมา”
ขันทีจิ้นจงพยักหน้า ไม่พูดแต่ก็ไม่ได้ให้เขาออกไป
เฉินตันจูและฉู่อวี๋หยงที่ถอยออกไปยังห้องโถงด้านนอกตกอยู่ในสายตาของทุกคนอีกครั้ง ไม่รอทุกคนพูดสิ่งใดขึ้นมา ฉู่อวี๋หยงก็จูงมือเฉินตันจูเดินไปยังริมกำแพงแห่งหนึ่ง
“เจ้าคงตกใจแย่แล้วใช่หรือไม่” เขาถามเสียงเบา
เฉินตันจูถามกลับเสียงเบา “เพราะพวกเราทูลขอเรื่องไม่อภิเษกกับฝ่าบาท ฝ่าบาทจึงทรงโกรธหรือ”
นางบอกว่าพวกเรา ดวงตาคู่งามของฉู่อวี๋หยงปรากฏรอยยิ้ม อันที่จริงข่าวลือมีเพียงเขาคนเดียว แต่หญิงสาวผู้นี้กลับดึงเป็นของตนเอง
“ไม่ใช่” เขาส่ายหน้าพลันพูด “ไม่ใช่เพราะเรื่องของพวกเรา”
จริงหรือ เฉินตันจูไม่พูด ฉู่อวี๋หยงก้มหน้ามองนาง พยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าบอกไม่ใช่ก็ไม่ใช่”
ได้ เขาบอกไม่ใช่ก็ไม่ใช่ เฉินตันจูผ่อนคลายแผ่นหลัง ราวกับมีภูเขาลูกหนึ่งถูกยกออก
“อย่างนั้น” นางถามเสียงเบา “ฝ่าบาทจะทรงเป็นอันใดหรือไม่”
ฉู่อวี๋หยงตอบเสียงเบา “ไม่”
เขาพูดอย่างมั่นใจ เฉินตันจูเงยหน้ามองเขา เนื่องจากภายนอกห้องมีคนมาก เพื่อพูดคุยเสียงเบา พวกเขาจึงใกล้ชิดกันอย่างมาก เฉินตันจูเงยหน้าขึ้นก็แทบจะชนเข้ากับคางของฉู่อวี๋หยง
มองคางที่สง่างามของฉู่อวี๋หยง เฉินตันจูอยากจะหัวเราะออกมา
แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาหัวเราะ ถึงแม้ฉู่อวี๋หยงตอบอย่างมั่นใจว่าฮ่องเต้จะทรงปลอดภัย
“องค์ชายยังดีหรือไม่” นางถาม ถึงแม้ฉู่อวี๋หยงจะบอกว่าฮ่องเต้ไม่ได้ประชวรเพราะเขา แต่เห็นได้ชัดว่าคนอื่นไม่ได้คิดเช่นนี้ เขาคงถูกต่อว่าหรือลงโทษแล้วใช่หรือไม่
ฉู่อวี๋หยงพูด “ยังดี เพียงแค่ยังไม่ได้ดื่มน้ำชา ในปากขมเล็กน้อย”
เวลานี้ อาหารและน้ำชาย่อมไม่รอบคอบ เฉินตันจูพูด “องค์ชายเสวยขนม”
ฉู่อวี๋หยงถอนหายใจ “รอเสด็จพ่อทรงหายจากอาการประชวรก่อนเถิด ข้ากินไม่ลง องค์รัชทายาทตรัสว่าจะไปขอพรให้เสด็จพ่อที่วัดถิงอวิ๋น ข้าคิดว่าจะไปด้วยตนเอง ได้ยินว่าผลซานจาที่นั่นอร่อยมาก เมื่อถึงเวลาเก็บ…”
องค์รัชทายาท วัดถิงอวิ๋น ไปด้วยตนเอง คำทั้งสามทำให้เฉินตันจูตื่นตัวทันที
“ไม่ได้” นางพูดขัดเขา “อย่าไป ผลซานจาที่นั่นไม่อร่อยแม้แต่น้อย”
ฉู่อวี๋หยงเหมือนต้องการพูดบางอย่าง ทันใดนั้นเขาหันหน้ากลับไป เฉินตันจูที่มองตามก็ชะงักไป ที่แท้เป็นฉู่ซิวหยงที่เดินเข้ามาเมื่อใดไม่รู้ อาจเพราะได้ยินเรื่องที่นางพูดจึงหยุดฝีเท้าลง
ผลซานจาไม่อร่อย
เฉินตันจูตั้งสติกลับมา สีหน้าเก้อเล็กน้อย นางอยากพูดบางอย่างแต่ก็ไม่รู้ควรพูดเรื่องใด
ฉู่ซิวหยงเปิดปากก่อน “น้องหก คุณหนูตันจู”
ฉู่อวี๋หยงขานเรียกเสด็จพี่สาม เฉินตันจูก้มหน้าถวายบังคม
“ข้ามีเรื่องอยากพูดกับ…” ฉู่ซิวหยงคิดจะพูดอย่างตรงไปตรงมา
แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง ฉู่อวี๋หยงก็เอื้อมมือกุมหน้าผากเอาไว้ คนเอนไปทางเฉินตันจู
“ข้ารู้สึกไม่สบาย” เขาพูด
เฉินตันจูตั้งตัวไม่ทัน ร่างของนางเซเล็กน้อย สองมือพยุงฉู่อวี๋หยงเอาไว้ ฉู่ซิวหยงก็ยื่นมือช่วยพยุง
เดิมทีทางนี้ก็ถูกทุกคนจับตามอง เมื่อเห็นเหตุการณ์ทุกคนจึงลุกขึ้นยืนในทันใด
อีกทั้งยังมีหมอหลวงผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างโซซัดโซเซ “องค์ชาย…”
เสียงเรียกนี้ทำให้ฉู่อวี๋หยงกลายเป็นศูนย์กลางทั้งด้านในและด้านนอก ทุกคนต่างมองมา แม้แต่ฝูชิงยังเดินออกมาดู ยกเว้นขันทีจิ้นจงที่ยังเฝ้าอยู่ข้างเตียงของฮ่องเต้
ฉู่อวี๋หยงเอนกายพิงอยู่บนเฉินตันจูครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งถูกฉู่ซิวหยงพยุงเอาไว้ แต่ไม่ได้สลบไป
“อาการขององค์ชายหกกำเริบแล้ว” หมอหลวงผู้นั้นยืนพูดต่อหน้าฉู่อวี๋หยงเสียงสั่น “ทำอย่างไร ทำอย่างไร”
ทุกคนต่างมองหมอหลวงผู้นี้ด้วยความระอา เจ้าเป็นหมอหลวงไม่ใช่หรือ เจ้ายังจะถามว่าทำอย่างไร
ดังนั้นหมอหลวงจางจึงเดินขึ้นหน้าตรวจดูอาการให้ฉู่อวี๋หยงด้วยตนเอง จับชีพจรดูตาดูลิ้น ถามความรู้สึก
ฉู่อวี๋หยงพูด “ความรู้สึกก็คือไม่สบาย”
มันคือความรู้สึกอย่างไรกัน หมอหลวงจางขมวดคิ้ว
“ทำอย่างไร ทำอย่างไร” หมอหลวผู้นั้นพูดเสียงสั่นอยู่ด้านข้าง “ยาก็เสวยตลอด เหตุใดจึงยังเป็นเช่นนี้”
เวลานี้ องค์รัชทายาทเสด็จมาพอดี เมื่อเห็นเหตุการณ์วุ่นวายนี้ สีหน้าไม่ดีอย่างมาก
“เกิดเรื่องใดขึ้น” เขาตะคอก “หมอหลวงจาง ท่านไม่เฝ้าดูแลเสด็จพ่อ อยู่ตรงนี้ทำอันใด”
น้อยครั้งที่องค์รัชทายาทจะโกรธ ภายในตำหนักเงียบสงัดลงทันที หมอหลวงจางก้มหน้าทูล “องค์ชายหกทรงไม่สบายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจึงเดินมาดู”
สายตาขององค์รัชทายาทมองข้ามทุกคนไปยังฉู่อวี๋หยง นับแต่ตั้งใจสังเกตน้องชายคนเล็กนี้แล้ว ไม่ว่าดูอย่างไรก็รู้สึกไม่คุ้นเคย องค์ชายที่อายุน้อยผู้นั้นช่างโดดเด่นและแปลกประหลาดเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางคนมากมาย ช่างทำให้คนอึดอัดเสียจริง
“ดูแล้วเป็นอย่างไร” องค์รัชทายาทถามพลันข่มอารมณ์ ไม่รอบรรดาหมอหลวงตอบก็พูดขึ้นต่อ “ร่างกายไม่สบายก็กลับจวนไป อยู่ตรงนี้หมอหลวงจะดูแลคนป่วยสองคนได้อย่างไร”
พระสนมเสียนและพระสนมสวีรีบเดินออกมา เรียกขานคน “เร็ว ส่งองค์ชายหกกลับจวน”
บรรดาขันทีหามเกี้ยวเดินเข้ามา พยุงฉู่อวี๋หยงขึ้นไป ฉู่อวี๋หยงไม่ยอมปล่อยแขนเสื้อของเฉินตันจู “ตันจู…”
สีหน้าขององค์รัชทายาทยิ่งน่ากลัวขึ้น “คุณหนูตันจูก็ออกไปเถิด เจ้าได้พบคนที่เจ้าต้องการพบแล้ว”
คำพูดนี้ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย เฉินตันจูไม่ได้ตอบโต้ เพียงแค่ก้มหน้าตอบรับ จากนั้นติดตามฉู่อวี๋หยงจากไป
เมื่อพวกเขาจากไป ภายในตำหนักก็สงบลง
“เหลวไหล!” องค์รัชทายาทพูด พลันหันกลับไปกำชับ “เฝ้าจวนองค์ชายหกเอาไว้ให้ดี อย่าให้เขาเดินเพ่นพ่าน เขาไม่รักตัวเอง ข้ายังต้องรักเขาแทนเสด็จพ่อ! นอกจากนี้ยังมีเฉินตันจู เวลาที่วุ่นวายเช่นนี้ อย่าให้นางก่อเรื่องอีก!”
องครักษ์ด้านนอกประตูน้อมรับคำสั่งจากไปทันที
องค์รัชทายาทถอนหายใจยาว สะบัดแขนเสื้อเดินเข้าห้องด้านใน
ผู้คนด้านนอกตำหนักก็แอบโล่งใจ พวกเขาต่างมองหน้ากัน องค์รัชทายาทช่างน่าเกรงขามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
องค์รัชทายาทเดินเข้าห้องด้านใน ท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลูรีบเดินตามเข้าไป ฉู่ซิวหยงไม่ขยับ มองส่งหญิงสาวที่เดินจากไปไกลพร้อมเกี้ยว
ดูท่าทาง องค์ชายหกไม่อยากให้เขาพูดกับนาง
…
เฉินตันจูเดินตามเกี้ยวออกไปด้านนอก นางอดหันกลับไปมองไม่ได้ คำพูดต่อไปที่ถูกขัดของฉู่ซิวหยงคืออยากพูดคุยกับนางเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่
พูดคุยเป็นการส่วนตัว พูดเรื่องใด ความจริงเฉินตันจูพอจะเดาได้ เขาต้องการพูดเรื่องที่ฮ่องเต้ประชวรใช่หรือไม่
การประชวรของฮ่องเต้เป็นฝีมือผู้ใด องค์รัชทายาท? โจวเสวียนหรือเขา?
ไม่ นางไม่อยากรู้และไม่อยากฟัง นางฟังแล้วรู้แล้ว แล้วควรทำอย่างไร จะให้นางทำอย่างไร
นางเป็นผู้ใดกัน นางเป็นแค่เฉินตันจู นางไม่คนสำคัญใดทั้งสิ้น
“ตันจู” เสียงของฉู่อวี๋หยงดังขึ้น มือยื่นออกมาจับไหล่ของนางเบาๆ จากบนเกี้ยว
เฉินตันจูเบนสายตากลับมา มองไปยังเขา “องค์ชายดีขึ้นหรือไม่เพคะ”
ฉู่อวี๋หยงพิงอยู่บนเกี้ยว ตอบรับในลำคอ
เฉินตันจูเหลือบมองหมอหลวงหวังเจียนที่ไม่บ่นอุบอิบต่อ นางก็รู้ว่าฉู่อวี๋หยงไม่เป็นอันใด เพียงแค่ต้องการออกมา
ออกมาก็ออกมาเถิด พวกเขาจะทำอันใดได้ ในวังหลวงแห่งนี้ ในตำหนักแห่งนั้น คนที่มีเจตนาแตกต่างกันมีมากมาย
เวลานี้ฮ่องเต้ทรงไม่ได้สติ รับสั่งเดียวขององค์รัชทายาทก็เอาชีวิตของพวกเขาได้
ดูเหมือนองค์รัชทายาทก็อยากทำเช่นนี้เหมือนกัน
MANGA DISCUSSION