บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 391 แก้ตัว
ฮ่องเต้ทรงโกรธจริง คนด้านนอกศาลาต่างคุกเข่าลง
“ฝ่าบาททรงระงับความโกรธ” พระสนมเสียนกับพระสนมสวีก้มพระพักตร์สะอื้น “หม่อมฉันไร้ความสามารถ”
ท่านอ๋องทั้งสามต่างตรัสว่ากระหม่อมมีความผิด เหล่าขันทีและนางในต่างก้มหน้าตัวสั่น
ฮ่องเต้มองเฉินตันจู หญิงสาวผู้นั้นก็ก้มหน้าเอ่ยว่าหม่อมฉันมีความผิด แต่นางยอมรับผิดจริงหรือหลอกมีเพียงตัวนางที่รู้
“เฉินตันจู เจ้ายังไม่รีบสารภาพมา” ฮ่องเต้ตวาด
เฉินตันจูเงยหน้า “ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากสารภาพมาก แต่หม่อมฉันเองก็ไม่รู้เพคะ ฝ่าบาททรงให้หม่อมฉันมางานเลี้ยงนี้ด้วยพระองค์เอง นางในยัดถุงแห่งโชคใบนี้ให้หม่อมฉันเอง แม้แต่การเปิดถุงแห่งโชคหม่อมฉันยังถูกคนบังคับ”
คราวนี้หญิงสาวไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความน้อยใจ มีเพียงสีหน้าระอา
“ฝ่าบาททรงรู้ว่าหม่อมฉันร้ายเพียงไหน ผู้อื่นก็ต่างรู้ดี หม่อมฉันไม่ได้มีการพูดคุยกับผู้อื่นในงานเลี้ยง หม่อมฉันหาที่หลบตัวอยู่คนเดียวในสวนดอกไม้ หากไม่ใช่พระสนมให้คนมาหาหม่อมฉัน หม่อมฉันย่อมไม่มีทางหยิบถุงแห่งโชคใบนี้แล้ว”
เรื่องที่เฉินตันจูพูดล้วนเป็นความจริง ฮ่องเต้ทรงให้คนจับตาดูตั้งแต่นางมางานเลี้ยงหรืออยู่ระหว่างงานเลี้ยง ส่วนทางด้านสวนดอกไม้ นางในทั้งหลายต่างยอมรับว่าไม่พบเห็นเฉินตันจูอยู่กับทุกคน พวกนางเป็นพยานว่าตอนพบเฉินตันจู นางนั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบคนเดียวจริงๆ
ตอนที่เหล่านางในทูลรายงาน ฮ่องเต้จ้องมองพวกนางย่อมดูออกว่าโกหกหรือไม่ คนอื่นต่างก็มีปฏิกิริยาตอบสนองปกติ มีเพียงท่านอ๋องหลูที่ทำท่าทางเหมือนมีความผิด…แปลกประหลาด!
อย่างไรแล้วท่านอ๋องหลูมักมีทีท่าเช่นนี้เสมอ ฮ่องเต้ไม่อยากจะสนใจ สายตาเบนจากตัวของเฉินตันจู เป็นไปไม่ได้ที่เฉินตันจูจะแทรกแซงเรื่องของถุงนำโชคได้ เช่นนั้น…
“พระสนมเสียน เจ้าจัดการอย่างไร”
พระสนมเสียนรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ถึงแม้จะคลาดเคลื่อนจากที่คาดการณ์เอาไว้มาก
“หม่อมฉันให้คนยัดถุงแห่งโชคให้คุณหนูตันจูเองเพคะ” นางแสดงสีหน้าหมดหนทาง “เพราะกังวลว่าคุณหนูตันจูจะจับได้ถุงแห่งโชคที่ไม่ควรจับได้ แต่หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ ว่าถุงแห่งโชคใบนี้ยิ่งไม่ควรจับได้ ไม่รู้ว่าด้านในเป็นแบบนี้เพคะ หม่อมฉันอยู่ตรงนี้ตลอด จิ้นจงกงกงนำกล่องถุงแห่งโชคมา หม่อมฉันก็แค่ดู ไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อย”
ขันทีจิ้นจงพยักหน้าเป็นพยานอยู่ด้านข้าง
อีกทั้งพระสนมเสียนไม่มีเหตุผลก่อปัญหาตามเฉินตันจู การทำให้เฉินตันจูจับได้พุทธธรรมที่เหมือนกับบุตรชายของนางไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก บุตรชายของนางไม่คิดจะเกี่ยวข้องกับเฉินตันจู
สายตาของฮ่องเต้เบนออกจากของพระสนมเสียนไปยังพระสนมสวี
“ฝ่าบาท” ไม่รอฮ่องเต้ตรัสถาม พระสนมสวีก็ตรัสขึ้นก่อน นางก้มกราบอย่างหนัก “หม่อมฉันมีเรื่องปิดบังฝ่าบาทเพคะ”
พระสนมสวี? บนใบหน้าของพระสนมเสียนแสดงถึงความตกตะลึง หรือว่าจะเป็นนาง
ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “พูด”
พระสนมสวียกมือเช็ดน้ำตา “หม่อมฉันรู้ว่าคุณหนูตันจูมีความสนิทสนมกับซิวหยง เพียงแต่ทั้งสองไร้วาสนาต่อกัน เพื่อเป็นการชดเชยคุณหนูตันจู หม่อมฉันมอบเงินสองแสนก้วนให้คุณหนูตันจูเป็นการส่วนตัว”
สองแสนก้วน!
พระสนมเสียนและท่านอ๋องเยียนต่างมีสีหน้าตกตะลึง ท่านอ๋องหลูที่หดหัวอยู่ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าแย่กว่าเดิม…ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าพระสนมสวีมอบเงินให้คุณหนูตันจูเป็นการส่วนตัวเพื่อชดเชย คำพูดนี้สมควรฟังกลับกัน แท้จริงแล้วคุณหนูตันจูเรียกเงินสองแสนก้วนถึงจะยินยอมไร้วาสนากับฉู่ซิวหยง
เพื่อไม่ให้เฉินตันจูตามตื๊อ พระสนมสวีจ่ายเงินก้อนใหญ่เสียจริง
พี่สามออกเงินแล้ว พี่สองกับพระสนมเสียนย่อมต้องออกเงิน เขาควรทำอย่างไร เสด็จพ่อจะออกเงินแทนเขา หรือว่าสุดท้ายจะยัดเขาให้เฉินตันจูเพื่อปิดปากของทุกคน
ท่านอ๋องหลูครุ่นคิดพลันมองไปทางฮ่องเต้
ฮ่องเต้ตกตะลึง แต่ก็ไม่รู้สึกประหลาดใจ เฉินตันจูทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ไม่น่าประหลาดใจแม้แต่น้อย “เฉินตันจู! เจ้ากล้ารับจริงหรือ!”
เฉินตันจูพูดด้วยความน้อยใจ “ฝ่าบาท อันที่จริงหม่อมฉันไม่ได้ต้องการเงิน หากหม่อมฉันไม่รับ พระสนมสวีย่อมไม่สบายใจ หม่อมฉันเพียงแค่อยากปลอบประโลมหัวใจของผู้เป็นมารดาเท่านั้นเพคะ”
ฮ่องเต้หัวเราะ ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องไหนก่อนในเวลานี้ เฉินตันจูเข้าร่วมงานเลี้ยงเดียวสามารถก่อปัญหาได้มากน้อยเพียงใดกัน!
“ดังนั้นฝ่าบาท” พระสนมสวีรีบพูด “หม่อมฉันจ่ายเงินมากเพียงนี้ก็เพื่อไม่ให้คุณหนูตันจูยุ่งเกี่ยวกับซิวหยงเพคะ”
ย่อมไม่มีทางยัดถุงแห่งโชคที่มีพุทธธรรมห้าใบให้เฉินตันจู บุตรชายของนางก็อยู่ในนั้น
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราจริงๆ เพคะ” พระสนมเสียนพูดอย่างอ้อนวอน “ลองถามดูว่าเหตุใดถุงแห่งโชคจึงมีพุทธธรรมห้าใบดีหรือไม่เพคะ”
ก่อนหน้านี้ตอนหารือไม่เคยบอกว่าจะมีถุงแห่งโชคแบบนี้ เมื่อปรากฏสถานการณ์นี้ ทำได้เพียงถามท่านมหาราชครู พระสนมเสียนพูดพลันเหลือบมองเฉินตันจู
“ก่อนหน้านี้คุณหนูตันจูเอ่ยว่านางถวายการสักการะในวัดถิงอวิ๋นจำนวนมาก”
สักการะมากมายเพียงนั้น ไม่แน่ว่าอาจมีความสัมพันธ์กับท่านมหาราชครู พระสนมสวีสามารถใช้เงินสองแสนก้วนให้เฉินตันจูปล่อยบุตรชายของนาง เหตุใดเฉินตันจูจะไม่สามารถใช้เงินสี่แสนก้วนซื้อท่านมหาราชครูขายบรรดาองค์ชายให้นาง
ฮ่องเต้ย่อมคิดได้ แต่หากท่านมหาราชครูทำเช่นนั้น เขายังจะเป็นท่านมหาราชครูอยู่หรือ เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร
อันที่จริงไม่ต้องฟังเฉินตันจูป่าวประกาศว่าตนเองถวายธูปเทียนจำนวนมากน้อยเพียงใด ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่ฮ่องเต้รู้ดีที่สุด เฉินตันจูมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับอาจารย์ฮุ้ยจื้อ เริ่มแรกเฉินตันจูเป็นคนนำตนเองเข้าไปในวัดถิงอวิ๋น จากนั้นจึงเกิดการย้ายเมืองหลวง มีเมืองหลวงใหม่ มีอารามหลวงและท่านมหาราชครู
เขารู้ว่าอาจารย์ฮุ้ยจื้อปฏิบัติต่อเฉินตันจูแตกต่างจากผู้อื่น ดังนั้นเมื่อฮองเฮาเรียกร้องให้กักบริเวณเฉินตันจู เขาจึงให้เฉินตันจูไปอยู่ในวัดถิงอวิ๋น
แต่เขาไม่เชื่อว่าท่านมหาราชครูจะกล้าขัดขืนโอรสแห่งสวรรค์อย่างเขาเพื่อเฉินตันจู
ตามใจการกินดื่มเล่นสนุกก็แล้วไป ไม่คุ้มค่าถึงกับต้องเสี่ยงชีวิต แต่ว่าสีหน้าของฮ่องเต้เย็นชา หากท่านมหาราชครูต้องการเสี่ยงชีวิตจริง เขาจะทำให้อีกฝ่ายสมดังปรารถนา
“ส่งคนไปแล้วหรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถาม
ขันทีจิ้นจงทูลตอบเสียงเบา “ขังเสวียนคงเอาไว้แล้ว ให้คนไปเชิญท่านมหาราชครูแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
…
ภายในตำหนักใหญ่เสียงดังอื้ออึง ทุกคนต่างถกเถียงเรื่องนี้ ไม่มีคนสังเกตเห็นว่าองค์รัชทายาทหายตัวไป
องค์รัชทายาทไม่ได้ไปสวนดอกไม้ หากแต่ยืนครุ่นคิดบางอย่างอยู่ด้านนอกตำหนัก
“องค์รัชทายาท” ฝูชิงเอ่ยขึ้นเสียงเบา “เสวียนคงถูกองครักษ์หลวงนำตัวไปแล้ว คนที่ไปเชิญท่านมหาราชครูก็เพิ่งออกจากประตูวัง องค์รัชทายาทจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่สวนดอกไม้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทเหลือบมองเขา “ไปทำอันใด”
หากท่านมหาราชครูมา เขาอาจจะสารภาพเรื่องขององค์รัชทายาทไม่ใช่หรือ ต้องไปจัดการทางด้านฮ่องเต้ก่อนหรือไม่
องค์รัชทายาทยิ้ม “ข้าจะมีเรื่องอันใด ข้าเพียงแค่ขอถุงแห่งโชคใบเดียว ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมีสองใบ หรือสามใบ อย่างไรก็ตาม ท่านมหาราชครูเป็นคนเอ่ยเองว่าจะมอบให้องค์ชายหกใบหนึ่ง มันเกี่ยวอันใดกับข้า”
ตอนที่หาท่านมหาราชครูเขาพูดอย่างระมัดระวัง ไม่ได้เปิดเผยว่าจะจัดการเฉินตันจู ดังนั้นไม่มีหลักฐานว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาท ฝูชิงย่อมรู้ดี เพียงแต่คนมีปาก หากท่านมหาราชครูพูดจาไม่เหมาะสมใดออกมา เกรงว่าฮ่องเต้จะเกิดความสงสัยต่อองค์รัชทายาท…
“ไม่ต้องกังวล” องค์รัชทายาทพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เมื่อเทียบกับข้า ฝ่าบาทจะสงสัยท่านมหาราชครูที่ทำเรื่องแบบนี้ออกมามากกว่า”
ฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวง เมื่อถึงเวลาองค์รัชทายาทยืนกรานว่าถูกท่านมหาราชครูใส่ร้าย ฮ่องเต้ย่อมต้องประหารท่านมหาราชครู ส่วนความสงสัยของฮ่องเต้ที่มีต่อองค์รัชทายาท เพียงแค่คนยังมีชีวิตอยู่ย่อมคลี่คลายได้ ฝูชิงเข้าใจ เขากัดฟันแน่น “เจ้าโจรหัวโล้นบังอาจวางแผนทำร้ายองค์รัชทายาท”
อีกทั้งยังเพื่อเฉินตันจู เขาเสียสติไปแล้วหรือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ เขารู้หรือไม่ว่ากำลังเป็นปรปักษ์กับผู้ใด
“ในเมื่อท่านมหาราชครูไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ถึงเวลานั้นข้าจะส่งเขาเอง” องค์รัชทายาทพูดเสียงเย็น ถึงแม้ภายนอกของเขาจะนิ่งสงบ แต่ความแค้นในดวงตาไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้
เฉินตันจูบังอาจสมรู้ร่วมคิดกับท่านมหาราชครูก็มีเพียงทางตายเช่นเดียวกัน
เสียดายที่ท่านอ๋องฉีรอดในคราวนี้
“ไม่ถือว่ารอดพ่ะย่ะค่ะ” ฝูชิงหัวเราะเสียงเบา “เมื่อฝ่าบาทคาดโทษ ท่านอ๋องฉีย่อมต้องสละชีวิตอ้อนวอนแทนเฉินตันจูอย่างแน่นอน”
องค์รัชทายาทถอนหายใจ “อย่างนั้นเงินสองแสนก้วนของพระสนมสวีจะไม่สูญเปล่าหรือ”
ฝูชิงหัวเราะตาม
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังหัวเราะ มีขันทีเดินมาอย่างรีบร้อน
“องค์รัชทายาท” เขาเดินขึ้นหน้าทูลเสียงเบา “องค์ชายหกเสด็จไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว องค์ชายหก? เขาไปทำอันใด
…
องค์ชายหกนั่งเกี้ยวเสด็จมา เกี้ยวถูกยกเข้าไปในศาลา วางลงต่อหน้าฮ่องเต้
“เจ้ามาทำอันใด” ฮ่องเต้ถามด้วยใบหน้าเย็นชา อันที่จริงภายในใจรู้ว่าเหตุใดเขาจึงมา เพื่อเฉินตันจู!
ได้ ฉู่อวี๋หยง ถูกกักขังอยู่ในตำหนักยังได้ข่าว
ฉู่อวี๋หยงถูกขันทีสองคนพยุงลงมา ไม่รู้สึกประหลาดใจที่เห็นคนมากมายคุกเข่าอยู่
“ทุกคนดีใจขนาดนี้เชียวหรือ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ ได้ยินว่ากระหม่อมก็มีถุงแห่งโชค อีกทั้งคุณหนูตันจูจับถุงแห่งโชคที่มีพุทธธรรรมของพวกเราทั้งห้าคน อย่างนั้นกระหม่อมถือเป็นหนึ่งในคนที่มีวาสนาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เจ้ามาเพื่อเรื่องนี้? คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเงยหน้าขึ้น มององค์ชายหกที่แปลกตาและคุ้นเคยตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เขาป่วยจนสมองเสื่อมหรือว่าถูกขังจนโง่เชลาแล้ว
ดูตรงไหนว่าทุกคนดีใจ
ฮ่องเต้ไม่รู้สึกประหลาดใจ เขามองฉู่อวี๋หยงพลันเผยสีหน้ากระจ่าง
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าเอง” เขาตรัส
ใช่ วันนี้ในพระราชวัง ไม่ได้มีเฉินตันจูเป็นหายนะเพียงคนเดียว หายนะที่ใหญ่สุดคือเขา ฉู่อวี๋หยง
สีหน้าของฮ่องเต้ดำทะมึน ที่แท้พระราชวังของข้า ตำหนักของข้าขังเจ้าเอาไว้ไม่อยู่