บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 388 เปิดออก
ฉู่ซิวหยงพูดประโยคนี้ขึ้นมา พระสนมเสียนและพระสนมสวีต่างผงะไป ขันทีจิ้นจงก็ผงะไป ก่อนจะยิ้มอย่างระอา ความตกตะลึงก็อยู่ในการคาดการณ์ ท่านอ๋องฉีรักใคร่เฉินตันจูอย่างมาก เมื่อถึงนาทีสุดท้าย เขายังคงไม่อาจยอมรับว่าไร้วาสนาในชาตินี้
พระสนมเสียนเหลือบมองพระสนมสวี มุมปากเผยยิ้ม พระสนมสวียิ้มไม่ออก หันควับไปมองฉู่ซิวหยง
“เรื่องของเหล่าหญิงสาว” นางพยายามพูดอย่างความคุมอารมณ์ “เจ้าอย่ายุ่งเกี่ยวเลย”
ฉู่ซิวหยงพูด “ไม่เพียงเป็นเรื่องของหญิงสาว เสด็จแม่ ข้าได้รับของขวัญจากอาจารย์ฮุ้ยจื้อแล้ว ถือว่าแบ่งโชคดีของข้าให้ทุกคนเถิด”
พระสนมสวีกัดฟันจนฟันแทบแตก นางรู้นิสัยของบุตรชายคนนี้ ดูภายนอกอ่อนโยนมีมารยาท เป็นมิตรกับผู้อื่น พูดง่าย แต่อันที่จริงแล้วใจของเขาถูกห่อหุ้มไว้ชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่มีคนมองออกทะลุปรุโปร่ง ภายในใจไม่มีผู้ใด…กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายยังคงเหยียดหยามเกียรติของมารดาผู้ให้กำเนิด
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนซับซ้อนขึ้น นอกจากพระชายาองค์รัชทายาท
พระชายาองค์รัชทายาทนั่งอยู่ในศาลา แทบจะอดหัวเราะออกมาไม่ได้ โอย ความสนุกมาถึงตามคาด
ก่อนเริ่มงานเลี้ยงวันนี้ องค์รัชทายาทให้นางทำเรื่องหนึ่งก็คือเดินไปเดินมาท่ามกลางผู้คน กระตือรือร้นในการรับรองหญิงสาวทุกคน เริ่มแรกนางไม่เข้าใจความหมาย คิดว่าองค์รัชทายาทอยากจะคัดเลือกเหลียงตี้ด้วย ถึงแม้จะเสียใจแต่นางยังคงประคองสติ จนกระทั่งได้ยินเสียงนินทาของเหล่านางใน บอกว่านางกำลังเลือกคนให้ องค์รัชทายาทหรือองค์ชายห้า อีกทั้งคนที่ถูกเลือกยังเป็นเฉินตันจู
เวลานี้เมื่อเห็นท่านอ๋องฉีปะทะกับพระสนมเสียนพระสนมสวี ทุกสิ่งล้วนเข้าใจได้แล้ว
ที่แท้ องค์รัชทายาทจงใจให้นางยั่วยุท่านอ๋องฉี
อาละวาดเถิด เพื่อเฉินตันจูของเจ้า ปั่นป่วนการคัดเลือกพระชายาในคราวนี้ ไม่แน่ฝ่าบาทอาจโกรธจนถอดถอนบรรดาศักดิ์ ปลดเป็นสามัญชน ถูกกักขังเหมือนองค์ชายห้า…นี่คือจุดจบที่เจ้ามีความชอบมากกว่าองค์รัชทายาท พระชายาองค์รัชทายาทแสร้งกระแอมไอ แต่ความจริงแล้วแอบยิ้ม
อืม หากเป็นเช่นนี้ ถือว่านางมีความดีความชอบอันใหญ่หลวงต่อองค์รัชทายาท
“ไม่ต้องหรอกเพคะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นท่ามกลางฝูงชนที่เงียบสงบภายนอกศาลา “โชคของพระองค์เพียงคนเดียวจะเพียงพอได้อย่างไร”
ทุกคนต่างมองไปตามเสียง เห็นว่าเป็นเฉินตันจูที่อยู่ด้านหลังสุดของฝูงชน ฉู่ซิวหยงมองมา พูดด้วยสายตาแน่วแน่ “พวกเรามีสามคน พี่สองกับน้องสี่ต่างเหมือนกับข้า”
สีหน้าของท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลูต่างเปลี่ยนไป ท่านอ๋องหลูกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไม่ ไม่ เขาไม่เหมือนกัน อย่าให้เฉินตันจูเห็นเขา
เฉินตันจูไม่ได้มองท่านอ๋องหลู เพียงแค่ส่ายหน้าต่อฉู่ซิวหยง พูดด้วยรอยยิ้ม “โชคของท่านอ๋องทั้งสามมีมากนัก แต่หม่อมฉันรู้สึกว่าไม่มากเท่าเหนียงเหนียงทั้งสองท่าน อย่างไรพวกนางก็ให้กำเนิดท่านอ๋องทั้งสาม มันถือเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่”
พระสนมสวีหัวเราะร่า ชี้ไปที่เฉินตันจู “ตันจูพูดจาดีเหลือเกิน มิน่าฝ่าบาททรงชื่นชมเจ้าทุกวัน”
พระสนมเสียนยิ้มตาม แต่สายตามองสลับไปยังพระสนมสวีกับเฉินตันจู สองคนนี้…ดูเหมือนจะเป็นมิตรกันอย่างมาก อีกทั้งยังคล้อยตามกัน?
“เอาเถิด อาซิว” พระสนมสวีมองฉู่ซิวหยงด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “มันเป็นเรื่องที่ฝ่าบาททรงมอบหมายให้พระสนมเสียน เจ้าอย่าได้ถามอีกเลย”
พระสนมเสียนยิ้มเยาะเย้ยภายในใจ เรื่องการคัดเลือกพระสนมของบุตรชายเจ้าไม่เกี่ยวกับข้า อย่าดึงความแค้นมาที่ข้า
“ท่านอ๋องฉี” นางพูดกับฉู่ซิวหยงพลันยิ้มอบอุ่น “มันเป็นการจัดเตรียมของฝ่าบาท เจ้าดู ความคิดแปลกใหม่ของเจ้าก็ดีมาก หรือไม่ไปทูลต่อฝ่าบาทเสียก่อน?”
มือที่วางไว้บนหัวเข่าของพระสนมสวีกำแน่น ให้ท่านอ๋องฉีไปทูลต่อฝ่าบาทย่อมเหมือนเป็นการพังทลายเรื่องในครานี้ไม่ใช่หรือ สตรีอสรพิษที่แสร้งทำตัวดีคนนี้…
“ไปกลับย่อมต้องรอคอยอีก” เสียงของเฉินตันจูดังขึ้นอีกครั้ง “หม่อมฉันรอไม่ไหวแล้ว หม่อมฉันอยากดูโชคของตนเอง”
นางเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี หลิวเวยและหลี่เหลียนที่อยู่ด้านหลังนางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามมา
“ไม่ปิดบังเหนียงเหนียงทั้งสอง” เฉินตันจูยิ้มให้พระสนมเสียนกับพระสนมสวี “หลายปีนี้หม่อมฉันถวายธูปเทียนต่อหน้าพระพุทธรูปจำนวนมาก ครานี้หม่อมฉันย่อมต้องได้ถุงแห่งโชคที่ดีที่สุด”
เวลานี้พระสนมสวีมองเฉินตันจู รอยยิ้มในดวงตาแทบจะเอ่อล้นออกมา “ขอให้คุณหนูตันจูสมดังปรารถนา”
พระสนมเสียนเหลือบมองนางใน “ยังไม่ปรนนิบัติคุณหนูตันจูเลือกถุงแห่งโชค?”
นางในที่ยืนอยู่ข้างพระสนมเสียนรีบเดินขึ้นหน้าเปิดกล่องออก พลันยื่นมือเข้าไป “บ่าวเขย่าก่อนเพคะ” มือของนางคนอยู่ด้านใน “คุณหนูตันจูเชิญเลือกเถิด”
เฉินตันจูยื่นมือเข้าไป กำลังจะจับถุงแห่งโชคใบหนึ่ง แต่มีมือแตะโดนมือของนางทันที ไม่รอนางพูดสิ่งใด นางในผู้นั้นจับมือของนางดึงออกมา “ยินดีกับคุณหนูตันจู เลือกเสร็จแล้ว” ไม่รอเฉินตันจูพูด นางก็พูดขึ้นอีก “หนึ่งคนเลือกได้หนึ่งครั้งเท่านั้น”
เฉินตันจูมองถุงแห่งโชคในมือด้วยรอยยิ้มมีนัย
“คุณหนูตันจูโปรดอภัย” พระสนมเสียนพูดกับนางเสียงเบา สีหน้าจริงใจ “มันเป็นการเตรียมการของฝ่าบาท”
การเลือกถุงแห่งโชคที่ว่าย่อมไม่ได้เลือกได้ตามใจ พระชายาล้วนมีตัวเลือกอยู่ก่อนแล้ว ไม่มีทางให้คนที่ไม่สมควรได้หยิบไป
ดังนั้นนางในยัดถุงแห่งโชคให้นางไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
การเตรียมการเช่นนี้สมเหตุสมผล ไม่มีร่องรอยของการจงใจเพ่งเล็งนาง เฉินตันจูมองพระสนมเสียน ก่อนจะเหลือบมองนางในผู้นั้น ไม่รู้ว่าพระสนมเสียน หรือนางในของพระสนมเสียนที่ร่วมมือกับองค์รัชทายาทกันแน่…
นางยิ้มให้พระสนมเสียน ส่ายถุงแห่งโชคในมือ “ได้ หม่อมฉันเลือกมัน” พูดพลันหันหลัง ไม่มองฉู่ซิวหยงแม้แต่น้อย
ฉู่ซิวหยงมองแผ่นหลังของหญิงสาว ไม่พูดสิ่งใดอีก
“คุณหนูตันจูเลือกเสร็จแล้ว พวกเรามาเลือกเถิด” หลี่เหลียนดึงหลิวเวยขึ้นหน้ามาถวายบังคม
พระสนมเสียนมองพวกนางด้วยรอยยิ้ม “เลือกเถิด”
หลี่เหลียนและหลิวเวยเลือกถุงแห่งโชคจากในกล่อง จากนั้นเดินตามเฉินตันจูออกจากศาลาไปอย่างรวดเร็ว
จนถึงบัดนี้ พระสนมสวีถึงได้โล่งใจอย่างสมบูรณ์ เสื้อด้านหลังของนางเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ นางเอื้อมมือกุมหน้าอก สองแสนก้วนนี้จ่ายไปอย่างคุ้มค่าเสียจริง
เมื่อมีเฉินตันจูออกหน้า เรื่องนี้จึงกลับสู่ระเบียบตามที่กำหนดไว้ เหล่าหญิงสาวต่างผลัดกันเดินเข้าศาลาเพื่อเลือกถุงแห่งโชค เสียงหัวเราะดังขึ้นทุกทิศทาง ทั้งด้านในด้านนอกเต็มไปด้วยความคึกคัก
เฉินตันจูและหลี่เหลียน หลิวเวยสามคนยืนกลับที่เดิม ทั้งสองคนมองถุงแห่งโชคด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ตำแหน่งพระชายาไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกนางอย่างแน่นอน แต่ได้รับถุงแห่งโชคจากท่านมหาราชครูจากงานเลี้ยงในพระราชวังนั้นก็เป็นโอกาสที่หาได้ยาก
“พวกเจ้าเปิดดูแล้วหรือไม่” ทันใดนั้นมีหญิงสาวเดินมาพูดกับพวกนาง
หลี่เหลียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่ได้เปิด” นางบีบถุงแห่งโชคในมือ “แต่ข้าจับดูแล้ว ด้านในไม่มีพุทธธรรม”
เฉินตันจูไม่คิดจะพูด หญิงสาวเหล่านั้นก็ราวกับไม่กลัวนาง อีกทั้งยังมีสองสามคนยืนอยู่ข้างกายนาง ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งยื่นมือจับมือของนางเอาไว้
เฉินตันจูยังไม่ทันได้หันไปมอง ในมือของนางก็ถูกยัดใบอะไรบางอย่าง นางกระจ่างในทันที…พระสนมสวีให้คนมามอบเงินให้นาง
“พวกเราไปดูของคนอื่นกัน” เหล่าหญิงสาวพูดพลางหัวเราะ ก่อนจะพากันจากไป
“ตันจู ของเจ้าเล่า” หลิวเวยถาม “มีพุทธธรรมหรือไม่”
เฉินตันจูกุมสองมือไว้ด้านหน้า ยิ้มตาหยี “ไม่สำคัญว่าจะมีพุทธธรรมหรือไม่ สิ่งสำคัญคือถุงแห่งโชคนำมาซึ่งโชคลาภ”
โชคลาภหมายความว่าอย่างไร หลิวเวยไม่เข้าใจ
ภายในศาลา พระสนมเสียนขัดความคึกคัก ถุงแห่งโชคที่ขันทีจิ้นจงนำมาถูกเลือกไปหมดแล้ว
“มา ให้ข้าดูหน่อยว่าผู้ใดได้ถุงแห่งโชคที่มีพุทธธรรมไปบ้าง” พระสนมเสียนพูด ก่อนจะยิ้มให้ขันทีจิ้นจง “กงกงก็หยุดรอฟังก่อนเถิด”
ท่านอ๋องทั้งสามไม่ได้บอกเนื้อหาของพุทธธรรมให้แก่ทุกคน เพื่อไม่ให้บรรดาหญิงสาวเขินอาย แต่ทางฮ่องเต้ย่อมรู้ ขันทีจิ้นจงนำผลทางนี้ทูลต่อฮ่องเต้ ผู้คนในตำหนักใหญ่ย่อมเข้าใจ หญิงสาวที่หยิบได้พุทธธรรมเหมือนกับท่านอ๋องทั้งสามก็คือคู่ครองของท่านอ๋อง
เมื่อได้ยินคำพูดของพระสนมเสียน เหล่าหญิงสาวต่างมองไปยังถุงแห่งโชคของตนเองด้วยสีหน้าแตกต่างกัน บ้างเบ้ปากด้วยความผิดหวัง บ้างเขินอายด้วยความดีใจ บ้างวิตกกังวล…คนที่หยิบได้พุทธธรรมไม่ได้มีเพียงสามคน ผู้ใดจะหยิบได้เหมือนกับของท่านอ๋องยังไม่รู้
“มาๆ” พระสนมสวีเสนอด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “คนที่หยิบได้ล้วนอ่านออกมา ให้ทุกคนได้รับโชคบ้าง”
ดังนั้นเหล่าหญิงสาวยืนออกมาทีละคน อ่านพุทธธรรมที่ตนเองหยิบได้อย่างเขินอายภายใต้สายตาอิจฉาริษยาและโกรธแค้นของทุกคน
เมื่อหญิงสาวแต่ละคนอ่านพุทธธรรมประโยคแรกออกมา สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังท่านอ๋องทั้งสามและพระสนมทั้งสอง พยายามสังเกตจากสีหน้าของพวกนางว่าผู้ใดจะได้เป็นพระชายา
แต่พระสนมทั้งสองเที่ยงธรรมอย่างมาก ส่วนท่านอ๋องทั้งสาม ท่านอ๋องเยียนสีหน้าเรียบเฉย ท่านอ๋องฉีสีหน้าสงบ ท่านอ๋องหลู…อาจเพราะความตื่นเต้น ท่านอ๋องหลูจึงหลบอยู่ด้านหลังของท่านอ๋องทั้งสอง มองไม่เห็นแม้แต่ร่างกาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใบหน้า
ไม่นานนักหญิงสาวที่หยิบได้ถุงแห่งโชคที่มีพุทธธรรมอ่านครบทุกคนแล้ว พระสนมเสียนและพระสนมสวียิ้มอย่างดีใจ ใบหน้าของขันทีจิ้นจงยิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ยินดีกับเหล่าคุณหนู บ่าวไปทูลฝ่าบาทบัดนี้”
ในขณะที่เขากำลังจะจากไป มีหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้น “คุณหนูตันจู ของท่านเล่า มีพุทธธรรมด้วยหรือไม่ ท่าน…”
ฝีเท้าของขันทีจิ้นจงชะงักลง ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังเฉินตันจู ส่วนสายตาของฉู่ซิวหยงจับจ้องไปบนตัวของหญิงสาวผู้นั้น…
ถึงแม้หญิงสาวผู้นั้นจะไม่รู้ว่าท่านอ๋องฉีมองมา แต่นางก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ทำให้นางอดที่จะหดคอลงไม่ได้ คำพูดที่ต้องการจะพูดก็ชะงักลง
เฉินตันจูก็มองไปยังหญิงสาวผู้นี้ นางไม่รู้สึกโกรธแค้น เพียงแค่แอบด่าคนโง่เขลาที่ถูกองค์รัชทายาทเตรียมการเอาไว้
“คุณหนูตันจูก็มีพุทธธรรม?” พระสนมสวีถามด้วยรอยยิ้ม “คงจะไม่มี เหมือนว่าไม่ได้มีพุทธธรรมมากเพียงนั้น”
พระสนมเสียนยังไม่ทันพูด ทางพระชายาองค์รัชทายาทก็อดพูดขึ้นไม่ได้ “ไม่อาจพูดเช่นนี้ได้ หากคุณหนูตันจูมีบุญบารมีล้นเหลือเล่า?” นางมองไปทางเฉินตันจูด้วยรอยยิ้ม “เปิดถุงแห่งโชคของเจ้าให้ทุกคนดูเถิด”
เฮ้อ รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยเฉินตันจูไป หลี่เหลียนและหลิวเวยมองเฉินตันจูด้วยความกังวล
ไม่รู้ว่าถุงแห่งโชคของเฉินตันจูจะว่างเปล่า จากนั้นถูกหัวเราะเยาะว่าไร้วาสนา หรือว่ามีพุทธธรรมที่ไม่ดีนักอยู่
เฉินตันจูหยิบถุงแห่งโชคออกมา ยิ้มต่อพระชายาองค์รัชทายาท อันที่จริงไม่ต้องจงใจถาม นางก็จะเปิดออก ไม่อาจให้แผนการขององค์รัชทายาทสูญเปล่า ไม่อาจให้นางกับฉู่อวี๋หยงเสียแรงเปล่า อีกทั้งไม่อาจให้ท่านอ๋องหลูตกน้ำเสียเปล่า…
“ได้เพคะ” นางส่ายถุงแห่งโชคไปมา บีบถุงในมือ เงี่ยหูฟัง ก่อนจะเผยยิ้มออกมา “ราวกับมีของจริงๆ”
มีจริง? หญิงสาวผู้นี้ช่างประหลาด พระสนมสวีไม่กล้าพูด อดที่จะมองแขกสตรีในตระกูลของตนเองไม่ได้ เงินให้กับมือแล้วหรือไม่
พระสนมเสียนนิสัยดี จึงพูดคล้อยตาม “จริงหรือ ช่างโชคดีเหลือเกิน คุณหนูตันจูเปิดดูเสียหน่อย?”
เฉินตันจูยิ้มพลันดึงเชือกถุงแห่งโชคออก…
ทุกสายตาจับจ้องการกระทำของหญิงสาว มือของพระชายาองค์รัชทายาทยิ่งกำแน่น พยายามข่มความตื่นเต้นที่กำลังจะหลั่งไหลออกมาทางแววตา เรื่องสนุกกำลังจะมาแล้ว…
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เฉินตันจูจะยับยั้งการป่วนงานของท่านอ๋องฉีแล้ว แต่หากเฉินตันจูหยิบพุทธธรรมออกมา ได้เนื้อหาเดียวกับองค์ชายห้า ท่านอ๋องฉีย่อมต้องก่อเรื่องขึ้นอีกครั้ง เขาอาจฉีกพุทธธรรมของเฉินตันจูทิ้ง หรืออาจฉีกของตนเอง หรืออาจไปซักถามต่อองค์รัชทายาท…
ไม่ว่าอย่างไร ในสายตาของฮ่องเต้ ท่านอ๋องฉีล้วนกำลังบ้าคลั่ง
ฉู่ซิวหยงก็มองเฉินตันจู สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ภายในดวงตามีรอยยิ้มที่อบอุ่นและแน่วแน่
ทุกคนเห็นเฉินตันจูเปิดถุงแห่งโชคออกมา นิ้วมือยื่นเข้าไป จากนั้นหยุดลงด้วยความเหลือเชื่อ ดวงตากลมเบิกกว้าง ปากเล็กอ้าค้างเล็กน้อย…
มีจริงใช่หรือไม่ ตกตะลึงใช่หรือไม่! กลัวแล้วใช่หรือไม่! พระชายาองค์รัชทายาทอดยืนขึ้นไม่ได้
“คุณหนูตันจู เป็นอันใดหรือ” นางถามอย่างดีใจ
แววตาของเฉินตันจูตกตะลึง พึมพำอย่างผิดหวัง “เป็น เป็นโชคลาภ”
โชคลาภ?
โชคลาภหมายความว่าอย่างไร
ทุกคนต่างผงะ สีหน้าฉงน
โชคลาภก็คือ เฉินตันจูมองภายในถุงแห่งโชค ถุงแห่งโชคใบนี้ของนางมีพุทธธรรมห้าใบ
ห้าใบ
ท่านอ๋องมีสามคน องค์ชายมีสองคน
เวลานี้ล้วนอยู่ในถุงแห่งโชคของนาง
…
ภายในอุโบสถวัดถิงอวิ๋น ควันธูปตลบอบอวล ทำให้ใบหน้าของอาจารย์ฮุ้ยจื้อที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูปเลือนรางไป
เขาพนมมือหลับตาลง เฉินตันจู อาตมาทำเต็มที่แล้ว ขอให้ท่านมีความสุข