บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 372 เพิ่งรู้จัก
เฉินตันจูถูกองค์หญิงจินเหยาจูงมือเดินออกมาด้านนอก นางระอาเล็กน้อย
“องค์หญิง หม่อมฉันไม่เข้าใจเสียจริง” นางพูด “ท่านไปเยี่ยมพี่ชายท่าน เหตุใดจึงให้หม่อมฉันไปด้วย”
เนื่องจากพี่หกข้าชอบเจ้า องค์หญิงจินเหยาย่อมไม่โง่เขลาพูดออกมา แต่นางก็ไม่อยากหลอกเฉินตันจู จึงต้องพูดตามความจริง “เจ้าช่วยพี่ชายของข้า ข้าคิดว่าพี่หกควรขอบคุณเจ้า”
เฉินตันจูรีบพูด “ไม่ถือ…”
ยังไม่ทันพูดสิ่งใดออกมา องค์หญิงจินเหยาพูดขัดนาง “ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดเรื่องใด เจ้าไม่ได้ทำอันใด ถึงแม้เจ้าไม่ทำอันใด อันที่จริงพี่หกข้าก็ไม่ได้ถูกปฏิบัติไม่ดี หลายปีมานี้เขาเคยชินกับชีวิตที่เรียบง่าย เพียงแค่เพิ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวง คนข้างกายของเขาไม่คุ้นชินนัก เจ้าช่วยออกหน้า สวัสดิการขององค์ชายหกจึงดีขึ้นมาก คนข้างกายของพี่หกสบายใจ ชีวิตของพี่หกย่อมสบายใจยิ่งกว่า”
องค์หญิงที่หยิ่งยโสก้มหน้าลงเมื่อพูดเรื่องเหล่านี้ เจือปนไปด้วยความโศกเศร้าที่ไม่เคยมีมาก่อน เฉินตันจูรู้ว่าองค์หญิงจินเหยากับองค์ชายหกสนิทกัน เป็นบุตรแห่งโอรสสวรรค์ที่ล้ำค่า แต่พวกเขาก็เป็นเด็กที่โดดเดี่ยวที่เติบโตมาด้วยกัน
“หม่อมฉันเข้าใจท่าน” เฉินตันจูเขย่ามือขององค์หญิงจินเหยา “แต่ว่า ท่านไม่ต้องคิดว่าหม่อมฉันดีเพียงนั้น หม่อมฉันไม่ได้ทำเพื่อองค์ชายหก แต่เพื่อองครักษ์ที่ถูกมอบหมายให้จวนองค์ชายหก พวกเขาเป็นองครักษ์ของบิดาบุญธรรมหม่อมฉัน บิดาบุญธรรมหม่อมฉันไม่อยู่แล้ว หม่อมฉันไม่อยากให้พวกเขาถูกรังแก อยากให้พวกเขาอยู่อย่างสบาย
ทันทีที่สิ้นเสียงนาง องค์หญิงจินเหยาที่ก้มหน้ากระแอมไอขึ้น
“เป็นอันใดหรือ” เฉินตันจูรีบถาม
องค์หญิงจินเหยายื่นมือปิดปากหันหน้าไปมองอีกด้าน “ไม่เป็นใด ไม่เป็นใด ระยะนี้อากาศร้อน ข้ารู้สึกคันคอ”
เฉินตันจูพูด “อย่าลืมยาอมที่หม่อมฉันให้ท่านไว้ อย่าคิดว่ามันมีรสชาติแปลกก็ไม่กิน มันได้ผลจริง”
องค์หญิงจินเหยาจับมือนางอีกครั้ง “รู้แล้ว รู้แล้ว ตันจูเจ้านับวันยิ่งขี้บ่น เอาเถิด พวกเรารีบไปกัน”
เมื่อพูดไปแล้ว เฉินตันจูก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีก นางหันกลับไปมอง จู๋หลินกับอาเถียนเดินตามอยู่ด้านหลังไม่ไกล หากเฉินตันจูจะปฏิเสธจริง ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นองค์หญิง พวกเขาก็ย่อมต้องคุ้มกันเฉินตันจูเอาไว้ เฉินตันจูเรียกขานพวกเขา “ไปเถิด ข้านั่งรถขององค์หญิง พวกเจ้าตามอยู่ด้านหลังก็พอ” ก่อนจะจับมือกับองค์หญิงออกจากจวนไป
อาเถียนนั่งรถคันเดียวกับนางในขององค์หญิง จู๋หลินขี่ม้าตามมา องครักษ์เปิดทาง เหล่าขันทีคุ้มกันซ้ายขวา เดินทางมุ่งหน้าไปยังจวนขององค์ชายหกอย่างคึกคัก
ในขณะที่กำลังจะถึง องค์หญิงจินเหยาไม่อาจอดทนต่อความทุกข์ทรมานในใจได้ นางจับมือของเฉินตันจูพูดอย่างจริงจัง “ตันจู หากคนอื่นหลอกเจ้า เจ้าจะโกรธหรือไม่”
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ย่อมต้องโกรธ ผู้ใดถูกหลอกจะไม่โกรธ องค์หญิงท่านไม่โกรธหรือ”
ใช่ อันที่จริงการปฏิบัติต่อผู้อื่นนั้นง่ายมาก แค่เอาใจเขาใส่ใจเราเท่านั้น องค์หญิงจินเหยาครุ่นคิด นางถูกหลอกลวงย่อมต้องโกรธ นางบีบนิ้วแน่น
เฉินตันจู “หากคนที่หลอกลวงมีความจำเป็น อีกทั้งการหลอกลวงนั้นไม่ได้มีผลร้ายต่อผู้อื่น จะดีขึ้นหรือไม่”
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจตนาดีหรือร้าย มีเพียงผลลัพธ์สองแบบ หนึ่งคือให้อภัยได้ สองคือให้อภัยไม่ได้” เฉินตันจูยิ้ม ยื่นมือเปิดม่านขึ้น “สามารถให้อภัยก็ขอโทษ ไม่สามารถให้อภัยก็แยกย้าย พวกเราลงรถเถิด ถึงแล้ว”
อย่างนี้หรือ องค์หญิงจินเหยาครุ่นคิด เรื่องของนางในครานี้ หรือแม้แต่ตัวตนของพี่หกล้วนสามารถให้อภัยได้ ทันใดนั้นนางจึงโล่งใจ เดินตามเฉินตันจูลงจากรถอย่างร่าเริง
เหล่าองครักษ์ด้านหน้าประตูจวนขององค์ชายหกไม่ได้หลีกทางเพียงเพราะขบวนขององค์หญิง จนกระทั่งองค์หญิงจินเหยาให้นางในถือรับสั่งของฮ่องเต้ออกมา ด้านบนนั้นระบุอย่างชัดเจนว่าให้องค์หญิงจินเหยากับเฉินตันจูทั้งสองเข้าไปเยี่ยม เหล่าองครักษ์จึงหลีกทางเข้าไปทูลรายงาน
“เข้มงวดเหลือเกิน” เฉินตันจูพูดเสียงเบา
ดูท่าทาง นอกจากรับสั่งของฮ่องเต้ ไม่มีผู้ใดเดินเข้าจวนแห่งนี้ได้ แต่ก็หมายความว่าไม่มีผู้ใดเดินออกไปได้ด้วยใช่หรือไม่ นางมองผ่านประตูใหญ่ เงยหน้ามองกำแพงจวนสูง…
“คุณหนูตันจู!”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหน้า
เฉินตันจูมองไป ร่างสูงโปร่งเดินมาอย่างช้าๆ ไม่มีชุดสีแดงสดเหมือนที่พบกันครั้งแรก เพียงแค่สวมชุดสีเรียบง่าย แต่ไม่มีผู้ใดละสายตาจากเขาได้
โชคดีที่เฉินตันจูพยายามเบนสายตา นางถวายบังคม “ถวายบังคมองค์ชายหกเพคะ”
ฉู่อวี๋หยงมององค์หญิงจินเหยากับเฉินตันจูที่เดินเข้าใกล้ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “คุณหนูตันจู มีเรื่องหนึ่งข้าต้องบอกเจ้า ไม่ใช่จินเหยาอยากให้เจ้ามา หากแต่ข้าขอให้จินเหยาเชิญเจ้ามา”
เฉินตันจูมององค์ชายท่านนี้ด้วยรอยยิ้ม “อย่างนี้หรือ หม่อมฉันก็ว่า ท่าทางขององค์หญิงจินเหยาแปลกๆ”
องค์หญิงจินเหยาโล่งอก อีกทั้งดีใจอย่างมาก ถึงแม้พี่หกชอบหยอกนาง แต่ไม่เคยทำให้นางต้องได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย นางโบกมือต่อเฉินตันจู พูดอย่างจริงจัง “ตันจู ข้าจะทำให้ดี เพื่อให้เจ้าได้อภัย”
เฉินตันจูพยักหน้าอย่างจริงจัง “องค์หญิงจำไว้ ท่านติดหนี้ข้าครั้งหนึ่ง ต่อจากนี้ข้าเรียกร้องสิ่งใด ท่านต้องรับปาก”
องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา”
ฉู่อวี๋หยงมองหญิงสาวทั้งสองสนทนากัน พูดขึ้น “ข้าจะพยายามทำให้คุณหนูตันจูให้อภัย ข้าติดหนี้คุณหนูตันจูครั้งหนึ่ง ต่อจากนี้…”
เฉินตันจูรีบพูด “ไม่ต้อง ไม่ต้อง องค์ชายเกรงใจเกินไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ถือว่าหลอกลวง หม่อมฉันเข้าใจ องค์ชายทรงมีความเป็นบุรุษ รู้จักตอบแทนบุญคุณ เพียงแค่ หม่อมฉันทำเรื่องนี้ ไม่รู้สึกว่าจะมีบุญคุณต่อองค์ชาย ดังนั้นไม่กล้ารับความดีความชอบนี้”
ฉู่อวี๋หยงยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูตันจูถึงจะมีความเป็นบุรุษ”
ถึงแม้รู้ว่าตันจูเป็นหญิงสาวที่ดี แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ องค์หญิงจินเหยาก็อยากหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าคนด้านนอกได้ยินจะมีสีหน้าอย่างไร
เฉินตันจูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ใช่ คนส่วนใหญ่พูดเช่นนี้”
องค์หญิงจินเหยาอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “เอาเถิด อย่าได้ยืนตากแดดตรงนี้เลย พี่หกท่านรีบจัดโต๊ะต้อนรับบุรุษเถิด”
ก่อนงานเลี้ยง ฉู่อวี๋หยงผู้เป็นเจ้าภาพพาแขกเดินดูจวน
“ข้ามาเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน” องค์หญิงจินเหยาดีใจ ก่อนจะถอนหายใจ “ข้ายังไม่ทันได้เลือก พี่หกก็ย้ายเข้ามาแล้ว เวลานี้คนอื่นยังเลือกไม่ได้เสียด้วยซ้ำ”
ฉู่อวี๋หยงพูด “เสด็จพ่อเลือกหลังที่ดีที่สุด หลายปีนี้ เสด็จพ่อรู้สถานการณ์ของข้าดีที่สุด จินเหยาอย่าได้พูดอีก”
ใช่ เรื่องเกี่ยวกับราชวงศ์ พ่อลูกพี่น้อง องค์หญิงจินเหยาเหลือบมองเฉินตันจู เฉินตันจูกำลังตั้งใจจดจ้องเครื่องประดับงดงามภายใต้ทางเดิน ราวกับกำลังวิเคราะห์วัสดุของมัน
องค์หญิงจินเหยาอยากหัวเราะ พึมพำ “มีเรื่องใดพูดไม่ได้ ฮองเฮา พี่ห้าเป็นแบบนั้นแล้ว คิดว่าจะปิดบังผู้อื่นได้จริงหรือ”
ถึงแม้ปิดบังแต่แรก แต่หากเวลาผ่านไปนานก็ล้วนแพร่กระจายออกไป พี่น้องเข่นฆ่ากันเอง ราชวงศ์มีความอบอุ่นที่ใดกัน
เฉินตันจูหันหน้าไปชี้ต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นในลาน “ต้นไม้โบราณนี้ถูกย้ายมาปลูก เดิมทีมันอยู่ในพระราชวังอู๋ มีอายุกว่าพันปี หม่อมฉันเคยเห็นตอนเด็ก”
ต้นไม้โบราณพันปีหรือ เขาไม่เคยสังเกต ฉู่อวี๋หยงเงยหน้ามอง “เสด็จพ่อย้ายต้นไม้ที่ดีเพียงนี้มาปลูกให้ข้าหรือ”
“ใช่เพคะ” เฉินตันจูพูด “คิดว่ามันเป็นความหวังที่ฝ่าบาทมีต่อองค์ชาย หวังว่าท่านจะปลอดภัย อายุยืนยาว”
ฉู่อวี๋หยงเดินขึ้นหน้า ยกมือลูบคลำลำต้นที่แห้งกร้านอย่างแผ่วเบา “ดังนั้นข้าขอบคุณคุณหนูตันจูอย่างมาก ข้าดูแลตนเองได้ดี แต่หากคนในจวนถูกปฏิบัติไม่ดี พวกเขาย่อมไม่อาจดูแลจวนแห่งนี้ได้ดี ต้นไม้ต้นนั้นเกรงว่าจะอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งก่อเป็นบาปยิ่งนัก”
เฉินตันจูมองเขา ยิ้มออกมาจากใจเป็นครั้งแรก “ไม่ต้องเกรงใจเพคะ หม่อมฉันดีใจอย่างมากที่ช่วยต้นไม้โบราณต้นนี้ได้”
ฉู่อวี๋หยงหันกลับมายิ้ม ดวงตาดุจดวงดาว อ่อนโยนดุจสายน้ำ
องค์หญิงจินเหยายืนอยู่ด้านข้าง รู้สึกเหมือนตนเองเป็นส่วนเกินอย่างประหลาด
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่กับตันจูและองค์ชายสาม นางไม่มีความรู้สึกนี้
เวลานี้ สองคนนี้ คนหนึ่งคิดว่าอีกฝ่ายเป็นองค์ชายที่ไม่รู้จัก อีกฝ่ายแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก พวกเขาพูดจาด้วยความเกรงใจ หากแต่ไม่ห่างเหินแม้แต่น้อย
องค์หญิงจินเหยาส่งเสียงไม่พอใจ สมกับเป็นพ่อลูกบุญธรรม