บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 352 ทางผ่าน
สุดท้ายจู๋หลินนำองครักษ์หลวงทั้งสิบไป อีกทั้งยังเลือกบ่าวรับใช้สิบกว่าคนในจวนองค์หญิงด้วย
บ่าวรับใช้เหล่านี้ล้วนเป็นบ่าวรับใช้เก่าแก่ในจวนตระกูลเฉิน มีฝีมือไม่มากก็น้อย
เมื่อเฉินตันจูที่ออกมานั่งรถเห็นภาพนี้จึงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
“ข้าออกไปเที่ยว ไม่ได้ออกไปล่าหมาป่า” นางหัวเราะร่า โบกมือให้บ่าวรับใช้ถอยลงไป “จู๋หลินมาบังคับรถ ข้าพาอาเถียนไปก็เพียงพอแล้ว”
ไม่ได้ไปหาเรื่อง? จริงหรือเท็จ? ถูกเหยียดหยามในงานเลี้ยงตระกูลกู้เพียงนี้ จะยอมปล่อยไปหรือ จู๋หลินมีความรู้สึกซับซ้อน แต่ก่อนเขาไม่ชอบที่คุณหนูตันจูสร้างปัญหาไปทั่วอย่างมาก แต่เวลานี้คุณหนูตันจูไม่สร้างปัญหาแล้ว ภายในใจของเขาไม่รู้สึกดีใจ หากแต่เศร้าโศก
เพราะแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่อยู่แล้ว
เฉินตันจูบอกว่าออกไปเที่ยวก็เดินทางไปยังนอกเมืองจริง นางมาถึงภูเขาดอกท้อเป็นอันดับแรก
โรงน้ำชาบริเวณเชิงเขาดอกท้อยังคงคึกคัก แขกที่นั่งกันเต็มไม่ทันได้สนใจรถม้าที่ไม่โดดเด่นคันหนึ่ง ไม่ได้สนใจการมาถึงขององครักษ์รายหนึ่ง สาวรับใช้นางหนึ่ง กับสตรีนางหนึ่ง พวกเขาต่างใจจดใจจ่อฟังแขกที่สะพายย่ามพูด
แขกคนนี้ในมือถือถ้วยชา เล่าเรื่องน้ำลายกระเด็นไปทั่ว อาฮวาที่อยู่ด้านข้างหาโอกาสเติมน้ำไม่ได้
“…เฉินตันจูไม่สนใจพี่สาวของตนเอง นางเพียงพูดต่อฝ่าบาท องค์หญิงนี้แต่งตั้งให้ข้าได้เท่านั้น มิฉะนั้นข้าสามารถฆ่าคนหนึ่งได้ ย่อมฆ่าสองคนได้…ฮ่องเต้กลัวจนหน้าซีดเผือด…”
เขาพูดถึงตรงนี้ สตรีที่ถือเหยือกชาเติมชาตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คุณหนูตันจูมา!”
เสียงของคนผู้นั้นชะงักลง มองเห็นหญิงสาวรูปงามที่ยืนยิ้มอยู่ด้านนอกโรงน้ำชา สีหน้าของเขาซีดเผือด โยนถ้วยชาลงวิ่งออกไปอย่างทุลักทุเล…
“ลูกค้า หาบของของท่าน…” อาฮวาตะโกนเสียงดัง
นอกจากเขา แขกคนอื่นต่างตั้งสติกลับมา พวกเขาบางคนจำเฉินตันจูได้ บางคนไม่รู้ว่าหญิงงามผู้นี้คือใคร แต่พวกเขาต่างวิ่งจากไป…วิ่งตามไม่ผิดแน่
ภายในโรงน้ำชาแตกตื่นในชั่วพริบตา ก่อนจะเหลือเพียงความว่างเปล่า
เฉินตันจูหัวเราะร่า
“คุณหนูตันจู!” หญิงชราขายชากระทืบเท้า “ท่านดูท่าน ท่านมา ลูกค้าข้าหายหมด”
เฉินตันจูเดินยิ้มเข้าไป ก่อนจะเลือกโต๊ะนั่งลง ทางด้านอาฮวาเรียกขานคนที่วิ่งหนีเหล่านั้น มีคนลืมของ มีคนลืมม้า…
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา” หญิงชราขายชาโบกมือ “เดี๋ยวพวกเขาก็กลับมาเอา ไม่หายหรอก”
พูดพลางเดินไปนั่งข้างเฉินตันจู
“ไม่ได้พบคุณหนูตันจูมานานเสียจริง”
“ท่านยาย” เฉินตันจูถามอย่างห่วงใย “หลังจากข้าจากไป การค้าของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
หญิงชราขายชาทำสีหน้าดีใจ “การค้าของข้าดียิ่งขึ้นเสียอีก! หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ คุณหนูตันจูท่านควรจากไปให้เร็วกว่านี้!”
…
การค้าของหญิงชราขายชาไม่ได้รับผลกระทบจริง
นับแต่เฉินตันจูย้ายออกจากภูเขาดอกท้อ คนที่เดินผ่านจากตรงนี้ยิ่งมากขึ้น อีกทั้งยังชอบหยุดพักบริเวณเชิงเขาดอกท้อ นั่งอยู่ในโรงน้ำชาพูดเรื่องของเฉินตันจู ก่อนจะมองที่พักของเฉินตันจูในคำร่ำลือ…แน่นอน ถึงแม้เฉินตันจูจะย้ายไปแล้ว แต่ภูเขาดอกท้อยังเป็นพื้นที่ของเฉินตันจู คนที่ผ่านไปมาบริเวณเชิงเขามีจำนวนมาก แต่ไม่มีผู้ใดกล้าวิ่งขึ้นไปด้านบน ยืนชมทิวทัศน์อยู่ที่เชิงเขาก็เพียงพอแล้ว
เฉินตันจูฟังหญิงชราขายชาพูดด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย “ท่านยาย พวกเรามาเก็บเงิน ให้ทุกคนขึ้นไปดูบนเขา คนหนึ่งสิบสลึงต่อครั้ง ข้าเจ็ด ท่านสาม เป็นอย่างไร”
หญิงชราขายชาเบ้ปาก “คุณหนูตันจูสนใจเงินเพียงไม่กี่สลึงด้วยหรือ”
เฉินตันจูร้องโอดครวญ “เวลานี้ท่านยายมีเงินแล้ว ไม่ให้ความสำคัญกับเงินไม่กี่สลึงแล้ว ไม่เหมือนตอนที่ชาถ้วยเดียวก็ต้องวิ่งไล่เก็บเงินกับข้าอีกแล้ว”
หญิงชราขายชารีบพูด “เวลานี้ข้ามีเงินแค่ไหน ท่านดื่มชาก็ต้องให้เงิน มันเป็นการค้า หนึ่งสลึงก็ต้องเก็บ”
เฉินตันจูหัวเราะจนหมอบอยู่บนโต๊ะ นางเอาหัวหนุนแขน ดวงตาเป็นประกาย “แต่ก็สามารถ ไม่ใช่เพียงไม่กี่สลึง รอพวกเขาขึ้นเขา ข้าจะดักทางพวกเขา ให้เขาจ่ายเงิน มิฉะนั้นไม่อาจลงจากเขาได้”
อาฮวาที่อยู่ด้านข้างทำสีหน้าตกตะลึง หญิงชราขายชาเหลือบมองนาง พลางพูด “นางพูดเหลวไหล คุณหนูตันจูเคยทำเรื่องแบบนี้เมื่อใดกัน!”
เมื่อใดหรือ คุณหนูตันจูไม่ได้ทำเรื่องน่าหวาดกลัวอยู่เสมอหรือ อาฮวารีบถอยหลังไปหลายก้าว
หญิงชราขายชาไม่สนใจนาง มองหญิงสาวที่หนุนแขน พยายามใช้ลิ้นเลียเมล็ดธัญพืชในจานอย่างทะเล้น “โอย ท่านทำตัวจริงจังเสียบ้างเถิด วิ่งออกมาทำอันใด”
เฉินตันจูนั่งขึ้นมา ในมือถือเมล็ดธัญพืช “ออกมาเที่ยว”
ภายในดวงตาของหญิงชราขายชาฉายแววเศร้าโศก เด็กที่น่าสงสาร นางอยู่ตัวคนเดียวเสมอไม่ว่าจะอยู่ในอารามดอกท้อก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นจวนองค์หญิงในเวลานี้
“ออกมาเที่ยวเล่นก็ดี” นางพูด “มาดื่มชาที่ร้านข้า สั่งผลไม้หลายจาน เวลานี้ท่านเป็นองค์หญิงแล้ว มีเงินมากมาย”
เฉินตันจูหัวเราะอีกครั้ง
หลังจากหัวเราะแล้ว กินผลไม้ไปจานหนึ่งแล้ว เฉินตันจูขอตัวลา “อย่าได้กีดขวางการค้าของท่านยาย ข้าไปที่อื่น”
บรรดาแขกที่วิ่งออกไปก่อนหน้านี้ไม่ได้จากไป เวลานี้กำลังหลบมองอยู่บริเวณไม่ไกล
หญิงชราขายชาไม่รั้งนางเอาไว้ ตนเองเป็นหญิงชรา จะเล่นสิ่งใดกับนางได้ ไม่อาจให้หญิงสาวในวัยที่งดงามกลายเป็นเหมือนหญิงชราอย่างนาง นางส่งเฉินตันจูขึ้นรถ รถมุ่งไปทางข้างหน้า…
บรรดาแขกที่อยู่ไกลออกไปต่างวิ่งกลับมา “ท่านยาย คุณหนูตันจูพูดสิ่งใดบ้าง”
“ที่แท้นางคือเฉินตันจูหรือ” คำถามมากมาย หญิงชราขายชาตอบเพียงคำเดียว “เรียกองค์หญิงตันจู!”
บนถนนใหญ่มีม้าสองตัวมาจากทิศทางของเมืองหลวง สองคนบนหลังม้าไม่สนใจความคึกคักในโรงน้ำชา เพียงแค่มองไปยังรถม้าด้านหน้า
“คุณชาย!” ชิงเฟิงชี้ไปที่รถม้า เห็นเพียงแค่รถม้าก็จำได้ “คุณหนูตันจู!”
โจวเสวียนไม่ได้เร่งความเร็ว หากแต่ดึงม้าเอาไว้ บนใบหน้าไร้ซึ่งความเหลาะแหละเหมือนเคย
“คุณชาย พวกเราไม่ตามไปหรือ” ชิงเฟิงถามเสียงเบา
ตอนนั้นในค่ายทหาร เขารู้สึกได้ว่าคุณชายเหมือนจะทะเลาะกับคุณหนูตันจู อีกทั้งยังทะเลาะกันอย่างรุนแรง เมื่อตอนที่คุณหนูตันจูป่วย ถึงแม้คุณชายจะไปที่คุกทุกวัน แต่เขาเพียงแค่ยืนอยู่ด้านนอก ต่อมาคุณหนูตันจูได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิง เขาก็ไม่ได้ส่งคำอวยพรหรือของขวัญไปให้ อีกทั้งไม่ได้พบกับคุณหนูตันจูอีก
แต่เขารู้ว่าคุณชายคิดถึงคุณหนูตันจูมาก บางครั้งยุ่งกับงานในค่ายทหารเสร็จ กลางคืนจะวิ่งเข้าเมืองหลวง เขาไม่ทำสิ่งอื่น เพียงแต่เดินผ่านจวนของคุณหนูตันจู…
โจวเสวียนพูดอย่างเย็นชา “ตามไปทำอันใด ข้าจะไปงานเลี้ยงตระกูลฉาง นางไม่ไปเสียหน่อย”
คุณหนูตันจูย่อมไม่ได้รับเชิญ ชิงเฟิงรู้ ระยะนี้ตระกูลชนชั้นสูงในเมืองต่างตัดขาดกับคุณหนูตันจู…รังแกนางเสียเหลือเกิน!
“เอ๊ะ คุณหนูตันจูจะไปที่ใด” ชิงเฟิงพูด
รถม้าด้านหน้าของเฉินตันจูออกจากทางหลัก เลี้ยวไปทางแยกอีกทาง
โจวเสวียนเพียงแค่มองก็รู้ เขาพูดอย่างเย็นชา “สุสานของแม่ทัพหน้ากากเหล็กอยู่ทางนั้น”
ดังนั้นนางกำลังไปเยี่ยมแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ไปแสดงความเศร้าโศกหรือว่าร้องทุกข์ ไม่มีที่พึ่งอย่างแม่ทัพหน้ากากเหล็ก แม้แต่การไปงานเลี้ยงก็ยังถูกคนรังแก
โจวเสวียนสะบัดแส้ม้า “ไป! อย่าไปงานเลี้ยงล่าช้า!” เขาควบม้าไปด้านหน้า
ชิงเฟิงรีบตามไป พวกเขาข้ามผ่านทางแยกไปอย่างรวดเร็ว เขามองไปทางนั้น รถม้าของเฉินตันจูหายลับไปในสายตาอย่างช้าๆ