บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 333 ไม่หลอกลวง
เรื่องบางเรื่อง เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่อาจอธิบายได้อีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยังมีศพของแม่ทัพหน้ากากเหล็กวางอยู่ตรงหน้า
องค์ชายสามมองไปที่เตียง
“ข้าไม่มีความแค้นกับท่านแม่ทัพ” เขากล่าว “ข้าแค่ต้องการให้คนที่ครอบครองตำแหน่งนี้หลีกทาง”
เฉินตันจูมององค์ชายสามอย่างเหม่อลอย “องค์ชาย เพียงประโยคนี้ ท่านโหดร้ายกว่าที่หม่อมฉันคิดไว้ หากมีความเกลียดชังหรือชิงชัง คงจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อไม่มีความแค้นต่อกัน เพียงเพราะเขาเป็นท่านแม่ทัพผู้นำของกองกำลังทั้งสาม ท่านก็ต้องการให้เขาตาย ช่างเป็นหายนะที่ไม่อาจคาดการณ์ได้เสียจริง”
องค์ชายสามพยักหน้า “ใช่ ตันจู ข้าเป็นคนเลือดเย็นอำมหิตแต่เดิมอยู่แล้ว”
เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมา เฉินตันจูไม่มีอันใดจะพูด ทำได้เพียงหัวเราะเยาะตัวเอง “ใช่ หม่อมฉันเข้าใจท่านผิดแล้ว” พูดพลางเบนหน้าหนีสายตาเหม่อลอย ท่าทางไม่อยากจะพูดและไร้คำพูด
“ตันจู” องค์ชายสามพูด “ถึงแม้ข้าจะเป็นคนเลือดเย็นอำมหิต อีกทั้งเจ้าก็เกลียดชังข้าอย่างมาก แต่มีบางเรื่องข้าต้องการพูดกับเจ้าให้ชัด ก่อนหน้านี้ที่ข้าพบเจ้า หัวเราะและมีความสุขร่วมกับเจ้า ล้วนไม่ได้เป็นเรื่องหลอกลวง”
เฉินตันจูไม่พูดและไม่มองเขา
องค์ชายสามมองดูใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาว “การพบกับเจ้าอยู่เหนือการคาดหมายของข้า ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รู้จักเจ้า ดังนั้นเมื่อข้ารู้ว่าเจ้าถูกกักบริเวณในวัดถิงอวิ๋น ข้าก็ไม่ได้ออกมาพบเจ้า อีกทั้งยังตั้งใจออกจากวัดล่วงหน้า เพียงแต่ไม่คิดว่า ข้ายังคงได้พบกับเจ้า…”
เมื่อมองดูหญิงสาวจากระยะไกล นางไม่ได้มีทีท่าหยิ่งยโสได้ใจ หากแต่กำลังร้องไห้
นางแตกต่างจากเฉินตันจูในจินตนาการอย่างสิ้นเชิง เขาอดไม่ได้ที่จะยืนมองอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน อีกทั้งเขายังรู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกของหญิงสาว เขาระลึกถึงตอนที่ถูกวางยาพิษ เขาร้องไห้อย่างหนักเพราะความเจ็บปวด ก่อนจะถูกเสด็จแม่ตำหนิ “อย่าร้อง เจ้ามีเพียงยิ้มเท่านั้นถึงจะอยู่รอด” ต่อจากนั้นมา เขาไม่เคยร้องไห้อีกเลย ตอนที่เสด็จพ่อถามเขาว่าเจ็บหรือไม่ เขาจะยิ้มพร้อมส่ายหัวบอกไม่เจ็บ จากนั้นมองเสด็จพ่อ เสด็จแม่รวมทั้งคนรอบข้างร้องไห้…
แต่เขาอยากจะร้องไห้จริงๆ ร้องไห้อย่างเต็มที่
เขาเหมือนเห็นตัวเองตอนเด็ก เขาอยากจะเข้าไปกอดนาง ปลอบโยนนาง
แต่พอเดินเข้าไป เขาก็เดินหนีไม่ได้อีกเลย
“เจ้าบอกว่าสามารถรักษาข้าได้ ข้ามีความสุขมาก อีกทั้งข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้” องค์ชายสามพูดต่อ “แต่ข้าขอโทษตันจู ข้าไม่มีเวลา ข้ารอไม่ไหวแล้ว”
เฉินตันจูกล่าว “ท่านใช้ตัวเองล่อสังหารองค์ชายห้าและฮองเฮา ยังไม่พอหรือ ศัตรูของท่าน…” นางหันกลับมามองเขา “ยังมีองค์รัชทายาทหรือ”
นางเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเสมอ เมื่อนางต้องการเห็นอย่างชัดเจน นางย่อมสามารถเห็นทุกอย่าง องค์ชายสามพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “พิษที่ข้าถูกวางตอนยังเด็กเป็นฝีมือขององค์รัชทายาท แต่ต่อมาล้วนเป็นการยืมมือของผู้อื่น เพราะครานั้นเขาก็ตกใจกลัวเหมือนกัน ต่อจากนั้นจึงไม่เคยลงมือเองอีกเลย ดังนั้นเขาจึงเป็นโอรสที่ดีในสายตาของเสด็จพ่อ เป็นพี่ชายที่แสนดีของเหล่าพี่น้อง เป็นองค์รัชทายาทผู้ซื่อสัตย์ในสายตาของขุนนางในราชสำนักเสมอมา ข้าใช้ตัวเองล่อลวงเขาถึงสองครั้ง แต่จับเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
ใช้ตัวเองล่อลวงถึงสองครั้ง ครั้งหนึ่งคืองานเลี้ยงในจวนโจวเสวียน อีกครั้งคือระหว่างทางกลับจากแคว้นฉี เฉินตันจูนิ่งเงียบ
“คดีหมู่บ้านซ่างเหอก็เป็นฝีมือของข้า” องค์ชายสามพูด
นางดูถูกเขาเกินไปแล้วเสียจริง เฉินตันจูหัวเราะเยาะตนเองอีกครั้ง ผู้ใดจะคาดคิดว่าองค์ชายสามที่ไม่มีปากไม่มีเสียง ร่างกายอ่อนแอจะกระทำเรื่องมากมายเพียงนี้
“แต่ข้าล้วนล้มเหลว” องค์ชายสามพูดต่อ “ตันจู เหตุผลใหญ่ในนี้ล้วนเป็นเพราะแม่ทัพหน้ากากเหล็ก เพราะว่าเขาเป็นแม่ทัพที่ฝ่าบาทไว้วางใจมากที่สุด เป็นปราการอันมั่นคงสำหรับต้าเซี่ย ปราการนี้คุ้มครองความมั่นคงของโอรสแห่งสวรรค์และต้าเซี่ย องค์รัชทายาทเป็นโอรสแห่งสวรรค์ในอนาคต ความมั่นคงของเขาคือความมั่นคงของต้าเซี่ยและราชสำนัก แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่มีทางปล่อยให้องค์รัชทายาทเกิดความผิดพลาด หรือถูกจู่โจม เขาระงับคดีหมู่บ้านซ่างเหอ...ท่านแม่ทัพผลักคดีหมู่บ้านไปที่ท่านอ๋องฉี โจรเหล่านั้นเป็นฝีมือของท่านอ๋องฉีจริง แต่ทั้งหมู่บ้านซ่างเหอก็ถูกสังหารโดยองค์รัชทายาทจริง”
เขามองไปยังชายชราที่นอนอยู่บนเตียง
“ท่านแม่ทัพสามารถสืบได้ว่าเป็นฝีมือของท่านอ๋องฉี หรือว่าเขาจะสืบไม่ได้ว่าองค์รัชทายาททำอันใดไว้”
สืบได้แล้วอย่างไร เขายังคงปกป้ององค์รัชทายาทของเขา ปกป้องความถูกต้องของเขาไม่ใช่หรือ
เฉินตันจูยังคงนิ่งเงียบ
“ข้าเดินทางกลับมาจากแคว้นฉี วางกับดักเอาไว้ หลอกล่อให้องค์ชายห้าโจมตีและสังหารข้า แต่องค์ชายห้าเพียงคนเดียวไม่สามารถฆ่าข้าได้ ดังนั้นองค์รัชทายาทจึงส่งกองกำลังออกมาเช่นเดียวกัน รอคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ นำกองกำลังหลบซ่อนไว้ด้านหลัง ข้าเองก็เตรียมกองกำลังรอคอยเขา แต่…” องค์ชายสามพูดพลางยิ้มอย่างระอา “ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กจับตาเฝ้าดูข้า อีกทั้งยังตามมาช่วยข้าได้อย่างบังเอิญ เขาช่วยข้าหรือ เขาช่วยองค์รัชทายาทต่างหาก”
เฉินตันจูครุ่นคิด ส่ายหัว “เรื่องนี้ท่านเข้าใจเขาผิดแล้ว เขาอาจจะมาช่วยท่านจริงๆ”
องค์ชายสามมองนาง
เฉินตันจูพูด “ตอนที่ท่านมาลาหม่อมฉันไปแคว้นฉี มอบผลซานจาให้หม่อมฉันนั้น…”
เมื่อกล่าวถึงอดีต นัยน์ตาขององค์ชายสามอ่อนโยนลงทันที “ตันจู เมื่อข้าตัดสินใจหลอกล่อศัตรูด้วยตัวของข้าเอง เพราะไม่ต้องการให้เจ้าข้องเกี่ยว ข้าจึงออกห่างจากเจ้าตั้งแต่งานเลี้ยงของโจวเสวียน แต่มีหลายช่วงเวลา ข้าก็ยังคงอดไม่ได้”
ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมปล่อยมือตอนที่หญิงสาวพลาดจับมือของเขาในงานเลี้ยง ไปดูนางแกว่งชิงช้าไม่ยอมจากไปเป็นเวลานาน
เพื่อที่จะแสดงความไว้วางใจและความโปรดปรานต่อหญิงสาวเมืองฉีต่อหน้าผู้คน เขาไปที่ใดล้วนพาหญิงสาวเมืองฉีไปด้วย อีกทั้งยังจงใจให้นางเห็น แต่เมื่อเห็นนางนับวันยิ่งห่างเหินจากเขา เขาไม่อาจทนได้แม้แต่น้อย ดังนั้นตอนออกเดินทางไปแคว้นฉี ทั้งที่หญิงสาวเมืองฉีและเสี่ยวชวีตักเตือนห้ามปราม เขายังคงอดหันกลับมามอบผลซานจาให้นางไม่ได้
สำหรับเรื่องในอดีต เฉินตันจูไม่มีความรู้สึกอันใด สีหน้าของนางเรียบเฉย “องค์ชายอย่าขัดหม่อมฉัน สิ่งที่หม่อมฉันจะพูดคือ ตอนที่ท่านยื่นผลซานจาให้หม่อมฉัน หม่อมฉันก็รู้แล้วว่าท่านยังไม่หายดี เรื่องที่ท่านหายดีแล้วเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง”
องค์ชายสามตกตะลึง นึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นยื่นมือออกไป ในเวลานั้นเขาโลภมากจึงจับมือหญิงสาวเอาไว้เป็นเวลานาน มือของหญิงสาวจับอยู่บนชีพจรของเขา เขายิ้ม “ตันจูเก่งเสียจริง พิษในร่างกายของข้าต้องการใช้พิษอีกประเภทในการระงับ ครานี้ข้าหยุดใช้พิษที่เคยใช้มานานหลายปี เปลี่ยนเป็นพิษอีกประเภทหนึ่งที่ทำให้ข้าเหมือนคนทั่วไป ไม่คิดว่าเจ้าจะมองออก”
เฉินตันจูหัวเราะเยาะตัวเอง “หม่อมฉันไม่เก่งแม้แต่น้อย หม่อมฉันมองไม่ออกแม้แต่น้อย หม่อมฉันแค่คิดว่าท่านถูกหญิงสาวเมืองฉีหลอก ถูกท่านอ๋องฉีหลอก หม่อมฉันเป็นห่วงท่าน แต่ก็ไร้ที่ระบาย พูดไปก็ไม่มีผู้ใดเชื่อหม่อมฉัน ดังนั้นหม่อมฉันจึงไปบอกแม่ทัพหน้ากากเหล็ก”
องค์ชายสามมองนาง กระจ่าง “มิน่าท่านแม่ทัพถึงส่งไต้ฟูเดินทางมา บอกว่าเพื่อช่วยหมอหลวงดูแลข้า ข้าย่อมไม่สนใจ จึงกักขังเขาเอาไว้” ก่อนจะพยักหน้า “ดังนั้นท่านแม่ทัพรู้ความผิดปกติของข้า จึงระแวงข้า”
“ระแวง ท่านคิดเช่นนี้ก็ได้” เฉินตันจูยิ้ม “แต่บางทีเขาอาจจะรู้ว่าท่านยังไม่หายดี อยากปกป้องท่าน ป้องกันเรื่องไม่คาดคิด”
องค์ชายสามพูดเสียงเบา “ตันจู ขอโทษด้วย ข้าไม่เคยเห็นเจตนาดีของผู้อื่น”
เฉินตันจูพยักหน้า “ใช่ ถูกต้อง เพราะตอนที่หม่อมฉันประจบองค์ชายในวัดถิงอวิ๋น ก็เพียงต้องการเกาะเกี่ยวผู้หนุนหลังอย่างท่าน ไม่มีเจตนาดีอันใดแม้แต่น้อย”
ภายในดวงตาขององค์ชายสามฉายแววเศร้าโศกและเจ็บปวด “ตันจู เจ้ามีความแตกต่างสำหรับข้า”
เฉินตันจูมองดูศพของชายชราบนเตียง พึมพำ “ตอนนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ เหตุใดท่านแม่ทัพจึงบอกว่าหม่อมฉันคิดว่าหม่อมฉันหลอกใช้ผู้อื่น แต่อันที่จริงผู้อื่นก็กำลังหลอกใช้หม่อมฉันเหมือนกัน”
นางคิดว่าท่านแม่ทัพพูดถึงเขาและนาง แต่ดูจากเวลานี้ ท่านแม่ทัพคงรู้ถึงความผิดปกติขององค์ชายสาม จากนั้นเขายังบอกนางว่า “หากเสียเปรียบอย่าเสียใจ”
เวลานี้นางเสียเปรียบแล้ว แพ้แล้ว ล้วนเป็นเพราะตัวนางเอง นางไม่เสียใจ
น้ำตาของเฉินตันจูวนเวียนอยู่ภายในดวงตา ไม่ได้ไหลลงมา
“หม่อมฉันเข้าใจความคับข้องใจและความเกลียดชังของท่านแล้ว เข้าใจคำอธิบายของท่านแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่หม่อมฉันยังไม่เข้าใจเพคะ” นางหันไปมององค์ชายสาม “เหตุใดท่านจึงรอหม่อมฉันอยู่นอกเมืองหลวง”
องค์ชายสามไม่กล้าสบตาหญิงสาวในทันใด มือที่เขาวางอยู่บนหัวเข่าปล่อยออกอย่างอ่อนแรง
“เพราะข้าต้องการหลอกใช้เจ้า ให้เจ้าพาเข้ามาในค่ายทหาร” เขาพูดช้าๆ “จากนั้นหลอกใช้เจ้าเข้าใกล้ท่านแม่ทัพ สังหารเขา”
เฉินตันจูมองเขาด้วยใบหน้าซีดเซียว ยิ้มอย่างอ่อนแรง “ดูสิเพคะ เรื่องนี้ชัดเจนเพียงใด”