บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 319 ระหว่างนิ้ว
ภายในห้องเงียบสงบ
เขานั่งลงที่ขอบเตียงช้าๆ
หวังเจียนยืนอยู่ข้างเขา เห็นว่าเขาไม่หันมามองตนเองอีกแม้แต่น้อย จึงพูดเบาๆ “ในชีวิตนี้ข้าไม่เคยวิ่งเร็วขนาดนี้มาก่อนเลย ข้าไม่อยากขี่ม้าอีกแล้วในชีวิตนี้”
เขาหันกลับไปพูด “หวังไต้ฟูไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในชีวิตนี้”
“เด็กคนนี้ ช่าง…” หวังเจียนยื่นมือออกไปยกผ้าห่มขึ้นมุมหนึ่ง “ท่านดู”
หญิงสาวไม่ได้สวมชุดที่เปียกโชกอีกต่อไป หวังเจียนขอให้หญิงสาวของโรงเตี๊ยมช่วยเหลือ เขาต้มยาให้นางแช่ทั้งคืน ตอนนี้นางเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาด แต่เพื่อความสะดวกในการฝังเข็ม คอและหัวไหล่ของนางล้วนเปลือยเปล่า
เขามองตามไป เห็นผิวเนียนของหญิงสาวมีเส้นเลือดกระจายไปทั่วลำคอ ลามไปถึงด้านในเสื้อผ้า
“พิษเกือบจะลามไปถึงหัวใจแล้ว” หวังเจียนพูด “ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าว่าแต่ข้ามา เทวดามาก็ไร้ประโยชน์”
เขาหัวเราะเมื่อได้ยิน “เทวดามาเร็ว” เขาชี้ไปที่ตัวเอง
หวังเจียนมองไปที่นิ้วของเขา นิ้วเขาเป็นสีเหลืองและมีรอยย่น ซึ่งสร้างความแตกต่างอย่างมากกับใบหน้าที่ขาวและรูปงามของเขา อีกทั้งผมสีขาวเทาของเขา ทำให้เขาดูไม่เหมือนเทวดา แต่เหมือนผี
แต่เขาก็พูดถูก
“หากไม่ใช่องค์ชายหกเสด็จไปทัน นางคงสิ้นหวังแล้วจริงๆ” หวังเจียนพูด ก่อนจะบ่นอีกครั้ง “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าตัวของสตรีผู้นี้เต็มไปด้วยยาพิษ ให้ห่อตัวนางก่อนค่อยสัมผัสนาง ท่านเกือบจะขาดใจตายในกำมือนาง”
เขาพูดกลั้วหัวเราะ “ตอนนั้นห่อไม่ทัน ข้ารีบหาแหล่งน้ำ ชำระล้างร่างกายนางหลายครั้ง ข้าเองก็ล้างด้วย”
หวังเจียนมองเขา จากนั้นมองไปที่คนบนเตียง คงจะนึกถึงฉากนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“อีกนานหรือไม่ที่นางจะฟื้น” เขาถาม
“ท่านแม่ทัพ…องค์ชายหก” หวังเจียนกล่าว “ต้องใช้เวลาสองสามวันในการพักฟื้น”
คำเรียกขานของเขาแปลกประหลาด เดิมทีหวังเจียนเคยชินกับการเรียกว่าท่านแม่ทัพ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของคนที่อยู่ข้างหน้า จึงเปลี่ยนไปเรียกขานว่าองค์ชายหก กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เรียกเช่นนี้ เมื่อเรียกออกมาทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย
หากเวลานี้มีคนนอกอยู่ด้วยคงจะตกอยู่ในภวังค์มากกว่า ผู้ใดจะคิดว่าหวังเจียนจะเรียกชายหนุ่มผู้นี้ว่าท่านแม่ทัพ
ไม่มีผู้ใดนึกถึง ใบหน้าที่คนส่วนมากไม่รู้จักนี้ จะเป็นองค์ชายหกที่เล่าลือว่าประชวร พักผ่อนอยู่ในซีจิง
หวังเจียนแทบจะจำใบหน้านี้ไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ เขาแทบจะไม่เคยเห็นใบหน้านี้
องค์ชายหกพยักหน้า หันไปมองเฉินตันจูบนเตียงอีกครั้ง
หวังเจียนตั้งสติ พูด “ก่อนข้าออกเดินทางได้บอกกล่าวจู๋หลินแล้ว อีกทั้งทิ้งสัญลักษณ์ไว้ให้เขา เขากำลังพาอาเถียนมา คงใกล้ถึงแล้ว”
องค์ชายหกถาม “ทหารทางนั้นมีการเคลื่อนไหวอย่างไร”
ถึงแม้เฉินตันจูสามารถฆ่าเหยาฝูอย่างไร้เสียงได้ แต่ไม่อาจปิดบังทุกคนได้ หลังจากที่เขาพาเฉินตันจูจากไปไม่นาน คนในโรงเตี๊ยมย่อมต้องสังเกตเห็นแล้ว
หวังเจียนกล่าว “กำลังตามหาตัวนางอยู่ ราวกับแมลงวันไร้หัว อีกทั้งพวกเขาไม่กล้าจากไป แต่มีส่งคนกลับไปรายงานในเมืองหลวงแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็เร่งเร้า “เรื่องเหล่านี้ท่านไม่ต้องสนใจ ท่านรีบเสด็จกลับไปก่อนเถิด ข้าจะบอกจู๋หลิน ให้คุณหนูตันจูพักอยู่บริเวณใกล้เคียงก่อน บอกด้านนอกว่าประสบกับโจรร้าย”
โจรร้ายฆ่าเหยาฝู ลักพาตัวเฉินตันจู จากนั้นถูกองครักษ์จู๋หลินตามมาช่วยเหลือได้ทัน ไม่ต้องสนใจว่าคำโกหกที่เต็มไปด้วยช่องโหว่มากมายนี้จะมีคนเชื่อหรือไม่
เพียงแค่คนมีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งก็เป็นไปได้
องค์ชายหกชื่นชม “หวังไต้ฟูยอดเยี่ยม”
หวังเจียนส่งเสียงในลำคอ “องค์ชายหก คำพูดนี้รอคุณหนูตันจูฟื้นขึ้นมา ท่านต้องพูดกับนางอีกรอบ เพื่อไม่ให้เจ้าเด็กคนนี้ไม่เห็นผู้อื่นในสายตา”
องค์ชายหกก้มหน้ามองหญิงสาวบนเตียง ส่ายหัว “นางไม่ได้ไม่เห็นผู้อื่นในสายตา นางเพียงแค่ใจกล้า” ยื่นมือดึงผ้าห่มที่ถูกเปิดออกมาก่อนหน้านี้มาคลุมไว้
“เอาเถิด เอาเถิด” หวังเจียนเร่งเร้า “ท่านรีบไปเถิด ภายในค่ายทหารยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร ฝ่าบาทต้องเสด็จไปถึงแล้วอย่างแน่นอน”
องค์ชายหกยิ้ม “เสด็จพ่อไปถึงก็ปลอดภัยแล้ว
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาไม่ได้ให้หวังเจียนเร่งเร้าอีก เพียงแค่มองเฉินตันจูอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูออก ทหารหลายคนที่ยืนอยู่ด้านนอกสวมชุดคลุมให้เขา เขาสวมใส่หน้ากากเอาไว้ปิดหน้า เดินจากไปท่ามกลางราตรี
เสียงเกือกม้าและเสียงคนห่างไกลออกไป
…
เฉินตันจูถูกเรียกให้ตื่นจากเสียงเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“คุณหนู…คุณหนู…”
เสียงเรียกปะปนไปด้วยเสียงสะอื้น นางจำอีกฝ่ายได้จากเงาเลือนราง อาเถียน
เสียงร้องไห้ไกลบ้างใกล้บ้าง นางหายใจอย่างยากลำบาก นางคลับคล้ายคลับคลาว่าตนเองตกลงไปในน้ำ เย็นยะเยือก หายใจไม่ออก นางอดทนไม่ไหวจึงอ้าปากสูดลมหายใจอย่างแรง ดวงตาของนางลืมขึ้นอย่างกะทันหัน
สิ่งที่เห็นคือแสงไฟสลัว รวมทั้งใบหน้าของชายหนุ่มที่โน้มตัวลงมา
อาเถียน? เฉินตันจูพึมพำ เหตุใดจึงกลายเป็นชายเสียแล้ว
“หยุดร้องเถิด” ชายหนุ่มพูด “เหมือนดั่งที่หวังไต้ฟูพูด ฟื้นแล้ว”
เสียงนั้นคุ้นหูอย่างมาก สายตาของเฉินตันจูชัดเจนขึ้น จากนั้นนางเห็นใบหน้าของอีกคนปรากฏขึ้นในสายตา อาเถียนที่กำลังร้องไห้ดวงตาแดงก่ำ
จากนั้นนางก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้อย่างชัดเจน จู๋หลิน
สติที่กระจัดกระจายของเฉินตันจูรวบรวมกลับมาทีละน้อย สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของจู๋หลิน
“จู๋หลิน” นางพูด น้ำเสียงไร้เรี่ยวแรง “เจ้าช่วยข้าไว้”
นางรู้ว่านางกำลังจะตาย
หลังจากอาบน้ำ นางทายาพิษที่คิดค้นขึ้นเพื่อเหยาฝูโดยเฉพาะไว้บนตัวและเสื้อผ้า
ทุกคนไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของนาง อันที่จริงนางก็ไม่เชื่อนัก เดิมทีสิ่งที่นางเรียนก็ไม่ใช่การช่วยคน หากแต่เป็นการฆ่าคน
นางรู้เวลาการออกเดินทางของเหยาฝูจากโจวเสวียน จึงพาทหารเกราะทองไล่ตามไป นางนั่งลงข้างตัวของเหยาฝู เพื่อให้ยาพิษเกาะตัวของนาง
เฉินตันจูนึกขึ้นได้ หลังจากที่มั่นใจว่าเหยาฝูตายแล้ว นาทีสุดท้ายก่อนที่สติจะกระเจิดกระเจิง มีชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้นภายในห้อง ถึงแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้แล้ว แต่นางคุ้นเคยกับกลิ่นอายนี้
นอกจากจู๋หลินยังมีผู้ใด
สุดท้ายก็เป็นจู๋หลิน
ใบหน้าเฉยชาของจู๋หลินหายลับไปจากสายตา เขายืนอย่างโกรธเคืองอยู่อีกด้านของเตียง
เฉินตันจูเข้าใจ จู๋หลินโกรธที่ถูกนางกีดกันออกไปอีกครั้ง ส่วนตัวเองไปฆ่าคน ทิ้งชีวิต
นางมองอาเถียน ถามอย่างอ่อนแรง “พวกเจ้ามาได้อย่างไร”
อีกอย่าง ทั้งที่นางต้องยาพิษแล้ว ผู้ใดดึงนางกลับมาจากยมบาลกัน จู๋หลินสามารถตามหานางได้ แต่ไม่มีความสามารถในการช่วยนาง ยาพิษที่นางวาง ตัวนางเองยังถอนไม่ได้
นางพยายามออกแรง ถึงแม้ร่างกายจะไร้เรี่ยงแรง แต่สามารถมั่นใจได้ว่ายาพิษไม่ได้ซึมซับเข้าไปในอวัยวะ
อาเถียนพูดด้วยความสะอื้น “หวังไต้ฟูรู้สึกผิดปกติ จึงบอกกล่าวพวกเรา เขาเองก็เดินทางมา หลังจากถอนพิษให้คุณหนูก็จากไปแล้ว”
หวังเจียนอีกแล้วหรือ ตอนนั้นที่ฆ่าหลี่เหลียงก็ไม่อาจปิดบังเขาได้ เวลานี้ฆ่าเหยาฝูก็ถูกเขาจับได้ เขาเป็นพยานที่เห็นนางฆ่าหลี่เหลียง อีกทั้งเป็นพยานที่เห็นนางฆ่าเหยาฝู ช่างเป็นโชคชะตาเสียจริง เฉินตันจูอดหัวเราะไม่ได้
ส่วนอาเถียนน้ำตาไหลรินลงมาดุจสายฝน ที่แท้คุณหนูไม่เคยคิดกลับซีจิงตั้งแต่แรก ที่แท้ก่อนจากไปที่คุณหนูให้จู๋หลินดูแลตนเองให้ดีเป็นการฝากฝัง เป็นการร่ำลานาง
“หวังไต้ฟูเล่าเรื่องให้พวกข้าฟังแล้ว” นางเช็ดน้ำตาอย่างแรงอีกครั้ง เวลานี้ไม่ใช่เวลาร้องไห้ นางหยิบขวดลายครามใบหนึ่งออกมา เทยาออกมาเม็ดหนึ่ง “หวังไต้ฟูบอกว่าหากท่านฟื้นแล้วต้องกินยาอีกครั้ง”
เฉินตันจูอ้าปากกินเข้าไปอย่างไม่ลังเล เพิ่งกินเข้าไปความเหนื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
“คุณหนูท่านพักผ่อนต่อเถิด” อาเถียนห่มผ้าให้นาง “หวังไต้ฟูบอกว่าท่านต้องพักผ่อนอีกหลายวันจึงจะหายดี”
เฉินตันจูตอบรับ มองจู๋หลินที่ยังโกรธอยู่ด้านข้าง “มีพวกเจ้าอยู่ ข้านอนได้อย่างวางใจแล้ว”
อาเถียนพยักหน้าทั้งน้ำตา “คุณหนูท่านหลับอย่างวางใจเถิด ข้าเฝ้าอยู่ตรงนี้กับจู๋หลิน” ก่อนจะปล่อยม่านลง
สายตาของเฉินตันจูพร่ามัวมากขึ้น นางยกมือออกจากผ้าห่ม มือของนางกำไว้อย่างไม่ตั้งใจ เมื่อนางแบมือออกก็พบผมยาวเส้นหนึ่งระหว่างนิ้ว
ผมนี้เป็นสีขาว
นางจำได้ว่าตนเองถูกจู๋หลินแบกอยู่บนหลัง ผมเส้นนี้มาจากบนหัวของจู๋หลิน?
จู๋หลิน…เฉินตันจูหยิบเส้นผมนี้มาไว้ตรงหน้า อายุน้อยเพียงนี้ก็มีผมขาวแล้วหรือ?
ความง่วงหลั่งไหลเข้ามา นางหลับตาลง มือทาบลงบนหน้าอก กำเส้นผมสีขาวนี้ไว้แน่น