บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 312 รอคอยอย่างสงบ
ทางด้านเมืองซีจิง ตอนที่เฉินตันเหยียนได้รับข่าว ทางด้านฮ่องเต้ก็คำนึงเรื่องนี้จนเกือบได้ข้อสรุปแล้ว
“ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่” เขาเรียกองค์รัชทายาทมากำชับ “รอพวกนางมาถึง แต่งตั้งให้พวกนางทั้งสองเป็นองค์หญิงเถิด”
องค์รัชทายาทตอบรับ “การตัดสินใจของเสด็จพ่อย่อมดีที่สุด”
รีบจัดการเรื่องนี้ ตระกูลเฉินหรือหลี่เหลียงอันใดกัน สิ่งสำคัญคือเฉินตันจูไม่มากวนใจอีก ฮ่องเต้กุมขมับ พลางถาม “ข้าได้ยินโจวเสวียนพูดเรื่องใด เฉินตันจูต้องการให้เขาคืนจวน?”
องค์รัชทายาทยิ้มขมขื่น “พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสามบอกเรื่องนี้แก่คุณหนูตันจู คุณหนูตันจูจึงไปหาเรื่องโจวเสวียน บอกว่าเมื่อใดที่เสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการ นางจะเรียกร้องให้คืนจวนตระกูลเฉินให้แก่พี่สาวของนาง”
ช่างเป็นเรื่องที่เฉินตันจูทำออกมาได้เสียจริง ฮ่องเต้ส่งเสียงไม่พอใจ เมื่อมีโอกาสก็หาเรื่องไปทั่ว ทำให้ทุกคนเสียหน้า
“แต่ว่าเสด็จพ่อ พระองค์ทรงวางใจ” องค์รัชทายาทรีบพูด “อาเสวียนบอกว่า เขาจะเจรจาเรื่องนี้กับเฉินตันจู คืนจวนให้แก่นาง ไม่ให้นางมาก่อกวนเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”
โจวเสวียนผู้เป็นขุนนางรู้ผิดชอบมากขึ้น ฮ่องเต้ปลื้มใจเล็กน้อย “แต่ก็ไม่อาจทำให้เขาต้องลำบากได้ ทางด้านเมืองใหม่สร้างใกล้เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าเลือกจวนที่ดีให้เขาแห่งหนึ่ง”
องค์รัชทายาทตอบรับ เมื่อเห็นฮ่องเต้เหน็ดเหนื่อย เขาจึงรีบขอทูลลา ฮ่องเต้ไม่ได้รั้งเขา ให้ขันทีจิ้นจงส่งออกไป
เมื่อโจวเสวียนเดินเข้ามากับกลุ่มขุนนาง องค์รัชทายาทกำลังพูดคุยกับขันทีจิ้นจงอยู่ด้านนอกตำหนัก เมื่อเห็นองค์รัชทายาท ทุกคนต่างคำนับ
องค์รัชทายาทตอบรับอย่างเป็นมิตร “เสด็จพ่อยังอยู่ด้านใน” พูดพลางให้ขันทีจิ้นจงนำพวกเขาเข้าไป
โจวเสวียนรออยู่ด้านนอก
“เรื่องเป็นอย่างไร” เขาถามองค์รัชทายาทเสียงเบา
องค์รัชทายาทตอบเขาเสียงเบา “ฝ่าบาททรงยินยอมแต่งตั้งทั้งสองเป็นองค์หญิง”
โจวเสวียนขมวดคิ้ว “ถือเป็นพระราชทานรางวัลอันใดกัน มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่เหลียงอย่างไร คนทั้งแผ่นดินได้ยินคงคิดว่าเป็นเพราะเฉินตันจู ไม่ใช่ความดีความชอบขององค์รัชทายาท”
องค์รัชทายาทหัวเราะ “มีพระราชทานก็ดี เด็กทั้งสองมีที่อาศัยก็พอ เสด็จพ่อต้องคำนึงถึงหน้าของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก”
โจวเสวียนส่งเสียงไม่พอใจ เขาเหลือบมองเข้าไปข้างใน ถามเสียงต่ำ “ท่านถามจากขันทีจิ้นจงมาได้แล้วหรือไม่ วันนั้นแม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดใส่ร้ายองค์รัชทายาทเรื่องใด”
องค์รัชทายาทพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่าพูดเช่นนั้น ท่านแม่ทัพไม่ได้พูดให้ร้ายข้า เพียงแค่ทำตามหน้าที่ของเขา”
ดูเหมือนจะถามได้แล้ว โจวเสวียนส่ายหัว “องค์รัชทายาท ท่านเป็นคนนิสัยดี ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กอาศัยอายุมากความดีความชอบมาก ไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา”
องค์รัชทายาทยกมือขึ้นตบแขนของเขา “เอาเถิด อย่าพูดเหลวไหล” ก่อนจะมองเขาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “เจ้ายังอายุน้อย ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจากแม่ทัพหน้ากากเหล็ก เรียนรู้ทักษะของเขา อนาคตย่อมไม่แพ้เขา”
ใบหน้าของโจวเสวียนดำทะมึน “ชายชราผู้นี้จงใจทรมานข้า ฉวยโอกาสเรื่องที่องค์ชายสามถูกลอบทำร้าย ตัดกำลังทหารของข้าครึ่งหนึ่ง โชคดีที่ข้าไม่ได้ตกลงแต่งงานกับจินเหยา มิฉะนั้นเวลานี้ข้าคงนอนอยู่ในจวน”
องค์รัชทายาทเงียบไปครู่หนึ่ง “อาเสวียน เจ้าอย่าคิดเช่นนี้ เสด็จพ่อไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แม้ว่าเจ้าจะแต่งงานกับจินเหยา อำนาจทางการทหารของเจ้าย่อมไม่ลดลง หรือไม่เจ้า…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวเสวียนพูดขัดอย่างไม่เกรงใจ “องค์รัชทายาท เรื่องพระราชทานงานแต่งไม่ต้องพูดถึงอีก ข้าโจวเสวียนเคยสาบานไว้แล้ว ชาตินี้ไม่แต่งงานกับองค์หญิง”
องค์รัชทายาทมองใบหน้าที่ยังเด็กของโจวเสวียน เขายิ้มอย่างกระจ่าง “เพราะว่าคุณหนูตันจูหรือ”
โจวเสวียนมององค์รัชทายาท ก่อนจะยิ้มอย่างเปิดเผย “พ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทส่ายหัว แต่ก็พยักหน้า “หัวใจมีเจ้าของเป็นเรื่องงดงามของชีวิต” เขาพูดพลางเข้าใกล้ ใบหน้าสุขุมแสดงสีหน้าหยอกล้อเล็กน้อย “ข้าสนับสนุนเจ้า เมื่อเทียบกับน้องสาม ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถได้หญิงงามกลับไปมากกว่า”
การหยอกล้อนี้ไม่ได้ทำให้โจวเสวียนดีใจมากนัก อาจเป็นเพราะได้ยินชื่อขององค์ชายสาม คิ้วของเขาขมวด “เวลานี้องค์ชายสามได้รับความสำคัญจากฝ่าบาทเพียงนี้ ให้เขาทำเรื่องที่จริงจังมากขึ้นเถิด”
อย่างไร เขาชอบเฉินตันจูเป็นเรื่องจริงจัง องค์ชายสามชอบหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่เรื่องจริงจังหรือ? องค์รัชทายาทหัวเราะออกมา เวลานี้ด้านในมีขันทีเดินออกมาชะโงกหน้ามองซ้ายขวา เมื่อเห็นโจวเสวียนจึงรีบพูด“ท่านโหว ฝ่าบาททรงถามหาท่านอยู่”
องค์รัชทายาทพยักหน้าให้เขา “อย่าคิดมาก อาเสวียน เจ้าจะถูกให้ความสำคัญเช่นกัน”
โจวเสวียนคำนับองค์รัชทายาท “ข้าจดจำคำสอนของท่าน”
องค์รัชทายาทมองเขาเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่ ก่อนจะเดินจากไปอย่างเชื่องช้า
เมื่อกลับมาถึงตำหนักบูรพา องค์รัชทายาทไม่มองพระชายาที่เดินมาต้อนรับ หากแต่เดินเข้าห้องทรงพระอักษรโดยตรง เหลือเพียงพระชายายืนหน้าแดงอยู่ภายในโถง ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกของนางเองหรือไม่ แต่ราวกับท่าทีขององค์รัชทายาทนับวันยิ่งไม่จริงจัง
“ท่านพี่ ไม่ต้องคิดมาก” เหยาฝูพูดเสียงเบาอยู่ด้านข้าง “ระยะนี้ฝ่าบาททรงงานหนักมาก”
พูดพลางหยิบขนมบนโต๊ะที่พระชายาตั้งใจเตรียมไว้เดินเข้าไปด้านใน
เหยาหมิ่นโกรธจนล้มนั่งลงบนเกาอี้ กัดฟันมองแผ่นหลังของนางอย่างเคียดแค้น
“พระชายา พระชายาเพคะ” นางในรีบลูบหลังปลอบนาง “ไม่รีบ ไม่รีบ เวลานี้หาเรื่องนางไม่ได้ รอนางได้รับพระราชทาน ออกไปจากวังก็ดีแล้ว”
“ก็ดีแล้วหรือ สาวรับใช้ต่ำช้าผู้นี้ ด้านหนึ่งเกาะแกะองค์รัชทายาท อีกด้านยังอ้างตนว่าเป็นภรรยาของหลี่เหลียง หากนางหลุดพ้นจากตำหนักบูรพาไป มีบรรดาศักดิ์ ยังจะทำอันใดนางได้”
“คุณหนู” นางในพูดเสียงเบา “ท่านจะเป็นฮองเฮาในอนาคต เหล่าสตรีบรรดาศักดิ์ล้วนได้รับการดูแลจากท่าน เมื่อถึงเวลาย่อมมีวิธีจัดการนาง”
พระชายายืดหลังตรง “ใช่ ข้าไม่รีบในเวลานี้ รออนาคต”
สิ่งที่นางต้องทำคือนั่งเก้าอี้พระชายาให้มั่น นั่งบัลลังก์ฮองเฮาให้มั่น เรื่องอื่นไม่เป็นอันใด
เหยาฝูถือขนมเดินมาถึงห้องทรงพระอักษร องค์รัชทายาทกำลังพูดคุยกับฝูชิง
“เพียงแค่นี้หรือพ่ะย่ะค่ะ” ฝูชิงถอนหายใจ “แต่งตั้งเป็นเพียงองค์หญิง อานุภาพน้อยเกินไป”
องค์รัชทายาทพูด “ข้าคิดมาเสมอว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กมีใจเดียวกับข้า”
ฝูชิงส่ายหน้า “แม่ทัพชราเช่นนี้ยิ่งมีความดีความชอบมากยิ่งหยิ่งยโส ไม่มีทางเชื่อฟัง”
องค์รัชทายาทพูดเสียงเรียบ “เขาอยู่นานเกินไปแล้ว ควรถอยให้เด็กหนุ่มบ้างแล้ว โจวเสวียน…เจ้าเข้ามา”
พูดได้เพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งหมายถึงเหยาฝู
เหยาฝูเดินเข้ามาคำนับอย่างเชื่อฟัง “องค์รัชทายาท เสวยก่อนเถิดเพคะ” ก่อนจะหยิบขนมยื่นมาให้ด้วยมือ
องค์รัชทายาทกัดขนมรวมทั้งนิ้วของนางเอาไว้ เหยาฝูเอนกายพิงตัวเขาหัวเราะคิกคัก
ฝูงชิงก้มหน้าอยู่ด้านข้าง
“เอาเถิด” องค์รัชทายาทพูด ดันเหยาฝูออก “ฝ่าบาทจะแต่งตั้งเจ้าเป็นองค์หญิงแล้ว เวลานี้เจ้ากลับเมืองซีจิงไปรับเด็กมา”
เหยาฝูยิ้ม “องค์หญิงหรือ ช่างดีเสียจริง” ก่อนจะแนบตัวลงมาอีกครั้ง “เด็กหม่อมฉันให้สาวรับใช้ส่งมาก็พอ หม่อมฉันอยากอยู่ข้างกายองค์รัชทายาทให้นาน…”
นางยังพูดไม่ทันจบก็ถูกองค์รัชทายาทผลักออก
“อย่าพูดโง่เขลาเช่นนี้กับข้า” องค์รัชทายาทพูดอย่างรำคาญ “เจ้ารับเด็กแล้ว เข้าเมืองมาพร้อมกับหญิงสาวตระกูลเฉิน ทรมานพวกนางนับแต่เวลานี้”
พูดพลางยิ้มเย็นยะเยือก
“ทรมานพวกนางจนเสียสติ บ้าคลั่ง ดูท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กยังจะพูดว่าเฉินตันจูเป็นความดีความชอบของเขาอย่างไร”
เหยาฝูย่อเข่าตอบรับ เงยหน้ามององค์รัชทายาทด้วยรอยยิ้ม “องค์รัชทายาททรงวางพระทัย ครั้งก่อนหม่อมฉันทำให้หลี่เหลียงบ้าคลั่งจนแทบทำลายตระกูลเฉินได้ ครั้งนี้หม่อมฉันลงมือเอง ย่อมต้องสำเร็จแน่นอนเพคะ”
องค์รัชทายาทยื่นมือออกไปลูบใบหน้าอ่อนนุ่มของนาง พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะรอข่าวดีของเจ้า”