บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 305 น่าสงสาร
เฉินตันจูรู้สึกเหมือนตนเองกำลังยืนอยู่ในทะเลเพลิง เลือดเนื้อภายในตัวกำลังปะทุ เร่งเร้าให้นางพุ่งไปด้านหน้า แต่ใจของนางกลับปักหลักลงไปด้านล่าง ตรึงนางไว้ที่เดิมอย่างแน่นหนา
“คุณหนูตันจู?”
“ตันจู?”
เสียงของนางในและหลิวเวยดังขึ้นข้างหู มือที่อบอุ่นเขย่านางเบาๆ เรียกสติของเฉินตันจูกลับมา
เฉินตันจูมองสายตาอันเป็นกังวลของหลิวเวยและหลี่เหลียน เค้นยิ้มออกมา “ไปเถิด” ก่อนจะเดินขึ้นหน้า
หลิวเวยและหลี่เหลียนสบตากัน ฉงนเล็กน้อย พวกนางตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้พบกับองค์รัชทายาท แต่คุณหนูตันจูผู้เคยชินกับการเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก็ตื่นเต้นด้วยหรือ
ร่างของหญิงสาวทั้งสามคนทางนี้หายลับไปจากถนนหนทางในพระราชวัง เหยาฝูหันกลับไปมองรู้สึก เสียดายยิ่งนัก
เหตุใดเฉินตันจูจึงไม่พุ่งตัวเข้ามาจู่โจมนาง จากนั้นถูกมองว่าเป็นการลอบทำร้ายองค์รัชทายาท จะได้ถูกบั่นคอให้ตายคาที่
น่าเสียดายเสียจริง
“ทำอันใดอยู่” เสียงขององค์รัชทายาทดังขึ้นมาจากทางด้านหน้า
เวลานี้เสด็จมาถึงสถานที่ที่ต้องลงจากเกี้ยวแล้ว ต่อไปต้องเดินเท้าเข้าไปภายในพระตำหนักอันเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ เหยาฝูรีบตอบรับ สาวเท้าเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ติดตามอยู่ด้านหลังขององค์รัชทายาทอย่างเชื่อฟัง
…
“ฝ่าบาท” เสี่ยวชวีเดินเข้ามาภายในศาลาเล็ก เรียกขาน
องค์ชายสามตอบรับ แต่ไม่ได้หยุดพู่กันในมือลง
เสี่ยวชวีไม่สนใจ โน้มตัวกระซิบ “องค์รัชทายาทไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสามเขียนตอบจดหมายที่มาจากแคว้นฉีอย่างแผ่วเบา “ไม่แปลก ผ่านไปหลายวันแล้ว เสด็จพ่อสมควรปลอมประโลมองค์รัชทายาท เพื่อมิให้องค์รัชทายาทต้องทนกับความทุกข์ทรมาน”
เสียงของเขาแผ่วเบาอ่อนโยน แต่ในหูของเสี่ยวชวีกลับดุจดั่งก้อนหินท่อนไม้ที่ไร้ความรู้สึก
“เมื่อวานเพิ่งเข้าเฝ้า” เสี่ยวชวีพูดเสียงเบา “ไม่รู้เหตุใดวันนี้จึงไปเข้าเฝ้าอีก อีกทั้งยังพาหญิงสาวผู้หนึ่งไปด้วย ระหว่างทางตอนพบกับคุณหนูตันจู ยังหยุดลงสักพัก…”
มือขององค์ชายสามชะงักลง หันหน้าไปมองเสี่ยวชวี
เสี่ยวชวีตกใจ เสียงของเขาก็ชะงักลง หนิงหนิงที่อยู่ด้านข้างถอยหลังไปอย่างช้าๆ ราวกับไม่กล้ารบกวนการสนทนาของพวกเขา
“คุณหนูตันจูเข้าวังมาหรือ” องค์ชายสามถาม “เมื่อใด”
เสี่ยวชวีตอบรับ “กระหม่อมถามมาแล้ว องค์หญิงจินเหยาเชิญคุณหนูตันจูและคุณหนูท่านอื่นมาพูดคุย เพิ่งแยกย้ายกันไปพ่ะย่ะค่ะ”
เพิ่ง? สายตาขององค์ชายสามเหม่อลอย
“เหตุใดจึงไม่บอกข้า” เขาถาม
เสี่ยวชวีกล่าว “ระยะนี้องค์ชายทรงงานหนักมาก องค์หญิงอาจไม่กล้ารบกวน จึงไม่ได้ให้คนมาทูลพ่ะย่ะค่ะ”
แต่ก่อนถึงแม้มีฮ่องเต้รั้งเอาไว้ หลังจากนางเข้ามาก็ย่อมหาวิธีมาพบเขา ให้ขันทีมาบอกกล่าว เร่งเร้าให้องค์หญิงจินเหยาช่วยเหลือ แต่เวลานี้นางมาอย่างไร้สิ้นไร้เสียง จากไปอย่างไร้สิ้นไร้เสียง…องค์ชายสามเงียบไปสักพัก ลุกขึ้นยืน “ข้าไปดู”
จดหมายที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะยังมีจำนวนมาก ล้วนไม่สนใจแล้วหรือ เสี่ยวชวีเหลือบมองแต่ไม่กล้าขัดขวาง เขารีบเดินตามไป “องค์ชาย คุณหนูตันจูไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสามยืนอยู่บนสะพาน มองเงาสะท้อนของน้ำทั้งสองฝั่ง ชะงักฝีเท้าลง ไปแล้วหรือ
“ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ” เขาพูด “จะได้พูดคุยกับองค์รัชทายาทบ้าง เพื่อไม่ให้องค์รัชทายาทกังวลว่าข้าจะเกิดความบาดหมางกับเขา”
เสี่ยวชวีตอบรับ รีบเดินตาม ก่อนจะหันไปเรียกหนิงหนิง “เจ้าเก็บสิ่งเหล่านี้กลับไปให้ดี”
หนิงหนิงตอบรับ นั่งลงเก็บจดหมายบนโต๊ะอย่างตั้งใจและละเอียด
…
มององค์รัชทายาทพาหญิงสาวเข้ามา สีหน้าของฮ่องเต้แปลกประหลาดเล็กน้อย เรื่องของทางตำหนักองค์รัชทายาท ไม่ใช่ว่าเขาสืบไม่ได้ แต่สำหรับบุตรคนนี้ เขาวางใจเสมอมา ไม่เคยถามสิ่งใดมาก
แต่เวลานี้องค์รัชทายาทพาหญิงสาวผู้หนึ่งมาพบเขา อีกทั้งหญิงสาวผู้นี้ยังไม่ใช่พระชายา หมายความว่าอย่างไร
อีกทั้งหญิงสาวผู้นี้ ฮ่องเต้เพียงแค่มองก็รู้ว่านางเป็นหญิงงามที่สามารถหลอกล่อชายหนุ่มได้อย่างชำนาญ เป็นหญิงสาวประเภทที่ถึงแม้จะรู้ว่านางมาเพื่อหลอกล่อ แต่ผู้ที่ถูกหลอกล่อนั้นยังคงเต็มใจ
คงไม่ได้มาขอร้องเรื่องที่เกินเลยเพื่อหญิงสาวผู้นี้ใช่หรือไม่
“เสด็จพ่อ” องค์รัชทายาทคำนับพร้อมแนะนำ “ท่านนี้คือเหยาฝู คุณหนูสี่แห่งตระกูลเหยาพ่ะย่ะค่ะ”
อีกทั้งยังเป็นน้องสาวของพระชายา? ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตระกูลเหยาช่างไร้ยางอายเสียจริง
เหยาฝูคุกเข่าคำนับ “หม่อมฉันคารวะฝ่าบาทเพคะ”
ฮ่องเต้ไม่พูด
องค์รัชทายาทพูดขึ้น “เสด็จพ่อ กระหม่อมมาเพื่อขอโปรดความดีความชอบให้คุณหนูสี่พ่ะย่ะค่ะ”
ขอโปรดความดีความชอบ? ฮ่องเต้ส่งเสียง “ขอโปรดความดีความชอบอันใด” สายตาจับจ้องไปยังคุณหนูสี่แห่งตระกูลเหยา คงไม่ใช่ขอโปรดความดีความชอบที่มีครรภ์ใช่หรือไม่ ความดีความชอบนี้ ตระกูลเหยามีเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว
“เสด็จพ่อ ท่านรู้จักพี่เขยของคุณหนูเฉินตันจูหรือไม่” องค์รัชทายาทถาม
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รู้ว่ามีคนผู้นี้อยู่ แต่ชื่อใดเขาจำไม่ได้ เขาถูกเฉินตันจูสังหาร จิ๊ๆ คุณหนูตันจูช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน
“เจ้าต้องการพูดสิ่งใด” ฮ่องเต้ถาม “ข้าพอรู้มาบ้าง บุตรเขยของเฉินเลี่ยหู่ถือว่ามีความสามารถอยู่บ้าง”
เมื่อได้ยินฮ่องเต้บอกว่ารู้บ้าง อีกทั้งยังรู้ผ่านทางเฉินตันจู เขารู้เพียงเฉินตันจู ไม่รู้ผู้อื่น องค์รัชทายาทยิ้มขมขื่น “เสด็จพ่อ อันที่จริงหลี่เหลียงผู้เป็นพี่เขยของคุณหนูเฉินตันจูเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกระหม่อม”
ฮ่องเต้นั่งตัวตรงมององค์รัชทายาท เขารู้ว่าหลังจากที่ซักโทษเหล่าท่านอ๋องในตอนนั้น องค์รัชทายาทก็กระทำเรื่องต่างๆ มากมาย แต่องค์รัชทายาทสุขุม ไม่เคยขอโปรดความดีความชอบ เพียงแต่กระทำการอย่างเงียบๆ ช่วยเหลือแม่ทัพหน้ากากเหล็ก จนกระทั่งเรียกคืนเมืองอู๋ สยบเหล่าท่านอ๋อง องค์รัชทายาทก็ไม่เคยพูดสิ่งใด เขาเองก็ลืมเลือนไปแล้ว
ผ่านไปเป็นเวลานานเช่นนี้ ในที่สุดองค์รัชทายาทก็จะพูดถึงอดีตแล้ว
องค์รัชทายาทเล่าแผนการในเวลานั้นอย่างละเอียดออกมา
“แต่ไม่รู้ข่าวแพร่กระจายออกไปได้อย่างไร ถูกคุณหนูตันจูรู้เข้า หลี่เหลียงจึงถูกคุณหนูตันจูสังหาร อีกทั้งไม่คิดว่าคุณหนูตันจูยังคงยอมจำนนต่อราชสำนัก” พูดถึงท้ายสุด องค์รัชทายาทยิ้มอย่างขมขื่นอีกครั้ง “ในเมื่อล้วนยอมจำนนต่อราชสำนัก เดิมทีไม่ควรทำร้ายกันเอง”
ทำร้ายกันเองเพื่อแย่งชิงความดีความชอบ? เขาคงยกย่องเฉินตันจูมากเกินไป ฮ่องเต้คิดในใจ เห็นได้ชัดว่าเฉินตันจูต้องการแก้แค้นเพื่อพี่ชายที่ตายไปและครอบครัวที่ถูกหลอกลวง ส่วนสาเหตุที่ยอมจำนนต่อราชสำนัก อืม เพราะว่าเฉินตันจูเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอำนาจของราชสำนักที่ไม่อาจต้านทานได้…ตอนนั้นแม่ทัพหน้ากากเหล็กกล่าวเอาไว้เช่นนี้
องค์รัชทายาทเอ่ยถึงตรงนี้ เหยาฝูที่ก้มอยู่บนพื้นก็สะอื้นขึ้น
ฮ่องเต้ดึงสติกลับมา ในตำหนักยังมีอีกคน…คนที่ใช้ความงามในการกำราบหลี่เหลียงคือนาง?
องค์รัชทายาทเอ่ย “คุณหนูสี่ได้รับคำสั่งจากกระหม่อมไปหลอกล่อหลี่เหลียง นางอยู่ในเมืองอู๋สามปีกว่า เคียงคู่กับหลี่เหลียง ตอนที่เสด็จพ่อออกพระราชโองการซักโทษเหล่าท่านอ๋อง กระหม่อมสั่งให้คุณหนูสี่และหลี่เหลียงวางแผนจู่โจมเมืองอู๋ จับท่านอ๋องอู๋แบบไม่ทันตั้งตัว”
เพียงแต่มีเฉินตันจูอีกคนที่ปรากฏตัวสังหารหลี่เหลียงแบบไม่ทันตั้งตัว
“ถึงแม้จะประหลาดใจมาก แต่โชคดีที่ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ปรารถนา ดังนั้นกระหม่อมจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก”
ฮ่องเต้ตอบรับ มองดูหญิงสาวที่คุกเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับพื้น “ดังนั้นเวลานี้เจ้าต้องการขอโปรดความดีความชอบให้คุณหนูเหยาผู้นี้”
องค์รัชทายาทยังไม่ทันพูด เหยาฝูก็เงยหน้าขึ้น “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ต้องการขอโปรดความดีความชอบให้ตนเอง แต่หม่อมฉันต้องการขอโปรดความดีความชอบให้หลี่เหลียงเพคะ”
จากนั้นนางก็หมอบลงกับพื้นอีกครั้ง
“ฝ่าบาท หลี่เหลียงชื่นชมฝ่าบาทสุดหัวใจ ภักดีต่อราชสำนัก เขาดูแลควบคุมกองทัพอู๋เพื่อฝ่าบาท สะสมกองกำลัง กำจัดคนสนิทของเฉินเลี่ยหู่ อีกทั้งยังสังหารบุตรชายของเฉินเลี่ยหู่ ตัดรากเหง้าของเขาด้วยตนเอง”
“ฝ่าบาท หลี่เหลียงรอคอยเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดก็ต้อนรับฝ่าบาทมาได้ เขาดีใจอย่างยิ่งในการบุกเบิกเพื่อฝ่าบาท…แต่ไม่คิดว่า เขาจะต้องตายก่อนภารกิจเสร็จสิ้น”
“ฝ่าบาท หลี่เหลียงเขาตายอย่างไม่สงบสุขเพคะ”
เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของหญิงสาว ฮ่องเต้รู้สึกสงสาร ในเมื่อเป็นคนขององค์รัชทายาท ความภักดีของหลี่เหลียงต่อราชสำนักจึงไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่เฉินตันจูและหลี่เหลียงล้วนมีความดีความชอบ แต่ก็มีความแค้นซึ่งกันและกัน จะทำอย่างไร…
เหยาฝูเห็นฮ่องเต้ขมวดคิ้วครุ่นคิดผ่านดวงตาที่ขุ่นมัวด้วยน้ำตา นางก้มลงกราบอีกครั้ง
“ฝ่าบาท หลี่เหลียงทำภารกิจไม่สำเร็จหม่อมฉันไม่กล้าขอความดีความชอบ หม่อมฉันขอให้พระองค์โปรดสงสารบุตรของหม่อมฉันและหลี่เหลียง เวลานี้เขาไม่มีแม้แต่ชื่อแซ่ ไม่เคยพบเห็นดวงตะวัน ยิ่งไม่อาจถูกรับเข้าวงศ์ตระกูลได้เพคะ”
มีบุตรหรือ น่าสงสารเสียจริง ฮ่องเต้ถอนหายใจเบาๆ “เด็กน้อยน่าสงสาร”