บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 30 สืบ
หยางจิ้งลงจากเขา รับม้าจากมือของบ่าวรับใช้ ก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง
“นายน้อยรอง” บ่าวรับใช้ชิงพูดขึ้น “คุณหนูตันจูยังมองท่านอยู่ที่ไหล่เขาขอรับ”
ภายในน้ำเสียงของเขาเจือปนไปด้วยความโอ้อวด ชายหนุ่มได้รับการชื่นชมจากเหล่าหญิงสาวย่อมคุณค่าแก่การภาคภูมิใจ อีกทั้งท่ามกลางบุตรสาวขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวง คุณหนูรองเฉินเป็นเลิศทั้งด้านตระกูลและรูปลักษณ์ อีกทั้งตระกูลเฉินได้รับการสืบทอดบรรดาศักดิ์มหาราชครูจากรุ่นสู่รุ่น…
แต่ต่อจากนี้คงไม่ใช่ เฉินตันหยางตายแล้ว เฉินเลี่ยหู่ไร้บุตรชาย ถึงแม้พี่น้องสองคนมีบุตรชายสามารถสืบทอดได้ แต่ภายในตระกูลเกิดเรื่องของหลี่เหลียงและเฉินตันจู…หยางจิ้งส่ายหัว ถอนหายใจ ตระกูลเฉินถึงจุดจบสิ้นแล้ว
เห็นแก่มิตรภาพระหว่างทั้งสองตระกูล รวมไปถึงมิตรภาพระหว่างเขาและเฉินตันหยาง เขาจะดูแลเฉินตันจูให้ดี แต่เรื่องงานแต่งคงไม่ต้องพูดถึง
แต่งงานกับภรรยาเช่นนี้ ชื่อเสียงของตระกูลหยางคงได้รับผลกระทบ
“ไปเถิด” หยางจิ้งพลิกตัวขึ้นบนหลังม้า “เวลานี้เมืองอู๋อยู่ในสถานการณ์คับขัน เรื่องอื่นยังไม่ต้องคิด”
บ่าวรับใช้รีบเก็บท่าทางหยอกล้อ ก่อนจะตอบรับ หลังจากขึ้นม้ามาเขาถามขึ้นอีกครั้ง “นายน้อยรองจะกลับจวนหรือขอรับ”
หยางจิ้งส่ายหัว “ไปหอจุ้ยเฟิง”
บ่าวรับใช้ลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “นายน้อยรอง นายท่านกำชับไว้ เวลานี้ท่านอ๋องเกิดเรื่อง เมืองหลวงไม่มั่นคง อย่าได้อยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน ให้ท่านมาเยี่ยมคุณหนูรองแล้วกลับทันที”
นิสัยของท่านพ่อเป็นเช่นนี้เสมอมา ไร้ความคิดของตนเองไม่ว่าเรื่องอันใด ด้านบนให้ทำอันใดก็ทำสิ่งนั้น หากไม่ให้ทำก็ไม่ทำ ไม่มีคนบอกให้ทำยิ่งไม่อาสาไปทำ ปล่อยตนเองออกมาเยี่ยมเยือนคุณหนูรองก็เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว…เวลานี้ ทุกคนล้วนหลีกเลี่ยงการติดต่อกับตระกูลเฉิน
หยางจิ้งส่ายหัว “เพราะท่านอ๋องเกิดเรื่อง เมืองหลวงอยู่ในภาวะวิกฤต ข้าถึงไม่อาจนั่งอยู่ในจวนได้” เขาเร่งบ่าวรับใช้ “รีบไปเถิด คุณชายเหวินรอข้าอยู่”
บ่าวรับใช้ทำได้เพียงสะบัดแส้เร่งม้าอย่างระอา นายบ่าวสองคนหายลับไปบนเส้นทางกว้าง ไม่ทันสังเกตว่าริมทางมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องพวกเขา ถึงแม้เมืองหลวงไม่มั่นคง ท่านอ๋องเกิดเรื่อง แต่บนถนนยังคงมีคนผ่านไปมาพลุกพล่าน ภายในโรงน้ำชายังมีคนเดินทางมาพักและสนทนาสังสรรค์จำนวนมาก
“นายน้อยรองไปแล้วเจ้าค่ะ” อาเถียนยืนเหยียดเท้าอยู่บนไหล่เขา ไม่ได้ถามว่าเหตุใดคุณหนูรองจึงไม่ชอบนายน้อยรองแล้ว เด็กหญิงก็เป็นเช่นนี้ เดี๋ยวชอบเดี๋ยวไม่ชอบ ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ประสบกับเรื่องมากมายเพียงนี้ คุณหนูคงไม่มีอารมณ์คิดถึงเรื่องพรรค์นั้น
“คุณหนูจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทจริงหรือเจ้าคะ” อาเถียนหวาดกลัวเล็กน้อย แม้แต่ท่านอ๋องยังถูกฮ่องเต้ขับไล่ออกมา คุณหนูจะทำอันใดได้
เฉินตันจูยิ้มเย็นภายในใจ ใช่ว่านางจะไปไม่ได้ หากแต่นางไม่อาจไปอย่างมึนงงได้ หยางจิ้งใช้การคืนดีกับท่านพ่อมาหลอกลวงนาง เหมือนกับการใช้ความแค้นที่หลี่เหลียงสังหารพี่ชายมาหลอกลวงนางเมื่อชาติก่อน เขาไม่ได้ทำเพื่อนาง แต่มีเป้าหมายอื่น
สืบอย่างไรดี นางมีเพียงสาวรับใช้สองสามคนอยู่บนเขา เวลานี้คนของตระกูลเฉินล้วนถูกขังไว้ในจวน นางไม่มีคน…
หางตาของเฉินตันจูเหลือบเห็นบางอย่างพลางพูดขึ้น “เจ้าออกมา”
อาเถียนตกใจ มองไปรอบด้านอย่างฉงน ผู้ใด มีคนหรือ จากนั้นนางก็เห็นชายหนุ่มไม่คุ้นหน้าคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้ใหญ่
“เจ้าเป็นใคร!” อาเถียนรีบเอาตัวบังอยู่ด้านหน้าเฉินตันจู “ที่นี่คือภูเขาของท่านมหาราชครูเฉิน ผู้ไม่เกี่ยวข้องมิอาจเข้าใกล้ หากเที่ยวเล่นต้องไปอีกด้าน”
เด็กโง่ เวลานี้ยกท่านมหาราชครูเฉินออกมามีประโยชน์อันใด เฉินตันจูคิดภายในใจ ตอนนี้ไม่มีผู้ใดเกรงกลัวท่านมหาราชครูแล้ว นางเห็นชายหนุ่มนั้นไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เพียงแค่โค้งตัวคารวะหันหลังเดินจากไป
“หยุด” เฉินตันจูเรียก
ชายหนุ่มนั้นหยุดฝีเท้าลงก่อนหันหลังกลับมา
เฉินตันจูพินิจเขา “เจ้าเป็นคนของใคร เจ้าติดตามข้าตั้งแต่ข้าออกจากจวน”
อะไรกัน เวลานั้นก็ถูกลอบตามแล้ว? อาเถียนตกใจ เหตุใดนางจึงไม่รู้
หากเป็นเฉินตันจูคนก่อนย่อมไม่สังเกตเห็น แต่สิบปีนั้นนางถูกคนรอบด้านลอบมองเฝ้าระวังต่างๆ นานา ความรู้สึกนั้นคุ้นเคยอย่างมาก ทำให้นางสังเกตถึงความผิดปกติได้ทันที
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าถูกเปิดโปง จึงทำการคารวะอีกครั้ง “ข้าน้อยเป็นคนของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก”
เขาหรือ? เฉินตันจูตะลึง ก่อนจะเบะปาก “ท่านแม่ทัพไม่ต้องเฝ้าระวังข้า เขาสามารถเข้าใกล้ท่านอ๋องเองแล้ว เก่งกว่าข้าอย่างมาก ข้าไม่มีภัยคุกคามต่อเขาแล้ว”
ชายหนุ่มนั้นพูดต่อ “ไม่ใช่เฝ้าระวัง ตอนนั้นคุณหนูกลับเมืองอู๋ ท่านแม่ทัพสั่งให้คุ้มกันคุณหนู ตอนนี้ท่านแม่ทัพยังไม่ได้ถอดถอนคำสั่ง พวกข้าจึงยังไม่ได้จากไป”
คุ้นกันนาง? ก็คือการเฝ้าจับตาไม่ใช่หรือ เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจภายในใจ ก่อนจะปรากฏความคิดหนึ่งขึ้น “เจ้ามาคุ้มกันข้า เช่นนั้นเจ้าย่อมต้องฟังคำสั่งของข้าใช่หรือไม่”
ชายหนุ่มลังเล “ต้องดูว่าคำสั่งของคุณหนูคืออันใด หากขัดขืนต่อคำสั่งของท่านแม่ทัพ พวกข้าไม่ทำ”
อย่างเช่นให้พวกเขาจากไป หรือทำเรื่องที่ไม่ดีต่อท่านแม่ทัพและฮ่องเต้
เฉินตันจูพูด “วางใจเถิด เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของข้า คุณชายที่มาเจ้าจำได้แล้วใช่หรือไม่”
ชายหนุ่มตอบรับ ไม่เพียงแต่จำได้แล้ว บทสนทนาก็จำได้แล้วเช่นเดียวกัน
“เจ้าตามไปดูว่าเขาไปจากที่นี่ แล้วไปทำอันใด” เฉินตันจูพูด “จากนั้น ไปดูทางท่านพ่อว่าเกิดเรื่องอันใดหรือไม่”
นางกำลังสั่งให้เขาปฏิบัติงานหรือ ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดว่าหลังจากคุณหนูนี้พบเขาแล้ว หากไม่สนใจปล่อยให้พวกเขาอยู่ข้างตัว ก็คงไล่พวกเขาให้จากไป ไม่คิดว่านางจะใช้เขาเช่นนี้…
“ไม่ขัดต่อคำสั่งท่านแม่ทัพของพวกเจ้าใช่หรือไม่” เฉินตันจูเห็นเขาลังเล จึงถามขึ้นอีกครั้ง
ชายหนุ่มตอบรับ “ไม่ขัดขอรับ ข้าน้อยไปเดี๋ยวนี้” พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
อาเถียนฟังอยู่อย่างเงียบสงบ เหมือนจะเข้าใจความหมายของคุณหนู
“คุณหนู” นางถามเสียงต่ำ “คนเหล่านี้เชื่อได้หรือเจ้าคะ”
เฉินตันจูถอนหายใจ “เชื่อได้หรือไม่ข้าก็ไม่รู้ ต้องลองดูถึงจะรู้ เพราะตอนนี้พวกเราไม่มีใครใช้ได้แล้ว”
ถึงแม้แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ใช่คนที่เชื่อใจได้ แต่เหล่าหยางจิ้งคิดจะให้นางทำร้ายฮ่องเต้ ส่วนแม่ทัพหน้ากากเหล็กย่อมต้องปกป้องฮ่องเต้ ดังนั้นสิ่งที่นางเป็นกังวลย่อมเป็นเรื่องที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กกังวล พอจะถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันได้
หลังจากท้องฟ้ามืดลง ชายหนุ่มนั้นกลับมาแล้ว
อาเถียนสั่งให้สาวรับใช้คนอื่นถอยลงไป ตนเองเฝ้าอยู่ข้างประตู ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มด้านในพูด “หลังจากนายน้อยรองหยางออกจากที่นี่ เขาไปพบคนที่หอจุ้ยเฟิง”
เฉินตันจูใช้ช้อนคนน้ำแกงพลางเอ่ยถาม “มีผู้ใดบ้าง”
นางไม่สนใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่ใช่คนอู๋ หรือมามืองอู๋เป็นครั้งแรก ไม่รู้จักผู้ใด…คนของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ถึงแม้จะไม่รู้จักย่อมต้องหาวิธีรู้จัก
สุดท้ายชายหนุ่มตอบออกมาได้จริง “มีคุณชายห้าตระกูลมหาดเล็กเหวิน คุณชายเล็กตระกูลจางเจี้ยนจวิน หลายชานของหลี่ ถิงเว่ย [1] บุตรเขยสามของหลู เซ่าฝู่ [2] พวกเขากำลังหารือวิธีการช่วยท่านอ๋องอู๋ ขับไล่ฮ่องเต้”
คนมีไม่น้อยเลยทีเดียว เฉินตันจูถามต่อ “พวกเขาหารือว่าอย่างไร ไปตำหนิต่อว่าฮ่องเต้กับข้า หรือหลอกใช้ข้าไปลอบสังหารฝ่าบาท แย่งชิงพระราชวังคือแก่ท่านอ๋อง”
หากพวกเขามีแผนการเช่นนี้จริง เฉินตันจูยังเคารพเพราะพวกเขาเป็นชาย
ชายหนุ่มส่ายหัว “พวกเขาบอกว่าจะไปหาท่านมหาราชครูเฉิน”
ช้อนในมือของเฉินตันจูกระทบเสียงเบา นางหยุดมือลง เลิกคิ้วถาม “หาท่านพ่อข้าทำไม พวกเขาไม่มีท่านพ่อหรือ”
ท่านพ่อของพวกเขาไม่ใช่ขุนนางใหญ่ของท่านอ๋องอู๋หรือ
—————————————————–
[1] ถิงเว่ย หมายถึง ตำแหน่งเสนาบดีตุลาการในสมัยโบราณ
[2] เซ่าฝู่ หมายถึง ตำแหน่งเสนาบดีกรมวัง