บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 289 ชนบท
มันเป็นคืนที่เยือกเย็นท่ามกลางสายฝนในฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากลักษณะครรภ์ของเฉินตันเหยียนไม่ดีนัก เดิมทีกลุ่มคนที่กำลังเดินอย่างเชื่องช้าแยกออกจากกัน โดยมีเฉินเถี่ยเตานำเฉินตันเหยียนกลับมายังเมืองซีจิงก่อน
ส่วนเฉินเลี่ยหู่และเฉินซั่วเสิงพามารดาเดินทางต่ออย่างเชื่องช้า
ก่วนเจียได้ซื้อจวนและที่ดินไว้ล่วงหน้าแล้ว เรียบง่ายอย่างมาก แต่อย่างน้อยก็มีที่อยู่อาศัย ทุกคนยังไม่ทันได้โล่งใจ ในคืนที่สามหลังจากเดินทางมาถึงจวน เฉินตันเหยียนก็มีอาการ นางคลอดล่วงหน้าก่อนกำหนดไว้มาก
ก่วนเจียได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า เขาหาหญิงทำคลอดที่มีชื่อเสียงในชุมชนไท่ผิงเอาไว้แล้ว เขาฝ่าสายฝนไปเชิญมาสองคน แต่เลือดนั้นยังคงถูกยกออกมาเป็นกะละมัง…
“ไม่ได้ เด็กติดอยู่ด้านใน”
เสี่ยวเตี๋ยยืนอยู่นอกประตู นางเอาแต่ร้องไห้เพราะกลัวเกินไป ช่วยอันใดไม่ได้ หญิงทำคลอดและฮูหยินรองตระกูลเฉินจึงขับไล่นางออกมา รู้สึกว่าฝนบนท้องฟ้ากลายเป็นสายเลือดไปแล้ว
“เด็กคนนี้ไม่ควรเก็บไว้” เฉินเถี่ยเตาพึมพำอยู่ข้างนอก
หากเอาออกแต่แรกก็คงดี เวลานี้เด็กคลอดไม่ออก ยังจะพาเฉินตันเหยียนไปด้วย พี่ใหญ่สูญเสียลูกชายคนโต สละลูกสาวคนเล็กแล้ว หากเดินทางมาถึงลูกสาวคนโตก็ไม่อยู่ เขาจะทำอย่างไร
ทางนี้มีเสียงร้องไห้ของภรรยา เสียงตะโกนของหญิงทำคลอด ตรงหน้าเป็นลมฝนที่โหมกระหน่ำ จิตใจของเฉินเถี่ยเตาอยู่ในภวังค์ เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางลมฝน
“เกิดอันใดขึ้น” มีคนตะโกนอยู่นอกประตู “มีคนป่วยหรือไม่ รีบเปิดประตู ข้าเป็นไต้ฟู”
เฉินเถี่ยเตาเปิดประตู เห็นบัณฑิตที่สวมชุดฟางและหมวกหนึ่งคน ในมือถือกล่องยา
“ข้าเดินทางผ่านมาพักค้างคืน” เขาชี้ไปที่จวนด้านข้าง “ได้ยินเสียงร้องไห้กลางดึก จึงแวะมาดู”
แม้ว่าการปรากฏตัวของไต้ฟูนี้จะดูแปลกเกินไป แต่เวลานั้นเขาถือเป็นฟางช่วยชีวิตของตระกูลเฉิน เขาถูกเชิญเข้าไป หลังจากการฝังเข็มและยาชุดหนึ่งของเขา เฉินตันเหยียนรอดชีวิตกลับมาได้ พร้อมกับให้กำเนิดทารกที่แทบจะไม่มีลมหายใจ…
ไต้ฟูคนนี้ทั้งนวดทั้งฝังเข็ม ลานเล็กท่ามกลางลมฝนมีเสียงทารกร้องไห้ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาในที่สุด
ไต้ฟูคนนี้แทนตัวเองว่าแซ่หยวน เขาพักอาศัยอยู่จวนด้านข้างต่ออีกสามวัน จนกระทั่งมั่นใจว่าแม่ลูกพ้นขีดอันตรายแล้วจึงจากไป
เวลาผ่านไปเดือนกว่า เขากลับมาอีกครั้ง บอกว่าเป็นการกลับมาเยี่ยม จากนั้นหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากกล่องยา
เป็นจดหมายของเฉินตันจู เขาจึงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
“ข้าเป็นไต้ฟูประจำจวนขององค์ชายหก ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กได้รับการไหว้วานจากคุณหนูตันจู โปรดให้องค์ชายหกดูแลพวกท่าน”
เสี่ยวเตี๋ยยังคงจำใบหน้าของนายท่านรองตระกูลเฉินในเวลานั้นได้ มันช่างเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ คุณหนูตันจูสามารถให้ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กออกหน้าไหว้วานองค์ชายหก คุณหนูตันจูมีความสามารถจริง…แต่
“หากพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้” เฉินเถี่ยเตากระซิบบอกเฉินตันเหยียนทันที
เกรงว่าหยวนไต้ฟูจะไม่มีวันได้เข้ามาอีก
เฉินตันเหยียนที่นอนพักฟื้นอยู่บนเตียงพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “อย่าบอกท่านพ่อ หยวนไต้ฟูเป็นผู้ช่วยชีวิตข้าและเป่าเอ๋อร์ เขาเป็นไต้ฟูที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม”
ดังนั้นเมื่อเฉินเลี่ยหู่และคนอื่นเดินทางมาถึงในฤดูหนาว ทุกคนต่างบอกเขาเกี่ยวกับอันตรายระหว่างการคลอดบุตร รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือจากไต้ฟูที่เดินทางผ่านมา แต่ไม่ได้บอกตัวตนที่แท้จริงของไต้ฟูกับเฉินเลี่ยหู่
ไต้ฟูเดินทางมาเป็นประจำ นอกจากดูอาการให้เป่าเอ๋อร์ พักฟื้นร่างกายแล้ว เขายังนำจดหมายจากเฉินตันจูมาให้เฉินตันเหยียนอย่างลับๆ อีกด้วย
แม้ว่าหยวนไต้ฟูเพียงแค่รักษาอาการและส่งจดหมาย ไม่ถามถึงชีวิตของพวกเขาแม้แต่น้อย แต่มีหยวนไต้ฟูคนนี้อยู่ มารดาของเฉินเลี่ยหู่จึงรอดชีวิตจากฤดูหนาวได้อย่างราบรื่น ชาวบ้านแปลกหน้ารอบด้านก็มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพวกเขาเนื่องจากไต้ฟูคนนี้
เสี่ยวเตี๋ยยืนครุ่นคิดอยู่ในลาน คุณหนูใหญ่ยังอยู่ เหล่าฮูหยินยังอยู่ ทุกคนยังอยู่ สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นชีวิตที่ดีที่สุด โชคดีที่มีหยวนไต้ฟู ไม่ใช่ หรือควรบอกว่าโชคดีที่มีคุณหนูรอง
คุณหนูใหญ่ไม่ตอบจดหมายคุณหนูรองจริงหรือ?
เสี่ยวเตี๋ยอดไม่ได้ที่จะมองดูเฉินตันเหยียน เฉินตันเหยียนอุ้มเด็กลุกขึ้น “เสี่ยวเตี๋ย เจ้าดูเป่าเอ๋อร์ ข้าจะไปเย็บเสื้อผ้าเก่าของท่านพ่อ”
เสี่ยวเตี๋ยรับเด็กเอาไว้
หยวนไต้ฟูที่เดินออกมาจากกลุ่มชาวบ้านหันหน้ากลับมามองทางนี้ ประตูยังคงปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ไม่มีผู้ใดเดินออกมา
เขาผิวปาก ลาตัวเล็กที่กำลังแทะใบอ่อนของไม้ระแนงที่ผนังบ้านใดบ้านหนึ่งก็วิ่งกลับมา หยวนไต้ฟูบอกลาชาวบ้าน และออกไปจากหมู่บ้านพร้อมกับเสียงวิ่งของเด็กๆ
นอกหมู่บ้านมีที่นาอุดมสมบูรณ์ งานหนักล้วนเสร็จสิ้นไปแล้ว จัดการกำจัดหญ้าที่เหลือล้วนสามารถให้เด็กและคนชราทำได้ เวลานี้มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่ในทุ่งนา…เด็กบางคนกำลังถือกิ่งไม้ เด็กบางคนถือตะกร้า เจ้าไล่ข้าจับ เจ้าหาข้าซ่อน ทันใดนั้นกิ่งไม้ก็ถูกลากบนพื้นเหมือนกำลังขี่ม้า และมันก็ถูกยกขึ้นเหมือนหอก
มันเป็นการละเล่นแสนง่ายที่เหล่าเด็กๆ ชื่นชอบที่สุด
หยวนไต้ฟูเหลือบมองด้วยรอยยิ้ม นอกจากเด็กแล้ว ยังมีชายชราคนหนึ่งที่ดูสนใจมาก
ชายชราผู้นี้สวมเสื้อเนื้อหยาบ พับแขนเสื้อและขากางเกงขึ้น ข้างเท้ามีตะกร้าใส่จอบ ในตะกร้ามีหญ้าเพียงครึ่งตะกร้า…ในมือของเขาถือกิ่งไม้ ชี้ไปที่ยังกลุ่มเด็ก เด็กเหล่านั้นวิ่งตามที่เขาชี้
หยวนไต้ฟูหยุดลง หรี่ตามองด้วยความสนอกสนใจ เด็กๆ ในชนบททำตามคำสั่งของชายชรา ใช้กิ่งไม้เป็นม้า ตะกร้าเป็นอาวุธ วิ่งราวกับขบวนทัพขึ้นมา…
แต่เด็กอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก พวกเขาไม่ค่อยทำตามคำสั่งมากนัก พวกเขารีบวิ่งอย่างวุ่นวาย ก่อนจะชุลมุนกัน ดังนั้นฝ่ายหนึ่งชนะ อีกฝ่ายหนึ่งจึงแพ้ กลุ่มเด็กที่ชนะร้องด้วยความดีใจ กลุ่มเด็กที่แพ้ก้มหน้าเศร้าโศก
ชายชราดูเหมือนจะไม่พอใจ เขาพูดอะไรบางอย่าง เด็กที่พ่ายแพ้หงุดหงิดขึ้นมาทันที พวกเขาคว้าดินขว้างใส่ชายชรา
“ใครให้เจ้าพูดมาก!”
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเข้ามายุ่ง พวกเราคงไม่แพ้!”
“ไปให้พ้น เจ้าเฒ่าประหลาด!”
“เฒ่าพิการ อย่ามาเล่นกับพวกข้า!”
เด็กๆ ตะโกนด่า ขว้างดิน ก้อนหินและหญ้าเข้ามา
ชายชราไม่โกรธ เขายกมือขึ้นเพื่อหลบหลีก ชาวบ้านอีกคนหนึ่งเห็นแต่ไกลจึงตะโกนว่า “ทำอันใด ทำอันใด!”
เด็กๆ จึงแยกย้ายกันไปอย่างเร่งรีบ
ชาวบ้านเดินเข้ามาอย่างขุ่นเคือง ถามด้วยความเป็นห่วง ชายชราโบกมือ คว้าจอบลุกขึ้นยืน เดินกะโผลกกะเผลกไปในทุ่งนา…ที่แท้ก็พิการจริง
เขานั่งลงกำจัดหญ้าในทุ่งอย่างชำนาญราวกับชาวนาตัวจริง
หยวนไต้ฟูเบนสายตากลับมา ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเร่งให้ลาจากไป
จนกระทั่งเขาออกไปไกล ชายชราจึงหยุดกำจัดหญ้าลง ชาวบ้านก่อนหน้านี้เดินเข้ามา พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “นายท่าน หยวนไต้ฟูคนนั้นมาอีกแล้ว”
เฉินเลี่ยหู่เหลือบมองก่วนเจีย บนใบหน้าของก่วนเจียเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อถูกเฉินเลี่ยหู่จ้องมอง ก่วนเจียจึงเก็บรอยยิ้มในทันที พึมพำ “คุณหนูรองเขียนจดหมายมาอีกแล้ว”
เฉินเลี่ยหู่ไม่ตอบ เพียงพูด “รีบถอนหญ้าเถิด หากฝนตกอีกหลายรอบคงไม่ทันแล้ว”
ก่วนเจียตอบรับ ถือจอบถอนหญ้าเสียงดัง
เฉินเลี่ยหู่มองร่างของคนที่จากไปไกล ภายในดวงตาฉายแววกังวล แม้แต่คนของจวนองค์ชายหกยังเชิญมาได้ เฉินตันจู เวลานี้เจ้าอยู่ในสถานการณ์วังวนแบบไหนกัน
…
บนภูเขาดอกท้อมีเสียงดังขึ้น ธนูสองคันถูกยิงออกไปในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังปักเข้าใจกลางเป้าอย่างแม่นยำ
เยี่ยนเอ๋อชุ่ยเอ๋อและนางในอีกสองคนปรบมืออย่างดีใจ “คุณหนู ของพวกเราชนะแล้ว!”
“องค์หญิง ของพวกเราชนะแล้ว!”
เฉินตันจูและองค์หญิงจินเหยาที่มัดแขนเสื้อถือคันธนูสบตากัน
“ถือว่าเสมอ?” องค์หญิงจินเหยาถาม
เฉินตันจูพูด “ได้เพคะ องค์หญิงเป็นแขก ไม่อาจแพ้ตลอดได้”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะด้วยความโกรธ “เจ้ารอก่อน รอข้ากลับวังไปฝึกฝน พวกเราค่อยประลองกัน”
เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อรีบเรียกพวกนางมาพักผ่อนดื่มชา ทั้งสองคนเดินเข้าไป อาเถียนถือจดหมายวิ่งเข้ามาอย่างดีใจ “คุณหนู ท่านแม่ทัพส่งจดหมายมาเจ้าค่ะ”