บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 277 ดื่มยา
หน้าประตูพระราชวัง องค์รัชทายาทท่านอ๋องฉีคุกเข่าเป็นเวลาหนึ่งวันแล้ว เขาร้องไห้ยอมรับความผิด
ฮ่องเต้ไม่ได้ให้คนจับเขาเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้สนใจเขา
“ฉู่เส้าอันผู้น่าสงสาร” องค์ชายห้ายืนอยู่ภายในประตูพระราชวัง มองดูองค์รัชทายาทท่านอ๋องฉีที่คุกเข่าอยู่ด้านนอกประตูพระราชวัง “เขากำลังขอร้องแทนเสด็จพ่อของเขาหรือ”
องค์ชายสี่หัวเราะอยู่ด้านข้าง “มิใช่ เขากำลังขอร้องแทนตัวเอง บอกว่าเขาไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์”
องค์ชายห้าเย้ยหยัน “เขามีความสามารถเพียงแค่นี้” หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่สนใจอีก หันหลังเดินกลับเข้าด้านในไป
องค์ชายสี่รีบเดินตามไป “น้องห้า เสด็จพ่อจะใช้กำลังทหารกับท่านอ๋องฉีจริงหรือ”
องค์ชายห้าเย้ยหยัน “แน่นอน ท่านอ๋องฉีทำเรื่องบ้าคลั่งเช่นนี้ต่อองค์รัชทายาท เสด็จพ่อจะให้อภัยเขาได้อย่างไร”
องค์ชายสี่พยักหน้า “ใช่ ใช่ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไม่คิดว่าเขาจะวางแผนโหดเหี้ยมเช่นนี้ใส่ร้ายองค์รัชทายาท ข้อครหาการฆ่าล้างหมู่บ้านช่างเป็นการทำให้องค์รัชทายาทถึงแก่ความตาย”
องค์ชายห้าหันมามองเขา องค์ชายสี่ถูกเขาจ้องมองจนประหม่า
“ดังนั้นท่านคิดว่าองค์รัชทายาทกำลังจะตาย จึงไม่ยอมไปขอร้องแทนองค์รัชทายาทแล้ว?” องค์ชายห้าถามเสียงเย็น
องค์ชายสี่รีบเอ่ย “ไม่ใช่ ไม่ใช่ น้องห้า เป็นเพราะพี่สองและพี่สามไม่ไป ข้าทำสิ่งใดไม่เป็น ข้าจึงไม่กล้าไป เกรงว่าจะทำให้องค์รัชทายาทเดือดร้อนมากขึ้น”
เจ้าขยะนี้ทั้งขลาดทั้งไร้ความสามารถ องค์ชายห้าสะบัดแขนเสื้อเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเขา องค์ชายสี่รีบเดินตามด้วยรอยยิ้ม สัญญาและขอร้องให้ตนเองชดเชย “น้องห้า หากเจ้ามีเรื่องอันใดให้ข้าทำแทน” “เจ้ายังไม่ได้จวนอีกหลายหลังไม่ใช่หรือ ข้าจัดการส่วนที่เหลือให้เจ้าเอง”
การขยายด้านนอกเมืองหลวงใหม่ใกล้จะเสร็จสิ้น ในขณะเดียวกัน เหล่าชนชั้นสูงก็ฉวยโอกาสครอบครองที่ดินมากขึ้น องค์ชายห้าย่อมไม่พลาดโอกาสหาเงินที่ดีนี้
เผชิญกับการประจบขององค์ชายสี่ องค์ชายห้าไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย เขาชะงักฝีเท้าชี้ไปทางด้านหน้า“เรื่องจวน ข้าไม่ต้องการให้ท่านช่วย เวลานี้ท่านไปตีเขาให้ข้า”
ตีคน? ในฐานะองค์ชาย การตีเป็นเรื่องที่ไม่น่ากลัวที่สุด องค์ชายสี่หัวเราะ พลางตอบว่าไม่มีปัญหาพลางมองไป เมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่าย เขารีบหดหัวยิ้มขมขื่น
“น้องห้า สู้เจ้าตีข้าสักทีเสียดีกว่า” เขาพูด “ผู้ใดกล้าตีพี่สามกัน แต่ก่อนไม่มีผู้ใดกล้า เวลานี้ยิ่งไม่มี”
องค์ชายห้าเย้ยหยัน เขาไม่พูดสิ่งใด เพียงแค่มองไปยังเกี้ยวที่ใกล้เข้ามา ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่องค์ชายสามยังคงสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ ชุดคลุมขนสัตว์นี้มีสีขาวดุจหิมะ ฮ่องเต้พระราชทานให้ใหม่ เมื่อคลุมอยู่บนตัวทำให้องค์ชายสามยิ่งดูเหมือนหยกแกะสลัก
“พี่สามยังทรงงานอยู่หรือ” องค์ชายห้าทักทาย
เกี้ยวขององค์ชายสามไม่หยุดลงแม้แต่น้อย ชำเลืองมองเขาจากที่สูง “ใช่ ในฐานะบุตรชายควรแบ่งปันความกังวลของเสด็จพ่อให้มาก อย่าเพิ่มความวุ่นวาย”
เขาด่าผู้ใด องค์รัชทายาทหรือ องค์ชายห้าโกรธมาก “พี่สามเก่งเสียจริง เก่งเช่นนี้ต้องแบ่งปันความกังวลของเสด็จพ่อให้มาก”
เกี้ยวขององค์ชายสามเคลื่อนผ่านพวกเขาไป เมื่อได้ยินจึงหันกลับมา “น้องห้าพูดถูก ข้าจดจำเอาไว้แล้ว”
พูดพลางหันหลังกลับ ไม่สนใจเขาอีก
เหตุใดวันนี้เขาจึงอารมณ์เสียเพียงนี้ พูดจาเสียดสี องค์ชายห้ามองแผ่นหลังของเขาพลางถ่มน้ำลาย เขาไม่อาจซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงอันหยิ่งผยองได้อีก!
คราก่อนอาศัยเหตุการณ์ที่โจวเสวียนไปภูเขาดอกท้อของเฉินตันจู เขาให้เหล่าขันทีปล่อยข่าว ก่อเกิดภาพลวงหึงหวงให้เสียภาพลักษณ์ เสียดายที่ประสบกับเรื่องขององค์รัชทายาท ถือว่าองค์ชายสามโชคดี
แต่โชคดีแล้วอย่างไร ร่างกายเจ็บป่วยอ่อนแอ เพียงแค่กินอาหารหรือดื่มชาหนึ่งคำก็สามารถคร่าชีวิตเขาได้ องค์ชายห้าเย้ยหยัน
องค์ชายสามกลับถึงพระตำหนัก นั่งลงก่อนจะกระแอมต่อเนื่อง ไอจนใบหน้าของเขาแดงก่ำ ขันทีเสี่ยวชวีถือชารอคอยอยู่ด้านข้าง สีหน้ากังวล
“เหตุใดกินยาไปหลายชุดแล้ว อาการหนักกว่าเดิม” เขาพูด “หนิงหนิงรักษาได้หรือไม่กัน”
องค์ชายสามอดกลั้นอาการไอเอาไว้ รับชามา “แต่ก่อนไม่เคยเห็นเจ้ารีบร้อนกับเหล่าหมอหลวง เหตุใดจึงรีบร้อนกับหญิงสาว”
เสี่ยวชวีหัวเราะ “กระหม่อมผิดไปแล้ว ไม่ควรตำหนิคุณหนูหนิงหนิง”
องค์ชายสามไม่พูด เพียงแค่ดื่มชาทีละคำ
ขันทีสองคนถือชามยาเข้ามา “องค์ชายสาม หนิงหนิงต้มยาเอาไว้ บอกว่าเป็นชุดสุดท้ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวชวีตะลึง “ชุดนี้ที่บอกว่ากินแล้วจะหายหรือ จริงหรือเท็จ” ก่อนจะมองซ้ายมองขวา “หนิงหนิงเล่า?”
แต่ก่อนองค์ชายสามกลับมา หนิงหนิงย่อมต้องมาต้อนรับ แม้จะต้มยาอยู่ เวลานี้ก็ควรจะนำมาด้วยตนเอง
ขันทีพูด “ยานี้หนิงหนิงเฝ้าเป็นเวลาครึ่งวัน จ้องมองความแรงของไฟ ไม่ได้พักแม้แต่น้อย เวลานี้อดทนไม่ไหว ไปพักผ่อนแล้ว”
เหน็ดเหนื่อยเพียงนั้นหรือ นางคงได้ยินเรื่องของท่านอ๋องฉีจึงตกใจมากกว่า ขันทีคิดในใจ หนิงหนิงเป็นคนในตระกูลของพระพันปีของท่านอ๋องฉี หากท่านอ๋องฉีจบสิ้น ตระกูลของพระพันปีของท่านอ๋องฉีย่อมต้องพลิกผัน องค์รัชทายาทท่านอ๋องฉีคุกเข่าอยู่ด้านนอกพระราชวัง ฮ่องเต้อาจอภัยโทษตายให้เขา แต่สาวรับใช้อย่างหนิงหนิงคงไม่ได้ข้อยกเว้นนี้
ลงโทษขั้นหนักอาจต้องเข้าคุก ลงโทษขั้นเบาอาจถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวง
“องค์ชายสาม” เสี่ยวชวีมององค์ชายสาม “ยานี้…เวลานี้จะเสวยหรือไม่”
คำถามนี้ฟังดูแปลกประหลาดเล็กน้อย เหล่าขันทีด้านข้างคิดในใจ ยาที่ต้มเสร็จจะกินพรุ่งนี้หรือ
องค์ชายสามมองยาที่เหล่าขันทีถือเอาไว้ ราวกับพึมพำกับตนเอง “ชุดสุดท้ายแล้วหรือ”
หนิงหนิงบอกว่ากินยาของนางสามารถรักษาองค์ชายสามให้หายได้ ฟังดูแล้วน่าเหลือเชื่ออย่างมาก ถึงแม้หลายปีมานี้องค์ชายสามจะตายใจแล้ว แต่ก็อดที่จะมีความหวังไม่ได้ จริงหรือเท็จ ความหวังเป็นจริงหรือผิดหวังต่อไปขึ้นอยู่กับยาชุดสุดท้ายนี้แล้ว
เหล่าขันทีมององค์ชายสามด้วยความเห็นใจ ถึงแม้ความฝันจะเคยดับสลาย แต่คนยังคงคาดหวังว่าความฝันนั้นจะอยู่นานเสียหน่อย
“องค์ชายสาม” ขันทีผู้หนึ่งอดทนไม่ได้ “หรือไม่เสวยพรุ่งนี้? ถึงเวลาให้หนิงหนิงต้มอีกชุดก็พอ”
องค์ชายสามยิ้ม ยื่นมือรับไป “ในเมื่อกินมาถึงชุดสุดท้ายแล้ว เหตุใดจึงต้องสิ้นเปลือง” พูดพลางเงยหน้าดื่มจนหมด
ยาสีดำไหลลงมาหนึ่งหยดบริเวณมุมปากของเขา
ขันทีสองคน คนหนึ่งหยิบผ้า คนหนึ่งถือผลไม้เชื่อม มองดูองค์ชายสามดื่มจนหมดจึงรีบเดินขึ้นหน้า คนหนึ่งยื่นผลไม้เชื่อม อีกคนยื่นผ้า องค์ชายสามกินยาตลอดทั้งปี การกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นความเคยชิน
แต่ครานี้องค์ชายสามไม่ได้รับไป ชามยายังไม่ทันได้วางลง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก้มตัวกระแอมไออย่างรุนแรง
“สำลักหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวชวีถามอย่างรีบร้อน ยื่นมือลูบหลัง
การไอขององค์ชายสามไม่ได้หยุดลง คนทั้งคนโก่งคอขึ้นมา เหล่าขันทีต่างล้อมเข้ามา ไม่รอให้ได้เข้าใกล้ องค์ชายสามอ้าปากกระอักเลือดออกมา เลือดสีดำไหลลงบนพื้น กลิ่นเหม็นคาวตลบอบอวล หลังจากนั้นตัวของเขาล้มลงไป
เหล่าขันทีส่งเสียงร้องออกมา “รีบเรียกหมอหลวง…”
…
คนในพระราชวังเดินไปมากันขวักไขว่ องค์ชายห้าสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว รีบถามว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
“องค์ชายสามราวกับแย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีคนหนึ่งพูดเสียงเบา ชี้ไปด้านนอก “เหล่าหมอหลวงล้วนเดินทางไป ฝ่าบาทก็เสด็จไปพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายห้าหัวเราะ “เรื่องเป็นเช่นนี้หรือ”
ขันทีตัวน้อยได้ยินเช่นนี้ ตกใจจนสีหน้าซีดเซียว ขาของเขาอดสั่นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่รอดถึงพรุ่งนี้หรือไม่
องค์ชายห้ามองเขา ยิ้มอย่างเหยียดหยัน “ออกไป คนต่ำต้อยอย่างเจ้า ข้ากลัวที่จะให้เจ้ามีชีวิตอยู่หรือ?”
ใช่ ถึงแม้เวลานี้เขาวิ่งออกไปตะโกนบอกว่าองค์ชายห้าดีใจที่องค์ชายสามอาการหนัก แต่ผู้ใดจะลงโทษองค์ชายห้า เขาเป็นน้องชายขององค์รัชทายาท ฮองเฮาเป็นพระมารดาของเขา
ขันทีตัวน้อยที่รอดชีวิตรีบถอยออกไป
ขันทีใกล้ตัวขององค์ชายห้าเดินขึ้นหน้า “องค์ชายห้า พวกเราไม่ไปดูหรือพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายห้าไม่สนใจ “ไม่รีบ ไปดูครั้งสุดท้ายก็พอ”
…
ภายในตำหนักขององค์ชายสาม องค์ชายสามลืมตาขึ้นตามเสียงดีใจของหมอหลวง
สายตาของเขาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด โดยเฉพาะเมื่อเห็นฮ่องเต้ที่ก้มตัวลงมา
“เสด็จพ่อ” เขาถาม “พระองค์เสด็จมาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะมองไปยังรอบด้าน นอกจากฮ่องเต้ยังมีหมอหลวงอีกกลุ่มหนึ่ง จากนั้นเขาจึงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นได้
“อาการกำเริบอีกแล้วหรือ” เขาพูด ยิ้มเล็กน้อย “ทำให้เสด็จพ่อตกพระทัยอีกแล้ว”
สีหน้าของฮ่องเต้ประหลาดเล็กน้อย ไม่มีคำปลอบประโลม หากแต่ถาม “ซิวหยง เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
องค์ชายสามยกมือขึ้นจับหน้าอก “ไม่เป็นอันใด…แค่…” เขาสูดลมหายใจอย่างแรง ก่อนจะส่งเสียงสงสัย “หน้าอกไม่เจ็บแล้ว”
คำพูดนี้ราวกับต้องการปลอบประโลมฮ่องเต้ แต่สีหน้าของฮ่องเต้ไม่มีความโศกเศร้า หากแต่ลังเล “ไม่เจ็บแล้วจริงหรือ”
องค์ชายสามพยักหน้า “ไม่เจ็บจริงพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ อย่าทรงเป็นกังวล”
ฮ่องเต้พึมพำ “ข้าไม่ได้กังวล ข้าแค่ไม่อยากเชื่อ”
ไม่เชื่ออันใด องค์ชายสามฉงน
หมอหลวงจางผู้เป็นหัวหน้าหมอหลวงเอ่ยขึ้น “ยินดีด้วยองค์ชายสาม ยินดีด้วยองค์ชายสาม พิษที่ค้างอยู่ในร่างกายขององค์ชายสามถูกขจัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสามราวกับฟังไม่เข้าใจ มองไปยังหมอหลวง “ดังนั้น?”
หมอหลวงจางผู้สุขุมยากที่จะปิดซ่อนความตื่นเต้นในดวงตา “ดังนั้นองค์ชายสาม ท่านทรงหายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”