บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 276 สงบสุข
องค์รัชทายาทคุกเข่าลงอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ที่ตำหนักใหญ่ก่อนหน้านี้แล้ว
สถานที่แห่งนี้เป็นห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้ เหล่าขุนนางก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ในตำหนักใหญ่ ตรวจสอบหลักฐานที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กนำมา ส่วนฮ่องเต้พาองค์รัชทายาทและแม่ทัพหน้ากากเหล็กมายังห้องทรงพระอักษร
“เสด็จพ่อ” องค์รัชทายาทพูดทั้งน้ำตา “เป็นความประมาทเลินเล่อของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ มันเป็นความผิดของกระหม่อม”
การยอมรับผิดในเวลานี้ทั้งเปิดเผยและจริงใจ ฮ่องเต้เหลือบมองเขาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ภายในสายตาฉายแววระอา
“เจ้าลุกขึ้นเถิด” เขาพูด “ข้ารู้ว่าการย้ายเมืองหลวงมิใช่เรื่องง่าย ย่อมต้องมีวิกฤตมากมาย เจ้าเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก”
องค์รัชทายาทคารวะฮ่องเต้และลุกขึ้น ก่อนจะคารวะแม่ทัพหน้ากากเหล็ก “โชคดีที่มีท่านแม่ทัพ”
สืบพบว่าคนร้ายในคดีหมู่บ้านซ่างเหอเป็นทหารของท่านอ๋องฉี เรื่องนี้ก็จบสิ้นแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องจนจบเรื่องเป็นเวลาเพียงสองวัน เด็ดขาดว่องไวไร้ภัยคุกคาม ฮ่องเต้มองแม่ทัพหน้ากากเหล็ก สีหน้าผ่อนคลายลง
“ขอบใจท่านแม่ทัพ” เขากล่าว
แม่ทัพหน้ากากเหล็กโน้มตัว “บรรเทาความกังวลเพื่อฝ่าบาทและต้าเซี่ย เป็นหน้าที่ของกระหม่อม”
“เพราะเหตุนี้ข้าจึงทิ้งเจ้าไว้ในซีจิงผู้เดียว ให้เจ้าบัญชาการเรื่องใหญ่อย่างการย้ายเมืองหลวง” ฮ่องเต้พูดต่อองค์รัชทายาทเสียงทุ้ม “เนื่องจากมีแม่ทัพหน้ากากเหล็กอยู่ คือการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด”
องค์รัชทายาทคำนับแม่ทัพหน้ากากเหล็กอีกครั้ง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กคำนับเขากลับ “องค์รัชทายาททำได้ดีมากแล้ว เพียงแต่ท่านอ๋องฉีเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก องค์รัชทายาทพ่ายแพ้ในมือของเขาครั้งหนึ่ง ไม่น่าอับอาย”
องค์รัชทายาทพยักหน้า มองแม่ทัพหน้ากากเหล็กด้วยความซาบซึ้งและเคารพ
ฮ่องเต้มองทั้งสองคน พยักหน้าด้วยความพอใจ
การประชุมดำเนินการจนถึงกลางดึก องค์ชายห้าที่รอคอยอยู่ในตำหนักขององค์รัชทายาทไม่ร้อนใจแม้แต่น้อย เขามองพระชายาที่มีสีหน้ากังวล รวมไปถึงเหยาฝูที่ยืนเหม่อลอยอยู่ด้านข้าง
“พวกท่านไม่ต้องกังวล ไม่เป็นอันใดแล้ว” เขาพูด “เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดขององค์รัชทายาทแม้แต่น้อย มันเป็นการใส่ร้ายองค์รัชทายาทของท่านอ๋องฉี”
มือที่กุมกันของพระชายาทั้งแค้นทั้งกังวล “ท่านอ๋องฉี ชายชราผู้นี้ช่างทำเรื่องร้ายกาจยิ่งนัก”
ส่วนสิ่งที่เหยาฝูคิดคือ ถึงแม้ถูกคนใส่ร้าย แต่ตอนที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้หยิบหลักฐานมาช่วยเหลือองค์รัชทายาทนั้น ฝ่าบาทต้องการลงโทษองค์รัชทายาทจริง เห็นได้ชัดว่าความโปรดปรานของฮ่องเต้ที่มีต่อองค์รัชทายาทไม่ได้มากมายนัก
ในขณะที่กำลังสนทนา องค์รัชทายาทเสด็จกลับมาพอดี พระชายาและองค์ชายห้ารีบลุกขึ้นต้อนรับ องค์รัชทายาทยิ้มให้พวกเขา
“เจ้าไม่ต้องกังวล นอนเสียเถิด” เขาพูดกับพระชายา ก่อนจะมองไปยังองค์ชายห้า “มู่หยงตามข้ามา”
องค์ชายห้าเดินตามองค์รัชทายาทมายังห้องทรงพระอักษร “ไม่เป็นอันใดแล้วใช่หรือไม่ เสด็จพ่อตรัสว่าอย่างไร”
“เสด็จพ่อ จะใช้กองกำลังกับท่านอ๋องฉี” องค์รัชทายาทพูดกับเขา
องค์ชายห้าปรบมือ “ควรทำเช่นนี้ เสด็จพ่อจิตใจเมตตาให้อภัยท่านอ๋องฉี แต่เขาบังอาจใส่ร้ายท่าน” ก่อนจะยิ้มให้องค์รัชทายาท “เห็นได้ชัดว่าเสด็จพ่อยังคงปกป้องท่าน”
มีเพียงใช้กองกำลังกับท่านอ๋องฉี จึงประกาศให้ทั่วทั้งแผ่นดินรับรู้ได้ คดีหมู่บ้านซ่างเหอเป็นแผนการของท่านอ๋องฉี ไม่เกี่ยวกับองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทจึงไม่ทิ้งร่องรอยด่างพร้อย
องค์รัชทายาทถอนหายใจแผ่วเบา “เพียงแค่ทำให้เสด็จพ่อต้องเหน็ดเหนื่อยอีกแล้ว” เขาเงียบลง “อีกทั้งข้ารู้สึกว่า…”
พูดถึงตรงนี้ก็หยุดลงอีกครั้ง
องค์ชายห้ารีบถาม “ท่านรู้สึกว่าอย่างไร”
องค์รัชทายาทพูด “ข้าคิดว่าเรื่องนี้มิใช่เป็นเพียงฝีมือของท่านอ๋องฉี ก่อนหน้านี้อาจจะใช่ แต่เวลานี้เหล่าเด็กกำพร้าร้องเรียนข้าอย่างกะทันหัน บางทีอาจมีผู้อื่นผลักดันอยู่เบื้องหลัง”
องค์ชายห้ารู้สึกฉงน แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก ความคิดขององค์รัชทายาทย่อมถูกต้อง เขาลุกขึ้นทันที “ท่านพี่ ท่านหมายถึงผู้ใด”
องค์รัชทายาทบอกให้เขาผ่อนคลาย “เจ้าอย่ากังวล ข้าเพียงคาดเดา เจ้าอย่าใส่ใจ รอหลังจากสอบสวนหลักฐานสิ้นสุดลง ย่อมมีข้อสรุป”
องค์ชายห้าพูด “สัญชาตญาณแม่นยำเสมอ อย่าว่าแต่องค์รัชทายาทรู้สึก ข้าก็รู้สึกว่ามีคนอีกมากที่ต้องการทำร้ายท่าน ไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น เพียงแค่พี่น้องของพวกเรา แต่ละคนล้วนมีเจตนาชั่วร้าย”
องค์รัชทายาทห้ามเขา “อย่าได้พูดเหลวไหล มิอาจไม่เคารพพี่น้องคนอื่น” ก่อนจะพูด “เรื่องในครานี้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคารพข้า ก็เพราะพี่ใหญ่อย่างข้าทำผิดพลาด”
องค์ชายห้ายิ่งโกรธ “ท่านพี่ ท่านนิสัยดี ทำให้พวกเขาแต่ละคนกล้าปีนหัวท่าน ก่อนหน้านี้มีองค์ชายสาม เวลานี้พี่สองก็เป็นเช่นนี้”
องค์รัชทายาทกุมหน้าผาก “เอาเถิด เจ้าดูแลตัวเจ้าเอง อย่าสร้างปัญหาให้ข้าก็พอแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าอ่อนล้าขององค์รัชทายาท องค์ชายห้ารีบหยุดพูดทันที องค์รัชทายาทเหน็ดเหนื่อยเพียงนี้แล้ว ไม่อาจให้เขากังวลใจได้อีก เขาควรช่วยองค์รัชทายาทคลายความกังวลลง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เป็นน้องชายควรทำ
“ข้ารู้แล้ว” องค์ชายห้าพยักหน้า “เสด็จพี่ ท่านพักผ่อนเถิด”
องค์รัชทายาทตอบรับ แต่ไม่ได้ไปพักผ่อน หากแต่นั่งลง “ยังมีงานที่ยังไม่ได้จัดการ ไม่อาจเป็นเพราะความล่าช้าของข้าทำให้งานชะลอ หลังจากเสร็จงาน ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว”
ลำบาก เหน็ดเหนื่อย กังวล เกรงกลัว ถูกตำหนิล้วนเป็นองค์รัชทายาท องค์ชายห้ามององค์รัชทายาทด้วยความสงสาร ไม่กล้ารบกวนก่อนจะถอยออกไป
องค์รัชทายาทนั่งอ่านฎีกา ไม่นานนักฝูชิงก็ถือมื้อดึกเข้ามา
“องค์รัชทายาท” เขายืนถามเสียงต่ำอยู่ด้านข้าง “ครานี้สุ่มเสี่ยงเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทหยุดปลายพู่กันลง “สุ่มเสี่ยงเสียจริง” เขามองฎีกาตรงหน้า พู่กันที่ถืออยู่ในมือถูกหักทิ้งเสียงดัง “เรื่องของหมู่บ้านซ่างเหอไม่ได้จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ เหตุใดจึงมีเรื่องนี้อีก”
ฝูชิงก้มหน้า “กระหม่อมถามมาแล้ว พวกเขาบอกว่าตอนนั้นโกลาหลอย่างมาก ไม่คิดว่าหวังเซี่ยนลิ่งจะบังอาจทรยศองค์รัชทายาท”
องค์รัชทายาทถือพู่กันด้ามหัก เส้นเลือดในมือปูดโปนขึ้น
“เสด็จพ่อถามข้าด้วยความบีบบังคับ ถามข้าว่าหากโจรร้ายจับชาวบ้านเป็นตัวประกัน ข้าจะเลือกอย่างไร เขากัดฟันพูด “ข้าจะเลือกอย่างไรได้ ข้าจะปล่อยโจรร้ายที่ทำลายคุณงามความดีของข้าเพื่อชาวบ้านที่ไร้ประโยชน์ได้อย่างไร หากเป็นเสด็จพ่อเอง เขาจะมีทางเลือกอื่นหรือ”
เสด็จพ่อของเขาแสร้งทำเป็นจักรพรรดิผู้มีเมตตาอันใดกัน! คนที่ตายในมือของเขามีน้อยหรือ เสด็จอาทั้งสอง ทั้งท่านอ๋องเยี่ยน ท่านอ๋องหลู รวมถึงภริยาและบุตรหลานของคนเหล่านั้น…
เวลานี้แผ่นดินสงบสุขแล้ว จึงเริ่มเสแสร้งแล้ว!
ฝูชิงก้มหน้าต่ำ ความจริงแล้ว เวลานั้นโจรร้ายยังไม่ทันได้จับตัวประกัน องค์รัชทายาทก็ออกคำสั่งให้ลงมือแล้ว ยอมที่จะสังหารผิดแต่ไม่ยอมปล่อยไปแม้แต่คนเดียว
เรื่องนี้เป็นไปอย่างลับๆ จัดการได้อย่างสะอาด ผู้ใดจะคิดว่าโจรร้ายเหล่านี้เป็นคนของท่านอ๋องฉี ยิ่งไม่คิดว่าการกระทำของท่านอ๋องฉีนี้จะมีผลร้ายแรงมาถึงบัดนี้!
“โชคดีที่เป็นคนของท่านอ๋องฉี” ฝูชิงอดพูดไม่ได้ “ยิ่งโชคดีที่มีแม่ทัพหน้ากากเหล็กสืบเรื่องเหล่านี้”
มิฉะนั้นเรื่องนี้คงไม่อาจจบลงได้
เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทเข้าใจ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก พิงอยู่บนพนักเก้าอี้ “โชคดีที่มีแม่ทัพหน้ากากเหล็ก มิน่าเสด็จพ่อมักตรัสกับข้า มีแม่ทัพหน้ากากเหล็กอยู่ ข้าย่อมวางใจได้”
…
เช้าตรู่วันต่อมา เฉินตันจูรู้ความคืบหน้าของเรื่องนี้แต่เช้า…หลังจากป้อนข้าวโจวเสวียนไปหนึ่งชาม
เฉินตันจูถือชามและตะเกียบด้วยความผงะ
“หากพูดเช่นนี้” นางพูด “ครานี้องค์รัชทายาทไม่เป็นอันใดแล้ว”
โจวเสวียนเหลือบมองนาง พลางถาม “เฉินตันจู ราวกับท่านคาดหวังให้องค์รัชทายาทมีเรื่อง?”
เฉินตันจูดึงสติกลับมา ถลึงตา “ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น”
โจวเสวียนยิ้ม ไม่ถามอะไรอีก เขายันตัวลุกขึ้น เฉินตันจูเอ่ยถามด้วยความระแวง “ท่านจะทำอันใด หากท่านต้องการทำเรื่องส่วนตัว ข้าไม่ดูแล”
โจวเสวียนหัวเราะออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะล้มลงไป “คุณหนูตันจู ท่านคิดอันใดอยู่!”
เฉินตันจูกระแอมเบาๆ
“ข้าจะกลับวัง ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ข้าจะเป็นคนนำทัพ” โจวเสวียนกล่าว
“ถึงแม้ท่านบอกว่าท่านจะไป ข้าดีใจอย่างมาก” เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่สภาพท่านเช่นนี้จะนำทัพอย่างไร”
โจวเสวียนพูด “ใช้กองกำลังต่อท่านอ๋องฉี ไม่ว่าข้าจะเป็นอย่างไร ข้าก็จะไป”
เฉินตันจูส่งเสียงตอบรับ ใช่ องค์รัชทายาทไม่เป็นอันใด แต่ท่านอ๋องฉีเป็น
ครานี้ ท่านอ๋องฉีเกิดเรื่องเร็วเช่นนี้แล้วหรือ เช่นนั้น…
เฉินตันจูถือชามและตะเกียบ มองไปยังทิศทางของพระราชวัง องค์ชายสามเขาจะขอร้องแทนท่านอ๋องฉีรวดเพียงนี้หรือ