บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 252 คับคั่ง
แตกต่างจากมือของหญิงสาว มือที่กุมนางเอาไว้…หรืออาจเป็นนางที่กุมมือของเขา…มือใหญ่มีความละเอียดแต่ก็มีแรงในเวลาเดียวกัน
ความรู้สึกแตกต่างจากการกุมมือหญิงสาว
ราวกับมีมดหนึ่งหมื่นตัวอยู่ในใจ ทำให้หัวของเฉินตันจูขาวโพลน มึนงง แยกทิศทางไม่ออก ฝีเท้าดุจดั่งเหยียบย่ำอยู่บนก้อนเมฆ ไม่รู้ว่าตนเองกำลังเดินไปด้านหน้า หรือถูกคนผลัก
ไม่รู้ว่าทางด้านหน้ายังอีกยาวไกลเพียงใด ต้องกุมมือกันเช่นนี้ตลอดหรือไม่ หากเดินออกไปถูกคนเห็นเข้าจะทำอย่างไร
ภายในสมองที่มึนงงเต็มไปด้วยความคิดมากมาย…
แต่ไม่ต้องให้นางกังวลมาก ตอนที่ใกล้ถึงหน้าประตู ไม่รู้บริเวณใดมีคนสะดุดล้มลง ชนเข้าท่ามกลางหมู่คนพร้อมเสียงร้อง หมู่คนเคลื่อนไหวหลบหลีก ทางด้านองค์ชายสามหลบหลีกไม่ทัน เฉินตันจูถูกแรงผลักไปด้านหน้า มือที่กุมกันไว้ถูกปล่อยออก คนเซไปด้านหน้าหลายก้าว
“เป็นอันใดหรือไม่” องค์หญิงจินเหยาถาม
หลิวเวยที่อยู่ด้านข้างรีบพยุงนาง
เฉินตันจูส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นอันใด รีบหันกลับไปมอง องค์ชายสามยืนอยู่ด้านหลังนาง สายตาเป็นห่วง
ทางนั้นมีเสียงด่าขององค์ชายห้าดังขึ้น “ฉู่เส้าอัน เจ้าไม่มีตาหรือ”
องค์รัชทายาทท่านอ๋องฉีร้องขึ้น “ไม่ใช่ข้า ข้าก็ถูก…”
โจวเสวียนห้ามอยู่ด้านหลัง “หยุดเถียงกันได้แล้ว เดินช้าหน่อย พวกเจ้ารีบร้อนอันใด! ดูองค์ชายสาม เดินมั่นคงเพียงใด!”
อันที่จริงคนภายในห้องไม่ได้มากมายนัก เพียงแค่เวลานี้ คนเดินออกไปแล้วจำนวนมาก เหลือพวกเขาเพียงเจ็ดแปดคน
เมื่อได้ยินชื่อขององค์ชายสาม บอกว่าเขาเดินอย่างมั่นคง เฉินตันจูมองโจวเสวียนด้วยความระแวง ก่อนจะเห็นโจวเสวียนมองนางด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางราวกับต้องการบอกว่าข้าเห็นหมดแล้ว
เห็นก็เห็นสิ! เฉินตันจูถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปพูดกับองค์ชายสาม “พวกเรารีบไปกันเถิด”
องค์ชายสามพยักหน้าตอบนาง
เฉินตันจูก้าวเท้าเดินด้วยความใจโหวง ครานี้นางนำมือมาประสานไว้ด้านหน้าของตนเอง
ออกจากห้องโถงไป พระสนมเสียนพาเหล่าหญิงสาวไปดูการแสดงยิงธนู เล่นโหนชิงชา ส่วนสนามอีกด้านสามารถขี่ม้า ยิงธนู อีกทั้งยังมีการชนไก่ ชนมุม แน่นอน ผู้ที่ชื่นชอบความเงียบ สามารถเดินเล่นในสวนชื่นชมทิวทัศน์ของจวนโหวได้
หมู่คนกระจายตัวออกไป องค์หญิงจินเหยาจะพาเฉินตันจูไปดูชนมุม
“ทางนั้นวุ่นวาย” เฉินตันจูพูด “พวกเราขึ้นเวทีไม่ได้ ไม่สนุก”
องค์ชายสามไม่ชอบชนมุม
องค์หญิงจินเหยาส่งเสียง “ข้าลืมไป ข้าควรถามพี่สามก่อน” พูดพลางหันไปถามองค์ชายสาม “พี่สามอยากดูสิ่งใด”
องค์ชายสามไม่ลังเล เงยหน้ามองที่สูงด้านหน้า “ข้าอยากไปดูโหนชิงช้า เชือกสองเส้นกับแผ่นไม้ คนก็สามารถลอยขึ้นเหมือนนกน้อย น่าสนุก”
องค์ชายอื่นสามารถไปเที่ยวเล่นได้ แต่องค์ชายสามที่ได้ถูกวางยาร่างกายอ่อนแอออกจากพระราชวังน้อยครั้ง เขามีฐานะที่สูงส่ง มีชีวิตที่มั่งคั่ง แต่ก็เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรง
องค์หญิงจินเหยายังไม่พูดสิ่งใด เฉินตันจูรีบพยักหน้า “ได้ พวกเราไปดูโหนชิงช้ากันเถิด”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะ “ได้ ฟังพี่สาม พวกเราไปเล่นโหนชิงช้า!” พูดพลางเดินไปด้านหน้า กวักมือเรียกหลิวเวย “เวยเวย เจ้าเข้ามา ข้ามีเรื่องพูดกับเจ้า”
หลิวเวยตอบรับก่อนจะเดินตามองค์หญิงจินเหยาไป ด้านหลังเหลือเพียงเฉินตันจูและองค์ชายสาม
สีหน้าของเฉินตันจูแดงระเรื่อ เห็นองค์หญิงจินเหยาพูดคุยกับหลิวเวย อีกทั้งยังหันกลับมาขยิบตาให้นาง
องค์หญิงจินเหยาจงใจให้นางเดินร่วมกับองค์ชายสาม
เฉินตันจูไม่โง่ อีกทั้งไม่ใช่เด็กที่ไร้เดียงสา ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไร แต่นางไม่ใช่คนที่โลเล ในเมื่อชอบ นางย่อมไม่หลีกเลี่ยง
“องค์ชาย” นางหันไปถาม “พวกเราโหนชิงช้าด้วยหรือไม่”
องค์ชายสามเดินไปพร้อมกับนาง พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าว่าอย่าดีกว่า ไม่เคยเล่นมาก่อน อย่าได้อับอายต่อหน้าผู้คนเลย”
ก็จริง วันนี้มีแขกมากมาย เฉินตันจูยิ้มตาหยี “รอพวกเราเล่นกันเองในภายหลัง เมื่อถึงเวลา องค์ชายลองเล่นดู”
องค์ชายสามตอบรับ เอ่ยถาม “เจ้าเล่นเป็นใช่หรือไม่”
เฉินตันจูได้ใจเล็กน้อย “หม่อมฉันเล่นเป็นทุกอย่าง องค์ชาย ประเดี๋ยวหม่อมฉันเล่นให้ท่านดู”
องค์ชายสามพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพินิจชุดของนาง “ตอนเล่นมัดแขนเสื้อให้ดี ถึงแม้เวลานี้จะอากาศดีมากแล้ว แต่ลมยังคงหนาวเย็น ตอนโหนขึ้นมาคงหนาวมาก”
เฉินตันจูพูด “หม่อมฉันไม่กลัว” ก่อนจะพยักหน้า “ได้ หม่อมฉันจำไว้แล้ว”
องค์ชายสามนึกบางอย่างได้ ยื่นมือออกมา เฉินตันจูเห็นมือข้างนี้ นึกถึงมือที่ตนเองกุมไว้ก่อนหน้านี้ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที นางอดมองซ้ายมองขวา มองด้านหน้าไม่ได้ ถึงแม้องค์หญิงจินเหยาและหลิวเวยกำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน ด้านหลังนางในและขันทีเดินก้มหน้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ราวกับไร้คนสังเกตพวกนาง แต่ หากจับมืออย่างกระจ่างแจ้งเช่นนี้ คงไม่ดีกระมัง…
แต่องค์ชายสามยื่นมือออกมาแล้ว หากนางไม่รับ จะทำให้เขาคิดว่านางรังเกียจหรือไม่
“ระยะนี้ข้าไม่ว่าง ไม่อาจพบเจ้าได้บ่อย” องค์ชายสามพูด “เจ้าจับชีพจรให้ข้า ดูว่าเป็นอันใดหรือไม่”
เฉินตันจูส่งเสียง “จับชีพจรหรือ”
องค์ชายสามมองใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาว กลั้นหัวเราะ “มิฉะนั้น?”
มิฉะนั้นย่อมเป็น…เขากำลังหยอกนางหรือ เฉินตันจูถลึงตาใส่เขา เลิกแขนเสื้อขึ้น หยุดยืนขึ้น มือข้างหนึ่งประคองข้อมือขององค์ชายสาม อีกข้างจับชีพจร ตั้งใจตรวจอาการ
เมื่อพวกเขาหยุดลง สายตาคนด้านหน้าและด้านหลังต่างจ้องมอง พวกเขาต่างหยุดลงทันที เมื่อเห็นว่ากำลังจับชีพจร องค์หญิงจินเหยายิ้มให้หลิวเวย
หลิวเวยไม่สนใจยิ้มประหลาดขององค์หญิงจินเหยา พูดอย่างจริงจัง “วิชาการแพทย์ของตันจูเก่งมากเพคะ อาการไอของพี่ชายของหม่อมฉันถูกนางรักษาให้หายจริงๆ”
องค์หญิงจินเหยานึกขึ้นได้ ยังมีจางเหยาอีก นางรีบถาม “ระยะนี้พี่ชายเจ้ามีไปมาหาสู่กับคุณหนูตันจูหรือไม่”
“คงจะมีกระมัง” หลิวเวยพูด “ท่านพี่เขียนจดหมายกลับมาสองครั้ง คงจะเขียนให้คุณหนูตันจูด้วย เพราะหากไม่มีการช่วยเหลือจากคุณหนูตันจู ท่านพี่คงไม่มีวันแสดงความสามารถในวันนี้ได้”
องค์หญิงจินเหยาตอบรับ ก่อนจะมองไปทางนี้ เฉินตันจูจับชีพจรเสร็จแล้ว ไม่รู้องค์ชายสามพูดสิ่งใด เฉินตันจูสะบัดมือของเขาทิ้งทันที ก่อนจะเดินมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
“ไปเถิด ไปเถิด” เฉินตันจูพูดกับพวกนาง
องค์หญิงจินเหยามองข้ามนางไปด้านหลัง เห็นองค์ชายสามยืนยิ้มอ่อนอยู่ เขายกมือขึ้นปิดปากกระแอมไอเบาๆ
“พวกเจ้าพูดสิ่งใดกัน” องค์หญิงจินเหยาถามด้วยความสงสัย
เฉินตันจูพูด “ไม่มีอันใดเพคะ”
องค์หญิงจินเหยามองใบหน้าแดงก่ำของนาง ยื่นมือไปบีบ “โกหก…”
เฉินตันจูจับมือของนางอย่างว่องไว เดินจูงไปด้านหน้า “ไม่มีอันใด รีบไปกันเถิด มิฉะนั้นคนโหนชิงช้าจะมากขึ้น”
องค์หญิงจินเหยาถูกนางลากจนต้องวิ่งไปด้านหน้า พลางหัวเราะ “คนมากแล้วอย่างไร หากเจ้าอยากเล่น ทุกคนต้องหลบทางทันที”
หญิงสาวทั้งสองวิ่งไปด้านหน้าด้วยเสียงหัวเราะ หลิวเวยเดินอมยิ้มตามอยู่ด้านหลัง
เฉินตันจูอดหันกลับไปมองไม่ได้ เห็นองค์ชายสามเดินตามมาอย่างช้าๆ
องค์ชายสามที่อ่อนโยนพูดหยอกล้อคนเป็นด้วย ก่อนหน้านี้หลังจากจับชีพจรเสร็จ เขาไม่ได้ชักมือกลับไป หากแต่ถามด้วยรอยยิ้มว่าต้องการจับมือต่อหรือไม่
นางไม่ต้องการเสียหน่อย! ก่อนหน้านี้เป็นอุบัติเหตุ!
เฉินตันจูเบนสายตากลับมา เดินทางมาถึงด้านหน้าชิงช้าพร้อมองค์หญิงจินเหยา ทางนี้มีคนจำนวนมาก ชิงช้าสูงต่ำสองตัวล้วนมีคนโหนอยู่ ส่งเสียงหัวเราะและมีเสียงให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นเฉินตันจูและองค์หญิงจินเหยามา ไม่ต้องให้พวกนางเปิดปาก คนด้านหน้าชิงช้าต่างหลีกทาง เหล่าคุณหนูบนชิงช้าต่างหยุดลง
“องค์หญิง คุณหนูตันจู” หญิงสาวชนชั้นสูงคนหนึ่งถามขึ้น “พวกท่านจะเล่นหรือ”
องค์หญิงจินเหยาพยักหน้าให้นางด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเล่นก่อนครั้งหนึ่ง”
หญิงสาวชนชั้นสูงนั้นดีใจอย่างมาก เพราะว่าองค์หญิงยิ้มให้นาง รีบพูด “พวกเราดีใจอย่างมากที่ได้เห็นองค์หญิงและคุณหนูตันจูโหนชิงช้า”
องค์หญิงจินเหยาถามเฉินตันจู “สูง หรือ เตี้ย เจ้าเลือกก่อน”
เฉินตันจูเดินไปยังชิงช้าสูง “ย่อมต้องเป็นสูง”
ยืนอยู่สูง มองเห็นได้ไกล
นางยืนอยู่บนชิงช้า สาวรับใช้ผลักอยู่ด้านหลัง เริ่มจากโหนขึ้นอย่างเชื่องช้า จากนั้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชุดกระโปรงพริ้วไหวตามการโหน รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง…ไม่ว่าจะเป็นความจริงใจหรือความหลอกลวง เฉินตันจูไม่สนใจ นางยืนอยู่บนชิงช้าที่แกว่งไปมา ตอนที่ถึงจุดสูงสุด นางสามารถมองเห็นองค์ชายสามที่อยู่ท่ามกลางหมู่คนกำลังเงยหน้ามองนาง
เมื่อแกว่งเข้ามา เขาโบกมือให้นาง พลางยิ้ม
แกว่งเข้ามาอีกที เขาขมวดคิ้วให้นาง ชี้ไปที่แขนเสื้อ กำลังตำหนินางที่ไม่ได้มัดแขนเสื้ออย่างเชื่อฟัง
หากมัดแขนเสื้อ โหนชิงช้าก็จะไม่งามแล้ว
เฉินตันจูเม้มปากยิ้ม สองขาออกแรง แกว่งชิงช้าให้สูงขึ้น ทำให้คนรอบด้านส่งเสียงด้วยความตกใจ
แต่ครานี้เมื่อแกว่งมา นางไม่เห็นองค์ชายสาม คนที่ยืนอยู่ที่ตำแหน่งขององค์ชายสามกลายเป็นโจวเสวียน
โจวเสวียนกอดอก เลิกคิ้วมองนาง
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง