บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 243 ก่นด่าท่ามกลางภูเขา
ถนนบริเวณเชิงเขาภูเขาดอกท้อแทบจะคับคั่งอีกครั้ง
คนที่เดินทางผ่านไปมาได้ยินแขกในโรงน้ำชาพูดถึงพันหยง…บัณฑิตผู้มีชื่อเสียงที่ถูกฮ่องเต้ชื่นชมเดินทางไปพบเฉินตันจู ไปพบ ไม่ใช่การถูกจับ แขกสิบเจ็บสิบแปดคนในโรงน้ำชาเป็นพยาน พวกเขาเห็นกับตาของตนเองว่าพันหยงเป็นคนที่นั่งรถมา และเดินขึ้นเขาไปด้วยตนเอง
พันหยงพบเฉินตันจูเพื่อสิ่งใด โดยเฉพาะผู้คนที่ผ่านไปมายังมีบัณฑิตอยู่จำนวนมาก พวกเขาต่างชะงักความเร่งรีบในการเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อเข้าร่วมการสอบ รอคอยอยู่ตรงนั้น
ในเมื่อรอคอยอยู่บริเวณนี้ ย่อมไม่อาจไม่กินหรือดื่มเสียหน่อย ในโรงน้ำชาไม่มีที่นั่งไม่เป็นอันใด ยืนกินยืนดื่มย่อมได้ หญิงชราขายชาและอาฮวายุ่งจนขาไม่ติดดิน หญิงชราขายชาเริ่มครุ่นคิดการจ้างคนเพิ่ม
ทุกคนไม่ได้รอคอยเป็นเวลานานนัก พวกเขาเห็นบัณฑิตผู้หนึ่งวิ่งลงจากเขามาอย่างโกรธเคืองในไม่ช้า ชุดเก่าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำโคลน ราวกับหกล้มมาก่อนหน้านี้
“ไร้เหตุผล!” เขาหันกลับไปด่าด้วยความโมโห “เฉินตันจู เหตุใดเจ้าช่างไร้เหตุผล”
ทะเลาะกัน? ตีกัน? มาเพื่อด่าเฉินตันจูหรือ คนที่มุงดูต่างหลั่งไหลเข้ามา จากนั้นพวกเขาเห็นสาวรับใช้คนหนึ่งวิ่งตามลงมา ในมือถือภาพวาดภาพหนึ่ง
“พันหยง! เจ้าช่างไม่รู้ดีชั่ว เจ้าบังอาจคิดล่วงเกินกับคุณหนูของข้า!” อาเถียนด่าด้วยเสียงแหลม “ถือภาพวาดไร้ราคาเพื่อมาประจบ เจ้าไม่ลองไปสืบดู หากต้องการมาพบคุณหนูของข้า ไม่มอบเงินทองสมบัติ ย่อมต้องเป็นผู้ที่มีรูปลักษณ์งดงาม เจ้ามีสิ่งใด เพียงแค่เป็นบัณฑิตที่ได้รับแต่งตั้งจากฮ่องเต้ เจ้าไม่ลองคิดดู หากไม่ใช่คุณหนูของข้า เจ้าจะได้สิ่งนี้หรือไม่ เวลานี้เจ้าคงยังเป่าลมหนาวอยู่ในเรือนผุพังนอกเมืองอยู่! เวลานี้กลับมาโอ้อวดอย่างได้ใจ…”
พันหยงไม่ได้ถูกหญิงสาวด่าเป็นครั้งแรก แต่ไม่คิดว่าเวลานี้เขายังคงถูกด่า โดยเฉพาะด่าได้บาดหูเพียงนี้ เขาโกรธจนใบหน้ายาวยิ่งยาวมากขึ้น บัณฑิตอย่างเขาไม่อาจด่าสิ่งใดออกมาได้ ทำได้เพียงตะโกนกลับไปด้วยความโกรธว่า “ไร้เหตุผล!”
“ไร้เหตุผลอันใดกัน!” อาเถียนตะโกน ก่อนจะตะโกนต่อ “จู๋หลิน ตีเขา!”
ผู้คนที่มุงดูอยู่รีบมองไปทางด้านหลัง ก่อนที่จะเห็นด้านหลังของสาวรับใช้นั้น ท่ามกลางป่าไม้ ราวกับมีเงาขององครักษ์ชุดสีครามยืนอยู่…
จู๋หลินก้าวเท้าเข้ามาอย่างไม่รีบร้อนพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง หนึ่งก้าว สองก้าว เมื่อรอเข้าเดินเข้าใกล้ พันหยงก็วิ่งลงไปถึงเชิงเขาเรียบร้อยแล้ว
“ไป!” เขาพูดกับคนเคลื่อนรถด้วยความโกรธ
คนเคลื่อนรถอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะพันหยงมีชื่อเสียงที่ได้รับจากฮ่องเต้ค้ำอยู่ ในตอนที่สาวรับใช้ก่นด่าเป็นคำแรก เขาคงทิ้งบัณฑิตผู้นี้เคลื่อนรถหนีไปก่อนแล้ว
รถม้าจากไปอย่างขลุกขลัก อาเถียนวิ่งตามมา โยนภาพในมือออกไป “เอาภาพของเจ้าไปด้วย!”
ภาพวาดหล่นลงบนพื้น กางออก กลุ่มคนที่มุงดูอดที่จะเดินขึ้นหน้าไม่ได้ พวกเขาต่างเห็นภาพของหญิงงาม เพียงแค่แวบแรกก็สามารถสัมผัสได้ถึงความงดงาม คนจำนวนมากมองเพียงครั้งเดียวก็จำได้แล้ว หญิงงามในภาพคือเฉินตันจู
พันหยง วาดภาพให้เฉินตันจู?
ก่อนจะทบทวนคำพูดของสาวรับใช้ พันหยงมาเพื่อเกี้ยวพาราสีเฉินตันจู?
บริเวณรอบด้านเงียบสงัด ราวกับไม่มีผู้ใดกล้าเปิดปาก
หญิงชราขายชาถามขึ้นเสียงดัง “อาเถียน เกิดอันใดขึ้น บัณฑิตผู้นี้มามอบของขวัญหรือ”
อาเถียนส่งเสียงไม่พอใจ “ใช่ เขาบอกว่าเพราะมีคุณหนู เขาจึงมีวันนี้ ถือว่ารู้บุณคุณคน แต่ช่างไม่รู้สูงต่ำ นำภาพวาดมาเพียงแค่หนึ่งภาพ อีกทั้งเขายังเป็นคนวาดเอง นอกจากนี้ยังพูดจาเหลวไหล”
พันหยง! กระทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้? บริเวณรอบด้านยังคงเงียบสงัด
หญิงชราขายชาส่ายหัว “บัณฑิตเหล่านี้ก็เป็นเช่นนี้ หยิ่งยโส ไร้ขอบเขต ไม่รู้จักดูสีหน้าผู้อื่น คิดว่าตนเองแสดงเจตนา เหล่าหญิงสาวควรจะชอบพวกเขาทั้งหมด”
เหล่าบัณฑิตบริเวณรอบด้านถลึงตาใส่หญิงชราขายชาด้วยความขุ่นเคือง
อาเถียนปรบมือ มองไปยังเหล่าบัณฑิต เรียกขาน “พวกเจ้ารู้ใช่หรือไม่ เพราะว่าคุณหนูของพวกข้า พวกเจ้าถึงมีวันนี้ ต้องขอบคุณคุณหนูของพวกข้า ไม่มีเงินก็แล้วไป แต่พูดสิ่งดีๆ ของคุณหนูพวกข้าให้มากๆ ประกาศคุณงามความดีของคุณหนูของพวกข้า รอพวกเจ้าเป็นขุนนางมีอำนาจ จำไว้ว่าคุณหนูของพวกข้าเป็นผู้มีพระคุณของพวกเจ้า”
บริเวณรอบด้านเงียบสงัด
หญิงชราขายชากระแอมไอเสียงเบา “แม่หญิงอาเถียนรีบกลับไปเถิด”
อาเถียนอดทนจนถึงเวลานี้ มือที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อแทบจะจิกจนเลือดไหลแล้ว นางส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะเดินขึ้นเขาไป
เมื่อร่างของนางหายลับไป บริเวณเชิงเขาคึกคักขึ้นมาดุจดั่งน้ำเดือดในหม้อที่ถูกเปิดฝาออก
“พันหยงมาเพื่อเกาะเกี่ยวนาง?”
“เกาะเกี่ยวช่างไม่ไพเราะ คุณชายพันคงมาเพื่อขอบคุณนาง เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นจากเฉินตันจูจริง คุณชายพันย่อมไม่ลืมบุณคุณ…”
“ฟังดูแล้วพันหยงนอกจากไม่ลืมบุณคุณ ยังคิดจะตอบแทนด้วยร่างกาย ฮ่าๆๆ ไม่ดูรูปลักษณ์ของตนเองแม้แต่น้อย มิน่าถึงถูกไล่ออกมา”
“เฉินตันจูนี้ ถึงแม้พันหยงต้องการตอบแทนด้วยร่างกาย แต่ก็ถือว่าเป็นเจตนาดี เหตุใดนางต้องเหยียดหยามเพียงนี้”
“ยังคิดให้พวกข้าซาบซึ้ง เรื่องนี้พวกข้าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาท ซาบซึ้งต่อองค์ชายสาม ซาบซึ้งต่อท่านโหวโจว ซาบซึ้งท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็ก แต่ย่อมไม่จำเป็นต้องซาบซึ้งนาง!”
การถกเถียงคึกคักอย่างมาก แต่พวกเขาต่างกระจายตัวไปอย่างรวดเร็วเมื่อมีทหารกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึง ที่แท้หลี่จวิ้นโส่วจัดเตรียมคนเฝ้าดูทางนี้เอาไว้โดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องของคุณชายหนิวอีก เมื่อทหารได้ยินว่าทางบริเวณนี้คับคั่งอีกแล้ว จึงรีบเดินทางมาจับคน…
แต่ไม่คิดว่าไม่มีคนที่ก่อเรื่อง คุณหนูเฉินตันจูไม่มีคำสั่งให้จับผู้ใด ฟังเสียงโหวกเหวกรอบด้านด้วยความฉงน ก่อนจะสลายผู้คนเหล่านี้ให้จากไปอย่างขุ่นเคือง
รถของพันหยงเดินทางเข้าประตูเมืองแล้ว หลังจากเข้าประตูเมือง ใจของคนเคลื่อนรถสงบลงเล็กน้อย รถก็มั่นคงขึ้น จิตใจของพันหยงภายในรถก็เงียบสงบลง
ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะยังคงขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่สิ่งที่เพิ่มมากขึ้นคือความสงสัย เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาดูไม่ผิด ตอนที่คุณหนูตันจูกางภาพออก ภายในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแวววาว มุมปากล้วนแสดงออกถึงความดีใจอย่างปิดไม่อยู่ นางดูอย่างตั้งใจเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ชื่นชอบอย่างมาก แต่เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมา
“เจ้าศึกษามาเป็นเวลานานเช่นนี้ มารับใช้ข้า ไม่ใช่เป็นการสิ้นเปลืองหรือ”
ข้างหูของเขายังคงวนเวียนด้วยเสียงของหญิงสาว
ตอนนั้นเขารู้สึกว่าประโยคนี้เป็นการสอบถาม ถามกลับ หรือซักถาม เวลานี้รู้สึกว่าบางทีอาจเป็นแค่คำเปรย
มือที่วางอยู่บนเข่าของพันหยงกำแน่น ดังนั้นคุณหนูตันจูไม่ต้องการให้เขารับใช้ ไม่ให้เขามีความเกี่ยวข้องกับนาง ไม่เสียดายที่จะขับไล่เขาอย่างโหดร้าย ทำลายชื่อเสียงของตนเอง…
“อาซาน!” เขาเปิดม่านขึ้นอย่างกะทันหัน “กลับไป…”
คนเคลื่อนรถอาซานยังคงอกสั่นขวัญแขวน เมื่อถูกเรียกขานจึงผงะเล็กน้อย “อา คุณชาย กลับไป ไปที่ใดขอรับ”
ไปหาคุณหนูตันจู…พันหยงพูดในใจ แต่ไม่ได้พูดคำนั้นออกมา เวลานี้หากกลับไปหานางอีก พูดสิ่งใดล้วนไม่มีประโยชน์อีกแล้ว เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เขาจะแก้ต่างให้คุณหนูตันจูอย่างไร ก็ไม่มีผู้ใดเชื่อแล้ว
พันหยงถอนหายใจเสียงเบา มองไปยังนอกเมือง เวลานี้ฐานะของเขาพูดสิ่งใดไม่ได้มาก เขาอาศัยแรงยืนอยู่บนปลายคลื่น ดูเหมือนมีเกียรติ แต่ความจริงเป็นแค่สิ่งหลอกลวง เขาสามารถทำสิ่งใดให้นางได้ มีเพียงจะดึงให้นางเสื่อมเสียมากขึ้น
เวลานี้เขาไม่เห็นสิ่งใดในสายตา ทั้งที่เพิ่งเข้าสู่สนามแห่งชื่อเสียงและอำนาจ ช่างน่าเสียดายที่ศึกษามานับปีเสียจริง
“ไปเรือนเก่านอกเมืองของข้าเถิด” พันหยงพูดกับคนเคลื่อนรถ “กั๋วจื่อเจี้ยนคนมากเกินไป ข้าไม่อาจตั้งใจอ่านตำราได้”
คนเคลื่อนรถคิดในใจ ยังต้องอ่านตำราอันใดอีก จะเป็นขุนนางอยู่แล้ว แต่ในเมื่อคุณชายกำลังจะเป็นขุนนาง ทุกสิ่งย่อมต้องฟังเขา ดังนั้นเขาจึงหันหัวรถม้ากลับไปยังนอกเมืองอีกครั้ง
อาเถียนวิ่งกลับไปในอารามอย่างรวดเร็ว ปิดประตูอาราม พิงประตูหอบหายใจระรัว ชุ่ยเอ๋อมองนางอย่างเห็นใจ “พี่อาเถียนด่าคนเช่นนี้เป็นครั้งแรก กลัวแย่แล้ว”
อาเถียนพึมพำ “ข้าไม่ได้ท่องผิดใช่หรือไม่ สิ่งที่คุณหนูสอนข้า ข้าพูดหมดแล้วใช่หรือไม่”
เยี่ยนเอ๋อพยักหน้า “พี่อาเถียนพูดได้เก่งกว่าที่คุณหนูสอนเสียอีก”
เฮ้อ คำพูดชื่นชมนี้ ฟังดูแล้วไม่ได้ทำให้คนดีใจมากนัก อาเถียนถอนหายใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังลานด้านหลัง เฉินตันจูยังคงถลกแขนเสื้อขึ้นหั่นยาเสียงดัง
ปลายฤดูหนาว ต้นฤดูใบไม้ผลิ ท่ามกลางฟ้าดินเต็มไปด้วยความอึมครึม ใบหน้าของหญิงสาวสงบและอ่อนโยน กลิ่นอายความไร้เดียงสาในวัยที่งดงามทำให้บริเวณรอบด้านสว่างไสวขึ้น
คุณหนูงดงามเช่นนี้ ดีงามเช่นนี้ ในที่สุดก็มีคนเห็นแล้ว…
“คุณหนู” อาเถียนรู้สึกไม่เป็นธรรม “เหตุใดท่านต้องขับไล่พันหยงไป เขาเห็นความดีของคุณหนู ยินยอมรับใช้คุณหนู”
เฉินตันจูเงยหน้าขึ้น “อาเถียน ข้ารู้เจตนาดีของเขา แต่ข้ารับไม่ได้ เจตนาดีนี้สำหรับข้า มันคือมีดสำหรับประหารหัว หากข้ามีชื่อเสียงที่ดี วันตายของข้าก็คงจะมาถึง”
ร้ายแรงเพียงนี้หรือ คุณหนูมักบอกว่าต้องเป็นคนร้าย อาเถียนเช็ดปลายจมูก “คุณหนูมีชื่อเสียงที่ดีไม่ได้หรือ”
“ได้ แต่ชื่อเสียงที่ดีนั้นมีเพียงข้าไปขอ” เฉินตันจูถือมีดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหัว “ไม่ใช่ผู้อื่นให้”
ดังนั้นคุณหนูจึงให้นางพูดสิ่งเหล่านั้นต่อหน้าผู้อื่น ให้เหล่าบัณฑิตซาบซึ้งคุณหนู
ชื่อเสียงที่ดีจากการขอมาถือเป็นชื่อเสียงที่ดีอันใดกัน อาเถียนทำได้เพียงปล่อยไป
“คุณหนู ข้าช่วยท่านทำยาเถิด”
คนจากไปแล้ว บนเขาล่างเขาต่างเงียบสงบ หญิงชราขายชาเดินไปเดินมาอยู่ที่เชิงเขา ขาเตะไปเตะมา อีกทั้งยังใช้ไม้พลิกหาบางสิ่งในกองหินท่ามกลางป่าไม้
อาฮวาถามอยู่ในโรงน้ำชา “ท่านยายหาสิ่งใดหรือ”
ก่อนหน้านี้ยืนดูความสนุกด้านหน้าเกินไป ถุงเงินหล่นหรือ
หญิงชราขายชามองไปรอบด้าน สีหน้าสงสัย “แปลกจริง ภาพนั้นโยนไว้ตรงนี้ เหตุใดจึงหายไป”
คุณหนูตันจูไม่เอา นางเอา วาดได้ดีเช่นนี้ แขวนไว้ในเรือนเป็นภาพประดับ
ไม่คิดว่าจะช้าเกินไป ภาพวาดนั้นหายไปเสียแล้ว
หญิงชราขายชาโกรธอย่างมาก ผู้ใดขโมยไปกัน