บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 224 ชอบ
ชอบหรือ
อดีตชาติ นางมีชีวิตอันสั้นเกินไป ชาตินี้นางใช้ชีวิตอย่างรีบร้อน ไม่มีโอกาสได้สัมผัส อีกทั้งไม่มีโอกาสได้คิดว่าชอบหรือไม่
เฉินตันจูมองซานจาเคลือบน้ำตาลบนมือ อันที่จริงนางเองก็ลืมไปแล้วว่าเคยบอกจะกินซานจาของสถานที่แห่งนี้ แต่องค์ชายสามยังจำได้ อีกทั้งยังให้วัดเหลือเอาไว้เป็นการเฉพาะ อีกทั้งยังกังวลว่าจะไม่สดใหม่รสชาติไม่ดี คิดหาวิธีเคลือบน้ำตาลให้นางกิน…
เขากระทำเช่นนี้เพียงเพราะจะทำให้นางชอบ
เฉินตันจูกัดคำใหญ่อีกครั้ง มององค์ชายสามพลางพยักหน้า “ชอบ ชอบมากเพคะ”
ดวงตาของหญิงสาวแพรวพราว เศษน้ำตาลเคลือบอยู่บนริมฝีปากแดงของนาง ราวกับผลซานจาที่เงาวับ องค์ชายสามอดยกมือขึ้นไปเช็ดปากของนางไม่ได้ เมื่อรอจนกระทั่งสัมผัสถึงริมฝีปากถึงได้มีสติ รีบอาศัยการไอชักมือกลับมา พลางกล่าว “ชอบก็พอ”
การกระทำขององค์ชายสามเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เฉินตันจูตกใจเล็กน้อย องค์ชายสามชักมือกลับไปแล้ว นางยกมือขึ้นเช็ดปากพลางพึมพำเสียงเบา “น้ำตาลร่วงหมดแล้ว…องค์ชาย ท่านกินด้วยกันสิเพคะ”
องค์ชายสามพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กินซานจาในมือของตนเอง
“องค์ชาย ขอบพระทัยมากเพคะ” เฉินตันจูพูดต่อ พลางถอนหายใจ “เดิมทีหม่อมฉันมาเพื่อขอบพระทัยท่าน แต่หม่อมฉันไม่มีของติดมือมา”
องค์ชายสามพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าทำสิ่งเหล่านี้แล้วเจ้ารู้สึกชอบ สำหรับข้าก็ถือเป็นการขอบคุณแล้ว”
เฮ้อ องค์ชายสามก็เป็นคนที่โชคชะตายากลำบาก มีชาติกำเนิดสูงส่งแต่ก็ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดของโรค และความทุกข์ทรมานจากความแค้น คนในพระราชวังสำหรับเขาทั้งใกล้ชิดทั้งห่างเหิน ไม่มีผู้ใดต้องการให้เขาทำสิ่งใด เขาทำสิ่งใดก็ไม่มีผู้ใดสนใจ เฉินตันจูยิ้มให้เขา “องค์ชายไม่ต้องเกรงใจ” นางวางมือลงบนหน้าอกจากนั้นตบลงบนมือขององค์ชายสามอย่างแผ่วเบา “นี่ คำขอบคุณอย่างเต็มเปี่ยม รีบรับเอาไว้”
องค์ชายสามหัวเราะร่า กุมมือข้างนี้แน่น “รับไว้แล้ว”
ทั้งสองคนสบตากันพร้อมยิ้ม
“หม่อมฉันมาเพื่อขอบพระทัยท่านจริงๆ” เฉินตันจูพลางกินพลางพูด “ครานี้เรื่องหม่อมฉันกับกั๋วจื่อเจี้ยน เพราะว่ามีองค์ชาย หม่อมฉันถึงได้ถอนตัวอย่างไม่ต้องบาดเจ็บ”
องค์ชายสามยิ้ม “อันที่จริงเสด็จพ่อก็ดีใจอย่างมาก ได้ผู้ที่มีความสามารถเพิ่มอีกยี่สิบราย อีกทั้งยังมีคุณชายจางที่มีความสามารถอย่างแท้จริงเช่นนี้ เสด็จพ่อยังแอบดื่มสุรา ถึงแม้ไม่มีข้า เสด็จพ่อก็ไม่โทษเจ้า ท่านแค่ดุเท่านั้น”
พูดถึงตรงนี้รอยยิ้มของเขาเศร้าโศกเล็กน้อย เสด็จพ่อที่ดุแต่ปากแต่ใจอ่อนนั้น บางคราสำหรับบุตรแล้วไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอันใด โดยเฉพาะกับบุตรที่ไม่สำคัญ
เฉินตันจูเห็นรอยยิ้มของเขา ฉงนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม เพียงแค่กล่าว “หากไม่มีองค์ชาย การประลองครั้งนี้ก็ไม่เกิดขึ้น บัณฑิตสามัญชนเหล่านั้นคงหนีหายไปหมดแล้ว”
องค์ชายสามมองนาง “ข้าไม่เชื่อว่าหากข้าไม่ออกหน้า คุณหนูตันจูจะไม่มีวิธี อย่างเช่นคุณหนูตันจูไม่เคยคิดที่จะลักพาตัวคน…”
เฉินตันจูนำซานจาเคลือบน้ำตาลมาบังไว้ด้านหน้า ทำเสียงแสร้งร้องไห้ “องค์ชาย หม่อมฉันจะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรกัน!”
ถึงแม้นั่งอยู่บนหลังคาอุโบสถ มองไม่เห็นสีหน้าของเฉินตันจู แต่จู๋หลินที่ได้ยินประโยคนี้ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ ภายใต้ชายคา เสียงหัวเราะขององค์ชายสามดังขึ้น
เหล่าสงฆ์ที่หลบอยู่ด้านหลังประตูรีบถอยไปด้านหลัง จากนั้นหันหลังสวดมนต์ขึ้นมา
“อาจารย์” สงฆ์รูปหนึ่งพูดกับอาจารย์ฮุ้ยจื้อเสียงเบา “ฝ่าบาทต้มน้ำตาลอยู่ในครัวเพื่อปลอบคุณหนูตันจู เหนียวไปหมด ทำอย่างไรดี”
“ใช่ อาจารย์” สงฆ์อีกรูปหนึ่งพูดเสียงเบา “องค์ชายสามและเฉินตันจูทำเช่นนี้ในวัดถิงอวิ๋นของพวกเรา พวกเราไม่สนใจหรือ”
อาจารย์ฮุ้ยจื้อหมุนลูกประคำอย่างไม่รีบร้อนเหมือนก่อนหน้านั้น “ไม่ดีอย่างไร อายุยังน้อยก็ควรจะเป็นเช่นนี้ อย่ามัวแค่คิดว่าจะกำจัดผู้นั้นผู้นี้…คุณหนูตันจูอาจกลับตัวเป็นคนดีในวัดถิงอวิ๋นได้ ถือเป็นความดีเรื่องหนึ่ง อีกอย่าง พวกเขากระทำเช่นนี้เช่นนั้น ฝ่าบาทไม่สนใจ พวกเราจะสนใจอันใด!”
เฉินตันจูกล่าวขอบคุณ องค์ชายสามมอบซานจาเคลือบน้ำตาลให้นาง เฉินตันจูจับชีพจรให้องค์ชายสาม จากนั้นทั้งสองคนจึงแยกจากกัน
“เวลานี้ข้ายุ่งเล็กน้อย” องค์ชายสามพูดกับเฉินตันจู “เสด็จพ่อทรงอนุญาตแล้ว ไม่รับการเข้าพบคงไม่ดี”
เฉินตันจูพยักหน้า ดีใจแทนเขา “เรื่องนี้เป็นเรื่องดี เมื่อยาเสร็จแล้ว หม่อมฉันจะมาหาท่านอีกครั้ง”
องค์ชายสามตอบรับ บอกให้นางขึ้นรถ เฉินตันจูนึกบางอย่างได้ ยื่นมือไปหาเขา “ซานจายังมีอีกหรือไม่เพคะ”
ก่อนหน้านี้ทั้งสี่ไม้ พวกเขาทั้งสองคนแบ่งกันกินจนหมด องค์ชายสามพูด “รอทำใหม่ ข้าจะส่งไปให้เจ้า”
เฉินตันจูส่ายหัว “ไม่ใช่ซานจาเคลือบน้ำตาล ผลซานจายังมีเหลือหรือไม่”
สิ่งนั้นหรือ องค์ชายสามพยักหน้า สั่งให้ขันทีนำผลซานจาใส่กระสอบใบเล็กมา “เจ้าถือกลับไปกิน”
เฉินตันจูกล่าวขอบคุณ อาเถียนรีบรับมา ทั้งสองคนขึ้นรถ บอกลาองค์ชายสาม “องค์ชายรีบเสด็จขึ้นราชรถเถิด อากาศหนาวมากเพคะ”
องค์ชายสามยิ้มพลางพยักหน้า เดินขึ้นรถภายใต้การจ้องมองของเฉินตันจู โบกมือต่อหญิงสาวที่เปิดม่านรถอยู่ “อากาศหนาว รีบวางม่านลง”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา ก่อนจะวางม่านลง จู๋หลินยกแส้เร่งม้า เคลื่อนตัวออกเดินทางก่อน รถม้าขององค์ชายสามอยู่ด้านหลัง เคลื่อนที่ไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
เฉินตันจูนั่งอยู่บนรถ หยิบผลซานจาออกมาดูด้วยรอยยิ้ม อาเถียนก็จ้องมองด้วยรอยยิ้ม เอ่ยถาม “ซานจาเคลือบน้ำตาลขององค์ชายสามอร่อยหรือไม่เจ้าคะ”
เฉินตันจูพยักหน้า “อร่อย”
เสียดายองค์ชายสามทำให้คุณหนูโดยเฉพาะ ไม่มีเหลือ อาเถียนเลียปาก “กลับไปพวกเราทำกินเองดีหรือไม่เจ้าคะ” นางถือกระสอบใบเล็กส่ายไปมา “ผลซานจาเหล่านี้พอทำกินได้หลายไม้แล้ว”
เฉินตันจูพูดว่าช้าก่อน หยิบจำหนวนหนึ่งออกมาจากด้านใน “ข้าต้องใช้”
ใช้อันใด จะกินเช่นนี้หรือ อาเถียนสงสัย
เฉินตันจูเรียกขานจู๋หลิน “ยังไม่กลับอารามดอกท้อ พวกเราเข้าเมือง”
เข้าเมืองไปที่ใด จู๋หลินสงสัย จางเหยาออกจากเมืองไปแล้ว
“ไปจวนที่องค์ชายสามให้ข้า” เฉินตันจูพูด
เช่นนี้เอง จู๋หลินเร่งม้าเดินทางเข้าเมือง จวนแห่งนี้ติดกับจวนตระกูลเฉิน จวนตระกูลเฉินในอดีต เวลานี้แขวนไว้ด้วยป้ายแซ่โจวไปแล้ว หลังจากจัดการเรื่องงานประลอง ฮ่องเต้แต่งตั้งโจวเสวียนเป็นกวนเน่ยโหว[1]อย่างเป็นทางการ เขากลายเป็นท่านโหวที่อายุน้อยที่สุดในต้าเซี่ย
โจวเสวียนจึงย้ายออกจากพระราชวัง เข้ามาอยู่ในจวนโหวที่ตนเองเลือกเอาไว้…อันที่จริงฮ่องเต้ขับไล่โจวเสวียนออกมา ตามข่าวที่องค์หญิงจินเหยาส่งมา โจวเสวียนไม่พอใจที่ฮ่องเต้ตำหนิเฉินตันจูแค่ไม่กี่คำ บ่นพึมพำต้องการให้ฮ่องเต้ลงโทษเฉินตันจู ฮ่องเต้รำคาญเขา จึงขับไล่เขาออกมา
รถม้าเคลื่อนตัวผ่านจวนโหว อาเถียนเปิดม่านจ้องมองเข้าไปอย่างโกรธเคือง ประตูใหญ่ประดับอย่างอลังการ อีกทั้งยังมีองครักษ์ร่างกำยำสี่ห้าคนที่เฝ้าอยู่ เมื่อเห็นรถม้าเข้าใกล้ พวกเขาจึงจ้องเขม็ง พร้อมทั้งตะโกนให้อยู่ห่างออกไป…
ตอนนั้นที่จวนมหาราชครูรุ่งเรืองก็ไม่เคยเหิมเกริมเช่นนี้
“แค่นอกประตูยังดุร้ายเพียงนี้” อาเถียนบ่น “แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี”
เฉินตันจูยิ้มแต่ไม่พูด รถม้าอ้อมผ่านหน้าประตูของจวนโจวเสวียนมาถึงด้านหลัง จวนที่องค์ชายสามประทานให้อยู่บนถนนนี้ อาเถียนเคยมาดูก่อนหน้านี้ จวนแห่งนี้มีคนเฝ้าประตูอยู่หนึ่งคน เมื่อได้ยินเสียงอาเถียนมาเรียกอยู่หน้าประตู จึงรีบออกมาเชิญนายคนใหม่เข้าไป
“จวนแห่งนี้ถึงแม้จะไม่ใหญ่โต แต่มัน…” คนเฝ้าประตูแนะนำให้กับเจ้าของจวนคนใหม่อย่างกระตือรือร้น แต่กลับพบว่าเจ้าของจวนคนใหม่เดินไปยังสวนด้านหลังอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันยังกำชับให้หยิบบันไดมา
เอ๊ะ ต้องการบันไดทำอันใด ถึงแม้จวนจะเล็ก แต่รักษาไว้อย่างดี ไม่ต้องการซ่อมแซม อีกอย่าง หากต้องซ่อมแซมจริง ก็ไม่ต้องให้คุณหนูท่านนี้ลงมือเอง
คนเฝ้าประตูสงสัย แต่เกรงกลัวในชื่อเสียงของเฉินตันจู จึงรีบหยิบบันไดเดินตามเฉินตันจูมาที่สวนด้านหลัง ถึงเป็นครั้งแรกที่มาจวนหลังนี้ แต่เฉินตันจูไม่แปลกตา นางหากำแพงหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นตั้งบันไดเอาไว้แล้วปีนขึ้นไป เดินเลาะตามกำแพงมาจนกระทั่งมองเห็นจวนตระกูลเฉิน…
คุณหนูจะกลับจวนหรือ อาเถียนราวกับเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
จู๋หลินที่ยืนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งปากกระตุก คุณหนูตันจูช่าง…
—————————————————————————–
[1] กวนเน่ยโหว หมายถึง ตำแหน่งเจ้าพระยาชั้นที่สี่ในสมัยโบราณ