บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 210 คำมั่น
ถึงแม้จะไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่คำว่าองค์ชายทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงในทันที
พันหยงมองชายหนุ่มผู้นี้ด้วยความตกตะลึง คนอื่นต่างเบียดตัวเข้ามา พินิจอย่างเหลือเชื่อ องค์ชายสาม? องค์ชายสามจริงหรือ ที่แท้เขาคือองค์ชายสาม?
พันหยงตั้งสติกลับมาได้ เขารีบคำนับ “ที่แท้ก็เป็นองค์ชายสาม กระหม่อมขอคำนับ”
คนอื่นต่างคำนับตามกัน ก่อนจะรีบเชิญองค์ชายสามเข้ามา องค์ชายสามเดินเข้ามาอย่างไม่ลังเล
หลังจากความตื่นตระหนกที่เกิดก่อนหน้า ภายนอกของพันหยงและคนอื่นต่างสงบลงแล้ว พวกเขาเชิญองค์ชายสามนั่งลงในเรือนที่เรียบง่าย ถามขึ้น “องค์ชายสามเสด็จมาเพื่อการใดพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสามพูด “ได้ยินว่าคุณชายพันมีความรู้ยอดเยี่ยมเหนือผู้อื่น มีความคิดต่อหลักการหยูที่แตกต่างจากผู้อื่น ดังนั้นจึงเดินทางมาเชิญ”
เหมือนดั่งที่คาดเดาเอาไว้ คนหนึ่งอดชิงถามขึ้นไม่ได้ “เชิญอาโฉ่วไปหอเหยาเย่ว์หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องประหลาดนักแล้ว องค์รัชทายาทของท่านอ๋องฉีและองค์ชายห้าต่างเข้าออกหอเหยาเย่ว์ เชื้อเชิญบัณฑิตผู้มีชื่อเสียงถกเถียงความรู้ คึกคักอย่างยิ่ง
เวลานี้ แม้แต่ยังองค์ชายสามก็เข้าร่วม
ภายในดวงตาของพันหยงปรากฏความดีใจ ก่อนหน้านี้เขายังคิดบากหน้าขออาศัยชนชั้นสูงผู้หนึ่ง จากนั้นติดตามชนชั้นสูงผู้นั้นไปเปิดโลกทัศน์…เวลานี้หอเหยาเย่ว์เต็มไปด้วยชนชั้นสูง แต่สามัญชนอย่างพวกเขาไม่ได้ถูกรับเชิญ
เดิมที บัณฑิตสามัญชนที่มีความรู้มากก็มีการไปมาหาสู่กับบัณฑิตชนชั้นสูง สามารถมีอาจารย์คนเดียวกันได้ สามารถอภิปรายถกเถียงความรู้ได้ อีกทั้งยังมีจำนวนไม่น้อยที่คบหาเป็นสหายที่ดี บัณฑิตชนชั้นสูงใช่ว่าจะไร้ความกังวล บัณฑิตสามัญชนย่อมไม่ได้ยากจนเสมอไป เหล่าบัณฑิตอยู่ด้วยกันไม่อาจแยกชาติกำเนิดออก มีเพียงการเข้ารับตำแหน่งและการแต่งงาน จึงจะมีข้อจำกัดด้านชนชั้นที่ไม่อาจก้าวผ่านได้
แต่ครั้งนี้ เฉินตันจูก่อเกิดการประลองระหว่างสามัญชนและชนชั้นสูง ชนชั้นสูงจึงไม่ต้องการเชิญสามัญชนเหล่านี้อีก ถึงเรื่องนี้จะเป็นภัยที่ลอยมาอย่างไม่คาดหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่บัณฑิตสามัญชนก็ไม่กล้าเดินทางไป
หากมีการเชิญขององค์ชายสาม เขาย่อมไม่ต้องสนใจสิ่งเหล่านี้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดี...
องค์ชายสามยิ้มเบาๆ พยักหน้า “ข้ามาเชิญคุณชายพัน” ก่อนจะมองไปยังคนอื่น “รวมไปถึงทุกท่าน”
คนอื่นต่างยากที่จะปิดบังความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ได้ พวกเขารู้ว่าองค์ชายสามอยู่ในพระราชวังเพราะร่างกายอ่อนแอ ไม่ออกมาภายนอก ฐานะเทียบองค์ชายอื่นไม่ได้ องค์ชายห้าเชิญบัณฑิตชนชั้นสูงแล้ว เขาอยากเข้าร่วมแต่ไม่อาจแย่งชิงกับองค์ชายห้าได้ จึงถอยก้าวหนึ่งด้วยการเชิญบัณฑิตสามัญชนแทน
แน่นอน พวกเขาในฐานะตัวเลือกรองไม่ได้รู้สึกถูกเหยียดหยาม
องค์ชายสามเพียงแค่มีสถานะเป็นรองจากองค์ชายห้าเล็กน้อยเท่านั้น ต่อหน้าคนทั่วไป เขายังเป็นองค์ชาย เป็นโอรสของฮ่องเต้ เปรียบเสมือนนิ้วมือของฮ่องเต้ อาจมีความยาวที่ไม่เท่ากัน หากแต่ล้วนเชื่อมถึงใจ
ดูจากเวลานี้ เฉินตันจูก่อเรื่องนี้ขึ้น ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับพวกเขาทั้งหมด…
คนทั้งหลายต่างดีใจ ไม่สนความเขินอายใดๆ อีก พวกเขาแย่งชิงกันตอบโดยไม่รอองค์ชายสามพูด
“กระหม่อมยินดี”
“ขอบพระทัยองค์ชาย”
องค์ชายสามกระแอมไอสองที ขัดพวกเขา พูดต่อ “แต่ไม่ได้ไปหอเหยาเย่ว์ หากแต่เป็นหอไจซิง”
หอไจซิง? ทุกคนต่างผงะ ความยินดีภายในดวงตาของพันหยงชะงักไป เดิมทีปากที่กำลังจะตอบตกลงหุบลงอย่างช้าๆ
“องค์ชายสามพูดผิดหรือ”
“ข้าจะพูดผิดได้อย่างไร” องค์ชายสามมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “คนในเมืองหลวงเวลานี้คงต่างรู้ดีว่าข้ากับ คุณหนูตันจูมีความสัมพันธ์อย่างไร”
แค่ก คนทั้งหลายทำสีหน้าประหลาด เรื่องข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับเฉินตันจู พวกเขาย่อมรู้ดี เรื่องระหว่างเฉินตันจูกับองค์ชายสาม เฉินตันจูต้องการเป็นฮูหยินขององค์ชาย ประจบองค์ชายสาม ไล่ล่าจับคนที่มีอาการไอทดลองยาให้องค์ชายสาม องค์ชายสามถูกความงามของเฉินตันจูหลอกล่อ…เวลานี้ดูแล้วเขาจะหลงใหลนางไม่น้อย
เขายอมเสี่ยงที่จะถูกคนมองว่าไม่ถูกต้องเพื่อเฉินตันจู!
พันหยงและคนอื่นต่างแสดงออกถึงความผิดหวัง พวกเขาต่างก้าวถอยหลังไป “ขอบพระทัยองค์ชายสาม พวกกระหม่อมความรู้น้อย ไม่อาจรับคำเชิญได้”
องค์ชายสามไม่โกรธ อีกทั้งยังยกชาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “หากระหว่างการประลอง พวกท่านสามารถชนะชนชั้นสูงเหล่านั้น สิ่งที่ข้าจะตอบแทนพวกท่านคือ ขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งพวกท่าน ให้พวกท่านเข้ารับตำแหน่งในราชสำนัก นับแต่นี้กลายเป็นชนชั้นสูง”
เขาพูดจบจึงลุกขึ้น ไม่รอให้พันหยงและคนอื่นพูด
“คุณชายพัน พวกท่านหารือกันก่อน ข้าจะรอพวกท่านอยู่ที่หอไจซิง”
พูดพลางเดินจากไป
พันหยงและคนอื่นต่างเดินตามออกไป หลังจากหายตกตะลึง แต่องค์ชายสามนั่งรถจากไปแล้ว มีคนคิดจะตะโกนเรียก หากแต่ถูกคนอื่นจับเอาไว้ พวกเขามองซ้ายมองขวา เวลานี้บัณฑิตสามัญชนอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก มีดวงตาจำนวนมากในเมืองหลวงจับจ้องพวกเขา ชนชั้นสูงจับจ้องพวกเขา คอยดูว่าผู้ใดที่ไร้วิสัยทัศน์บังอาจทรยศนักปราชญ์หยูเพื่อเกาะเกี่ยวเฉินตันจู เฉินตันจูจับจ้องพวกเขา คอยดูว่าผู้ใดสามารถหยิบออกมาเป็นหินรองเท้าได้…พวกเขาไม่อาจไม่หลบซ่อนอยู่ในเมืองหลวง แต่ยังคงหลบไม่พ้น
ก่อนหน้านี้มีเฉินตันจูที่มีสายตาทั่วทุกหนแห่ง เวลานี้มีองค์ชายสาม พวกเขาไม่อาจหลบซ่อนได้
คนทั้งหลายเดินกลับเข้าไปในเรือนอย่างเหม่อลอย หลังจากนั้นเริ่มเก็บสัมภาระกันเสียงดัง
“รีบไป รีบไป ยังไม่ต้องสนใจว่าจุดหมายคือที่ใด ออกจากเมืองหลวงก่อน”
“ไปให้ไกล ออกจากเมืองหลวง หลายสิบลี้ไม่นับ”
“ข้ากลับบ้านเก่าไปก่อนดีกว่า”
พวกเขาพูดเสียงเบา ทันใดนั้นพบว่าพันหยงที่คอยเร่งเร้าให้พวกเขาจากไปอย่างรวดเร็วตลอดมาไม่ขยับเขยื้อนในเวลานี้ อีกทั้งยังนั่งลง
“อาโฉ่ว เจ้าทำอันใด”
“ใช่ เจ้าอันตรายที่สุด คุณหนูตันจูและองค์ชายสามต่างจับจ้องเจ้า”
พันหยงถือแก้วน้ำชา สีหน้าราวกับยังคงเหม่อลอย พูดพึมพำ “องค์ชายสามยืนอยู่ข้างคุณหนูตันจู เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องใหญ่แล้ว”
ใช่ องค์ชายสามเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาเสียแล้ว หากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาคงจะไม่ธรรมดาแล้ว
“องค์ชายสามเหลวไหลร่วมกับคุณหนูตันจู ชื่อเสียงของตนเองไม่เอาแล้ว”
“องค์ชายสามยังเหลวไหลด้วย เรื่องนี้คงใหญ่ยิ่งขึ้น รีบหลบกันเถิด”
ทุกคนต่างพูด
พันหยงมองไปทางพวกเขา “นับแต่โบราณมา เรื่องใหญ่ถือเป็นความเสี่ยงแต่ก็เป็นโอกาส”
บางที ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสของพวกเขาจริงๆ
หากชนะจริง คำมั่นขององค์ชายสามมีผลหรือไม่
ที่แท้ก็ถูกคำมั่นนี้หลอกลวงแล้ว สหายทั้งหลายส่ายหัว
สิ่งที่องค์ชายสามพูดเชื่อมั่นได้กว่าสิ่งที่คุณหนูตันจูพูด คุณหนูตันจูบอกว่าต้องการให้ทุกคนในใต้หล้าอาศัยความรู้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่องค์ชายสามให้ข้อยกเว้นแก่พวกเขาเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่…
“ถึงแม้พวกเราชนะ พวกเราจะมีชื่อเสียงอันใด มีแต่ชื่อเสียงเสื่อมเสีย เพื่อคุณหนูตันจู ผูกมัดไว้กับคุณหนูตันจู พวกเราจะมีอนาคตใดกัน”
“อาโฉ่ว เจ้าอย่าเลอะเลือน”
พันหยงยืนขึ้นมาตะโกน “ไม่ใช่!” ดวงตาของเขาลุกเป็นประกาย มองไปยังเหล่าสหาย “พวกเราไม่ได้ทำเพื่อคุณหนูตันจู หากแต่องค์ชายสามทำเพื่อคุณหนูตันจู ชื่อเสียงเสื่อมเสียไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา อีกทั้งหากพวกเราชนะ ถือว่าอาศัยความรู้ของพวกเรา มีเพียงความรู้ของพวกเราเท่านั้น! ความรู้ของพวกเราสามารถเห็นได้ทุกคน! ฝ่าบาทเห็นได้! คนทั่วทั้งแผ่นดินล้วนเห็นได้!”
เหล่าสหายมองเขาอย่างผงะ ราวกับฟังเข้าใจแต่ก็ราวกับฟังไม่เข้าใจ แต่พวกเขายังคงขนลุกซู่อย่างไม่รู้ตัว