บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 197 มีความสุข
จนกระทั่งเวลาพลบค่ำ จางเหยาถึงได้กลับมาถึงร้านยา
เวลานั้นร้านยาใกล้จะปิดประตูแล้ว ไต้ฟูที่นั่งรักษากลับไปแล้ว หลิวจั่งกุ้ยกำลังดูบัญชี เฉินตันจูกำลังหั่นยา อีกทั้งยังหยิบขึ้นมาดมเป็นครั้งครา หลิวเวยดูอยู่ด้านข้างด้วยความสงสัย
“เจ้าทำยาได้จริงหรือ” นางยังถาม
เฉินตันจูค้อนนางหนึ่งที “ท่านคิดว่าข้าเปิดร้านยาหลอกคนหรืออย่างไร”
หลิวเวยปิดปากหัวเราะ
หลิวจั่งกุ้ยมองหญิงสาวที่คบหากันกลมเกลียวทางนี้ อดยิ้มตามไม่ได้ แต่เขามองไปยังด้านนอกประตูอย่างรวดเร็ว สีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย
“พี่จางไปทำเรื่องใหญ่อันใดกัน” หลิวเวยเห็นความกังวลของบิดา ถามขึ้นอีกครั้ง “เขาไม่ได้บอกท่านแม้แต่น้อยเลยหรือ”
หลิวจั่งกุ้ยพูดอย่างระอา “เขาแค่บอกว่าเรื่องดี เด็กคนนี้ บอกว่าเรื่องดีบอกไม่ได้ หากบอกจะไม่ศักดิ์สิทธิ์”
ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงของจางเหยาดังขึ้น “ท่านลุง ข้ากลับมาแล้ว”
หลิวจั่งกุ้ยรีบวางบัญชีลง เดินอ้อมตู้ยายาวออกมา “เป็นอย่างไร”
จางเหยาเดินเข้ามา แวบแรกเห็นหลิวเวยที่ยืนขึ้น อีกทั้งยังมีเฉินตันจูที่นั่งถือมีดรออยู่บนเก้าอี้…นางรออยู่ตรงนี้ตลอดเวลาหรือ อีกทั้งยังถือมีดเอาไว้ เตรียมบุกเข้าไปตีคนได้ทุกเวลาหรือ
อาจเป็นเพราะดื่มสุรากับท่านจี้จิ่วไป ทำให้จางเหยารู้สึกลอย กล้าที่จะหยอกล้อคุณหนูตันจูท่านนี้ภายในใจ
“เจ้าดื่มเหล้าหรือ” หลิวจั่งกุ้ยได้กลิ่นสุรา ถามด้วยคิ้วที่ขมวด “เจ้าไปทำสิ่งใดกันแน่”
จางเหยามองหลิวจั่งกุ้ย เผยหน้ายิ้ม “ท่านลุง ข้าสามารถเข้าศึกษาที่กั๋วจื่อเจี้ยนได้แล้ว”
หลิวจั่งกุ้ยเป็นบัณฑิตย์ ศึกษาใฝ่เรียนมาหลายปี ย่อมรู้ว่าสิ่งใดคือกั๋วจื่อเจี้ยน หากแต่เขาในฐานะตระกูลเล็ก ย่อมรู้ว่ากั๋วจื่อเจี้ยนมีความหมายอย่างไรกับบัณฑิตย์ฐานะอย่างพวกเขา…ห่างไกลเกินเอื้อม สูงเกินฝักใฝ่
“อาเหยา เจ้าอย่าได้พูดเหลวไหล” เขาจับหัวไหล่ของจางเหยา พูดเสียงสั่นเครือ
จางเหยาเข้าใจอารมณ์ของหลิวจั่งกุ้ย “ท่านลุง ท่านยังจำหลิวฉงซินแสได้หรือไม่”
หลิวจั่งกุ้ยพยักหน้า “จำได้ ตอนนั้นบิดาของเจ้าเคยศึกษากับเขา ต่อมาหลิวฉงซินแสถูกชนชั้นสูงในท้องถิ่นขับไล่ ไม่รู้ไปเป็นทูตในเมืองใด ดังนั้นบิดาของเจ้าจึงหาอาจารย์คนใหม่ จึงรู้จักกับข้า บิดาของเจ้ามักพูดถึงอาจารย์ผู้มีพระคุณท่านนี้กับข้า เขาเป็นอย่างไร เขาเดินทางมาเมืองหลวงด้วยหรือ”
จางเหยาส่ายหัว ภายในดวงตาพร่ามัว “หลิวซินแสจากไปแล้ว”
หลิวจั่งกุ้ยตอบรับ ก่อนจะถอนหายใจเสียงเบา
“ก่อนบิดาข้าจะลาลับไป ท่านได้บอกที่อยู่ของหลิวซินแสแก่ข้า ข้าตามหาเขา ศึกษากับเขา ปีก่อนเขาป่วย ไม่อยากให้การศึกษาของข้าขาดตอนไป อีกทั้งต้องการให้ข้าได้ใช้ความรู้ที่ศึกษามา ดังนั้นจึงเขียนจดหมายแนะนำให้แก่ใต้เท้าสวี ผู้เป็นจี้จิ่วแห่งกั๋วจื่อเจี้ยน” จางเหยาพูด “เขาและใต้เท้าสวีเป็นสหายกัน ดังนั้นครานี้ ข้าถือจดหมายเข้าพบใต้เท้าสวี เขาตกลงรับข้าเข้าศึกษาที่กั๋วจื่อเจี้ยนแล้ว”
หลิวจั่งกุ้ยกระจ่าง ดีใจจนน้ำตาไหล “ดี ดี เรื่องดี” หันหน้ากลับมาเรียกหลิวเวย “เร็ว เร็ว เตรียมอาหาร เรื่องนี้เป็นเรื่องมงคลของตระกูลเรา”
หลิวเวยตอบรับอย่างดีใจ มองดูบิดาของตนที่ดีใจจนลนลาน จึงพูดขึ้น “ท่านพ่อ พวกเรากลับจวนไป ระหว่างทางสั่งอาหาร คงไม่อาจกินดื่มที่หุยชุนถังได้ ท่านแม่ยังรออยู่ที่จวน”
หลิวจั่งกุ้ยพยักหน้า ลากจางเหยาทำท่าจะจากไป หลิวเวยเรียกคุณหนูตันจู “เจ้ากลับจวนไปกับพวกข้า”
หลิวจั่งกุ้ยนึกขึ้นได้ว่ายังมีเฉินตันจู รีบเชิญ “ใช่ คุณหนูตันจู เรื่องนี้เป็นเรื่องมงคลนัก ท่านมาด้วยกันเถิด”
เฉินตันจูส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “พวกท่านฉลองกันเองภายในตระกูลก่อนเถิด ข้าไม่ไปรบกวน รอภายหลัง ข้าฉลองกับคุณชายจางก็พอ”
เช่นนี้หรือ แต่มีคนนอกอย่างนางอยู่ คนในตระกูลย่อมไม่สบายตัว หลิวจั่งกุ้ยไม่ได้เกลี้ยกล่อมอีก
หลิวเวยยิ้มให้เฉินตันจู ส่ายมือของนางไปมา “อีกสองสามวัน ข้าจะพาท่านพี่ไปหาเจ้า”
เฉินตันจูพยักหน้าตอบรับ
คนทั้งหลายเดินออกจากร้านยา ฟ้ามืดลงแล้ว บนถนนสว่างไปด้วยแสงไฟ หลิวจั่งกุ้ยปิดประตูร้าน เรียกจางเหยาขึ้นรถ ส่วนทางหลิวเวยก็กำลังบอกลาเฉินตันจูเดินขึ้นรถไป
จางเหยานั่งอยู่บนรถหันกลับไปมอง เห็นเฉินตันจูนั่งอยู่บนรถ เปิดม่านรถมองส่งพวกเขาจากมา รถเคลื่อนที่ไปด้านหน้า หญิงสาวในรถท่ามกลางฟ้ามืดเลือนรางไปอย่างช้าๆ …
เฉินตันจูแวะซื้อสุราเมื่อเดินกลับมาภูเขาดอกท้อ อีกทั้งยังให้อิงกูเพิ่มอาหารหลายจาน ตนเองนั่งดื่มสุราอยู่ในห้องอย่างดีใจ
“คุณหนู ดื่มมากไม่ได้เจ้าค่ะ” อิงกูเกลี้ยกล่อม “ท่านดื่มไม่ได้มากเจ้าค่ะ”
อาเถียนผลักอิงกูให้เดินออกไป “ดื่มมากก็ดื่มมาก ดื่มในจวนของตนเองกลัวสิ่งใด คุณหนูดีใจ” นางหันหน้ากลับไปถาม “ใช่หรือไม่เจ้าคะ คุณหนู วันนี้คุณหนูดีใจใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เฉินตันจูหัวเราะ “ใช่ ใช่”
คุณหนูมีเวลาที่มีความสุขน้อย ดื่มมากก็ดื่มมากเถิด อิงกูคิดเช่นนี้จึงเดินออกมา ส่วนอาเถียนถาม
เฉินตันจูอย่างดีใจ “เพราะคุณชายจางจำคุณหนูได้แล้วหรือเจ้าคะ”
วันนี้คุณหนูนัดคุณชายจางพบหน้าตามลำพัง ไม่ได้พานางไป นางรออยู่ในจวนมาทั้งวัน เห็นคุณหนูกลับมาอย่างดีใจ เห็นได้ชัดว่าการพบหน้าเป็นไปอย่างราบรื่น…
เฉินตันจูส่ายหัว “ไม่ใช่”
จางเหยาไม่มีทางจำนางได้ ชาตินี้ไม่มีทางอีกแล้ว
ดวงตาของนางยิ้มแพรวพราว “เพราะคุณชายจางได้เข้าศึกษาในกั๋วจื่อเจี้ยนแล้ว”
อาเถียนย่อมรู้ความหมายของการเข้าศึกษาในกั๋วจื่อเจี้ยน “ดีเสียจริง! เพราะคุณหนูช่วยเขาหรือ”
เฉินตันจูส่ายหัวอีกครั้ง “ไม่ใช่” ดวงตาของนางยิ้มหยี “เพราะตัวของเขาเอง เขาเก่งกาจ ข้าไม่ได้ช่วยเขา”
เอาเถิด อาเถียนปรบมือ “ดี คุณชายจางเก่งเหลือเกิน คุณหนูต้องดื่มเพื่อฉลองเจ้าค่ะ”
เฉินตันจูยกแก้วขึ้นมาดื่มจนหมด
เฉินตันจูดื่มสุรา กินอาหารอยู่ด้านในอย่างมีความสุข ส่วนอาเถียนแอบเดินออกมาเรียกหาจู๋หลิน
จู๋หลินลงมาจากบนหลังคา
“วันนี้คุณหนูเป็นอันใดกันแน่ เหตุใดดูท่าทางทั้งดีใจทั้งเสียใจ” อาเถียนถามเสียงเบา
ผู้ใดจะไปรู้กัน คุณหนูของเจ้าเป็นเช่นนี้เสมอไม่ใช่หรือ ไม่รู้คิดสิ่งใดอยู่ภายในใจ จู๋หลินครุ่นคิด พูดขึ้น “อาจเป็นเพราะผู้อื่นดื่มด่ำเฉลิมฉลองกันทั้งตระกูล ไม่ได้เชิญนางไปกระมัง”
เขาเน้นย้ำลงบนคำว่าตระกูล น่าสงสาร คุณหนูตันจูวิ่งหน้าวิ่งหลังไม่รู้วุ่นวายสิ่งใด
อาเถียนต้องการพูดบางสิ่ง แต่เฉินตันจูภายในห้องตบโต๊ะขึ้นมากะทันหัน “จู๋หลิน จู๋หลิน”
การดื่มสุราไม่พัฒนาแม้แต่น้อย ดื่มไปแค่หนึ่งแก้วก็เมาแล้ว? จู๋หลินมองเข้าไปภายในห้อง อาเถียนผลักเขา “คุณหนูเรียกเจ้า รีบเข้าไป”
จู๋หลินถูกผลักเข้าไป ถามอย่างไม่เต็มใจ “มีเรื่องใด”
ใบหน้าของเฉินตันจูแดงระเรื่อ ดวงตายิ้ม “ข้าจะเขียนจดหมายให้ท่านแม่ทัพ ข้าเขียนเสร็จแล้ว เจ้าส่งไปทันที”
จู๋หลินมองขึ้นฟ้าภายในใจ เมื่อถูกคนอื่นเพิกเฉยจึงระลึกถึงท่านแม่ทัพขึ้นมา?
อาเถียนคลี่กระดาษจดหมายลงบนโต๊ะ ฝนหมึกอย่างเชื่อฟัง เฉินตันจูโยกไปมา มือหนึ่งถือแก้วสุรา อีกมือถือพู่กัน
“ข้ามีเรื่องมากมายต้องพูดกับท่านแม่ทัพ” นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ครานี้ข้าจะเขียนจำนวนมาก”
นางพลางหัวเราะพลางจรดพู่กัน กระดาษแผ่นหนึ่งถูกเขียนเต็มแผ่นอย่างรวดเร็ว นางหยิบขึ้นมาเรียกหาจู๋หลิน
“รีบส่งไปให้ท่านแม่ทัพ ให้เขามีความสุขร่วมกับข้า”
จู๋หลินหยิบไปดู สีหน้าระอา กระดาษถูกเขียนเต็มทั้งแผ่น หากแต่มีเพียงประโยคเดียว “วันนี้ข้ามีความสุขเสียจริง มีความสุขเสียจริง มีความสุขเสียจริง…” เจ้าคนขี้เมานี้
“เจ้าทำอันใด ยังไม่ส่งไปให้ท่านแม่ทัพอีก” เฉินตันจูยกสุราขึ้นดื่มอีกแก้ว เร่งเร้า ก่อนจะยิ้มให้จู๋หลินอีกครั้ง “จู๋หลิน จดหมายที่เจ้าให้ท่านแม่ทัพเขียนแล้วหรือไม่ เจ้าพูดจาไม่เก่ง จดหมายที่เขียนย่อมไม่เห็นภาพ ให้ข้าช่วยเจ้าดู…”
จู๋หลินมองดูกระดาษที่เต็มไปด้วยคำว่าวันนี้ข้ามีความสุขเสียจริงในมือ ให้นางดูให้? ให้นางเขียนว่าวันนี้ข้ามีความสุขเสียจริงให้เขาห้าแผ่นหรือ
เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายอื่น จู๋หลินรีบหยิบจดหมายเดินออกมา อีกทั้งให้คนส่งไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กได้รับจดหมาย ราวกับยังสามารถได้กลิ่นของสุราเต็มกระดาษ
เฟิงหลินมองดูกระดาษจดหมายห้าแผ่นที่เขียนเต็มทุกแผ่นของจู๋หลิน รู้สึกเพียงปวดหัว “ทั้งคุณหนูหลิวเวย ทั้งโจวเสวียน ทั้งงานเลี้ยง ทั้งมโนธรรม ทั้งจางเหยา ทั้งกั๋วจื่อเจี้ยน…”
เรื่องวุ่นวายอะไรกัน คุณหนูตันจูกำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่
แม่ทัพหน้ากากเหล็กหัวเราะ “นางทำเพียงแค่เรื่องเดียว ก็คือตามหาคนที่ตามหามานาน ในที่สุดหาเจอแล้ว จากนั้นควักหัวใจออกมารับรองคนผู้นั้น”