บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 176 ห่วงใย
เมื่อหาจางเหยาพบแล้ว เฉินตันจู วางใจลงอีกเรื่องหนึ่ง นางมีใบหน้ายิ้มแย้มตั้งแต่เช้ายันค่ำ อาเถียนก็ดีใจไปด้วย ถึงแม้เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อไม่รู้สาเหตุ แต่คุณหนูและอาเถียนดีใจ พวกนางก็ยิ้มตามไปด้วย
ภายในอารามเล็กเต็มไปด้วยความสนุกสนานอย่างไม่เคยมีมาก่อน
มีเพียงจู๋หลินนั่งอยู่บนหลังคา ปากกัดด้ามพู่กันด้วยความปวดหัว เฮ้อ เริ่มแรกจะเขียนว่าคุณหนูตันจูน่าสงสาร ถูกโจวเสวียนแย่งชิงจวนไป แต่นาทีต่อมาต้องเขียนถึงเฉินตันจูชิงตัวชายหนุ่มกลับมาจากบนท้องถนน
“อิงกู อิงกู” เสียงของเฉินตันจูดังขึ้นจากภายในห้อง
เสียงของอิงกูลอยออกมาจากในห้องครัว “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
เฉินตันจูเรียกขานอาเถียน อาเถียนวิ่งมาพร้อมกับหิ้วกล่องอาหารขนาดใหญ่ออกมาจากห้องครัว “ไปกันเถิดเจ้าค่ะ ไปกันเถิดเจ้าค่ะ”
จู๋หลินนั่งมองนายบ่าวทั้งสองออกจากอารามไปอย่างมีความสุขอยู่บนหลังคา ไม่ต้องถาม พวกนางต้องไปหาจางเหยานั้นอีกแน่นอน
เรื่องนี้คงต้องเริ่มเล่าจากจดหมายฉบับที่แล้ว จู๋หลินก้มหน้าเขียนอย่างรวดเร็ว คุณหนูตันจูรักษาโรคให้องค์ชายสาม จึงตามหาคนที่มีอาการไอทั่วเมือง นักเรียนผู้โชคร้ายคนนั้นถูกคุณหนูตันจูพบเข้าจึงจับกลับมาเพื่อทดลองยา
หญิงชราขายชารับจางเหยาเอาไว้ แต่นางไม่หยุดกิจการเพียงเพื่อปรนนิบัติเขา
ตอนที่เฉินตันจูเดินทางมาถึง จางเหยาปูเสื่ออยู่ในลานรั้ว ด้านหน้ามีโต๊ะ มือหนึ่งถือตำรา อีกมือถือพู่กันขีดเขียนอยู่บนกระดาษตัวคนเดียว จดจ่อจนลืมทุกสิ่งอย่าง อีกทั้งยังกระแอมไอออกมาในบางครั้ง ไม่รับรู้ถึงเสียงฝีเท้าแม้แต่น้อย “คุณชายจาง” อาเถียนทักทายอย่างดีใจ
จางเหยาดึงสติกลับมา เงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบกับหญิงสาวที่ไขว้มือไว้ด้านหลังยืนยิ้มอยู่ด้านนอกรั้ว ชุดกระโปรงที่ปักด้วยด้ายเงินด้ายทอง ทำให้ผิวพรรณของนางขาวดุจหิมะ คิ้วของนางดำขลับดุจหมึก ข้างตัวนาง สาวรับใช้ทะเล้นกำลังโบกมือให้เขาพร้อมกล่องอาหารขนาดใหญ่ในมือ
“อา” จางเหยารีบวางตำราและพู่กันลง ยืนขึ้นคำนับ “คุณหนูตันจู”
อาเถียนวิ่งเข้ามา “คุณชายจาง ท่านกำลังอ่านตำราหรือ” มองลงไปบนโต๊ะเตี้ยด้วยความสงสัย “กำลังวาดภาพหรือ”
บนกระดาษนอกจากตัวอักษร ยังมีลายเส้นคดเคี้ยว คล้ายคลึงกับภูเขาหรือน้ำ
“ไม่ได้ ไม่ได้” จางเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “แค่เพียงขีดเขียนเล่นเท่านั้น”
เขาไม่ได้พูดสิ่งใดมาก แต่เฉินตันจูรู้ว่าเขากำลังเขียนบันทึกการจัดการน้ำ นางมองไปยังโต๊ะเตี้ยด้วยรอยยิ้ม อืม โต๊ะตัวนี้เล็กเกินไป
“อาเถียน” นางพูด “ให้จู๋หลินนำโต๊ะตัวใหญ่มา”
อาเถียนตอบรับเสียงดัง
จางเหยากล่าวขอบคุณ ไม่ได้ปฏิเสธ หากแต่พูดขึ้น “คุณหนูตันจู ยาที่ท่านให้ข้ากิน ข้าล้วนกินแล้ว”
เห็นท่าทางเชื่อฟังของเขา เฉินตันจูอยากหัวเราะ ตั้งแต่รู้ว่านางคือเฉินตันจู จางเหยาไม่ตกตะลึงไม่ตื่นตระหนกไม่หวาดกลัวไม่เกรงกลัว ให้กินยาก็กินยา ให้พักอาศัยก็พักอาศัย เชื่อฟังอย่างเหลือเชื่อ แต่นางกระจ่างใจ จางเหยาทำเช่นนี้เพราะรู้ชื่อเสียงของนาง
ในสายตาของจางเหยา เขาถูกนางจับมารักษาโรค ยอมรับในความโชคร้ายของตนเอง เผชิญหน้ากับหญิงร้ายควรจะเชื่อฟัง อย่าทำให้นางโกรธ
เฮ้อ สุดท้ายชาตินี้ท่าทีและความคิดของเขาที่มีต่อนางแตกต่างจากเดิม
แต่ว่า นางไม่สนใจ นางแค่ต้องการรักษาอาการไอของเขา ทำให้เขาไม่ต้องทนรับความลำบาก ต้องการให้เขาทำสิ่งที่ต้องการได้อย่างสำเร็จ ต้องการให้เขาปลอดภัยและราบรื่น ต้องการให้เขาอายุยืนยาว
“คุณชายจาง” นางพูด “โรคของเจ้าเป็นมานาน กินยาครั้งสองครั้งไม่อาจดีขึ้นได้ เจ้าอย่ารีบร้อน”
จางเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่รีบ ไม่รีบ ข้ารู้ว่าเมื่อโรคมาดุจดั่งภูเขาพังทลาย แต่การขจัดโรคดุจดั่งการสานเส้นใย”
เฉินตันจูพยักหน้า ชี้ไปที่โต๊ะเตี้ย “อาเถียน วางกล่องอาหารลง”
จางเหยาพูด “ข้าเก็บกวาดก่อน”
แต่เฉินตันจูก้มตัวเก็บกระดาษบนโต๊ะเตี้ยอย่างระมัดระวัง นางถือกระดาษในมือขึ้นมาดูอย่างละเอียด “สิ่งนี้คือทิศทางของกระแสน้ำใช่หรือไม่”
จางเหยาตกตะลึงเล็กน้อย เขามองนางอย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก “คุณหนูรู้เรื่องนี้หรือ”
เหล่าคุณหนูทั่วไปเรียนหนังสืออ่านตำราย่อมไม่เป็นปัญหา แต่คนที่สามารถเข้าใจทิศทางของกระแสน้ำและภูเขามีน้อยมาก
เฉินตันจูมองกระดาษบนมือ ลายมือยุ่งเหยิง ภาพวาดโบยบิน ยิ้มออกมาบางๆ “มีคนเคยให้ข้าอ่านตำราการจัดการน้ำที่เขาเขียน”
พูดถึงตรงนี้นางก็อดที่จะมีน้ำตาไม่ได้
จางเหยาเห็นท่าทางผิดปกติของนาง ดูท่าทางคนผู้นี้จะเป็นผู้อาวุโส อีกทั้งยังไม่อยู่แล้ว เขาพูดด้วยความลังเล “บังเอิญเสียจริง ข้าก็ชื่นชอบตำราในการจัดการน้ำอย่างยิ่ง จึงเคยอ่านมาบ้าง”
เขายังคงไม่ยอมพูดความจริงกับนาง อะไรคือเคยอ่านมาบ้าง เขาต้องการเขียนเองไม่ใช่หรือ เฉินตันจูยิ้ม น้ำตาสลายไป “คุณชายต้องอ่านมากอ่านให้ละเอียด การจัดการน้ำเป็นคุณงามความดีและมีประโยชน์ต่อราษฎรอย่างมาก”
จางเหยายิ้ม “ไม่กล้าน้อมรับคุณงามความดี เพียงแค่ความชอบเท่านั้น”
เฉินตันจูถาม “คุณชายจางมาเมืองหลวงมีเรื่องใดหรือ”
จางเหยาหัวเราะ “ไม่มี ไม่มี ได้ยินว่าย้ายเมืองหลวงแล้ว สงสัยจึงเดินทางมาดู”
เฉินตันจูตอบรับด้วยรอยยิ้ม ไม่พูดอะไร
“ไม่คิดว่าจะพบกับคุณหนูตันจู” จางเหยาพูดต่อ “อีกทั้งยังสามารถรักษาอาการไอของข้าได้ ข้ามาถูกที่แล้วเสียจริง”
เฉินตันจูยิ้ม “ข้ารักษาคุณชายให้หายดีได้อย่างแน่นอน คุณชายวางใจเถิด”
ทางด้านอาเถียนจัดเตรียมสำรับเรียบร้อยแล้ว
“คุณชายทานข้าวเถิด” เฉินตันจูพูด “ข้าขอตัวก่อน”
จางเหยาระแวงนาง อย่าอยู่เป็นเวลานานเสียดีกว่า ให้เขาทานอาหาร อ่านตำรา รักษาตัวได้อย่างผ่อนคลาย
จางเหยารีบคำนับขอบคุณ
“คุณชาย” เฉินตันจูกำชับอีกครั้ง “ท่านอย่าได้ซักเสื้อผ้าเอง มีเรื่องใดอาฮวาจะทำให้”
อาฮวาเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านที่หญิงชราขายชาจ้าง พักอยู่ด้านข้าง
“ข้าจ่ายเงินให้นางแล้ว” เฉินตันจูยิ้มอีกครั้ง กะพริบตาให้จางเหยา “ท่านอย่าให้นางได้เงินข้าไปเปล่าๆ”
จางเหยาโค้งตัวคำนับ “ขอรับ ขอบคุณคุณหนู”
เฉินตันจูพาอาเถียนจากไป จางเหยาส่งถึงแค่ด้านนอกรั้ว เมื่อรอพวกนางเดินเลี้ยวไปไม่เห็นร่างแล้วจึงเดินกลับมา มองถ้วยชามที่วางอยู่บนโต๊ะ ด้านในเป็นอาหารเลิศรส อีกทั้งมองกระดาษที่ถูกวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านข้าง เขายื่นมือกุมหน้าอกเอาไว้
“น่ากลัวเสียจริง” เขาพึมพำ
ภายใต้เสื้อบริเวณหน้าอกของเขาเสียงดังกรอบแกรบ จางเหยาลูบเบาๆ ก่อนจะเปิดเสื้อชะโงกมอง จดหมายฉบับหนึ่งถูกเขาเก็บเอาไว้ติดตัวอย่างระวัง
“ต้องซ่อนให้ดี อย่าให้คุณหนูตันจูเห็นเข้า” เขาพึมพำ “ยิ่งไม่อาจให้นางรู้ที่ไปของข้า หากทำให้ตระกูลหลิวเดือดร้อนคงจะบาปกรรมยิ่งนัก”
เฉินตันจูกระโดดข้ามแอ่งบนทาง อาเถียนกระโดดตามด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันหลังไปมอง
“คุณหนู” นางดีใจ แต่ก็ไม่ดีใจ “คุณชายจางจำท่านไม่ได้”
ตอนนั้นคุณหนูบอกว่าเป็นคนเก่า นางยังคิดว่าทั้งสองคนมีใจให้กัน แต่เวลานี้คุณหนูจับคน ไม่ใช่ พาคนกลับมา เห็นได้ชัดว่าจางเหยาไม่รู้จักคุณหนู
“ตอนที่พวกเรารู้จักกันยังเด็ก” เฉินตันจูแต่งเรื่องขึ้นมา “เวลานี้เขาลืมหมดแล้ว จำข้าไม่ได้แล้ว”
เมื่อเวลายังเด็ก? คุณหนูจำได้เพียงนี้ช่างเป็นความรักที่ยาวนาน เมื่อเทียบกันเช่นนี้ การลืมของจางเหยายิ่งทำให้คนเสียใจ อาเถียนมองคุณหนูอย่างเห็นใจ
เฉินตันจูยิ้มให้นาง “อย่าคิดมาก ชาตินี้ข้าได้พบเขาอีกครั้ง เป็นเรื่องที่โชคที่ดีสุดแล้ว เขาจำข้าไม่ได้ ไม่รู้จักข้า เกรงกลัวข้าล้วนเป็นเรื่องเล็ก”
คุณหนูดีใจก็พอ อาเถียนพยักหน้า “ถึงแม้จะลืมไปแล้ว แต่เวลานี้คุณชายจางรู้จักคุณหนูแล้ว”
ใช่ เฉินตันจูโยกไปมาด้วยท่าทางดีใจ นายบ่าวทั้งสองเดินกลับไปบริเวณเชิงเขาดอกท้อ หญิงชราขายชายืนเบะปากอยู่ด้านนอกโรงน้ำชา
“คุณหนูตันจู” นางพูด “ข้าก็ยังไม่ได้กินข้าว”
เฉินตันจูยิ้ม “ท่านยายทำอาหารเองได้”
หญิงชราขายชาส่งเสียงไม่พอใจ ไม่คุยเล่นกับนาง หากแต่ชี้ไปยังรถคันหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง “ท่านรีบกลับไปเถิด มีคนจากพระราชวังมา”
ผู้ใดกันคนขององค์ชายสามหรือว่าองค์หญิงจินเหยา เฉินตันจูรีบกลับขึ้นเขาไป ทันทีที่เดินเข้าประตูก็พบองค์หญิงจินเหยาที่แต่งกายงดงามนั่งอยู่ใต้ชายคา นางกำลังมองยาสมุนไพรที่แขวนตากไว้อย่างสงสัย
“องค์หญิง” เฉินตันจูเรียกขานด้วยความดีใจ “ท่านออกมาได้อย่างไร”
องค์หญิงจินเหยามองนาง “ได้ยินว่าเจ้าลักพาตัวชายหนุ่มคนหนึ่งมา ข้าจึงรีบมาดูว่าเป็นชายรูปงามคนใด”