โจวเสวียนเดินออกจากห้อง ชิงเฟิงยังคิดจะพูดอะไรบางอย่างด้วยความตื่นเต้น แต่ถูกโจวเสวียนเหลือบมอง จึงทำได้เพียงพะงาบปากดุจดั่งปลาน้อย สุดท้ายไม่ได้เปล่งเสียงอันใดออกมา
โจวเสวียนไขว้มือไว้ด้านหลังเดินออกจากประตูใหญ่ ชิงเฟิงตามติดอยู่ด้านหลัง นายบ่าวทั้งสองหายลับไปจากอารามดอกท้อ
อาเถียนจับมือของเฉินตันจูพลางสะอื้น “คุณหนู ครั้งนี้จวนของพวกเราไม่สามารถรักษาไว้ได้แล้วจริงหรือ”
หาฮ่องเต้ก็ใม่มีประโยชน์หรือ
มิฉะนั้นเหตุใดคุณหนูจึงไม่มีปฏิกิริยาอันใด บอกว่าขายทันที
โจวเสวียนนี้ร้ายกาจเช่นนั้นจริงหรือ
“เขาไม่ร้ายกาจ” เฉินตันจูพูดเสียงเบา หันหน้าไปมองจู๋หลิน เสียงขึ้นจมูกอย่างชัดเจน “ไม่ร้ายกาจเท่าท่านแม่ทัพ…”
จู๋หลินไม่รอนางพูดจนจบ เขาก้าวเท้าออกจากห้องกระโดดขึ้นบนหลังคาแล้วหายลับไป
“เจ้าวิ่งอันใดกัน” อาเถียนเดินตามออกไปพลันตะโกน น้ำเสียงแทบจะร้องไห้ “คุณหนูยังพูดไม่จบ เจ้าบอกกับท่านแม่ทัพเสีย”
เฉินตันจูยิ้มก่อนจะดึงอาเถียนกลับมา “เอาเถิด อย่ากังวล ไม่เป็นอันใด แค่จวนหลังหนึ่งเท่านั้น”
“ข้ารู้ว่าคุณหนูไม่สนใจจวน” อาเถียนร้องไห้ “แต่ เหตุใดเขาต้องรังแกคุณหนู”
หากผู้อื่นใช้จวนมารังแกนาง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นองค์ชาย เฉินตันจูคงไม่สันติเช่นนี้ นางย่อมต้องปะทะกับอีกฝ่ายจนเลือดไหล แต่โจวเสวียน อาจเป็นเพราะองค์หญิงจินเหยา หรืออาจเป็นเพราะน้ำตาของชายเมาสุราบนพื้นหิมะในอดีตชาติ…
บอกว่าจะฆ่านางด้วยท่าทางโหดเหี้ยมเช่นนั้น แต่ภายในดวงตาของเขาไร้ซึ่งความอาฆาตแม้แต่น้อย
“เขาอยากได้ ก็ให้เขาเถิด” เฉินตันจูพูด “อย่างไรแล้ว…”
อย่างไรแล้ว อีกไม่กี่ปีโจวเสวียนก็ตายแล้ว เวลาที่ได้รับการสถาปนาเป็นท่านโหวเป็นช่วงเวลาที่เขามีเกียรติที่สุด งดงามดุจดั่งดอกไม้ไฟ แต่ก็ร่วงหล่นหายลับไปจนหมดสิ้น หลังจากสถาปนาท่านโหวแล้ว ฮ่องเต้จะพระราชทานงานแต่ง หลังจากเป็นฟู่หม่า เขาจะถูกเรียกคืนอำนาจทางการทหาร…
เมื่อเขาตายไป นางค่อยเอาจวนคืนมาก็พอ
“อย่างไรแล้ว?” อาเถียนถามด้วยน้ำตา
เฉินตันจูดึงแขนเสื้อของนางมาซับน้ำตาให้อาเถียน “อย่างไรแล้วข้าก็ไม่ได้อยู่ วันนี้ต้องมีคนอยู่ มิฉะนั้นคงผุพังไป ขายให้เขา ให้เขาดูแลบ้านให้ดี”
ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน อาเถียนขบขันในคำพูดของคุณหนู “ให้เขาดูแลบ้านแล้วอย่างไร จวนก็ไม่ใช่ของคุณหนูอีกแล้ว หรือว่าคุณหนูจะตามเข้าไปอยู่”
อืม…เฉินตันจูอดคิดไม่ได้ หากโจวเสวียนใช้จวนของนางเป็นจวนท่านโหวจริง หลังจากแต่งงานกับองค์หญิงจินเหยาแล้ว องค์หญิงจินเหยาย่อมต้องอาศัยในจวน เช่นนั้น เมื่อนางไปเยือนองค์หญิงจินเหยา นางย่อมสามารถเที่ยวเล่น หรือพักผ่อนได้ตามใจ
เฉินตันจูบีบจมูกของอาเถียน “ไม่แน่ เขาอยากซื้อจวนของข้าก็ซื้อ ฉะนั้นถ้าข้าอยากอยู่ในจวนของเขา ก็ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ เอาเถิด พวกเรารีบคิดกันดีกว่าว่าจะขายราคาสูงอย่างไร”
เมื่อเห็นนายบ่าวทั้งสองเดินเข้าห้องไป จู๋หลินขมวดคิ้วมุ่นอยู่บนหลังคา
โจวเสวียนเป็นคนที่เขาระแวงที่สุด กังวลเสียยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับองค์ชายหรือองค์หญิง เพราะว่าโจวเสวียนเหมือนกับเฉินตันจู คนหนึ่งทำเพื่อบิดาที่ตายไป ส่วนอีกคนทำเพื่อบิดาที่ยังอยู่ ล้วนเป็นคนที่ไร้ความเกรงกลัว
แต่สองครั้งแล้ว โจวเสวียนมีใจคิดท้าทาย แต่คุณหนูตันจูล้วนยอมถอยให้ ไม่มีทีท่าจะเกิดการปะทะแม้แต่น้อย
เพราะว่าคุณหนูตันจูรู้ตัวดี เวลาใดสามารถรังแกคนอ่อนแอ เวลาใดต้องเกรงกลัวคนมีอำนาจ? หรือเป็นเพราะนางอยากจะขายจวนทิ้งจริงๆ หรือว่าในใจของนางกำหมัดขึ้นอีกครั้ง รอคอยเวลา…
จู๋หลินยื่นมือซ้ายออกมากำหมัดไว้ตรงหน้า ไม่พอ เขายื่นมือขวาออกมากำหมัดอีกข้าง ยังมีหมัดของคุณหนูสี่ตระกูลเหยาอีก ไม่รู้ว่าจะซัดออกไปเมื่อใด เมื่อถึงเวลาจะเกิดความปั่นป่วนอย่างไรอีก
จู๋หลินเก็บหมัดกลับมา หยิบกระดาษจดหมายแผ่นหนึ่งออกมา ก่อนจะหยิบแท่นหมึกและพู่กัน ก่อนหน้านี้เขากลับห้องไปหยิบพู่กัน หมึกและกระดาษ เตรียมเขียนจดหมายให้ท่านแม่ทัพอยู่บนหลังคา ถึงแม้ท่านแม่ทัพมักตอบแค่ข้ารู้แล้ว แต่จดหมายที่ควรเขียนยังต้องเขียน
โจวเสวียนขี่ม้าออกจากภูเขาดอกท้อเข้าเมือง เขาไม่ได้กลับพระราชวังทันที หากแต่เข้าโรงเหล้าแห่งหนึ่งก่อน เขาผลักประตูห้องหนึ่งเข้าไป ชายหนุ่มที่เดิมทีลุกนั่งอย่างกังวลรีบเดินเข้ามา
“คุณชายโจว” คุณชายเหวินถามอย่างร้อนใจ “เป็นอย่างไรขอรับ”
โจวเสวียนโยนภาพวาดคืนให้เขา “นางตกลงขายแล้ว”
“นางตกลงขาย” คุณชายเหวินตะลึง สีหน้าเสียดาย “ช่าง…”
น่าเสียดาย
เหตุใดจึงไม่ปะทะกับโจวเสวียนขึ้นมา แบบตายกันไปข้าง
โจวเสวียนเหลือบมองคุณชายเหวิน คุณชายเหวินแค่นยิ้มออกมา “ช่างดีเหลือเกิน” ก่อนจะตบหน้าอก “ข้ายังกังวลว่าเฉินตันจูจะไม่ยอม ดูท่าทางนางมีความรู้ตัวดี”
โจวเสวียนมองเขาก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น “ข่าวใหม่หวังว่าสุนัขอย่างพวกเจ้าจะมีความรู้ตัวดี หากพวกเจ้าทำชั่วต่อไป ข้าสามารถกำจัดความชั่วแทนราชสำนักและราษฎร”
คุณชายเหวินเป็นบุตรชายของขุนนางท่านอ๋องอู๋ ย่อมต้องถูกด่าเช่นเดียวกัน สีหน้าของเขากระอักกระอ่วน ก่อนจะโน้มตัวลง “คุณชายโจว ท่านอ๋องอู๋ทำชั่วเพราะการยุยงของเฉินเลี่ยหู่ เขาถือครองกองทัพ พวกข้าไม่อาจพูดสิ่งใดได้ต่อหน้าท่านอ๋อง ท่านลองคิดดู เขาสังหารได้แม้กระทั่งบุตรเขย พวกข้ายังไม่อาจเทียบกับสุกรหรือสุนัขได้ในสายตาของเขา”
โจวเสวียนยิ้มเย็นยะเยือก ไม่พูดสิ่งใด
คุณชายเหวินพูดอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “คุณชายโจว สาเหตุที่ท่านพ่อข้าติดตามท่านอ๋องอู๋จากไปก็เพราะต้องการรับใช้ราชสำนัก”
โจวเสวียนเหลือบมองเขา “ท่านมหาราชครูเหวินรู้ความกว่า ท่านมหาราชครูเฉินอย่างมาก”
เขาดูเหมือนยอมรับความหวังดีจากตระกูลเหวินแล้ว คุณชายเหวินโล่งใจ พร้อมทั้งรินชาส่งให้โจวเสวียน โจวเสวียนยืนขึ้นรับมาดื่มจนหมด
“เอาให้คนคำนวณราคามาให้ข้า อย่าปล่อยให้เฉินตันจูเรียกราคาเหลวไหล” เขาพูด ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง “ทางที่ดีปล่อยให้นางเรียกราคาเหลวไหล ให้ข้าได้มีโอกาสสั่งสอนนาง”
คุณชายเหวินคิดในใจเช่นนี้ ดังนั้นเขาย่อมต้องพยายามกดราคาสุดความสามารถ เขาตอบรับทันที โจวเสวียนเดินจากไปอย่างไม่พูดสิ่งใดอีก
เมื่อเสียงฝีเท้าด้านนอกจากไปไกล หัวใจของคุณชายเหวินก็สงบลง เขายืดตัวตรงขึ้น โจวเสวียนนี้มีทั้งกลิ่นอายของผู้มีการศึกษาแต่ก็มีกลิ่นอายของเลือด ความแหลมคมบนตัวเผยออกมาอย่างชัดเจนจนทำให้คนกลัว โจวชิงก็เป็นเช่นนี้หรือ ถึงแม้โจวชิงจะไม่ได้ออกรบด้วยตนเอง แต่พู่กันด้ามเดียวก็สามารถทำให้เหล่าท่านอ๋องเกิดความขัดแย้งขึ้น เหล่าองค์ชายแย่งชิงกันอย่างดุเดือด ฆ่าคนไม่เห็นเลือด
ตอนที่ได้ยินว่าโจวเสวียนเดินทางมา เขาตกใจไม่น้อย โชคดีที่ยังมีเฉินตันจูผู้เป็นขุนนางอู๋ที่หลงเหลืออยู่และโดดเด่นที่สุด โจวเสวียนต้องการระบายความโกรธก็ย่อมต้องระบายกับนาง
คุณชายเหวินรินชาลิ้มลองอย่างช้าๆ เขาย่อมต้องควบคุมราคาของจวนตระกูลเฉินไว้ให้ดี หวังว่าโจวเสวียนและเฉินตันจูล้วนให้การสั่งสอนอีกฝ่าย
โจวเสวียนควบม้าผ่านเข้าประตูพระราชวังไป องครักษ์ที่ทำหน้าที่เฝ้ายามอยู่ไม่ได้มองแม้แต่น้อย
โจวเสวียนพักอยู่กับองค์ชายห้า เวลานี้องค์ชายห้าไม่แอบงีบอยู่ที่กั๋วจื่อเจี้ยน ก็คงหนีออกไปล่องเรือ ภายในพระตำหนักใหญ่ที่มีเขาเพียงคนเดียว
เมื่อเห็นเขาเข้ามา นางในและขันทีปรนนิบัติเขาดีเสียยิ่งกว่าองค์ชาย
“ข้าจะอาบน้ำ” โจวเสวียนพูด
เหล่านางในยิ้มแย้ม “เตรียมไว้แล้วเจ้าค่ะ”
ถึงแม้โจวเสวียนจะไม่เรียนหนังสือแล้ว ความเคยชินมากมายล้วนเปลี่ยนแปลงไป แต่มีเพียงความสะอาดที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากกลับมาจากด้านนอกย่อมต้องอาบน้ำ เฮ้อ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้สามารถอดทนในค่ายทหารมาหลายปีได้อย่างไร เหล่านางในต่างรู้สึกสงสาร
โจวเสวียนพลางถอดเสื้อพลางเดินเข้าข้างใน เขาหันกลับมาเรียกชิงเฟิงเมื่อตระหนักบางอย่างได้
ชิงเฟิงรีบเดินเข้ามา
“มีจดหมายจากตระกูลหรือไม่” โจวเสวียนถาม
ชิงเฟิงก้มหน้าตอบ “ฮูหยินและคุณชายใหญ่ต่างส่งจดหมายมา เพียงแต่บอกว่าไม่เดินทางมาเมืองหลวงแล้ว”
โจวเสวียนตอบรับ “คงจะมีเพียงแค่ข้าคนเดียวที่ดื่มด่ำกับความคึกคักของการสถาปนาท่านโหวแล้ว”
ถึงแม้จะยังไม่ประกาศการสถาปนาท่านโหวอย่างเป็นทางการ แต่ข่าวก็แพร่กระจายออกไปแล้ว ฮ่องเต้และโจวเสวียนต่างเขียนจดหมายให้ทางคุณชายใหญ่ตระกูลโจว หวังว่าพวกเขาจะเดินทางมาเข้าร่วมงานเลี้ยงสถาปนา แต่…
หลังจากที่โจวชิงตายไป โจวเสวียนเข้าร่วมกองทัพ นายหญิงและคุณชายใหญ่ตระกูลโจวต่างคัดค้าน พี่น้องสองคนทะเลาะกัน ได้ข่าวว่าคุณชายใหญ่ตระกูลโจวไม่ยอมรับน้องชายคนนี้อีก หลายปีนี้โจวเสวียนไม่เคยกลับจวน เวลานี้ย้ายเมืองหลวงแล้ว คุณชายใหญ่ตระกูลโจวบอกว่าต้องการเฝ้าหลุมศพของบิดาจึงไม่ย้ายมา
ก่อนหน้านี้โจวเสวียนผ่านประตูจวนแต่ไม่เข้าจวน เวลานี้เขาไม่มีแม้แต่ประตูจวนแล้ว
ชิงเฟิงมองโจวเสวียนอย่างเห็นใจ เขารู้สึกว่าคุณชายใหญ่ตระกูลโจวทำเกินไป เพราะว่าโจวเสวียนเข้าร่วมกองทัพ จึงคิดว่าเขาทรยศบิดา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยใกล้ชิดกับอวี้สื่อต้าฟูโจวชิง แต่เขาเชื่อว่าคนอย่างอวี้สื่อต้าฟูโจวชิง ไม่สนใจว่าบุตรหลานจะเรียนหนังสือหรือเข้าร่วมกองทัพ
โจวเสวียนไม่มีสีหน้าเศร้าแต่อย่างใด เขาโบกมืออย่างเรียบเฉย ชิงเฟิงถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
โจวเสวียนปลดชุดชั้นสุดท้ายออก ย่างเท้าก้าวเข้าไปภายในสระน้ำอุ่นด้วยตัวเปลือย…ท่านอ๋องอู๋ฟุ่มเฟือย แม้จะเป็นตำหนักเล็ก ห้องอาบน้ำก็ตกแต่งอย่างสวยงาม
เหล่านางในหยิบเสื้อผ้าถอยออกไป ภายในห้องเหลือเพียงโจวเสวียนคนเดียว เขาจมลงไปในสระน้ำช้าๆ ผมดำขลับลอยอยู่เหนือน้ำ
เฉินตันจูนั้น โจวเสวียนมองดูสระน้ำ ราวกับเห็นดวงตาของหญิงสาวนั้นขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นทั้งสว่างทั้งสดใส
เขาบอกว่าเขาจะฆ่านาง นางบอกว่านางเชื่อ แต่ภายในดวงตาของนางไม่มีความเกรงกลัวแต่อย่างใด หากแต่มีความเห็นใจ…
ล้วนเป็นคนที่ทรยศบิดา ไร้ความซื่อสัตย์ อกตัญญู ผู้ใดควรเห็นใจผู้ใดกัน โจวเสวียนสะบัดมือ น้ำในสระกระจัดกระจาย
MANGA DISCUSSION