บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 159 ขอบคุณ
เฉินตันจูย่อมไม่มีทางจริงจังกับคำพูดของอาจารย์ฮุ่ยจื้อ แน่นอน นางย่อมไม่คิดว่าอาจารย์ฮุ่ยจื้อเลอะเลือนไปแล้ว
ทุกสิ่งล้วนมีต้นเหตุมาจากที่นางชักนำฮ่องเต้ให้อาจารย์ฮุ่ยจื้อในเวลานั้น อีกทั้งมั่นใจว่าฮ่องเต้จะอพยพเมืองหลวง อาจารย์ฮุ่ยจื้อสามารถใช้โอกาสนี้ปีนป่ายขึ้นไป ทุกสิ่งล้วนเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะฝัน คำพูดไม่กี่ประโยคทุกสิ่งล้วนกลายเป็นเรื่องจริง อาจารย์ฮุ่ยจื้อตกตะลึงเกินไป ด้วยเหตุนี้จะคาดคะเนความสามารถของนางเกินความเป็นจริง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะนางทำได้ทุกอย่าง หากแต่นางฉกฉวยโอกาสก่อน
อีกทั้งสาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะฝ่าบาทมีเจตนานี้อยู่ก่อนแล้ว นางไม่ได้โน้มน้าวแต่อย่างใด หากแต่นางเป็นผู้เสนอออกมาก่อน และเป็นผู้ผลักดันเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่เพียงเรื่องนี้ เรื่องอื่นก็เช่นเดียวกัน
นางมีชีวิตอยู่มาสองชาติแล้ว จะไม่รู้จักตนเองหรืออย่างไร อีกทั้ง…
เฉินตันจูเท้าคางมองอาจารย์ฮุ่ยจื้อ “อาจารย์ปล่อยให้ข้าทำตามใจภายในวัด ข้าย่อมต้องมากล่าวขอบคุณ”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อไม่พบนาง ย่อมเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นาง
“อย่าๆ คุณหนูตันจูพูดเกินไปแล้ว อาตมาไม่กล้ารับคำขอบคุณของท่าน” อาจารย์ฮุ่ยจื้อรีบพูด
“ฝ่าบาทเป็นผู้ให้คุณหนูตันจูมาวัดถิงอวิ๋น หากจะขอบคุณย่อมต้องขอบคุณฝ่าบาท”
คนอื่นอยากไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินตันจูกับอาจารย์ฮุ่ยจื้อ แต่ฮ่องเต้รู้ดีอย่างเป็นที่สุด ฮ่องเต้ไม่ได้ขัดขวางการลงโทษเฉินตันจูของฮองเฮา หากแต่กำหนดสถานที่ไว้ที่วัดถิงอวิ๋น การกระทำนี้ถือเป็นการดูแลเฉินตันจูแล้ว
ในเมื่อเป็นการดูแลของฮ่องเต้อาจารย์ฮุ่ยจื้อจะสร้างความลำบากได้อย่างไร
เฉินตันจูทั้งพยักหน้าทั้งส่ายหน้า สายตาที่มองอาจารย์ฮุ่ยจื้อเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “คนฉลาดเฉลียวอย่างอาจารย์ หากไม่อยากให้ความสะดวกแก่ผู้ใดย่อมต้องมีวิธี กระทำไปตามทิศทางเป็นความสงสารที่อาจารย์มีต่อตันจู”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อมองนางอย่างระแวงอีกครั้ง “อย่างไรก็ตามอาตมาไม่ล้มฮองเฮาอย่างแน่นอน”
ไม่ใช้วิธีการข่มขู่ หากแต่เปลี่ยนเป็นคำพูดแสนหวาน เขาก็ไม่มีทางโดนหลอก
เฉินตันจูหัวเราะร่า นั่งตัวตรง “เอาเถิด เอาเถิด ข้าไม่คุยเล่นกับอาจารย์แล้ว ที่ข้ารออาจารย์เพราะมีเรื่องจะพูดกับท่านจริงๆ” นางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากของกินที่กองอยู่บนโต๊ะหิน “สิ่งนี้ให้ท่าน”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อระแวง ไม่รับมา “สิ่งใดกัน”
“วิธีการทำอาหารเจ” เฉินตันจูบ่น “วัดของท่านกลายเป็นวัดหลวงแล้ว เป็นที่พักของราชครู ท่านเชิญพ่อครัวที่ดีมาเสียเถิด อาหารที่ทำรสชาติแย่มากจริงๆ ฝ่าบาทเดินทางมาเพื่อปฏิบัติธรรมไม่ใช่มาลำบาก หากเป็นข้า ข้ามาสองสามครั้งก็คงไม่อยากมาอีก”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อใช้สองนิ้วรับไป พูดตำหนิด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อย่าได้พูดเหลวไหล จิตใจบริสุทธิ์ของ
ฝ่าบาท มิใช่ความอยากทางปากท้องจะทำลายได้” ก่อนจะก้มหน้ามองสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษ เต้าหู้ หนึ่งสามารถใช้เต้าซี่ผัดพร้อมกัน สองสามารถใช้เห็ดหอมเมล็ดสนและเมล็ดแตงคั่วพร้อมกัน สามสามารถแช่แข็งก่อน จากนั้นต้มพร้อมเห็ดหอมหน่อไม้…วิธีการทำเต้าหู้ผักกาดนานาชนิด อีกทั้งยังมีอาหารอื่นๆ เขียนไว้เต็มแผ่นกระดาษ อาทิ นำซานเย่าต้มสุก จากนั้นใช้ฟองเต้าหู้ห่อเอาไว้แล้วนำไปทอด จากนั้นราดน้ำมันและน้ำตาลเป็นต้น
“ก็แค่เต้าหู้ผักกาดไม่ใช่หรือ” เขาพึมพำ “ทำให้ยุ่งยาก”
เฉินตันจูยืนขึ้น “ไม่ยุ่งยากจะมีอาหารเลิศรสได้อย่างไร ตอนที่ข้ามาอีกครั้ง ข้าไม่อยากอดข้าวอีก”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อพูด “คุณหนูตันจูอย่าได้มาอีกเลย” ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงเก็บกระดาษเอาไว้
เฉินตันจูพูด “ข้าไปแล้ว อาจารย์รีบมาส่งข้า” ก่อนจะหันไปเรียกตงเซิง
ตงเซิงที่แอบดูอยู่ไม่ไกลถูกศิษย์พี่ผลักออกมา
เฉินตันจูชี้ไปที่ผลไม้แห้งและผลไม้เคลือบน้ำตาลบนโต๊ะหิน
“ให้เจ้าแล้ว เจ้าเก็บไว้กิน”
พูดพลางเยื้องย่างจากไป
เมื่อเห็นนางเดินจากไป ตงเซิงมองกลับมาทางโต๊ะหินอีกครั้ง อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะรีบหุบยิ้มลง
ด้านนอกประตูหลังของตำหนักหลัง นางในของฮองเฮายังคงรอคอยอยู่ เมื่อเห็นอาจารย์ฮุ่ยจื้อเดินออกมาส่งเฉินตันจูด้วยตนเอง จึงรีบคารวะทักทาย
อาจารย์ฮุ่ยจื้อตอบรับ ถามไถ่ถึงฮ่องเต้และฮองเฮาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง พร้อมทั้งบอกว่าคุณหนูตันจูตั้งใจปฏิบัติธรรม มีการบรรลุไม่น้อย
นางในดีใจอย่างมาก ก่อนจะคารวะขอบคุณราชครูอีกครั้ง มองดูเฉินตันจูที่ก้มหน้ายืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางเชื่อฟัง ดูท่าทางดีขึ้นกว่าตอนมาอย่างมาก ก่อนจะพูดตักเตือนไม่กี่ประโยค เฉินตันจูก้มกราบขอบพระทัย จากนั้นจึงอนุญาตให้นางออกไปได้
อาเถียนที่ออกไปก่อนรอคอยอยู่ด้านนอกเร่งเร้าให้จู๋หลินเคลื่อนรถม้าเข้ามา
ในขณะที่เฉินตันจูกำลังจะขึ้นรถม้า นางในเรียกขานนางเอาไว้อีกครั้ง ถามพลางขมวดคิ้ว “คัมภีร์ที่เหนียงเหนียงให้ท่านคัดเล่า”
ไม่ได้ส่งขึ้นมาด้วยตนเอง ทำให้นางเกือบลืม
คัมภีร์หรือ เฉินตันจูคิดภายในใจ ตงเซิงคงจะคัดเสร็จแล้วกระมัง นางหันกลับไปมอง
อาจารย์ฮุ่ยจื้อเปิดปากพูดขึ้น “คุณหนูตันจูคัดจบสิบรอบแล้ว ข้าตรวจดูแล้ว เวลานี้ถวายไว้ด้านหน้าพระพุทธรูป”
คัมภีร์ย่อมต้องถวายไว้ด้านหน้าพระพุทธรูปจึงจะเหมาะสม ในเมื่ออาจารย์ฮุ่ยจื้อดูแล้ว นางในก็วางใจ พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มีผ่านตาท่านราชครู เหนียงเหนียงก็วางใจ”
อาจารย์ฮุ่ยจื้อพยักหน้า หางตาเหลือบเห็นเฉินตันจูกะพริบตาเป็นการขอบคุณเขาอยู่ทางนั้น คิ้วของเขาอดที่จะกระตุกไม่ได้…มีแค่นางที่คิดให้ตงเซิงคัดคัมภีร์ให้ นางไม่คิดว่าจะมีปัญหาเรื่องลายมือหรือ ตงเซิงเป็นเด็กที่เติบโตที่วัด ลายมือที่ดุจดั่งสุนัขคลานนั้น…
เอาเถิด นางมั่นใจว่าเขาต้องช่วย
นางในและขันทีจากไปแล้ว เฉินตันจูนั่งรถม้าจากไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ในที่สุดวัดถิงอวิ๋นก็กลับคืนสู่ความสงบ อาจารย์ฮุ่ยจื้อท่องคำว่าพระพุทธเจ้า ก่อนจะถือว่าวางใจที่แขวนเอาไว้ลงชั่วคราว
รถม้าที่ไม่สะดุดตาวิ่งอย่างรวดเร็วอยู่บนถนน ก่อให้เกิดเป็นเสียงก่นด่าจำนวนมาก แต่แล้วเหล่าผู้คนก็ตั้งสติกลับมาได้ เมืองอู๋ที่อยู่ใต้เท้าโอรสสวรรค์เวลานี้ ผู้ที่กล้าจะบังอาจเพียงนี้…มีเพียงเฉินตันจู!
ทุกคนนับนิ้วคำนวณ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที สิบวันครบกำหนด เฉินตันจูที่ถูกกักบริเวณถูกปล่อยออกมาแล้ว
คนบนถนนต่างหลีกออกเป็นทางทันทีโดยไม่ต้องให้จู๋หลินยกแส้ตะโกน โรงเหล้าโรงน้ำชา เหล่าคุณหนูในร้านเครื่องทองเครื่องเงินต่างเดินออกมา พร้อมเดินทางกลับจวนอย่างรวดเร็ว
ความคึกคักนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ประตูเมืองหนึ่งถึงอีกประตูเมืองหนึ่ง จนกระทั้งเชิงเขาอารามดอกท้อ
“คุณหนูตันจูกลับมาแล้ว!” หญิงชราขายชาตะโกนเสียงดังบอกแขกในโรงน้ำชา “คนที่จะมารักษาก็มารักษา มาขอยาก็มาขอยา”
เฉินตันจูยืนอยู่บนทางขึ้นภูเขายิ้มให้กับคนในโรงน้ำชา “ทุกคนอย่ารีบร้อน รอข้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจะเปิดประตูรับรักษา”
คุณหนูตันจูเกรงใจเกินไป พวกข้าไม่ได้รีบแม้แต่น้อย…เหล่าแขกต่างเงียบสงัดอย่างเชื่อฟัง
ตามการเข้าประตูของเฉินตันจู ภายในอารามดอกท้อคึกคักขึ้นมาทันที เหล่าสาวรับใช้ต่างวุ่นวายกับการปรนนิบัติเฉินตันจูอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จเฉินตันจูเพียงแค่สวมชุดกระโปรงทั่วไป เอนพิงโต๊ะเล็ก อาเถียนกำลังเป่าผมให้นาง เยี่ยนเอ๋อจัดเตรียมอาหาร ส่วนชุ่ยเอ๋อหยิบจดหมายเชิญมาหลายใบ ในช่วงเวลาที่เฉินตันจูถูกกักบริเวณ ยังคงมีตระกูลใหญ่เดินทางมาส่งจดหมายถามไถ่
เฉินตันจูฟังชุ่ยเอ๋ออ่านชื่อ พยักหน้า “ล้วนตอบกลับจดหมายของคนเหล่านี้” ก่อนจะครุ่นคิดอีกครั้ง “ทางด้านคุณหนูหลี่ บอกว่าหากนางต้องการ สามารถมาได้แล้ว”
ทางเฉินตันจูและสาวรับใช้ต่างวุ่นวาย จู๋หลินที่มีเวลาว่างอย่างหาได้ยากกลับเข้าห้องไป เขารีบใช้เวลานี้ในการเขียนจดหมายให้แม่ทัพหน้ากากเหล็ก เขาสงสัยอย่างมาก อีกทั้งกังวลอย่างมาก ทั้งๆ ที่บอกตัวตนของคุณหนูสี่ตระกูลเหยาให้แก่คุณหนูตันจูแล้ว เหตุใดคุณหนูตันจูจึงทำราวกับว่าลืมไปแล้ว ไม่แม้แต่จะพูดถึงถามถึง ยิ่งไม่มีท่าทีจะสู้จนสุดชีวิตกับคุณหนูสี่ตระกูลเหยา
…
เมืองฉีเดินทางมาถึงช่วงปลายของฤดูใบไม้ผลิ ลมกลุ่มหนึ่งพัดผ่านไปทำให้อากาศหนาวเย็นลงไม่น้อย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กสบายที่สุด เขาที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าและเกราะหนาสามารถสะบัดอาวุธอยู่ด้านหน้าตำหนัก ไม่จำเป็นต้องหลบอยู่ภายในห้องแล้ว
“นางเพียงแค่ไม่กลัวตาย ไม่ได้ต้องการหาที่ตาย” แม่ทัพหน้ากากเหล็กเก็บมีดยาว พูดกับเฟิงหลินที่อ่านจดหมายอยู่ด้านข้าง “คุณหนูตันจูเป็นคนที่วางแผนก่อนกระทำเสมอ”
เขารับจดหมายมา กวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับจ้องไปอยู่บริเวณหนึ่ง ยิ้มขึ้น
“นี่ไม่ใช่หรือ คุณหนูตันจูรู้จักองค์ชายสามแล้ว”