บุปผาลิขิตแค้น - ตอนที่ 132 งานเลี้ยงใหญ่
เยี่ยนเอ๋อถือชาสมุนไพรห่อหนึ่งวิ่งลงจากเขา หญิงชราขายชารีบทักทาย
“ท่านยาย วันนี้วางยาไว้ที่ท่าน” เยี่ยนเอ๋อพูด “หากมีคนต้องการขึ้นเขาหาคุณหนูของพวกเรา…”
หญิงชราขายชารีบรับยาไปอย่างดีใจ ก่อนจะพูดต่อจากอีกฝ่าย “…ก็บอกว่าวันนี้คุณหนูตันจูไม่รับรักษา ตรงนี้มีชาสมุนไพรของอารามดอกท้อ หยิบกลับไปหนึ่งห่อได้”
คุณหนูเหล่านี้ล้วนเป็นคนในตระกูลร่ำรวย ไม่มีผู้ใดกล้าหยิบไปโดยไม่ให้เงิน อีกทั้งไม่มีผู้ใดรีบจากไป ดังนั้นพวกนางย่อมต้องนั่งพักในโรงน้ำชากินผลไม้ ซึ่งหมายความว่าวันนี้กิจการขายดีอีกแล้ว
“วันนี้คุณหนูตันจูไม่รับรักษาอีกแล้วหรือ” นางส่ายหน้า “ขี้เกียจเช่นนี้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้มักบอกว่าไม่มีคนมา เวลานี้มีคนมาแล้วอย่าได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อย”
เยี่ยนเอ๋อพูดอย่างจริงจัง “ไม่ใช่ ไม่ใช่ คุณหนูของพวกเรามีเรื่องสำคัญมาก”
เรื่องสำคัญหรือ หญิงชราขายชาฉงนแต่ก็มีความกังวลเล็กน้อย คุณหนูตันจูมีเรื่องสำคัญอันใด จะฟ้องร้องกับผู้ใดอีกหรือ
เฉินตันจูนั่งอยู่บนหินภูเขา ในมือถือจดหมายเชิญฉบับหนึ่งนั่งดู
“คุณหนู จดหมายเชิญนี้ตระกูลฉางส่งมาให้เจ้าค่ะ” อาเถียนเอ่ย “บอกว่าจะจัดงานล่องเรือ พวกเราจะไปหรือไม่เจ้าคะ”
“ไป” เฉินตันจูพูด “ย่อมต้องไป”
นางหาจดหมายเชิญของตระกูลฉางออกมา จากนั้นให้อาเถียนไปส่งจดหมายตอบรับด้วยตนเอง เป้าหมายก็เพื่อจดหมายเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้…หญิงสาวตระกูลฉางคนนั้นบอกกับหลิวเวยว่าจะจัดงานเลี้ยงให้นาง ไม่เชิญคุณหนูจง แก้แค้นแทนนาง
งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นมาจริง ท่าทางท่านยายคนนั้นจะรักใคร่หลิวเวยมาก เพียงแต่ท่านยายคนนั้นดูไม่ชอบจางเหยา อีกทั้งไม่ชื่นชอบหลิวจั่งกุ้ย นางควรไปสืบสถานการณ์ของตระกูลนี้เสียหน่อย จางเหยามาถึงจะได้ไม่ถูกรังแก
“แต่ว่า หากเป็นเช่นนั้น คุณหนูหลิวก็รู้แล้วว่าท่านเป็นใคร” อาเถียนเตือน
ถึงแม้ชื่อของคุณหนูจะโด่งดังมาก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักลักษณะของนาง ไปหุยชุนถังมาหลายครั้ง นางไม่เคยบอกชื่อ คนของหุยชุนถังก็ไม่เคยใส่ใจว่านางเป็นผู้ใด…
แต่หากรู้ว่านางเป็นผู้ใด คงจะ…ไม่ขายให้นางย่อมเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่เกรงว่าท่าทางเป็นมิตรจะเปลี่ยนไป อีกทั้งไม่คุยกับคุณหนูมากมายเหมือนเคย
อีกทั้งยังมีคุณหนูหลิวเวยนี้ คงจะห่างเหินจากคุณหนูไปกว่าเดิมเสียอีก
“ข้าไม่กลัวนางรู้” เฉินตันจูพูด “เวลานี้ข้ารู้จักนางแล้ว ไม่ใช่นางอยากหลบก็หลบได้” นางโยนจดหมายให้อาเถียน “ไปเถิด”
ฟังดูประโยคร้ายกาจนี้ น่ากลัวแค่ไหน จู๋หลินส่งเสียงภายในใจ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปก่อน…เหตุใดเรื่องส่งจดหมายตอบรับก็ต้องเป็นเขา
คนเฝ้าประตูของตระกูลฉางค่อนข้างยุ่งในระยะนี้ มีคนที่คุ้นเคยบ้างไม่คุ้นเคยบ้างมาเยือน บ้างส่งจดหมายตอบรับแล้วจากไป บ้างรอคอยพบเจอเหล่านายท่านในตระกูล
ถึงแม้ไม่ใช่ทุกคนที่เดินทางมาจะพบนายท่านฉาง แต่หลายวันนี้นายท่านฉางก็ยุ่งมาก โดยเฉพาะพบเจอกับตระกูลที่แทบจะไม่เคยไปมาหาสู่กันในวันปกติ
แปลกเสียจริง เหตุใดจึงมีคนมาเยือนมากมาย
นายท่านฉางฉงน ส่วนคนที่มาเยือนก็ฉงน
“นายท่านฉาง ท่านบอกข้ามา เหตุใดคุณหนูตันจูจึงตอบรับพวกท่าน” คนทั้งสามที่นั่งอยู่ในห้องของนายท่านฉางถามขึ้นตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม “พวกท่านคบหาคุณหนูตันจูได้อย่างไร มอบอะไรให้หรือ”
นายท่านฉางยิ้มขมขื่น “ข้าไม่รู้จริงๆ พวกข้าไม่ได้ทำอันใดแม้แต่น้อย ยังไปไม่มากเท่าพวกท่าน”
ทั้งสามทำสีหน้าไม่เชื่อ
“ตาฉาง จากความสัมพันธ์อันดีของสองตระกูล เจ้าอย่าได้ปิดบังเช่นนี้” คนหนึ่งโน้มน้าวด้วยความสัมพันธ์
อีกคนพูดด้วยเหตุผล “นายท่านฉาง เวลานี้ตระกูลใหญ่ของเมืองอู๋เก่าต้องร่วมแรงร่วมใจ มิฉะนั้นอยู่ต่อหน้าผู้มีอำนาจของราชสำนักคงมีแต่ถูกรังแก”
นายท่านฉางไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ ก่อนจะยืนกรานอีกครั้งว่าไม่ได้ทำอันใด ก่อนจะคาดเดาบางอย่างได้ เขาทำหน้าเหลือเชื่อ “ไม่ใช่ว่าคุณหนูตันจูไม่ได้ตอบรับพวกท่านหรอกกระมัง”
ชนชั้นสูงทั้งสามคนนี้ล้วนมีฐานะสูงกว่าตระกูลฉาง หากพูดอย่างไม่เกรงใจ นายท่านทั้งสามเดินทางมาเยือนตระกูลฉางเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ
สีหน้าของทั้งสามคนไม่ดีนัก ก่อนจะส่งเสียงไม่พอใจ ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง พ่อบ้านวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนจากด้านนอกประตู สีหน้าหวาดกลัว “นายท่าน แย่แล้วขอรับ”
เวลานี้ ตระกูลใหญ่ในเมืองอู๋ต่างไม่อยากได้ยินคำว่าแย่แล้วนี้ สีหน้าของนายท่านฉางเปลี่ยนไปทันที สามคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ระแวงขึ้นมา ทำท่าทางเหมือนจะจากไปทันที
“เรื่องอันใดแย่แล้ว” นายท่านฉางถาม
พ่อบ้านส่งจดหมายเชิญเข้ามา “คุณหนูตันจูตอบรับ บอกว่าจะเข้าร่วมงานล่องเรือของเหล่าฮูหยิน
ขอรับ”
นายท่านฉางผงะ ท่านแม่จัดงานล่องเรือ แต่ก็เป็นแค่เรื่องสนุกของเหล่าหญิงสาว คนที่เชิญก็ล้วนเป็นญาติมิตรที่มาประจำ…ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมา แม้แต่เขายังไม่สนใจ ไม่เคยถามถึง
เหตุใดเฉินตันจูจึงมา
“พวกเราส่งจดหมายเชิญตามจดหมายที่เคยส่งในตระกูล” พ่อบ้านอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “เนื่องจากเพิ่งได้รับจดหมายของคุณหนูตันจู จึงส่งให้นางด้วย”
ส่งก็เพียงแค่ส่ง หลักการของตระกูลฉางคือทำตามมารยาท มาหรือไม่มาไม่สำคัญ
งานชมดอกบัวของตระกูลเหอภายในเมืองก็ส่งจดหมายเชิญให้คุณหนูตันจู แต่คุณหนูตันจูไม่ได้สนใจ
ผู้ใดจะคิดว่าคุณหนูตันจูจะตอบรับว่าจะมา
“…เมื่อวานส่งไป วันนี้ก็ได้รับการตอบรับแล้ว”
นายท่านฉางผงะ ไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด เขายื่นมือออกไปรับ…มีคนเร็วยิ่งกว่าเขาเสียอีก แขกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ยื่นมือแย่งชิงไป จากนั้นทั้งสามคนล้อมวงดู
แซ่เฉินนามตันจูจริงๆ
สายตาที่ทั้งสามคนมองนายท่านฉางยิ่งมีนัยยะ “ยังบอกว่าไม่คุ้นเคย ไม่เคยไปมาหาสู่…”
นายท่านฉางอธิบายไม่ได้แล้ว “ไม่มีจริงๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น”
“เจ้าไม่ต้องบอกว่าเกิดอันใดขึ้น” ทั้งสามคนพูด ยื่นมือออกไปด้านหน้า “จดหมายเชิญงานล่องเรือของตระกูลเจ้ามอบให้ข้าหนึ่งฉบับ”
ทั้งสามตระกูลไปมาหาสู่กับตระกูลฉางน้อยมาก เรื่องใหญ่อย่างแต่งงานหรืองานศพอาจมีของขวัญธรรมดาส่งมา แต่งานเลี้ยงอื่นพวกเขาไม่เคยมา งานเลี้ยงเล็กภายในตระกูลยิ่งไม่มีทาง
เวลานี้ยื่นมือขอจดหมายเชิญด้วยตนเอง แน่นอน นายท่านฉางรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มาเพราะตนเอง หากแต่เป็นเพราะคุณหนูตันจู แต่ในฐานะนายท่านของตระกูลก็ถือว่ามีความสัมพันธ์กัน นายท่านฉางย่อมไม่รังเกียจที่จะคบหาทั้งสามตระกูล เขาจึงให้พ่อบ้านหยิบจดหมายเชิญมาสามฉบับ ทั้งสามคนรับจดหมายเชิญไป จากนั้นให้พ่อบ้านตระกูลฉางบันทึกลงไป พวกเราย่อมต้องเดินทางมาอย่างแน่นอน
หลังจากส่งคนทั้งสามจากไป นายท่านฉางถือจดหมายของเฉินตันจูไปหามารดา แต่เหล่าฮูหยินตระกูลฉางเรียบเฉยอย่างยิ่ง
“มาก็มาเถิด” นางพูด “ตระกูลเราก็ใช่ว่าไม่กล้าต้อนรับ อย่างไรก็ตามนางเป็นแค่หญิงสาวตัวน้อย อาจเบื่อหน่ายที่อยู่บนเขานานไป ชื่อเสียงเสียหายโด่งดังในเมือง นางก็ไม่อาจไปได้ จึงมาเดินเล่นในชนบทแทน”
นายท่านฉางตอบรับ ภายในใจคิดว่าไม่ใช่ไม่กล้าต้อนรับ หากแต่ไม่กล้าไม่ต้อนรับ หรือว่าพวกเขาจะกล้าไม่ให้คุณหนูตันจูมาหรือ
“ในเมื่อคุณหนูตันจูจะมา ตระกูลทั้งสามนั้นก็จะมา เช่นนั้นต้องเพิ่มโต๊ะเสียหน่อย” นายท่านฉางพูด “ลูกจะจัดการเรื่องเหล่านี้เอง”
เหล่าฮูหยินตระกูลฉางพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องแค่นี้ ข้ายังจัดการเองได้อยู่”
แต่วันที่สอง เหล่าฮูหยินตระกูลฉางก็ไม่อาจพูดประโยคนี้ได้อีก จดหมายตอบรับและคนหลั่งไหลกันเข้ามาดุจดั่งหิมะ บ้างส่งจดหมายตอบรับกลับมา แต่ส่วนมากเดินทางมาขอจดหมายเชิญ นอกจากนี้มีคนมาส่งจดหมายเยือนโดยตรง บอกว่าวันงานล่องเรือจะมาเยี่ยมเยือน…
สามวันหลัง ประตูจวนของตระกูลฉางกองเต็มไปด้วยจดหมาย ตระกูลใหญ่เกือบทั้งหมดของเมืองอู๋ล้วนเดินทางมา
งานเลี้ยงขนาดนี้ ตระกูลฉางไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่มีการจัดตั้งตระกูล ครานี้อย่าว่าแต่เหล่าฮูหยินตระกูลฉางจัดการไม่ไหว นายท่านฉางบ้านเดียวก็จัดการไม่ไหว เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของทั้งตระกูล
ทั่วทั้งตงเจียววุ่นวายขึ้นมา รถม้าเข้าๆ ออกๆ จัดซื้อสิ่งของ ทำความสะอาดน้ำในทะเลสาบ ลากเรือออกมาจำนวนมากขึ้น จวนของตระกูลสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ
เวลานี้มีเพียงเหล่าคุณหนูอายุน้อยที่ยังไม่แต่งงานที่มีเวลาว่าง มีเวลาว่างเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นในตระกูล พวกนางก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เพื่อให้ตนเองโดดเด่นที่สุดในงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน
เหล่าคุณหนูวุ่นวายจนไม่มีเวลาเล่นด้วยกัน แต่ก็ทำให้ลดความขัดแย้งไปไม่น้อย หลิวเวยรู้สึกว่าระยะนี้เป็นวันที่อยู่อย่างเงียบสงบที่สุดในตระกูลฉาง
“คิดไม่ถึงเสียจริง งานล่องเรือที่ท่านทวดจัดให้เจ้าจะกลายเป็นงานใหญ่เพียงนี้” อาอวิ้นเอนพิงราวกั้น มองพื้นที่ตงเจียวที่สว่างไสวจากที่สูง “เมื่อถึงเวลา เวยเวยเจ้าต้องอดทนเอาไว้หน่อยแล้ว”
งานเลี้ยงใหญ่เพียงนี้ หลิวเวยย่อมไม่ใช่ตัวเอกอีกต่อไป ในฐานะบุตรสาวของตระกูลญาติต้องอยู่ด้านหลัง เหล่าฮูหยินตระกูลฉางที่เอ็นดูนางมากก็คงปลอบประโลมนางไม่ได้ทันเวลา