บทที่ 478 ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ เคราะห์ภัยสามพัน
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนสังหารวิญญาณร้ายเตรียมเซียนได้สามตน เซียนชั่วร้ายก็มีใบหน้ามืดทะมึน
เขาพบว่าตนเหมือนจะดูถูกเจ้ามนุษย์คนนี้ไป
เด็กหนุ่มแค่นี้กลับระเบิดกำลังรบเหนือกว่าเตรียมเซียน
พรสวรรค์ระดับนี้ ต่อให้เป็นต่างแดนก็ยังเป็นปีศาจสะท้านโลก
เซียนชั่วร้ายไม่เชื่อว่าในโลกมนุษย์ที่กฎเกณฑ์ฟ้าดินไม่สมบูรณ์นี้จะสร้างอัจฉริยะระดับนี้ออกมาได้
มีความลับ จะต้องมีความลับแน่!
…….
เซียนชั่วร้ายจ้องเสิ่นเทียน ดวงตากลายเป็นสีแดงฉาน
ดวงตาชั่วร้ายมายาลอยขึ้นมาข้างหลังเขา เต็มไปด้วยพลังกระชากจิตใจคน จะสอดส่องความจริง
นี่คือวิชาลับสูงสุดของเผ่าวิญญาณร้าย อยากจะเห็นความลับในตัวเสิ่นเทียน
ทว่า ในสายตาเซียนชั่วร้ายกลับเห็นเพียงความขมุกขมัว หมอกหนาทึบ ส่องอะไรไม่ได้เลย
เซียนชั่วร้ายขมวดคิ้วมุ่น มีสีหน้าตื่นตกใจ
เขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนแท้จริง ทั้งยังปลุกวิชาลับสูงสุดของเผ่าวิญญาณร้าย
ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญระดับเดียวกันก็ยากจะซ่อนพลังต่อหน้าเขาได้
แต่ตอนนี้ เขากลับอ่านมนุษย์คนหนึ่งไม่ขาด
เซียนชั่วร้ายพึมพำกับตัวเอง “เจ้าคนนี้เป็นใครกัน เหตุใดถึงลึกลับเช่นนี้”
การคงอยู่ที่แม้แต่เซียนแท้จริงยังสอดส่องไม่ได้จะต้องซ่อนความลับยิ่งใหญ่ไว้แน่นอน
แต่ดีที่เซียนชั่วร้ายยังเจอข้อมูลส่วนหนึ่ง
แม้เขาจะส่องกลิ่นอายพลังเสิ่นเทียนไม่ได้ แต่ก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งเลือดลมมหาศาล
พลังแห่งเลือดลมนั้นเอ่อล้นยิ่งนัก เหมือนเตาหลอมพลังเลือดลม กายเนื้อดั่งมังกร
ดูท่านี่คงเป็นเหตุผลที่กำลังรบของเจ้านี่แกร่งขนาดนี้ กายเนื้อเช่นนี้เหมือนสัตว์ร้ายโบราณ เป็นกายเทพสูงสุด!
เซียนชั่วร้ายมีหมอกชั่วร้ายวนเวียนรอบกาย มันแสยะยิ้ม “ไม่นึกเลยว่าโลกนี้จะยังมีปีศาจน่าตกใจเช่นนี้อยู่ แต่น่าเสียดาย หากเจ้าซ่อนตัวดีๆ บางทีอาจจะรอดไปได้สองสามวัน แต่วันนี้ เจ้ามาถึงสุดปลายทางแล้ว!
เหล่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ฆ่ามัน ใช้กายวิญญาณของมันช่วยวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สูงสุดมาเยือน!”
เซียนชั่วร้ายแววตากลายเป็นเหี้ยมโหดยิ่ง จ้องเสิ่นเทียนตาเขม็ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความละโมบดุร้าย
กายเนื้อเสิ่นเทียนแกร่งมาก ทำให้เซียนแท้วิญญาณร้ายใจสั่นไหว
หากยึดกายเนื้อเสิ่นเทียนมาได้ ก็จะทำให้วิญญาณร้ายสูงสุดต่างแดนลงมาเยือนผ่านจิตวิญญาณ ปรากฏในโลกมนุษย์อีกครั้ง
ถึงตอนนั้น การจะทำลายล้างขุมอำนาจห้าดินแดนก็เป็นเรื่องง่ายดาย กระทั่งสำเร็จงานเผ่าวิญญาณร้ายได้เร็วที่สุด กำราบโลกนี้ได้
ถ้าเช่นนั้น เซียนชั่วร้ายอย่างเขาจะกลายเป็นขุนนางที่สร้างคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเผ่าวิญญาณร้าย ได้รับการชมเชยจากวิญญาณร้ายสูงสุด
รองลงมาคือเขาจะทำลายความหวังของทุกเผ่าทะเลอุดร ทำให้ทุกคนจมลงหุบเหวลึก ตายอยู่ใต้ความหวาดกลัวไม่มีสิ้นสุด
แบบนั้นถึงจะลบล้างความแค้นที่ทำให้กายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บาดเจ็บได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เซียนชั่วร้ายก็ส่งเตรียมเซียนสิบแปดตนออกไปปิดล้อมเสิ่นเทียนไว้อย่างไม่ลังเลเลย
…..
“ขอรับท่าน!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณร้ายได้ยินเช่นนั้นก็มีเตรียมเซียนสิบแปดตนก้าวออกไป
ผู้แข็งแกร่งพวกนี้ถูกมหาอริยะเกาะมังกรดำกับเผ่าคุนขวางไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ได้สู้สุดกำลัง แค่อยากให้ผู้บำเพ็ญเผ่าทะเลอุดรถูกความกลัวกลืนกินไปทีละนิด
ไม่อย่างนั้นด้วยพลังบำเพ็ญมหาอริยะจะไปต้านเตรียมเซียนได้อย่างไร
ตอนนี้เซียนชั่วร้ายออกคำสั่งมา พวกเขาย่อมไม่เล่นต่อไปอีก
วิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนสิบแปดตนออกมืออย่างดุดัน พลังชั่วร้ายโหมซัดสาดไม่ขาดสาย!
บึ้ม!
ทันใดนั้นเอง มังกรดำและคุนยักษ์มากมายกระเด็นออกไป กระอักเลือดพันลี้ กลิ่นอายพลังอ่อนลงอย่างมาก
เพียงชั่วครู่เดียว ผู้แข็งแกร่งของเกาะมังกรดำกับเผ่าคุนสุญตาถูกโจมตีถอยไปเก้าส่วน
วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบแปดตนยืนกลางอากาศ กลิ่นอายพลังน่าสะพรึงถึงที่สุด ราวกับมารร้ายปรากฏ
“ขวางพวกมันไว้!”
เอ๋าเย่กับคุนซวีเบิกตาโตด้วยความโกรธ กลิ่นอายพลังพุ่งทะลักมาทั้งตัว พามหาอริยะที่เหลือพุ่งเข้าไป หมายจะขวางวิญญาณร้ายพวกนี้ไว้
วิญญาณร้ายเตรียมเซียนเคลื่อนไหวพร้อมกันมากขนาดนี้ ศักยภาพล้นฟ้า มากพอจะทำลายขุมอำนาจทะเลอุดรได้เก้าส่วน
พวกเขากลัวว่าเสิ่นเทียนจะมีอันตราย ถึงจะเข้าไปขวางไว้สุดชีวิต
“เคี๊ยกๆ พวกมดปลวก ข้าจะเล่นกับพวกเจ้าเอง”
ทว่ามีวิญญาณร้ายเตรียมเซียนอีกสามตนก้าวออกมาขวางหน้าพวกเอ๋าเย่ไว้
นอกจากวิญญาณร้ายสี่ตนที่เสิ่นเทียนสังหารกับวิญญาณร้ายอีกสองคนที่ฉู่หรงเหอรั้งไว้แล้ว วิญญาณร้ายเตรียมเซียนเคลื่อนไหวกันทั้งหมด ทำให้สถานการณ์ทะเลอุดรอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสามตนร่วมมือกัน ร่างเป็นอักขระประหลาดขึ้น รวมเป็นหม้อยักษ์พลังชั่วร้ายกลางนภา กดอัดฟ้าดิน
พลังชั่วร้ายโหมกระหน่ำ บดบังฟ้าบังดวงตะวัน กดทับลงมา
ผู้แข็งแกร่งทะเลอุดรเช่นเอ๋าเย่พลันถูกหม้อใหญ่พลังชั่วร้ายผนึกไว้ ปลีกตัวไปไม่ได้ในเวลาอันสั้น
“เจ้าหนูเสิ่น ระวังด้วย!”
พวกเอ๋าเย่ร้อนใจดั่งไฟรนก้น ได้แต่โจมตียอดค่ายกลไปเรื่อยๆ เพื่อออกมาช่วยเสิ่นเทียนให้เร็วที่สุด
…..
และในตอนนี้เอง วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบแปดตนเดินหน้าไปแล้ว พลานุภาพน่ากลัวหมุนม้วนฟ้าดิน ทำให้ท้องนภาพลิกกลับ
พวกเขาเคลื่อนพลังชั่วร้ายล้นฟ้า เหยียบอากาศแตกกระจายเข้ามา อานุภาพสั่นสะเทือนฟ้าดิน
พลังชั่วร้ายไม่มีสิ้นสุดหมุนม้วน เต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย น่ากลัวสุดขีด
ผู้แข็งแกร่งเตรียมเซียนสิบแปดตนเคลื่อนพลพร้อมกัน พลังจะตีเสมอฟ้าดิน ทำลายล้างขุมอำนาจระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายดาย
ตอนนี้กลับเพื่อรับมือแค่เสิ่นเทียนคนเดียว
ราคานี้มากเกินไปจริงๆ
วิญญาณร้ายที่นำหน้ามาหัวเราะเยาะ ”เจ้าหนู ได้รับความสนใจจากท่านเซียนชั่วร้ายได้ ถือว่าเป็นเกียรติของเจ้า ยอมให้จับเสียดีๆ ข้าจะให้เจ้าตายสบายหน่อย”
ในมุมมองเขา เตรียมเซียนเคลื่อนไหวมามากขนาดนี้ ถือว่าให้เกียรติเสิ่นเทียนมากแล้ว!
แม้เสิ่นเทียนจะแสดงกำลังรบแก่กล้า สังหารเตรียมเซียนสามตนต่อเนื่องกัน แต่สามตนเทียบกับสิบแปดตนแล้ว มันคนละระดับกันเลย
พวกเขาไม่เชื่อว่าร่วมมือกันมากขนาดนี้จะกำราบเสิ่นเทียนไม่ได้
หากนี่ยังกำราบไม่ได้อีก…ข้าจะดื่มน้ำทะเลของทั้งเขตทะเลเบิกฟ้าให้หมดเลย!
……
เสิ่นเทียนหน้าไม่เปลี่ยนสีไป ก่อนจะยิ้มมุมปาก “พวกเจ้าคู่ควรรึ ไม่กลัวตายก็เข้ามา!”
เสิ่นเทียนโบกมือกว้าง กระบี่ดาราเบิกฟ้าพุ่งขึ้นฟ้า ตรงไปนอกเมฆฟ้าเก้าชั้น
ทันใดนั้น แสงดาราส่องสว่างออกมา และยังแนบด้วยพลังเบิกฟ้าขมุกขมัว
ท้องนภาพลันถูกปั่นป่วน ทะเลหมอกสั่นสะเทือน อานุภาพมหาศาล
ขณะเดียวกันเตาหลอมเทพสุริยะขวางห้วงอากาศ ระเบิดแสงเทพไม่มีสิ้นสุด
อำนาจจักรพรรดิแก่กล้ากวาดล้างฟ้าดิน ไฟแท้สุริยะพุ่งออกมา พลังโหมซัดสาด
เมื่อเห็นภาพนี้ เตรียมเซียนสิบแปดตนมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายแสงชั่วร้าย
มีคนหัวเราะเยาะ “ดีเจ้าหนู ไม่อยากเชื่อว่าจะมีสมบัติมากขนาดนี้”
สมบัติสูงสุดระดับนี้ทำให้เตรียมเซียนใจสั่นไหว
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ประมาทเช่นกัน ร่วมมือกันจู่โจมเสิ่นเทียน
ไม่นาน วิญญาณร้ายสิบแปดตนก็ใช้กำลังปิดล้อมเสิ่นเทียนไว้ทุกทาง พลังชั่วร้ายโดยรอบระเบิดกระจาย แผ่พลังน่าสะพรึงสุดขีด เหมือนจะเปลี่ยนเขตนี้ให้เป็นขุมนรก
วิญญาณร้ายไม่มีสิ้นสุดรวมเป็นผีร้ายแผดเสียงคำราม รวดเร็วและดุดันยิ่ง
เตรียมเซียนสิบแปดตนออกมือเต็มที่ พลานุภาพสั่นคลอนฟ้าดิน
ภาพนี้น่าตกใจยิ่งนัก ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเตรียมเซียน เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้ก็ต้องใจสั่นไหว
ทว่าเสิ่นเทียนกลับหน้าไม่เปลี่ยนสีไป ยังเฉยชาอย่างยิ่ง
ก่อนจะเห็นกลิ่นอายพลังเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ศักยภาพของจุดสูงสุดหลอมรวมเทพพุ่งขึ้นไม่หยุด
ศาสตร์บำเพ็ญแก่นพลังทองก้าวข้ามธรณีประตู กำลังจะฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ
กฎเกณฑ์มากมายตกลงมา ทำให้ฟ้าดินเกิดภัยพิบัติขึ้น
เห็นแค่ว่าเมฆเคราะห์ภัยผืนใหญ่รวมเข้ามา แสงดำตกลง แผ่พลังที่น่ากลัวสุดขีด
ประกายสายฟ้าสว่างวาบ งูอัสนีเวียนว่าย เต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนมีสีหน้าตกใจกลัว!
“เหตุใดถึงมีเคราะห์สวรรค์กัน”
“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนกำลังฝ่าด่านเคราะห์รึ”
“เขายังไม่ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะอีกหรือ”
ทุกคนจิตใจสั่นกระเพื่อม ตื่นตกใจอย่างยิ่ง
ด้วยกำลังรบที่เสิ่นเทียนแสดงออกมา เขาสังหารวิญญาณร้ายเตรียมเซียนได้ง่ายดาย ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าพลังบำเพ็ญเสิ่นเทียนถึงเตรียมเซียนนานแล้ว อย่างน้อยก็มหาอริยะ
ถึงอย่างไรพรสวรรค์สุดยอดของเสิ่นเทียนก็เป็นโอรสสวรรค์ระดับปีศาจที่สุดแห่งยุค
แม้พลังบำเพ็ญจะสู้วิญญาณร้ายไม่ได้ แต่ก็ข้ามขั้นไปสู้กับศัตรูได้
แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้คนมากมายตื่นตะลึงจริงๆ
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเสิ่นเทียนจะยังไม่ฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ
ยังไม่เป็นผู้อริยะก็สังหารเตรียมเซียนได้
แล้วหากเป็นผู้อริยะจะน่ากลัวเพียงใดกัน
ทุกคนตาพร่ามัว จับจ้องร่างเงากลางนภา จิตใจเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียน ช่างสมกับเป็นอัจฉริยะ
แค่เคราะห์สวรรค์ที่จะฝ่าเป็นผู้อริยะยังน่ากลัวขนาดนี้
นี่ถูกลิขิตไว้ว่าจะต้องประสบความสำเร็จสูงสุด!
………
ประกายสายฟ้ากลางนภาสว่างวูบวาบ หลากสีอย่างยิ่ง
สายฟ้าทุกสายแผ่อำนาจน่าสะพรึง เหมือนจะทำลายฟ้าดินแหลกลาญ
เมื่อเห็นภาพนี้ เตรียมเซียนสิบแปดตนหน้าเปลี่ยนสีไป ใบหน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง
แม้พวกเขาจะรู้ว่านี่เป็นเพียงเคราะห์สวรรค์ที่จะฝ่าเป็นผู้อริยะ แต่อานุภาพกลับน่ากลัวมาก ในเมฆเคราะห์ภัยเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง ทำให้เตรียมเซียนหวาดกลัว
แค่สายฟ้าธรรมดาสายเดียวก็สังหารเจ้าอริยะ ทำให้มหาอริยะบาดเจ็บสาหัสได้
เพราะว่านี่ไม่ใช่เคราะห์สวรรค์ธรรมดา แต่เป็นเคราะห์สามพันที่หาได้ยากในประวัติการณ์
เคราะห์สวรรค์นี้หาได้ยากมากในยุคโบราณ เมื่อปรากฏจะสั่นสะท้านมหาโลก
ตั้งแต่อดีตมา คนที่เหนี่ยวนำเคราะห์สวรรค์นี้ได้ไม่มีใครไม่เป็นยอดผู้สูงส่งที่สุดแห่งยุค
ต่อมาไม่รู้กี่หมื่นปีก็ยังไม่เคยปรากฏเคราะห์สวรรค์เช่นนี้
ตามบันทึกในตำราโบราณ ครั้งก่อนที่ปรากฏเคราะห์ภัยสามพันคือเมื่อยุคดึกดำบรรพ์
……
เมฆเคราะห์ภัยบนฟ้ามืดครึ้ม ลึกล้ำดั่งน้ำหมึก แผ่คลื่นที่ทำให้คนหวาดกลัว
สายฟ้าน่าสะพรึงแผ่ออกมาตามใจ ทำลายอากาศสลายเป็นความว่างเปล่า
เสิ่นเทียนองอาจห้าวหาญ เส้นผมยาวปลิวไสว ดูมีสง่าราศีเจิดจรัสภายใต้การเสริมจากเมฆเคราะห์ภัยไร้พรมแดน
ทว่าเขาไม่ได้เลือกฝ่าด่านเคราะห์ แต่พุ่งใส่วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบแปดตน
เคราะห์สวรรค์เป็นปฏิปักษ์ต่อวิญญาณร้ายอย่างยิ่ง เขาจึงอาศัยพลังของเคราะห์สวรรค์รับมือกับเตรียมเซียนสิบแปดตน
วิญญาณร้ายเตรียมเซียนพวกนี้อยู่ใกล้เขามาก ไม่นานก็ถูกลากเข้าไปในพื้นที่ความแค้นของเคราะห์สวรรค์
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องดังสนั่น!
ทันใดนั้นมีสายฟ้าเคราะห์ภัยเกือบร้อยสายผ่าลงมา ส่องแสงสว่างจ้าสีสันหลากสี ทำให้ฟ้าดินถอดสี
วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบแปดตนมีสีหน้าหวาดกลัว รีบสำแดงวิชาป้องกัน อาศัยพลังชั่วร้ายไม่มีสิ้นสุดกันไว้ข้างหน้า
บึ้ม!
เกิดเสียงดังสนั่น!
พลังชั่วร้ายแตกกระจาย ประกายสายฟ้ากระเซ็น
แม้พวกเขาจะมีศักยภาพแข็งแกร่ง ก็ยังยากจะรับอำนาจของเคราะห์สวรรค์ได้
ไม่นาน วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบแปดตนถูกเคราะห์สวรรค์ไม่มีสิ้นสุดผ่าพลังชั่วร้ายสลายไป บาดเจ็บถึงต้นกำเนิด
“รีบไปจากที่นี่!”
มีวิญญาณร้ายเตรียมเซียนตะโกนเสียงดัง การสู้กับเสิ่นเทียนที่นี่ทำให้พวกเขาเสียเปรียบมากเกินไป
ไม่ใช่แค่กำลังรบลดลง แต่ยังต้องถูกอำนาจสายฟ้าจู่โจมตลอดเวลา ทำให้พวกเขาเจ็บปวดอย่างยิ่ง
“เคราะห์อัสนีน่ากลัวเช่นนี้ เจ้าหนูนั่นต้องต้านไม่ไหวแน่ พวกเราถอยไปก่อน รอมันถูกเคราะห์สวรรค์ผ่าแหลกเป็นผุยผง ค่อยรอเก็บผลประโยชน์”
มีวิญญาณร้ายเตรียมเซียนเอ่ยขึ้น คิดจะเลี่ยงประกายคมชั่วคราว
อานุภาพของเคราะห์สวรรค์นี่น่ากลัวยิ่งนัก พวกเขาไม่คิดว่าเสิ่นเทียนจะฝ่าไปได้ รอเขาตายในเคราะห์สวรรค์ก็จะได้ประหยัดแรงพวกเขาได้ด้วย
เตรียมเซียนสิบแปดตนระเบิดพลังออกมา ร่วมมือกันพุ่งออกไปทิศทางหนึ่ง หมายจะหลบไปก่อน
ทว่าเสิ่นเทียนจะให้โอกาสนั้นกับพวกเขาหรือ
เขาโบกมือกว้าง แสงดาราส่องสว่าง
กระดานหมากมหึมาลอยอากาศ ส่องสะท้อนฟ้าดิน
กฎเกณฑ์ไม่มีสิ้นสุดไหลหลาก กลายเป็นม่านสวรรค์ยักษ์ปกคลุมที่นี่ไว้ทั้งหมด
ที่นี่เหมือนกับมีปราการสูงสุด ออกไปไม่ได้
“เจ้าหนู เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
วิญญาณร้ายแผดเสียงคำราม ถลึงตามองด้วยความโกรธ
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเสิ่นเทียนจะผนึกที่นี่ไว้
แบบนั้น ทุกคนจะต้องรับพลังแห่งเคราะห์สายฟ้าน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
“ข้าอยากรู้นักว่าใครจะตายก่อนกัน!”
มีคนทำเสียงขึ้นจมูก ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเตรียมเซียนแปดสิบตน ร่วมมือกันย่อมต่อต้านเคราะห์สวรรค์ได้
แต่เสิ่นเทียนมีคนเดียว ไม่ใช่แค่ต้องเผชิญหน้ากับการปิดล้อมของพวกเขา แต่ยังต้องป้องกันเคราะห์สวรรค์ตลอดเวลา
วิญญาณร้ายทุกตนไม่เชื่อเลยว่าเสิ่นเทียนจะต้านไหว
ก่อนจะเห็นเสิ่นเทียนยกมุมปากเล็กน้อย ยิ้มเยาะ “วันนี้ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าหน่อย”
เขาพุ่งทะยานขึ้น เปล่งแสงเทพทั้งตัว พลานุภาพทรงพลังอย่างยิ่ง
สายฟ้าเคราะห์ภัยไม่มีสิ้นสุดผ่าใส่เสิ่นเทียน แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้เลย ในทางตรงข้ามกลับหลอมรวมเข้าไปในกาย ทำให้กลิ่นอายพลังเขาแกร่งยิ่งขึ้น
กายเนื้อเสิ่นเทียนใสแวววาว มีประกายสายฟ้าไหลเวียน ราวกับจักรพรรดิอัสนีที่สุดแห่งยุคมาเยือน
“อะไรกัน”
วิญญาณร้ายทุกตนมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เคราะห์สายฟ้าน่ากลัวขนาดนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำอะไรเสิ่นเทียนไม่ได้เลย
ในทางตรงข้ามกลับกลายเป็นต้นกำเนิดพลังงานของเขา เพิ่มศักยภาพให้เขารึ
นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
……
และในตอนนี้เอง เสิ่นเทียนเคลื่อนไหวแล้ว เขาพุ่งขึ้น กระบี่ดาราเบิกฟ้าเข้ามือมาโดยพลัน
เสิ่นเทียนถือกระบี่ยาวสีเงินตั้งขวางไปบนฟ้า ปากพึมพำคาถาด้วยความเคร่งขรึม
“เก้าสวรรค์ทมิฬ แปลงเป็นอัสนีเทพ!
อานุภาพสวรรค์พร่างพราว เหนี่ยวนำด้วยกระบี่!”
ท้องฟ้าพลันกลายเป็นพายุหมุนทลายเมฆ เมฆเคราะห์ภัยมากมายกลายเป็นน้ำวน สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
น้ำวนสีดำมหึมาและลึกล้ำหมุนวนอย่างรวดเร็วตรงเส้นขอบฟ้า ประกายสายฟ้าสว่างวาบ เสียงพายุโหมกระหน่ำ
สายฟ้าเคราะห์ภัยไม่มีสิ้นสุดถูกกระบี่เทพเหนี่ยวนำมา ไหลหลากเหมือนธารน้ำเงิน รั่วไหลมาอย่างบ้าคลั่ง
บึ้ม!
สายฟ้าเคราะห์ภัยหนาเท่าถังน้ำหลายร้อยสายถาโถมลงมา ปกคลุมฟ้าดิน สร้างเป็นปรากฏการณ์ทำลายล้างโลก
เวลานี้ วิญญาณร้ายระดับเตรียมเซียนร้องโอดครวญไม่หยุด ถูกสายฟ้ามหาศาลปกคลุม
อานุภาพสั่นสะเทือนฟ้าดิน ทำลายภูผานที
ไม่นานนักก็มีเตรียมเซียนกระอักเลือด บาดเจ็บสาหัส
เสิ่นเทียนมีสีหน้าเฉยชา มุทรามือเปลี่ยนไปอีกครั้ง ทั่วร่างเปล่งแสงเทพไม่มีสิ้นสุด
แสงสว่างเรืองรองพุ่งออกมาทั้งหมด เหนี่ยวนำสายฟ้ามากมายในฟ้าดิน
รอบกายเขามีหมอกวนเวียน กู่ก้องพร้อมกับเคราะห์อัสนีฟ้าดิน หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เสิ่นเทียนในตอนนี้เหมือนกลายเป็นเทพเจ้าผู้คุมสายฟ้า คุมเคราะห์สวรรค์สูงสุดได้
นี่คือวิชาต้องห้ามในเคล็ดจักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์…เปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์
เสิ่นเทียนยืนกลางฟ้า สัตว์เทพสิบทิศข้างหลังส่งเสียงคำราม พลานุภาพสั่นสะเทือนท้องนภาจักรวาล
ระหว่างที่เขาโบกมือก็เหนี่ยวนำอัสนีเทพไม่มีสิ้นสุดถาโถมลงไป ทำลายท้องนภาแตกเป็นรูเต็มไปหมด!
พื้นที่นี้พลันกลายเป็นนรกสายฟ้า แบ่งท้องนภาเป็นสองส่วน
ก่อนจะเห็นเสิ่นเทียนพลันมาปรากฏข้างกายวิญญาณร้ายเตรียมเซียนตนหนึ่ง นำอัสนีเทพเบิกฟ้าโถมเข้าใส่
อัสนีเทพรวมกันเป็นมังกรเทพสายฟ้า แยกเขี้ยวกางกรงเล็บ แผดเสียงร้องคำราม
อัสนีเทพเบิกฟ้าเข้าไปในกาย พลันมีเตรียมเซียนตนหนึ่งกายเนื้อระเบิด แม้แต่จิตวิญญาณยังดับสลายไป
เสิ่นเทียนออกมืออีกครั้ง ปลุกวิชาคุนเผิง มุดเข้าไปในมิติไร้พรมแดน
จนเมื่อเขาปรากฏตัวก็มาอยู่ข้างหลังวิญญาณร้ายตนหนึ่ง
เสิ่นเทียนกำหมัด ลากเส้นชีพจรชีวิตฟ้าดิน ปล่อยพลังมหาศาลยากจะคาดเดาออกไป
สายฟ้าหนาหมื่นจั้งถูกเขาดึงเข้ามา ปั้นเป็นกระบองเทพสายฟ้า
“กระบองกำราบสมุทรค้ำฟ้า!”
เสิ่นเทียนควงกระบองเทพสายฟ้า อานุภาพสั่นสะเทือนนภา เหมือนจะพลิกกลับฟ้าดิน!
นี่คือวิชาต้องห้ามสูงสุดในคัมภีร์จักรพรรดิสัประยุทธ์ เสิ่นเทียนสำแดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหมือนจะค้ำฟ้ากำราบสมุทร ปรับมหาโลก
บึ้ม!
ทันใดนั้นเองมีวิญญาณร้ายอีกตนถูกอัดปลิวไป กายเนื้อถูกทำลายเป็นโจ๊กเนื้อ จิตวิญญาณถูกอัสนีเทพเบิกฟ้ากลืนกินไป
เสิ่นเทียนยิ่งสู้ยิ่งกล้าหาญ เหมือนเทพเข้าไปในหมู่มาร สังหารจนทุกคนใจสั่นกลัว
เพียงชั่วครู่เดียวก็มีวิญญาณร้ายเตรียมเซียนสามตนตายลง
ภาพนี้ทำให้ทุกคนเบิกตาโตอ้าปากค้าง ตื่นตกใจกันอย่างยิ่ง
……
ทุกคนมองออกว่าเสิ่นเทียนใช้วิชาสูงสุด มีอานุภาพไร้ขีดจำกัด
การสำแดงวิชาสูงสุดจะกินพลังงานอย่างมาก คนธรรมดาใช้ได้ครั้งสองครั้งก็สิ้นพลังฤทธิ์แล้ว
แต่เสิ่นเทียนกลับใช้อย่างไม่เกรงกลัวอะไร เปลี่ยนห้วงอากาศนี้เป็นสนามรบ ทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพัง
เสิ่นเทียนมีใบหน้าเฉยชา พลังฤทธิ์ในกายไหลหลากมาไม่ขาดสาย
ร่างกลายเป็นหลุมดำ ดูดพลังแห่งเคราะห์สายฟ้าไม่มีสิ้นสุดมาเป็นสารอาหาร
ด้วยเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ ทำให้เสิ่นเทียนหลอมรวมพลังของเคราะห์สวรรค์มาใช้เองได้
ไม่ว่าจะเสียพลังไปเท่าไรก็จะเติมกลับมาได้ในทันที
นี่ทำให้เคราะห์สวรรค์ที่ทำให้ปุถุชนหวาดกลัวกลายเป็นกำลังเสริมที่ดีที่สุดกับเสิ่นเทียน
ภายใต้การเสริมของเคราะห์ภัยสามพัน เขายิ่งสู้ยิ่งแกร่ง ยิ่งสู้ยิ่งดุดัน เหมือนกับเทพสงครามไร้พ่ายกำราบฟ้าดิน
หลังเสียสหายร่วมรบไปสามตน วิญญาณร้ายเตรียมเซียนที่เหลือตกใจจนตับแทบแตก
“ช่วยกันวางค่ายกลกันเจ้านี่ไว้”
พวกเขาแหงนหน้าคำรามเสียงดัง ไม่กล้าสู้กับเสิ่นเทียนซึ่งหน้าอีก แต่เริ่มเปลี่ยนจากโจมตีไปเป็นตั้งรับ
วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบห้าตนต่างพึ่งพากันและกัน ร่วมมือกันสร้างยอดค่ายกลป้องกันสูงสุด
ม่านแสงสีเทาบดบังตะวัน แผ่อำนาจมหาศาล ปกคลุมพวกเขาไว้ทั้งหมด ต่อให้เป็นพลังแห่งเคราะห์สวรรค์ก็ได้แต่ทำให้ม่านแสงสั่นสะเทือน แต่ทำลายไม่ได้
นี่คือยอดค่ายกลป้องกันที่เตรียมเซียนสิบห้าตนช่วยกันสร้างขึ้น แข็งแกร่งทนทานอย่างยิ่ง
พอเห็นดังนั้น เสิ่นเทียนเพ่งมองเล็กน้อย ก่อนจะระเบิดแสงดาราไร้ที่สิ้นสุดมาจากในกาย
พลังดาราถาโถมมาไม่ขาดสาย พุ่งเข้าไปในเมฆนภา หมุนม้วนเมฆสิบทิศ
ทันใดนั้นท้องนภาเปล่งแสงสว่างจ้า ดารามากมายเปล่งแสงระยิบระยับ ยิ่งใหญ่ไม่อาจคาดเดา
แสงดาราสว่างจ้าตกลงมาเหมือนกับดาวตก มาพร้อมกับพลังมหาศาลยากจะปัดป้อง
ทุกคนเพ่งสายตามองไปก็เห็นตัวหมากหลายตัวพุ่งลงมา กระแทกยอดค่ายกลป้องกันอย่างแรง
พรวด!
วิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบห้าตนพลันกระอักเลือด พลังเลือดลมในกายสั่นสะเทือนอย่างยิ่ง
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ยอดค่ายกลป้องกันก็ยังไม่ทลายลง
ในทางตรงข้าม ตัวหมากถูกพลังแห่งค่ายกลเหนี่ยวนำ ถูกดูดเข้าไปข้างในไม่อาจหนีไปได้
……
บนรูหนอนมิติ เซียนชั่วร้ายเห็นตัวหมากพวกนี้แล้วก็ตาเป็นประกาย
เขาตะโกนเสียงดัง “ตัวหมากพวกนี้มันสมบัติสุดยอด อย่างน้อยต้องเหนือกว่าอาวุธเซียนสูงสุด รีบหลอมรวมมัน ฆ่าไอ้เด็กนี่!”
เซียนชั่วร้ายตกใจ เขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะทำสมบัติสุดยอดออกมาเยอะขนาดนี้
ตัวหมากทุกตัวล้ำค่าอย่างยิ่ง มีอานุภาพแข็งแกร่ง
สมบัติสุดยอดมากมายขนาดนี้ ต่อให้เป็นเขาก็ยังเอาออกมาไม่ได้
เซียนชั่วร้ายดีใจใหญ่ เขาคิดว่าเสิ่นเทียนกำลังมอบสมบัติให้!
ด้วยพลังของเตรียมเซียนสิบห้าตน การจะหลอมรวมสมบัติสุดยอดพวกนี้เป็นเรื่องง่ายดาย
ถึงตอนนั้นพวกเขาจะใช้สมบัติพวกนี้สวนกลับไปได้
หากเตรียมเซียนสิบห้าตนกระตุ้นสมบัติสุดยอดพวกนี้ ก็จะมีอานุภาพน่ากลัวที่สุด ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเซียนแท้จริงก็มีกำลังสู้ได้
……
พอคิดได้ดังนั้น เซียนชั่วร้ายก็หัวเราะเยาะไม่หยุด ดวงตาขยับประกายชั่วร้าย
ไม่นึกเลยว่าเจ้าหนูนี่จะประมาทขนาดนี้
ข้าไม่เชื่อว่าแบบนี้จะสังหารมันไม่ได้!
หากเจ้าหนูนี่ไม่ตาย…ข้าก็จะกินตัวหมากพวกนี้ให้หมด!
…………………
MANGA DISCUSSION