ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 594 กลับไปที่ห้องวิจัย
หลังจากจี้หยางเฟยและจ้าวลู่เฟินนำกล่องใส่ยาพันธุกรรมจากไป จิวโมไป๋และเซี่ยลี่เยว์ก็นั่งพูดคุยกันต่อ
จนกระทั้งหวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลง เสร็จสิ้นภารกิจพาคนที่ถูกจับไปยังคุกคุมขัง ทั้งสองติดต่อมายังจิวโมไป๋ เพื่อชวนไปทานอาคารค่ำกลังจากทำภารกิจ
จิวโมไป๋และเซี่ยลี่เยว์จึงไปยังร้านอาหารที่นัดหมาย พวกเขาทั้งสี่ทานอาหาร เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย นั่งบนโต๊ะอาหารอย่างเย่อหยิ่งค่อยทานอาหารที่จิวโมไป๋ยกมาให้
พวกเขาทานอาหารและพูดคุยเกี่ยวกับภารกิจ
จิวโมไป๋ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาไม่ได้บอกเกี่ยวกับยาพันธุกรรมให้ทั้งสองฟัง
พวกเขาพูดคุยจนมาถึงเรื่องการบ่มเพาะพลัง
จิวโมไป๋ก็พึ่งสังเกตเห็นว่า ความแข็งแกร่งของทั้งสามได้ก้าวหน้าอย่างมาก ในเวลาแค่ 3 วัน เซี่ยลี่เยว์ และ หวังเสี่ยวเปา ได้ผ่านขั้นที่ 5 กระดูกกลางแล้ว
เหยาติงหลงยังคงอยู่ที่ขั้นที่ 5 กระดูกต้น แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาก้าวหน้ามากที่สุด แม้จะไม่เทียบเท่ากับหวังเสี่ยวเปา ที่ได้ปูพื้นฐานใหม่ตั้งแต่แรกและได้ฝึกมาทั้งเดือนก็ตาม แต่ความก้าวหน้าของเหยาติงหลงก็เร็วจนน่าประหลาดใจ
ถ้าเขาได้สร้างรากฐานใหม่ ความแข็งแกร่งของรากฐานของเขาคงจะมากกว่านี้เป็นเท่าตัว
จิวโมไป๋คิดที่จะให้เหยาติงหลงทำลายฐานการบ่มเพาะพลัง และเริ่มฝึกฝนใหม่ตั้งแต่ตน แต่เขาต้องยับยั้งความคิดนั้นก่อน วิธีการเสริมสร้างตำหนักยุทธของเขา ส่งผลกระทบต่อโลกแห่งการบ่มเพาะพลังมากเกินไป
ถ้าไม่มั่นใจ เขาไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นรู้
เขาจะต้องดูความซื่อสัตย์ของเหยาติงหลงก่อน ถ้าผ่านเกณฑ์เขาจะช่วยสร้างตำหนักยุทธ์ใหม่
ทั้งสี่คนทานอาหารด้วยกันไป 1 ช.ม.
กำไลข้อมือของจิวโมไป๋ก็สั่นเบาๆ เขาก้มลงดูเป็นผู้อาวุโสจางฟูที่ส่งข้อความ มาขอบคุณ ที่เขาสามารถนำยาพันธุกรรมออกมาได้
จิวโมไป๋แปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจี้หยางเฟยจะดำเนิดการเร็วขนาดนี้
ข้อความยังมีต่อ จางฟูบอกให้เขาไปที่ห้องวิจัย เพื่อช่วยตรวจสอบยาพันธุกรรมเหล่านี้
จิวโมไป๋ก็ตอบข้อความกลับไป ก่อนจะหันมามองเซี่ยลี่เยว์ และคนอื่นๆ
“ฉันต้องไปสำนักงานใหญ่ พวกนายจะไปด้วยกันไหม ด้วยคะแนนจากภารกิจนี้ พวกนายสามารถใช้ห้องฝึกฝนได้หลายวัน พวกนายควรฝึกฝนจนถึงขั้นที่ 5 กระดูกปลาย ก่อนที่พวกเราจะรับทำภารกิจด้วยกัน”
ทั้งสามมองหน้ากันก่อนพยักหน้า
“ตกลง”
“ฉันอิจฉาพวกนายจริงๆ แค่ไม่นาน ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกนายแซงหน้าฉัน”เหยาติงหลงถอนหายใจ และยกชาขึ้นจิบ
“ไม่เป็นไรพี่ชาย หลังจากนี้ฉันจะดูแลนายเอง”หวังเสี่ยวเปาพูดหยอกล้อ
“ไม่ต้อง ฉันดูแลตัวเองได้ ฉันมีสัญญาณใกล้จะทะลวงผ่านขั้นต่อไปแล้ว”เหยาติงหลงยิ้มตอบ
ทั้งสี่คนออกจากร้านอาหาร จิวโมไป๋ขอให้ไปที่บ้านของเขาก่อน
จิวโมไป๋เข้าไปที่บ้านคนเดียว อีกสามคนรออยู่ที่รถโดยสาร
ในเวลานี้ แม่ของเขาอยู่ที่บ้าน เขาฝากเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยให้กับแม่ เขาต้องไปที่ห้องวิจัย ไม่สามารถพาพวกมันเข้าไปได้
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยไม่พอใจอย่างมากที่ต้องแยกจากกันอีก จิวโมไป๋ต้องปลอบอยู่นานก่อนที่พวกมันจะยอม
จิวโมไป๋บอกลาแม่ และออกจากบ้าน ไปยังที่จอดเครื่องบินล่องหน และนั่งเครื่องบินล่องหนไปยังพื้นที่เพาะพันธุ์เขตใต้ สำนักงานหน่วยมังกรซ่อน
เมื่อไปจึงพวกเขาก็แยกกัน ทั้งสามคนไปที่ห้องฝึกฝน
ก่อนแยกจากกัน จิวโมไป๋ก็มอบกำไลข้อมือ และแนะนำ เกมส์ต่อสู้เหมือนจริงให้พวกเขาได้รู้จัก
มันจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ต่อสู้ให้กับพวกเขา และถ้าพวกเขาใช้เกมส์ต่อสู้เสมือนในห้องฝึกฝน พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้น
ถ้าสามารถทนความยากลำบากได้ ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
จิวโมไป๋ไปที่ห้องวิจัย
เมื่อไปถึง ในห้องวิจัยมีคนเพียง 4 คน
ผู้อาวุโสจางฟูไม่อยู่ที่นี่
“โมไป๋ นายกลับมาแล้วเหรอ?”หลี่ฟูจิวเห็นจิวโมไป๋ ก็ทิ้งงาน เดินเข้ามาหาจิวโมไป๋ด้วยท่าทางดีใจ ผมของเขาฟูฟ่อง ใบหน้าโทรมเล็กน้อย บ่งบอกให้เห็นว่าเขาทำงานอย่างหนัก ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เป็นเวลานาน
“ทำงานหนักไปหรือเปล่า รักษาสุขภาพด้วย ร่างกายเป็นเมืองหลวงที่สำคัญ ถ้าเมืองหลวงพัง ร่างกายก็จะทนไม่ไหว และล้มป่วยได้”จิวโมไป๋พูดด้วยความเป็นห่วง เขารู้ว่าพวกนักวิจัย จะบ้าทำงานวิจัยอย่างหนัก ทำให้พวกเขามักจะมีปัญหาสุขภาพและเสียชีวิตเร็ว
หลี่ฟูจิวเป็นอัจฉริยะ ที่สามารถเข้าใจพลังวิญญาณด้วยตัวเอง พรสวรรค์ของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก ถ้าเสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อยๆ มันจะเป็นการสูญเสียอย่างมากับประเทศและแม้แต่โลก
“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ไม่เป็นไร ฉันยังเด็ก ทำงานแค่นี้ไม่เป็นอะไรเลย”หลี่ฟูจิวหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ
จิวโมไป๋ก็ไม่พูดอะไรอีก เขามองไปรอบๆก่อนจะถาม
“ผู้อาวุโสจางฟูไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ?”
“ใช่ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนอยู่ๆ ผู้อาวุโสรีบออกไปอย่างกะทันหัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”หลี่ฟูจิวตอบ
จิวโมไป๋พยักหน้า เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาติดต่อไปยังผู้อาวุโสจางฟู
ตอนนี้ผู้อาวุโสจางฟูคงกำลังตรวจสอบสถานการณ์ที่ศูนย์บัญชาการ
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมผู้อาวุโสจางฟูถึงเรียกเขามาที่นี่ในตอนนี้?
จิวโมไป๋นิ่งคิดด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะหันไปเห็นชายหนุ่มใส่แว่นตากรอบใส่บาง เขามีท่าทางเรียบร้อยอ่อนโยน กำลังพูดกับสองพ่อลูกสาวตระกูลหลิวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเป็นกันเอง
ทั้งสามคนเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้มีอีกคนเข้ามาที่นี่
หลี่ฟูจิวเห็นสายตาของจิวโมไป๋ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา และกระซิบพูดเสียงเบา
“ชายคนนั้นคือนักปรุงยาอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดอันดับ 3 หลิวยี่ เขาได้เข้ารวมการวิจัยเมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังมีความสามารถเกี่ยวกับงานด้านพันธุกรรม เขาจึงกลายเป็นทีมหลัก มีตำแหน่งรองจากผู้อาวุโสจางฟูและผู้อาวุโสหลิวจ้างชิวเท่านั้น”