ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 289
ลู่หว่านและชายชุดขาวต่อสู้กันอยู่กึ่งกลางห้อง รัศมีพลังจากการต่อสู้ของทั้งสองขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พื้นและสิ่งของภายในห้องไม่มีชิ้นไหนอยู่ในสภาพดี
เปรี้ยง!
ฝ่ามือทองปะทะมีดสีฟ้า เสียงปะทะดังสนั่นคลื่นพลังงานสีฟ้าและทองกวาดทำลายออกไปโดยรอบ
วูบ
ร่างลู่หว่านพุ่งผ่านคลื่นพลังเข้าหาชายชุดขาว เสื้อคลุมสีดำโบกสะบัดอย่างรุนแรง ฝ่ามือสีทองฟันราวคมมีด รัศมีพลังขยายเข้าไปปกคลุมร่างของชายชุดขาว ก่อนที่เส้นแสงสีทองนับไม่ถ้วนฟาดฟันออกไป
ชายชุดขาวหน้าซีดเผือก วงกลมกฎแห่งธาตุน้ำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เขาตัดสินใจใช้ท่าร่างลื่นไหลราวสายน้ำ ม้วนตัวกระโจนกลิ้งหลบไปด้านข้างอย่างหมดท่า
เส้นแสงสีทองพุ่งผ่านไปบาดลึกลงไปในเนื้อกำแพงที่แข็งแกร่ง จนมันแตกขยายเป็นวงกว้างและถล่มลงมา จนเห็นเนื้อดินสีน้ำตาล
ชายชุดขาวกลิ้งตัวอีกสามรอบก่อนจะผุดลุกยันตัวขึ้น เขาหอบหายใจอย่างหนักด้วยความกลัว เขากดไปที่กำไลข้อมือเพื่อส่งสัญญาณขอกำลังเสริม
ลู่หว่านไม่สนใจการกระทำของชายชุดขาว เธอเข้าโจมตีอีกครั้ง
ในช่วงเวลานั้นเอง จิวโมไป๋ก็ย่องไปถึงประตู เขาไม่รอช้าเปิดประตูและเข้าไปในทันที
การกระทำของเขาไม่สามารถปกปิดทั้งสองที่ต่อสู้กันอยู่ได้ แต่ชายชุดขาวไม่สามารถละความสนใจจากการต่อสู้ได้ เขาได้แต่ยื้อการต่อสู้เบื่อรอกำลังเสริม
มุมปากของลู่หว่านยกขึ้นเล็กน้อย ในทันทีที่จิวโมไป๋ผ่านประตูไป พลังกดดันอันมหาศาลจะแผ่กระจายออกจากร่างของเธอ ก่อนที่จะมีอวตารต้นไผ่สีทองตลอดทั้งต้นปรากฎขึ้นด้านหลัง พลังกฎแห่งธาตุทองแผ่กระจายพลังอันแหลมคม พื้นรอบๆถูกกลิ่นอายพลังบาดลึกจนเป็นรอยนับไม่ถ้วน
ชายชุดขาวตั้งท่าระวัง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเรียกเงาอวาตาร แต่พอเห็นต้นไผ่สีทอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะดูแคลน
เคล็ดวิชาที่ฝึกฝนนอกจากแบ่งออกเป็น มีธาตุและไร้ธาตุแล้ว ยังแบ่งประเภทความแข็งแกร่งของแก่นแท้ของเคล็ดวิชา แก่นแท้ของเคล็ดวิชาบ่มเพาะจะสามารถเรียกอวตารออกมา ประเภทของอวตารจะมีการแบ่งระดับความแข็งแกร่ง จากอ่อนแอที่สุดไปจนแข็งแกร่งที่สุด
อวตารประเภทพืช
อวตารประเภทสัตว์
อวตารประเภทศาตราวุธ
อวตารประเภทพลังธรรมชาติ
อวตารประเภทพืชถือว่าอ่อนแอที่สุดในอวตารประเภทอื่นๆ
ไม่แปลกเลยที่ชายชุดขาวจะดูแคลน
ใบไผ่ทองสั่นไหวอย่างแผ่วเบา เสียงใสก็ก้องกังวานกระจายไปโดยรอบ ร่างของชายชุดขาวก็ชะงักค้างเหมือนถูกบังคับให้หยุด
“นี่…”ชายชุดขาวอ้าปากค้างภาพเบื้อหน้าของเขาสั่นไหวราวไม่มีจริง
กิ้ง! เสียงใบไผ่ทองสั่นไหวอีกครั้ง ก่อนที่ไผ่ใบนับไม่ถ้วนจะพุ่งเข้าใส่ร่างของชายชุดขาว ในชั่วพริบตาเดียวผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ชีพจร ก็กลายเป็นแอ่งเลือด โดยที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย
ลู่วานเก็บอวตารไผ่ทอง ก่อนจะเดินไปหยิบกำไรข้อมือของชายชุดคลุมขาวขึ้นมา เธอลุกขึ้นและหันไปยังประตู ก่อนที่ร่างของเธอจะหายไป
จิวโมไป๋ผ่านประตูเข้าไป เป็นทางยาวสีขาว เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ
แม้ว่าจิตสัมผัสจะถูกรบกวน ทำให้ไม่สามารถมองผ่านไปได้ชัดเจนนัก แต่มันก็เพียงพอเห็นกลไกกับดักเลือนลาง
ด้านหลังทางผนังทางเดินสีขาว มีอาวุธลับซ่อนอยู่จำนวนมาก เมื่อเดินผ่านระบบรักษาความปลอดภัยจะทำงานทันที ผู้บ่มเพาะพลังที่ต่ำกว่าขั้นที่ 8 ชีพจร ไม่สามารถผ่านไปได้ หรือแม้แต่ขั้นที่ 8 ชีพจร ที่อ่อนแอก็อาจกลายเป็นศพได้
เห็นดังนั้น เขาก็รู้แล้วว่าลู่หว่านกำลังทดสอบความแข็งแกร่งของเขาอยู่จริงๆ
ในตอนแรกเธอใช้ชายชุดขาว วัดความแข็งแกร่งของเขา แต่เขาก็แก้สถานการณ์โดยทำเป็นอ่อนแอ ที่เขาถูกชกและกระเด็นไปไกลเป็นแค่การแสร้งทำเป็นอ่อนแอ เพื่อให้ชายชุดขาวเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ลู่หว่าน
สำหรับกับดักเหล่านี้ ถ้าเขาจะผ่าน จะต้องมีอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ได้ทันทีว่าอยู่บนตัวของชายชุดขาว เขาไม่มีทางย้อนกลับไปแน่
เขาไม่รู้ว่าเมื่อร่วมมือกันแล้ว ลู่หว่านจะแบ่งปันข้อมูลให้เขาหรือไม่ เขาฝ่าระบบรักษาความปลอดภัยไปเองจะดีกว่า
มันจะทำให้เขาเดินตามแผนที่ลู่หว่านวางไว้ เขาไม่มีทางเสียแรงเปล่าๆแน่
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้มออก ก่อนจะใช้พลังวิญญาณหยุดการทำงานของพวกมันอย่างง่ายดาย
พลังวิญญาณแตกต่างจากคลื่นรบกวนที่ลู่หว่านเคยใช้ พลังวิญญาณสามารถกำหนดเป้าหมายได้ ทำให้เขาสามารถหยุดแค่การทำงานของเครื่องมือกับดัก โดยที่อุปกรณ์อื่นไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ระหว่างที่เขาเดินผ่านจะมีเสียงสัญญาณแผ่วเบาดังขึ้น เมื่อมันตรวจจับร่างของเขา แต่ก็ไม่มีกับดักโจมตีออกมา เขาเดินไปตามทางเดินสีขาวอย่างไร้ความกังวล
…
ปังๆๆ
เสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงดังขึ้น ทำให้จิงมู่ไท่หยุดกิจกรรมที่เอวลง เขามองไปที่ประตูอย่างหัวเสีย
เขาลุกขึ้นอย่างช้าๆ พลังกดดันแผ่กระจายออกจากร่างอย่างบ้าคลั่ง แสดงให้เห็นว่าเขากำลังโกรธจริงๆ
หญิงสาวที่กำลังทำกิจกรรมกับจิงมู่ไท่ตัวสั่นด้วยความกลัว เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมร่างกาย
แกร็ก
จิงมู่ไท่เปิดประตู มองลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่นอกห้อง ด้วยแววตาแข็งกร้าว ถ้าอีกฝ่ายไม่รับใช้เขามาหลายปี เขาจะทำให้พิการไปแล้ว
“มีอะไร”
ชายในชุดสีดำกระซิบบอกเสียงแผ่วเบา
“นายน้อย มีผู้บุกรุกไม่ทราบจำนวนเข้าไปที่ห้องเก็บข้อมูลหมายเลย 2 ตอนนี้เวลาในการบุกรุกผ่านไป 4 นาทีแล้ว เมื่อครู่มีสัญญาณแจ้งเตือนเรียกทีมสนับสนุนจากผู้อาวุโสไป๋ นายน้อยจะส่งคนไปช่วย หรืออพยพคนของฐานอื่นๆไปที่ปลอดภัยครับ”
จิงมู่ไท่ได้ยินสติก็เย็นลงทันที
“ห้องเก็บข้อมูลหมายเลย 2? ผู้อาวุโสไป๋ เป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 พีพจร ที่เปิดจุดชีพจรได้ 12 จุด ใครกันที่สามารถเอาเขาได้?”
จิงมู่ไท่นิ่งเงียบไปครู่นิ่ง ก่อนจะตัดสินใจอย่างเฉียบขาด
“แจ้งคนของเราจากฐานอื่นให้อพยพ ไปที่ฐานสำรอง จากนั้นก็แจ้งหน่วยงานรักษาความปลอดภัยให้ไปตรวจสอบ และปิดทุกเส้นทางเข้าออกเมืองเทียนจิง ไม่ให้เข้าออกได้”จิงมู่ไท่หยุดเงียบลงเล็กน้อย แววตาฉายความเย็นเยือก ก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าปาดคอตัวเอง
“ภายใน 1 นาที ถ้าไม่สามารถป้องกันได้ ก็สั่งระเปิดห้องเก็บข้อมูลหมายเลย 2 ซะ อย่าให้ข้อมูลหลุดไปได้”
“ครับ”ชายชุดดำก้มหน้ารับคำสั่งก่อนที่ร่างจะหายไปทันที
จิงมู่ไท่ปิดประตูและเดินไปนั่งริมระเบียง มองผ่านหน้าต่างออกไปไกล ด้วยแววตาขุ่นมัว
“บัดซบ!”
…
ลู่หว่านรอเวลาจนเหลือเวลาอีก 40 วินาที เธอจึงเดินเข้าไปที่ประตู แต่เมื่อมองเห็นทางเดินสีขาวสะอาด ไร้ร่องรอยการต่อสู้ เธอก็ประหลาดใจ เธอกวาดตามองรอบๆ เมื่อไม่เห็นการต่อสู้ใดๆ เธอจึงเดินผ่านทางเดินไปโดยไม่มีอันตราย เพราะเธอเก็บกำไลข้อมือตัวตนของชายชุดคลุมสีขาว
ไม่นานเธอก็เปิดประตูสุดท้ายเข้าไป เห็นจิวโมไป๋กำลังโหลดข้อมูล และเธอก็สังเกตเห็นว่าคำสั่งทำลายข้อมูลหยุดลงแล้ว
สัตว์ประหลาด!
ลู่หว่านอดไม่ได้ที่จะยกย่อง แม้ระบบรักษาความปลอดภัยชั้นที่ 3 จะไม่แตกต่างจากชั้นที่ 2 มากนัก แต่มันก็มีระบบยืนยันตัวตนอีกชั้น ถ้าไม่ยืนยันตัวตนและฝืนเปิด เครื่องจะทำลายตัวเองทันที
เธอไม่รู้ว่าจิวโมไป๋ทำได้ยังไง
หน้าต่างดาวโหลดบนหน้าจอของจิวโมไป๋ก็จบลง และเขาเหมือนจะทำอะไรบางอย่าง
“หยุด!”ลู่หว่านรีบพูด เธอจำได้ว่าจิวโมไป๋จะลบข้อมูลทั้งหมดหลังดาวโหลดข้อมูลเสร็จ
จิวโมไป๋เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะถอยไปด้านหลังให้เธอได้ไปยืนแทนที่
ลู่หว่านไม่พูดอะไร เธอยกกำไลข้อมือของชายชุดขาวออกมา และเปิดกำไลข้อมือของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องแฮ็กข้อมูล เธอแค่เชื่อมต่อ และกดลงไปไม่กี่ครั้งก็ขึ้นหน้าต่างดาวโลหดข้อมูล เพียงไม่กี่วินาทีก็เสร็จ และเธอก็ทำลายข้อมูลทั้งหมดทันที
“ไปกันเถอะ”ลู่หว่านหันมาพูดกับจิวโมไป๋ ก่อนจะพากันเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อพวกเขาเดินกลับไปห้องโถง จิวโมไป๋เห็นสภาพศพของชายชุดขาว เขาก็นิ่งเฉยไม่สนใจ ลู่หว่านจับตาดูอยู่ก็เริ่มรู้สึกไม่แปลกใจกับความนิ่งสงบของจิวโมไป๋
แต่ในตอนนั้นเอง คลืนนน ชั้นใต้ดินทั้งหลังกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนพื้นดินสั่นสะเทือน ผนังและพื้นแตกเป็นรอยแยก
“ไม่ดีแล้ว ที่นี่กำลังระเบิดตัวเอง”ลู่หวานพูด ก่อนที่เธอจะพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงออกไปโดยเร็วที่สุด
ใบหน้าของจิวโมไป๋เคร่งเครียด เขาเร่งความตามลู่หว่านไป พวกเขาไม่สนใจคนที่ไม่ได้สติ ถือว่าพวกเขาโชคร้ายเองที่ทำงานรับใช้คนผิด
เมื่อพวกเขาไปถึงลิฟท์ขึ้นไปชั้นที่ 2 ตัวลิฟท์ก็หลายเป็นกองเหล็ก ไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ ถ้าจะขึ้นไปจะต้องใช้กำลังตัวเองปีนไปได้เท่านั้น
ยังไม่ทันทีพวกเขาจะเริ่มทำอะไร เสียงระเบิดก็ดังขึ้นอาคารผนังกระจกแตกกระจายเป็นขึ้นๆ ผนังด้านหลังก็แตกร้าวถล่มลงมาอย่างน่ากลัว พร้อมกับคลื่นความร้อนจากด้านบนพร้อมเปลวไฟจากแรงระเบิดพุ่งผ่านช่องลิฟท์ชั้นที่ 2 ลงมา
จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงอันตรายเขาพุ่งเข้าหาลู่หว่าน
“ระวัง!”
—