ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 26
เมื่อเดินกลับมาที่ห้องพัก จิวโมไป๋ก็ทรุดตัวลงนอนบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า ภายในทะเลสติ ท้องฟ้าสีทองแดง เจือจางจนแทบจะกลายเป็นสีดำ
บ่งบอกถึงความเหือดแห้งของพลังจิตวิญญาณ
จิวโมไป๋สูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วยันตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ เพ่งสมาธิ แล้วท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณอย่างแผ่วเบา
ในเวลาไม่นานท้องฟ้าภายในทะเลสติก็สั่นไหว สีทองแดงบนท้องฟ้าเริ่มกลับคืนสภาพอย่างช้าๆ
ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ท้องฟ้าก็กลับมาเหมือนเดิมและค่อยๆขยายกว้างขึ้นและหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เคล็ดบ่มเพาะที่เขาใช้ คือเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณ มันแตกต่างจากเคล็ดบ่มเพาะที่ใส่ในตำหนักยุทธ โดยสิ้นเชิง
เคล็ดบ่มเพาะที่อยู่ในตำหนักยุทธ จะเกี่ยวข้องกับ ร่างกายและปราณ เป็นหลัก ซึ่งจิตวิญญาณ ไม่เกี่ยวข้องกับร่างกาย พวกมันแยกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน ทำให้เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณ ไม่สามารถใส่เข้าไปในตำหนักยุทธได้
ดังนั้นผู้ที่จะบ่มเพาะจิตวิญญาณ จะต้องทำความเข้าใจเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณด้วยตนเองอย่างแท้เจริง ไม่เหมือนการบ่มเพาะตำหนักยุทธ ที่แค่มีเคล็ดบ่มเพาะพลังก็สามารถฝึกได้ อนาคตสามารถขัดเกาะเคล็ดบ่มเพาะพลังจนมีประสิทธิ์ภาพได้
ทำให้การบ่มเพาะจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงนั้น เป็นเรื่องยากน้อยคนที่จะสามารถอดทนฝึกฝนได้สำเร็จ ในอีกหลายสิบปีข้างหน้า ผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณในเส้นทางแห่งปรมาจารย์ มีแค่หนึ่งในแสน ของผู้บ่มเพาะพลังเท่านั้น
เพราะความยากลำบากในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ เมื่อไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้ ผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณเหล่านี้ ก็จะละทิ้งเส้นทางปรามาจารย์ ทำให้เส้นทางสายนี้หลงเหลือผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณ ที่แข็งแกร่งจริงๆเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
จิวโมไป๋สงบสติอารมณ์ไม่สนใจสิ่งเร้าภายนอก จิตวิญญาณ ค่อยๆสงบลง
เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณ หัวใจพิสุทธิ์
ความแตกต่างที่สำคัญ ของเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณและเคล็ดบ่มเพาะพลังคือ เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณ จะมุ่งเน้นไปที่การทำให้จิตใจสงบ เพียงเท่านั้น ไม่มีความพิเศษอะไรเพิ่มเติมใดๆ แตกต่างจากเคล็ดบ่มเพาะพลังยิ่งบ่มเพาะ ตำหนักยุทธยิ่งแฝงไปด้วยความหลากหลาย
ทั้ง 2 เป็นเส้นทางการบ่มเพาะจึงแตกต่างกันอย่างสมบูรณ์
กว่า 100 ปี เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณมีหลายหมื่นวิชา ผ่านการคัดกรองอย่างยาวนาน สุดท้ายเหลือแค่ 10 เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ดีที่สุด
แต่ถึงแม้จะพูดว่าเป็นเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ดีที่สุด ถ้าใครสามารถอ่านเนื้อหาของทั้ง 10 วิชา จะรู้ได้ทันที ว่าพวกมันไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก เพราะเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณสุดท้ายก็บรรจบ ที่จุดเริ่มต้นที่สุดคือ จิตใจ
เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณ หัวใจพิสุทธิ์ ถูกจัดให้เป็นอันดับ 4 ของเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณ ที่ดีที่สุด เขาเคยอ่านเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณทั้ง 10 มาหมดแล้ว ทำให้รู้และเข้าใจส่วนสำคัญของการบ่มเพาะจิตวิญญาณ
เขาจึงเลือกเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด ไม่ได้เลือกเคล็ดวิชาที่คนอื่นจัดให้มีอันดับสูงที่สุด
เมื่อสมาธิถึงระดับหนึ่ง ทะเลจิตวิญญาณก็เหมือนกับได้รับแรงกระตุ้นความเร็วของมันเพิ่มขึ้นหลายส่วน ขอบเขตทะเลจิตวิญญาณหนาแน่นและขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
จิตสัมผัสก็ค่อยๆเติบโตตามขนาดของทะเลจิตวิญญาณ ไม่นานจิตสัมผัสที่แต่เดิมมีระยะ 10 เมตร ค่อยๆเติบโตอย่างช้าๆกลายเป็น 11 เมตร และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่นานก็ เป็นเวลา 8 โมงเช้าของอีก 1 วัน
เมื่อจิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัส มันมีขนานถึง 15 เมตร ภายในทะเลจิตวิญญาณ ตอนนี้มีขนาดมากกว่าเดิมครึ่งหนึ่งของขนาดเดิม ท้องฟ้าสีทองแดงเข้มขึ้นหลายส่วน
เมื่อได้บ่มเพาะจิตวิญญาณแล้ว อารมณ์ของจิวโมไปก็สงบขึ้น ความคุ้นเคย ความรู้สึกเดิมๆค่อยๆกลับมาอย่างช้าๆ
เขาลุกขึ้นไปอาบน้ำ เมื่อออกมาเขากดกำไลข้อมือ ส่งข้อความสั่งอาหารชุดใหญ่ 3 มื้อ ซึ่งเป็นเงินเกือบทั้งหมดที่เขาเหลืออยู่
ไม่นานอาหารก็เข้ามาส่ง เขากินมื้อเช้าจนหมด ก็กลับมานั่งบ่มเพาะ เคล็ดบ่มเพาะเตาหลอม 9 สุริยัน อย่างช้าๆไม่เร่งรีบ ไม่นานเวลาก็ผ่านไป 1 ชั่วโมง
เมื่อปรับร่างกายและจิตใจให้เข้าที่แล้ว เขาก็เปิดกล่องสมุนไพรใบใหญ่ที่สุด ภายในมีขวดแก้วหลายชนิด และมีสมุนไพรอีกจำนวนไม่น้อย เขาเลือกหยิบหลอดแก้วสีแดงเข้ม ออกมาและเดินเข้าไปห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปมันเป็นห้องโล่งไม่มีสิ่งกีดขว้าง เขาเดินไปยืนที่กลางห้อง
สูดลมหายใจช้าๆ รวบรวมสมาธิ จิตสัมผัสแผ่กระจายไปทั่วห้อง พร้อมเร่งเร้าเคล็ดบ่มเพะเตาหลอม 9 สุริยันอย่างเต็มกำลัง ภายในตำหนักยุทธ เปลวไฟเกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรงทั้วตำหนักยุทธ เงาเตาหลอมโบราณเลือนราง หมุนวนอย่างรวดเร็วส่งกลิ่นอายร้อนแรงไปทั้วบริเวณ
บนร่างกายของจิวโมไป๋ เกิดคลื่นความร้อนแผ่ซ่านจนเกิดไอหมอกควันสีขาวร้อนแรงออกมาตามรูขุมขน
ร่างกายสั่นกระตุกอย่างรุนแรง จิวโมไป๋กัดฟันแน่นข่มความเจ็บปวด ต้องไม่ลืมว่าในตอนนี้ ร่างกายของเขานั้นอ่อนแออย่างมาก เพาะเขาไม่ได้บ่มเพาะพลังอย่างจริงจัง ทำให้ถึงแม้จะได้บ่มเพาะพลังและหลอมรวมโลหิตมังกรพายุอัสนี ร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ยังอ่อนแอกว่าผู่บ่มเพาะทั่วไปอยู่ดี
ถึงจะได้รับการส่งเสริมจากสิ่งภายนอกมากมาย แต่เนื้อแท้ยังอ่อนแอ มันเหมือนกับว่าได้ของดีมาใช้ แต่ไม่สามารถดึงประโยชน์มาใช้ได้หมด
“ถึงเวลาต้องเอาจริงแล้ว”จิวโมไป๋ขบฟันแน่น เปิดขวดแก้วแล้วดื่มจนหมด แล้ว โยนขวดแก้วไปที่มุมด้านข้าง
คลื่นความอบอุ่นแผ่ซ่านทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลาย ความเจ็บปวดลดลงเล็กน้อย
โอสถ บรรเทาร่างกาย
สรรพคุณ ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และ ดึงศักยภาพทั่งหมดออกมา ทำให้สามารถใช้ร่างกายได้เกินขีดจำกัด
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไอควันสีขาวก็เกิดเศษสิ่งสกปกเล็กๆสีดำออกมา
จิวโมไป๋เริ่มขยับร่างกายอย่างช้าๆ ไอหมอกไหลไปตามการเคลื่อนไหว เขาไม่หยุดท่องเคล็ดบ่มเพาะ ทำให้เมื่อเขาเคลื่อนไหวร่างกายไอหมอกสีขาวก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
ขยับร่างกายครู่ใหญ่ จิวโมไป๋ก็เริ่มตั้งกระบวนท่าอย่างจริงจัง คล้ายมังกรที่แสนดุดัน บรรยากาศโดยรอบแปรเปลี่ยนไปในพริบตา
ฟุบ หมัดแรกชกออกอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อสั่นสะท้าน ไอหมอกพวยพุ่งออกมาอย่างรุ่นแรง
ฟุบ หมัดที่สอง เส้นเลือดบูดโปนตามกล้ามเนื้อราวกับกำลังจะแตก ใบหน้าของจิวโมไป๋บิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่เขาก็ยอมทน ไม่นานหมัดที่ สาม สี่ ห้า ก็ตามมา ทุกครั้งที่ชกหมัดร่างกายจะเกิดอาการณ์สั่นสะท้านรุนแรงจนน่ากลัว แต่จิวโมไป๋ก็ไม่ยอมหยุด
เมื่อเริ่มเคลื่อนไหวไอน้ำสีขาว ก็กระจายออกทั่วร่างกาย ยิ่งขยับยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ กระบวนท่าทีใช้ ยิ่งทรงพลังและดุดันขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงความเจ็บปวดที่เขาต้องทนรับ
ผ่านไป แค่ 1 นาที ร่างกายของจิวโมไป๋แดงเดือดราวกับลุกเป็นไฟ ไอสีขาวตอนนี้ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีไอสีดำของสิ่งสกปกผสมออกมาอย่างชัดเจน
กระบวนท่าเปลี่ยนเป็นใช้เท้า ความเจ็บปวดก็เพิ่มขึ้นเป็นทบทวี ดวงตาของจิวโมไป๋เริ่มหกลายเป็นบ้าคลั่ง แต่เขาก็ไม่หยุดออกกระบวนท่า
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”ความร้อนภายในร่างกลาย ทำให้ไอร้อนสีขาว ไหลออกจากปากและจมูก ราวกับมังกรกำลังพ้นควันไฟ
ทุกหมัด ทุกฝามือ ทุกเท้า เมื่อวาดผ่านความเจ็บปวดจะเผาไหม้ ตาม ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ข้อต่อ กระดูก และอวัยวะภายในแทบจะทุกส่วนของร่างกาย มันเจ็บปวดจนใบหน้าของจิวโมไป๋บิดเบี้ยว
แต่จิวโมไป๋ก็ไม่หยุด ฝืนทนออกกระบวนท่าอย่างไม่หยุดยั้ง เขารู้ดีว่า ถ้าเขายอมแพ้แล้วหยุดลงเพียงเท่านี้ มันก็เหมือนกับว่า เขากำลังบอกถึงความถึงความอ่อนแอของตัวเขาเอง
เขาต้องอดทนผ่านมันไปให้ได้!
ภายในทะเลสติ ตำหนักยุทธเตาหลอม 9 สุริยัน ทำลังลุกไหม้อย่างด้วยเปลวเพลิงสีแดง หยดน้ำลมปราณไหลลงมาจากตำหนักยุทธ เร็วขึ้นเรื่อยๆราวฝนตก จากบ่อลมปราณ กลายเป็นสระน้ำขนาดเล็กและขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ