ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 238
รถตู้สีดำมาจอดที่ประตูทางออกนอกเมืองเทียนซู
จิวโมไป๋เดินลงจากรถตู้สีดำในเสื้อกันหนาวสีดำ ตัวที่ใส่ในวันที่ไปเข้าร่วมการทดสอบวันแรก
รถตู้สีดำก็ขับจากไปทันที
จิวโมไป๋พ้นลมหายใจร้อนออกมากระทบอากาศที่หนาวเย็นกลายเป็นไอน้ำ หิมะสีขาวปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดจนขาวโพลนสุดสายตา เขาเดินกลับเข้าเมือง โบกรถโดยสารไปที่ร้านอาหารตระกูลจิว
เข้าไปในร้านอาหาร ลูกค้ามีจำนวนไม่มากนัก เพราะยังเป็นเวลาเช้าอยู่ เขาเดินไปที่ห้องทำงานของพ่อและแม่ ทั้งสองกำลังนั่งบ่มเพาะพลังในช่วงเวลาว่าง
จิวโมไป๋เลิกคิ้วแปลกใจ ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์พ่อและแม่อยู่ขั้นที่ 1 ผิวหนังปลาย เกือบจะผ่านไปขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อได้ทุกเมื่อ ดูเหมือนว่าพรสวรรค์ของทั้งสองจะไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิด
พ่อจิวโมเทียนลืมตาขึ้น เหมือนรู้ว่ามีใครเข้ามาในห้อง
“ลูกทำธุระเสร็จแล้วเหรอ?”
จิวโมไป๋พยักหน้าตอบ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามและถาม
“พ่อ มีอะไรติดขัดในการบ่มเพาะพลังไหม”
พ่อจิวโมเทียนส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะยิ้มบางๆออกมา
“ไม่มีอะไรผิดปกติ มีแต่การบ่มเพาะพลังของพ่อ มันดูเหมือนจะเร็วเกินไป”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว แต่อย่าบ่มเพราะพลังจนลืมการฝึกวิชาต่อสู้ ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลถึงการบ่มเพาะพลังในอนาคตได้”จิวโมไป่เตือนด้วยความเป็งห่วง พ่อและแม่เริ่มบ่มเพาะพลังในช่วงอายุที่มากเกินไป แม้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังจะขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ติดตัว
แต่ความเข้าใจในวิชาต่อสู้จะอ่อนแอ ลดน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น เปรียบเหมือนกับผู้ใหญ่ที่ผ่านชีวิตมาอย่างยาวนาน ผ้าเต็มไปด้วยสี มีมุมมองชีวิตหรือตรรกะที่มากกว่าเด็กที่เป็นผ้าขาวสะอาด ที่ซึมซับวิชาต่อสู้ได้ง่ายกว่า
จิวโมเทียนยิ้มให้จิวโมไป๋อย่างผ่อนคล้าย เหมือนภาระหลายๆอย่างถูกปล่อยวาง
“ไม่ต้องห่วง พ่อและแม่ของลูกฝึกวิชาต่อสู้ที่ลูกสอนทุกเช้าไม่เคยขาดเลย”
พวกเขาพูดคุยทั้งกันเบาๆ ไม่นานแม่ฮันหวูเหยาก็ลืมตาขึ้น เธอสังเกตเห็นลูกชายของเธอที่หายไปหลายวัน เธอออกไปทำอาหารมื้อใหญ่มาให้จิวโมไป๋ทันที
ทั้งสามพูดคุยกัน จนถึงเที่ยงร้านอาหารเริ่มยุ่ง จิวโมไป่ช่วยพ่อครัวทำอาหาร หลังจากยุ่งวุ่นวายมา 3 เดือน เขาไม่เคยช่วยงานที่ร้านอาหารเลย
จนถึงช่วงบ่าย
จิวเสวี่ยเหม่ยกลับจากโรงเรียนมาที่ร้านอาหาร เธอรู้ว่าจิวโมไป๋อยู่ที่ร้านเธอก็ตรงไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นพี่ชายของเธอก็พุ่งเข้าหาทันที
“พี่ชาย”
จิวโมไป๋กอดเด็กสาวแน่น ไม่ให้เธอดิ้นไปชนสิ่งของ
“หยุด! เหม่ยเหม่ย พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าในห้องครัว ห้ามเล่นมันอันตรายรู้ไหม”จิวโมไป๋ก้มลงมาดุเด็กสาวอย่างอ่อนใจปนเอ็นดู
แต่จิวเสวี่ยเหม่ยไม่กลัว เธอกอดจิวโมไป๋แน่นไม่ยอมปล่อย สุดท้ายจิวโมไป๋ก็ต้องออกจากห้องคัวไปที่ห้องทำงานพ่อและแม่ โดยมีจิวเสวี่ยเหม่ยเกาะแน่นตรงท้องไม่ยอมปล่อย เหมือนหมีโคอาล่า
พนักงานร้านที่เห็นต่างก็แอบไปหัวเราะเบาๆ ในความน่ารักของพวกเขา
“เหม่ยเหม่ย ลูกลงจากพี่ได้แล้ว”ฮั่นหวูเหยาเอ่ยกับลูกสาวเสียงอ่อนโยน มือของเธอกำลังตรวจสอบค่าใช้จ่ายของร้าน
เด็กสาวยอมปล่อยในที่สุด เธอยื่นปากไม่พอใจ ดวงตากลมโตจองไปยังจิวโมไป๋ไม่วางตา มือยังจับแขนเสื้อจิวโมไป๋แน่น
“ก็หนูกลัวว่า ถ้าหนูปล่อยพี่ชายจะหนีหายไปอีก”
จิวโมไป๋ที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนและหมวกเชฟสีขาวออก ได้ยินเขาก็ชะงัก ด้วยความรู้สึกผิด เมื่อก่อนเขาไม่เคยห่างจากเด็กสาวเลย นอกจากเวลาไปเรียน พวกเขาจะเล่นด้วยกันตลอด
จนกระทั้งเขาได้ย้อนเวลากลับมา เขารู้ว่าความแข็งแกร่งสำคัญขนาดไหนบนโลกใบนี้ เขาจึงบ่มเพาะพลังอย่างหนัก จนละเลยน้องสาวของเขาไป
“พี่จะไม่ไปไหนหรอก”จิวโมไป่กล่าวพลางลูบหัวเด็กสาวเบาๆ
“บอกแล้วไงว่าอย่าลูบ ผมของหนูจะเสียทรง!”จิวเสวี่ยเหม่ยบ่นพร้อมกับโยกหัวหลบ สีหน้าไม่พอใจแต่มือก็ยังเกาะแขนจิวโมไป๋แน่น
จิวโมไป๋ยังคงแกล้งเด็กสาว ยื่นมือขยี้ผมเด็กสาวจนเสีนทรง
เด็กสาวกรีดร้องไม่พอใจ พยายามเอาคืนจิวโมไป๋ สองพี่น้องเล่นกันเหมือนเด็กๆ
พ่อและแม่ไม่เอ่ยห้ามพวกเขาหัวเราะเบาๆกับการเล่นของสองพี่น้อง
จนถึงเวลาปิดร้าน พวกเขาทั้งสี่คน ก็กลับบ้าน
เช้าวันเสาร์ จิวโมไป๋จะไปที่เกาะโดดเดียว
“พี่ชายหนูจะไปด้วย”จิวเสวี่ยเหม่ยร้องจะตามไปด้วย เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดฝึกสีดำ
“ได้”จิวไป๋ก็ไม่ขัดพาเธอไปด้วย เขาพาเด็กสาวที่ห้องของเธอไปเอาเสื้อผ้าสำหรับค้าง 1 คืนและชุดฝึกอีก 1 ชุด
บอกลาพ่อและแม่ เขาก็ขับรถยนต์ของตัวเองโดยมีเด็กสาวนั่งเบาะด้านข้าง เขาขับตรงไปที่เกาะโดดเดี่ยว ไม่แวะที่อื่น
“ว้าวว ทำไมประตูถึงใหญ่แบบนั้นล่ะ”ทันทีจิวเสวี่ยเหม่ยเห็นประตูเหล็กหน้าทางเข้าเธอก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เธอได้ยินพี่ชายของเธอพูดว่า เขาซื้อที่ดินแถวๆหมู่บ้านใบไม้ร่วง เธอก็คิดว่าเป็นที่ดินเล็กๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นทั้งเกาะแบบนี้
รถยนต์ขับไปจอดนอกประตู จิวโมไป๋และจิวเสวี่ยเหม่ยเดินลงจากรถ
จิวโมไป๋เปิดประตูเหล็ก เด็กสาววิ่งเข้าไปด้วยความตื่นเต้น เธอเห็นต้นไม้พื้นหญ้าสีเขียวสุดสายตา ตรงกลางเกาะโดดเดี่ยวมีภูเขาที่มีอาคารบ้านเรือน
น่าแปลกที่ภายนอกเกาะโดดเดี่ยวมีอากาศหนาวเย็น พื้นเต็มไปด้วยหิมะ แต่ภายในเกาะโดดเดี่ยวอากาศอบอุ่น และไม่มีหิมะปกคลุมเลย
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่ สัมผัสการมาถึงของพวกเขาได้ พวกมันวิ่งมาหาพวกเขาด้วยความเร็ว ทั้งสองเห็นจิวเสวี่ยเหม่ยก็พุ่งเข้าไปออดอ้อนเธอทันที
“เสี่ยวไป๋! เสี่ยวเหมย!”เด็กสาวก้มลงกอดสัตว์ขนปุยทั้งสองด้วยคิดถึง
เธอไม่เห็นพวกมันทั้งสองมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
เสี่ยวไป๋ขัดขืนเล็กน้อยสุดท้ายก็ยอมให้เด็กสาวกอด เสี่ยวเหมยปล่อยให้เด็กสาวกอดเต็มที่ เท้าของมันลอบถีบไปที่ร่างของเสี่ยวไป๋ จนมันไม่พอใจแต่ก็ไม่ตอบโต้ เพราะไม่อยากทำอะไรป่าเถือนให้เด็กสาวเห็น
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย
เสี่ยวจินบินมาเกาะต้นไม้มองห่างๆ ดวงตาเต็มไปด้วยปัญญาของมันมองไปยังเด็กสาวด้วยความสงสัย มันไม่เคยพบจิวเสวี่ยเหม่ยมาก่อน แต่เห็นท่าทางสนิทสนมกับสัตว์ร้ายทั้งสอง ต่ำแหน่งของเด็กสาวต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
จิวโมไป๋สังเกตเห็นเสี่ยวจินเขาก็เลิกคิ้วแปลกใจ เพียงไม่กี่วันเสี่ยวจินก็สูงขึ้นอีกแล้ว เมื่อมันกางปีก ตัวมันก็กว้างกว่า 1 เมตร ระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 อวัยวะภายในต้น สายเลือดของมันไม่ธรรมดาจริงๆ แต่เขาก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าสายเลือดของมันคืออะไร
จิวโมไป๋พาจิวเสวี่ยเหมยไปหาเสี่ยวหวงที่ภูเขาสมบัติ เธอเคยให้อาหารมันเมื่อตอนที่จิวโมไป๋ฝากเลี้ยงไว้ที่ร้านอาหารตระกูลจิว
เสี่ยวหวงจำเด็กสาวได้ทันที มันวิ่งเข้ามาเอาหัวแตะๆที่แขนของเด็กสาว
เด็กสาวปล่อยเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยลงพื้น และเล่นกับเสี่ยวหวง ด้วยรอยยิ้มคิกคัก
เสี่ยวไป๋ไม่สนใจที่ถูกทิ้ง มันกระโดดไปบนไหล่ซ้ายของจิวโมไป๋ ยึดครองตำแหน่งไปเป็นของตัวเอง
เสี่ยวเหมยที่ถูกทิ้งไม่พอใจอย่างรุนแรง ดวงตาสัตว์ร้ายจ้องเขม่งไปที่เสี่ยวหวงอย่างดุดัน แต่เสี่ยวหวงเหมือนไม่รู้สึกถึงอันตราย มันเล่นกับจิวเสวี่ยเหม่ยอย่างมีความสุข
เสี่ยวไป๋กลั่นเสียงหัวเราะ จิวโมไป๋ก็ยิ้มออกมา
สายเลือดของเสี่ยวหวงอ่อนแอสุดๆจนแทบไม่มี ทำให้วิธีการใช้พลังสายเลือดข่มขู่ มันไม่สามารถทำอะไรเสี่ยงหวงได้ ต้องใช้จิตสังหารจริงๆเท่านั้นเสี่ยวหวงถึงจะรู้สึกกลัว
เสี่ยวเหม่ยน้อยใจหูตก จิวโมไป๋เดินไปอุ้มมันในอ้อมกอด มันก็คลอเคลียเขาอย่างพอใจ
เล่นกับเสี่ยวหวงจนพอใจ พวกเขาก็ปล่อยให้เสี่ยวหวงบ่มเพาะพลังต่อ จิวโมไป๋ก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง
ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลาย!
สายเลือดอ่อนแอ แต่ความเร็วในการบ่มเพาะพลัง ไม่น้อยไปกว่าสายเลือดระดับสูงเลย
น่าตกใจจริงๆ
จิวโมไป๋มองเสี่ยวหวงและนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
ดูเหมือนเขาจะต้องศึกษาเสี่ยวหวงอย่างจริงจังมากขึ้นแล้ว
ออกจากภูเขาสมบัติจิวโมไป๋พาเด็กสาวไปที่แม่น้ำที่เสี่ยวเฮยอยู่
ระหว่างทางจิวเสวี่ยเหม่ยก็สังเกตเห็นต้นไม้สูงขึ้นไปสุดสายตา เธออ้าปากค้างด้วยความตกใจ และเธอก็พบสัตว์น้อยใหญ่กำลังทำสมาธิและเธอก็พบโครงกระดูกสิเขียว เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เมื่อจิวโมไป๋บอกไม่มีอันตราย เธอก็ไม่กลัว แต่ไม่กล้าเขาใกล้ ให้จิวโมไป๋รีบพาออกไป
จิวโมไป๋พามาที่ทิศตะวันออก เสียวเฮยกำลังนอนอาบแดดอย่างมีความสุขอยู่ข้างแม่น้ำ เมื่อจิวโมไป๋เข้าใกล้มันก็ลืมตาเอียงคอมอง เด็กสาวตาโตมองเต่ายักษ์ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ทำความรู้จักกันไม่นาน เด็กสาวขี่หลังเสี่ยวเฮยลอยไปตามแม่น้ำ
จิวโมไป๋เดินตามอยู่ริมแม่น้ำ เพื่อความปลอดภัย เขาดูเวลาก็พบว่า หลังจากกลับจากพิธี ก็เหลืออีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดของเด็กสาวแล้ว
การพามาดูสถานที่ก่อนก็ดีไม่น้อย
จนถึงเที่ยงวัน จิวโมไป๋ก็พาจิวเสวี่ยเหม่ยไปที่ภูเขาสำนัก เขาเลือกห้องข้างๆห้องของเขาบนภูเขาเจ้าสำนักให้เด็กสาว
ช่วงเย็นเด็กสาวฝึกฝนจนเสร็จ ก็ออกไปเล่นกับเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหม่ยด้วย
พวกเขาฝึกฝนด้วยกันจนถึงวันอาทิตย์ตอนเย็น เขาพาจิวเสวี่ยเหมยกลับเพราะเธอจะต้องไปโรงเรียนวันพรุ่งนี้
เด็กสาวไม่อยากกลับ แต่เขาสัญญาว่าจะพาเด็กสาวมาที่นี่่ทุกเย็นวันศุกร์ไปจนถึงเย็นวันอาทิตย์ เด็กสาวจึงยอม
ในตอนนั้นเองหวังเสี่ยวเปา เฉินหู ก็ติดต่อมาพอดี พวกเขาทุกคนผ่านการทดสอบทั้งหมด สามารถพูดคุยกันได้โดยไม่ผิดกฎ
การทดสอบของทั้งสอง เป็นการทดสอบตามหาวิญญาณแค้นเหมือนกัน
โชคดีที่ก่อนหน้าพวกเขาเคยต่อสู้กับโรงงานเชือดมนุษย์มาก่อน ทำให้มีความคุ้นเคยกับวิญญาณแค้น ทำให้หาตัววิญญาณแค้นได้ง่าย
และวิญญาณแค้นที่ทั้งสองตามหา ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนผีน้ำหญิงที่จิวโมไป๋พบ
จิวโมไป๋ไปรับทั้งสอง พาไปฝึกที่เกาะโดดเดี่ยว
เวลาผ่านไปอีก 1 วัน ก่อนพิธี 4 วัน
จิวโมไป่บอกให้หวังเสี่ยวเปาและเฉินหู ฝึกที่เกาะโดดเดี่ยว ส่วนตัวเองพาเสี่ยวไป๋ เสี่ยวเหมย เสี่ยวหวง ไปที่หมู่บ้านทะเลสาบดอกบัว เขาซื้อรถยนต์เก่าด้วยตัวตนปลอมขับไปที่หมู่บ้านทะเลสาบดอกบัว เขาทำให้เสี่ยวหวงสลบและใช้ยันต์ย่อขนาด เก็บมันในกระเป๋า
แต่ในระหว่างทาง เขาก็พบว่าเสี่ยวจินบินตามไม่ห่าง เขาก็จอดรถและโบกมือให้เสี่ยวจินบินลงมาเกาะแขน
“จะตามไปด้วยเหรอ?”จิวโมไป่ถาม
เสี่ยวจินพยักหน้า
“รู้ไหมว่ามันอันตราย”
เสี่ยวจินเอียงคอมองและพยักหน้า
“ถ้าจะตามไปก็บินไปสูงๆ อย่าให้ใครจับได้”จิวโมไป๋เตือน ก่อนจะปล่อยให้มันบินขึ้นไป สายเลือดของเสี่ยวจินไม่ธรรมดา ปล่อยให้มันบินสูงไม่เป็นอะไรหรอก
พวกเขาไปถึงหมู่บ้านทะเลสาบดอกบัว จิวโมไป่ก็ปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคนผิวแดง
เสี่ยวไป่และเสี่ยวเหมยซ่อนในย้ามสะพายข้าง ทั้งสองต่อสู้กันเล็กน้อย ก่อนที่จิวโมไป๋จะห้าม ทั้งสองก็ฮึดฮัดไม่พอใจ
หมู่บ้านทะเลสาบดอกบัวกลับมาเป็นปกติ นักท่องเที่ยวกับมาเที่ยวเหมือนเดิม
จิวโมไป๋ไม่พอคนของหน่วยลับอยู่ที่นี่สักคนเดียว แสดงว่าไม่มีอะไรผิดปกติที่หมู่บ้านนี้อีก
เมื่อไปถึงทะเลสาบดอกบัว แสงดวงอาทิตย์ส่องสว่างยามกลางวัน เขาเดินไปยังจุดที่ลับสายตา อาศัยจังหวะที่ไม่มีคน ใช้พลังวิญญาณหยุดการทำงานของกล้องแถวนั้น และโบกมือส่งสัญญาณให้เสี่ยวจินลงมา และเอามันลงไปในกระเป๋าย้าม และใช้แผ่นยันต์ 5 ใบโยนไปที่ร่างของเขาและสัตว์ทั้ง 4 ตัว
ก่อนจะเกิดความอบอุ่นขึ้นทั่วร่าง เขากระโดดลงน้ำทันที และว่ายลงไปที่ถ้ำใต้ทะเลสาบด้วยความเร็วสูง
เพราะได้รับการขุดเจาะ ทำให้ง่ายที่จะมุดผ่านเข้าไปโดยไม่สกปรก เขาโผล่ขึ้นมาที่ถ้ำ เขารีบปล่อยเสี่ยวไป๋ เสี่ยวเหมย เสี่ยวหวง และเสี่ยวจินออกมา
เสี่ยวหวงที่ตื่นขึ้นมาร่างของมันก็ขยายใหญ่สูง 2 เมตร มันร้องมอออยาวๆอย่างตื่นเต้น
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยเลียขนที่เปียกอย่างไม่พอใจ
เสี่ยวจินกระพือปีกสะบัดน้ำจนหมดและบินไปรอบๆ
“พวกเรารีบไปกันเถอะ”จิวโมไป๋ไม่เสียเวลาอีก เขาพาทั้ง 4 เดินไปที่ทางแยกซ้าย ไปทางโบราณสถาน ระหว่างทางเขาก็พบรอยเท้ามากมาย สมุนไพรหายากหลายชนิดที่เขาไม่เก็บ ก็ถูกเก็บไปจนหมด
จนมาถึงโบราณสถานจิวโมไป๋ก็เปิดกลไกลับ เดินเข้าไปพร้อมสัตว์ทั้ง 4 ของเขา
—-