บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 464 การพระราชทานของขวัญของไท่ซ่างหวง
หยู่เหวินเห้ายอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมา “แม่นมสั่งสอนได้ถูกต้อง ข้ารู้แล้ว”
แม่นมมองดูเขา กล่าวเบาๆ: “ท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวรอพระราชโองการออกมา ท่านก็เป็นรัชทายาทแล้ว ท่านจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบต่อบุตรก่อน ถึงจะสามารถแบกรับหน้าที่ต่อโลกนี้ได้เจ้าค่ะ”
หยู่เหวินเห้ากล่าว: “ขอบใจแม่นมที่สั่งสอน”
เขาได้ยินคำพูดนี้แล้ว อันที่จริงในใจก็ไม่ค่อยสบายใจนัก
ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดจะไปแย่งชิง ด้วยความโกรธชั่วขณะ
แต่ว่า หากพูดความในใจประโยคหนึ่ง เขาไม่ค่อยเต็มใจที่จะเป็นรัชทายาท
กลับไม่ใช่เพราะกลัวต้องไปต่อสู้ แต่เพราะนี่ไม่ใช่ความยินยอมของยายหยวน และไม่ใช่ความยินยอมของเขา
เขาก็ไม่ใช่คนที่จะดูถูกตัวเองว่าไม่มีความสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ แต่รัชทายาทกับฮ่องเต้ไม่เหมือนกัน
เป็นรัชทายาท ก็หมายความว่าทุกๆสายตาล้วนจับจ้องมาที่ตัวเขา เขาจำเป็นต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ จึงสามารถทำให้ทุกๆฝ่ายไม่ผิดหวัง
และสำคัญที่สุดคือ ปลายทางสุดท้ายของรัชทายาท ไม่จำเป็นต้องเป็นฮ่องเต้
อีกทั้งพูดในทางที่แย่ที่สุด หากเขาต้องการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทนั่น ต้องพึ่งความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่พึ่งพิงความสามารถในการให้กำเนิดบุตรทั้งสามของเขา
ก่อนหน้านี้ในราชสำนักก็มีการโต้แย้ง แต่งตั้งลูกคนโต แต่งตั้งลูกที่กำเนิดจากฮองเฮาโดยตรง แต่งตั้งผู้ที่มีความสามารถ
ตอนนี้ เขาล้วนไม่ได้แตะ เขาก็คือพึ่งบุตรทั้งสามเหาะเลื่อนตำแหน่งขึ้นไป
เขาคือพ่อสูงส่งเพราะพึ่งลูก!
ไม่ทำให้เขากระอักเลือดได้อย่างไร?
แต่ว่า ความรู้สึกนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบเขานานมากนัก
ในช่วงเวลานี้ที่ยายหยวนตั้งครรภ์ เขาเรียนรู้เรื่องราวเรื่องหนึ่งแล้ว เช่นนั้นก็เรียนรู้ที่จะยอมรับ
ช่วงเที่ยง คนในพระราชวังมาแล้ว บอกว่าไท่ซ่างหวงกำลังจะเสด็จถึง
แม่นมสี่ได้ยินดังนั้น รีบเรียกให้แม่นมให้นมเด็กๆให้อิ่ม อีกครู่หนึ่งอุ้มออกมาให้ไท่ซ่างหวงดู
ไท่ซ่างหวงจะมา คนทั้งจวนล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ยายหยวนนอนยังไม่ตื่น หยู่เหวินเห้าก็ไม่เรียกนางแล้ว พาบรรดาข้าทาสในบ้านออกไปต้อนรับ
วันนี้ไท่ซ่างหวงสวมชุดได้สะดุดตาเป็นที่สุด
สวมชุดผ้าดิ้นเงินดิ้นทองสีแดงทั้งตัว เป็นสีแดงสด งดงามเป็นพิเศษ ชุดผ้าดิ้นเงินดิ้นทองปักลายมังกรเหิน เสื้อคลุมก็เป็นพื้นดำด้านหน้าสีแดง เหลือบมองไปไกลๆแวบหนึ่ง ยังคิดว่าเป็นเจ้าบ่าวที่ผมขาวโพลนท่านหนึ่ง
และอาจเป็นเพราะคนอาศัยการแต่งตัว อายุมากอาศัยการแต่งตัวให้ดูเด็ก คาดไม่ถึงว่ายังมองเห็นความเป็นหนุ่มของเสด็จปู่ออกมาได้
สวีอีแอบพูดข้างหู: “ทำไมมองดูไท่ซ่างหวงแล้วเหมือนไก่ฟ้าตัวใหญ่ตัวหนึ่ง?”
อะซี่ตำหนิด้วยความโกรธเบาๆ “อย่าพูดมั่วซั่ว รีบเตรียมตัวทำความเคารพ”
นางแอบเหลือบมองสองแวบ “ชั่งเหมือนจริงๆ”
“คารวะเสด็จปู่!”
“คารวะไท่ซ่างหวง!”
ทุกคนคุกเข่าลงทำความเคารพ
ไท่ซ่างหวงยืดตัวตรง เอามือไขว้หลังเดินเข้าไป “ทั้งหมดลุกขึ้นเถอะ”
หยู่เหวินเห้ายืนขึ้นมาพยุงเขา “เสด็จปู่ ทำไมท่านต้องมาด้วยตัวเองให้ลำบาก? มีเรื่องอะไรท่านเรียกคนให้มาแจ้ง หลานเข้าวังไปพบท่านก็ได้”
ไท่ซ่างหวงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ผละออกจากการประคองของเขา “พบหน้าใบนั้นของเจ้าทำอะไร? ข้าเบื่อ แก้วตาทั้งสามดวงของข้าล่ะ? รีบอุ้มมา ให้ข้าดูหน่อย”
หยู่เหวินเห้าค่อนข้างงงงัน “ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร? เมื่อก่อนท่านก็ไม่ได้บอกว่าเบื่อหลาน”
“ตอนนี้เบื่อ!” ไท่ซ่างหวงทำราวกับว่าเป็นลานตำหนักของตัวเองเช่นนั้น พุ่งตรงเข้าไปห้องโถงใหญ่ “เร็ว อุ้มมา”
หยู่เหวินเห้าทำได้เพียงหันกลับไปสั่งให้คนอุ้มแก้วตาทั้งสามนั้นของคนอื่นออกมา
ลูกชายทั้งสาม เพิ่งจะกินนมเสร็จ นอนอยู่ในผ้าอ้อมด้วยความพึงพอใจ ส่งมาถึงด้านหน้าของไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงมองดูคนนี้ มองดูคนนั้น น้ำลายแทบจะไหลออกมาแล้ว ดวงตาเปล่งประกาย แต่กลับไม่เอื้อมมือไปอุ้ม
กลับเป็นฉางกงกงที่หวงแหนราวกับอะไรเช่นนั้น เอื้อมมือแล้วกล่าว: “บอกให้ข้าน้อยอุ้มเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงตีมือที่เขายื่นออกไปทันที “เจ้าเลี้ยงเด็กไม่เป็น ก็กล้าเอื้อมมือไปอุ้มรึ? อุ้มเสียหายแล้วจะทำอย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าแบะปากยิ้มแล้ว “อุ้มไม่เสียหาย เมื่อครู่หลานยังโยนไปรอบหนึ่ง ไม่เป็นอะไรสักนิด”
ไท่ซ่างหวงได้ยินคำนี้ จ้องมองด้วยสายตาขุ่นเคืองทันที “โยน?”
“ก็ใช่น่ะสิขอรับ? เจ้าเด็กสองคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าแหวะนม……” เขาพูดไป เห็นใบหน้าที่โกรธจนหน้าเขียวอย่างฉับพลันของไท่ซ่างหวง ตกใจ รีบเปลี่ยนคำพูด “หลานก็อุ้มพวกเขาออกเบาๆ วางทิ้งไว้ด้านข้าง”
แม่นมสี่ก็ไม่ได้ช่วยเขา ต้องให้การสั่งสอนเขาสักหน่อย ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้ก็ยังคงประมาทสะเพร่าเช่นนี้อีก จึงพูด: “ไท่ซ่างหวงเจ้าคะ ท่านไม่รู้ ก็เมื่อครู่น่ะ องค์ชายน้อยทั้งสองคนแหวะนม คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะหิ้วขึ้นมาแล้วโยนไปด้านข้าง องค์ชายร้องไห้จนหน้าม่วงหมดแล้ว ข้าน้อยเห็นแล้ว สงสารเป็นที่สุด ท่านดูสิเจ้าคะ ก็คือองค์ชายน้อยสองคนนี้ โยนไปด้านข้างโดยตรง”
มือของไท่ซ่างหวงโบกไปที่ศีรษะของเขาทันที กล่าวด้วยความเคือง: “ข้าว่าเจ้ากล้าเกินไปแล้ว เพิ่งจะคลอดเจ้าก็กล้าโยนรึ?”
เขาผลักหยู่เหวินเห้าออกไปทันที มองดูเด็กที่ถูกพ่อที่ไม่น่าวางใจผู้นั้นโยน สงสารจับใจเป็นที่สุด และไม่สนใจว่าตัวเองอุ้มเป็นหรือไม่ ขอแม่นมมาอุ้ม เพียงแต่ อุ้มคนนี้ ก็รู้สึกว่าทำให้อีกคนน้อยใจ อุ้มอีกคน ก็ทำให้คนที่สามน้อยใจอีก กลับวุ่นวายเป็นอย่างมาก ไม่มีเวลาไปสนใจจัดการกับของสิ่งนั้นในชั่วขณะแล้ว
หยู่เหวินเห้าเห็นว่าอุ้มพอประมาณแล้ว จึงกล่าว: “เสด็จปู่ พวกเราไปคุยกันที่ห้องหนังสือเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปห้องหนังสือพูดอะไร?” ไท่ซ่างหวงราวกับว่าเพิ่งจะนึกถึงเขาขึ้นมาได้
หยู่เหวินเห้าตะลึง “ท่านออกจากวัง ไม่ใช่ว่าต้องการพูดคุยกับหลานหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เขาคาดการณ์ว่ามาเพื่อเรื่องแต่งตั้งรัชทายาท จึงถือโอกาสมาดูเด็กๆ
ตอนนี้ดูเด็กๆพอประมาณแล้ว ควรจะพูดเรื่องทางการแล้ว อีกครู่เขายังต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนยายหยวนน่ะ
ไท่ซ่างหวงมองดูเขา “ทำไมต้องพูดคุยกับเจ้า? ข้าไม่ได้มาเพื่อเจ้าสักหน่อย”
หยู่เหวินเห้าอดกลั้นความกลัดกลุ้มไม่ได้ ตาเฒ่านี่ ไม่ใช่แค่โยนเหลนของเขานิดหน่อยหรือ? ยังจะคิดเล็กคิดน้อยกับเขาจริงๆอีก
ตอนนี้ไม่พูด อีกเดี๋ยวก็ยังต้องพูด
ไท่ซ่างหวงถามถึงสถานการณ์ของหยวนชิงหลิง ได้ยินหยู่เหวินเห้าบอกว่าตอนนี้สถานการณ์คงที่แล้ว ไท่ซ่างหวงจึงพยักหน้าด้วยความโล่งใจ “ทั้งหมดควรจะเป็นเช่นนี้ แม่ลูกปลอดภัยถึงจะเป็นสิ่งที่ทุกคนจะยินดีปรีดากันถ้วนหน้า”
หยู่เหวินเห้าตอบรับด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจทั้งดวงลอยกลับไปที่ตำหนักเซี่ยวเยว่แล้ว รอเพียงให้ตาเฒ่าพูดเรื่องที่ต้องการพูดให้เสร็จ แต่ตาเฒ่าก็ไม่พูด
ประมาณหนึ่งชั่วยาม ไท่ซ่างหวงก็จัดขบวนกลับวังแล้ว
จนเขาจากไปแล้วหยู่เหวินเห้าถึงได้ดึงสติมา ตาเฒ่าไม่ได้มาเพื่อเขาจริงๆ เพียงแค่ดูแก้วตาทั้งสามของเขาเท่านั้นจริงๆ
หยู่เหวินเห้ารู้สึกพ่ายแพ้มาก ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่หรือ? ในใจของเขาก็กลัดกลุ้มเพราะเรื่องนี้ อยากพบเขาตาเฒ่านี่เพื่อวิเคราะห์ เขากลับดี ใจทั้งใจล้วนถูกปีศาจน้อยทั้งสามทำให้หลงแล้ว
เขาก็กลับตำหนักเซี่ยวเยว่ไปด้วยความโกรธแล้ว
สวีอีถามแม่นมด้วยความแปลกใจ “ท่านอ๋องเป็นอะไร? โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใครไปยั่วเขาแล้ว?”
“ไม่ต้องสนใจเขา เขาตกกระป๋องแล้วจึงโกรธน่ะ”
แม่นมสี่สั่งให้แม่นมรีบอุ้มกลับไป ตามหลักเด็กยังไม่เลยหนึ่งเดือน ก็ไม่ควรอุ้มออกมา บังเอิญเมื่อคืนมาก็คือฮ่องเต้ วันนี้มาคือไท่ซ่างหวง มีวิธีไหนอีกล่ะ? พระชายาก็ต้องการให้เด็กๆอยู่ในห้องบรรทมที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเรียกให้ฮ่องเต้และไท่ซ่างหวงไปดูทารกด้านในห้องบรรทมได้ ทำได้เพียงอุ้มออกมาต้อนรับแล้ว
ไท่ซ่างหวงเพิ่งจะไป ของขวัญก็มาแล้ว
ก่อนที่ไท่ซ่างหวงจะออกจากวัง เพิ่งจะสั่งรายการของขวัญ
ดังนั้น คนในวังกำลังจัดการ เขาก็มาเองแล้ว ผลสรุปเขาไปแล้ว ของขวัญก็ถึง
สวีอีเรียกหยู่เหวินเห้าออกไป หยู่เหวินเห้าเห็นรถม้าสามคันที่เต็มไปด้วยของขวัญ อึ้งไปแล้ว
ด้านในรถม้าสามคันล้วนยัดจนแน่น เมื่อเปิดออก ด้านในรถม้าหนึ่งคันอย่างน้อยมีกล่องสิบใบ
เขาเรียกคนให้ขนย้ายกล่องเข้าไป วางไว้ในห้องโถงหลัก
สวีอีนับสามครั้งแล้ว กล่าว: “ท่านอ๋อง กล่องสามสิบใบแน่ะขอรับ”
“เปิดออก!” หยู่เหวินเห้าสั่งการ ตาเฒ่าให้รางวัลอะไรกันแน่นะ? สามสิบกล่องมากมายขนาดนั้น เด็กหนึ่งคนสิบกล่อง ทั้งหมดคือใส่ก้อนหินไว้หรือ? หนักอึ้งเชียวนะ