บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 226 ไท่ซ่างหวงที่ไม่เชื่อฟัง
หลังจากส่งทังหยางออกไปทำงานแล้ว หยู่เหวินเห้าก็เริ่มวางแผนการ คืนนั้นกว่าจะได้กลับจวนก็เกือบสว่างแล้ว หยวนชิงหลิงนอนหลับไปนานแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จ ล้มตัวลงนอนเสียงเบาที่สุด มองใบหน้าหลับสนิทของหยวนชิงหลิง เขาอดไม่ได้ที่อยากจะจูบนาง นอนลงข้างกายนาง
เขานอนไม่หลับ
ในใจรู้สึกหนักอึ้ง การกระทำของเสด็จพ่อ ทำให้เขาทุกข์ใจ
เขาไม่สนใจตำแหน่งรัชทายาท เขาสนใจเพียงท่าทีของเขา
การลอบสังหารครั้งนั้น เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด กลับมาใส่ร้ายว่าเขาจ้างคนมาทำร้ายตัวเองอีก
ตอนนี้เซียวเหยากงหาหลักฐานได้แล้ว เสด็จพ่อกลับไม่ถามไถ่ กระทั่งไม่สนใจด้วยซ้ำ
หลายปีนี้ ในใจเขามีแต่ราชสำนัก มีเพียงเสด็จพ่อ ไม่แก่งแย่งคุณงามความดี ไม่แย่งชิงความรัก คิดเพียงว่าจะทุ่มเททำเพื่อราชสำนักบ้าง เพื่อแบ่งเบาเสด็จพ่อ แต่ผลที่ได้รับในวันนี้ ทำให้เขายอมรับได้ยากมาก
ในใจนอกจากหนักอึ้งแล้ว ยังมีความโศกเศร้าและโมโห
ครั้งนี้ที่ทำการตรวจสอบความผิดของอ๋องจี้ ที่จริงก็เพราะทนความไม่ยุติธรรมนี้ไม่ได้แล้ว
ตะแคงหันไปมองหยวนชิงหลิงที่นอนหลับอย่างสนิท เขาได้แต่ถอนหายใจในใจ บางทีเสด็จพ่อทำเช่นนี้ ก็คงมีจุดประสงค์ของท่าน แต่ถ้าหากตนเองยังไม่ลุกขึ้นสู้ พวกเขาแม่ลูกภายหน้าก็คงต้องทนทุกข์ลำบากแน่
ในใจ ก็แน่วแน่ขึ้นมาทันที
วันรุ่งขึ้น ก่อนหยวนชิงหลิงจะตื่น เขาก็ออกไปก่อนแล้ว
วันนี้หยวนชิงหลิงจะเข้าวัง ฉะนั้น หลังจากที่หยู่เหวินเห้าออกจากจวนไปได้ไม่นาน แม่นมสี่ก็เรียกนางลุกขึ้นจากเตียง
หยวนชิงหลิงลูบผ้าห่มที่เย็นชืดไปนานแล้ว “เมื่อคืนท่านอ๋องไม่ได้กลับมาหรือ”
แม่นมสี่ประคองนางลุกขึ้น ช่วยนางเปลี่ยนชุด “กลับมาดึกมาก แล้วก็ออกไปแต่เช้า ”
“เช้าขนาดนี้เชียว”ที่จริงเมื่อคืนหยวนชิงหลิงอยากจะรอเขา แต่ก็รู้สึกง่วงมาก คิดว่าจะหลับสักงีบ แต่กลับหลับยาวซะอย่างนั้น
“ใช่แล้ว สองวันนี้เหมือนท่านอ๋องจะยุ่งมาก”แม่นมสี่จัดระเบียบเสื้อผ้าให้นางเรียบร้อย ลู่หยาก็ยกน้ำร้อนเข้ามา
บ้วนปากหวีผมเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงก็กินข้าวเช้านิดหน่อย อะซี่ได้สิ่งให้คนเตรียมรถม้าไว้แล้ว นางออกเดินทางได้ทุกเวลา
หยวนชิงหลิงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก กังวลเรื่องเจ้าห้า
ที่จริงนางก็คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะทำเช่นนี้ เป็นลูกชายเหมือนกัน ช่างลำเอียงมากเกินไปจริงๆ
แต่ที่นางคิดไม่ตกก็คือ อ๋องจี้ได้เผยจิตใจที่ชั่วร้ายออกมาแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้เป็นคนฉลาด แต่ทำไมจึงมองไม่เห็น
หลังจากหยวนชิงหลิงเข้าวัง ก็ไปน้อมทักทายไทเฮา ไทเฮาก็ต้องถามเป็นยกใหญ่ หยวนชิงหลิงล้วนตอบว่าสบายดี ไทเฮาจึงวางใจ
ออกจากตำหนักของไทเฮา หยวนชิงหลิงก็ตรงไปที่ตำหนักฉินคุน
จากที่ไกลๆ ก็ได้กลิ่นบุหรี่ลอยมาจากในสวน
กลิ่นบุหรี่จากใบยาสูบ กลิ่นค่อนข้างฉุน นางเดินเข้าไปในประตูตำหนัก ก็เห็นคนสามคนนั่งอยู่บนโต๊ะหินที่ระเบียงด้านหน้า แต่ละคนถือปล่องสูบบุหรี่ไว้คนละอัน กำลังสูบบุหรี่ควันโขมง ทำให้ควันลอยเต็มไปหมด
ที่ทำให้หยวนชิงหลิงตกใจก็คือ คนที่นั่งตรงกลางเป็นไท่ซ่างหวง ข้างกายมีเซียวเหยากงกับโสวฝู่ฉู่ และท่านั่งของทั้งสามคนต่างก็ ไม่สุภาพ ยกขาข้างหนึ่งขึ้นสั่นไปมา เหมือนกับพวกอันธพาลข้างทางไม่มีผิด อีกทั้ง นอกจากกลิ่นบุหรี่แล้ว ยังมีกลิ่นเหล้าที่แรงมาก
นี่เพิ่งจะเช้า ก็ดื่มกันแล้ว
นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือจะเป็นอันธพาลแก่ในตำหนักฉินคุน
ฉางกงกงเห็นนางมา ก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พระชายา ท่านมาแล้ว ที่นี่กำลังสูบบุหรี่กัน ท่านรีบเข้าไปพักในตำหนักก่อน ”
หยวนชิงหลิงออหนึ่งเสียง แต่ก็ยังเดินเข้าไปทักทาย “คำนับไท่ซ่างหวง ”
จากนั้นก็ย่อคำนับให้กับโสวฝู่ฉู่และเซียวเหยากง
ไท่ซ่างหวงรีบวางปล่องสูบลง พูดกับโสวฝู่ฉู่และเซียวเหยากงว่า “ไม่ต้องสูบแล้ว ไม่ต้องสูบ อย่ามารมควันเหลนข้า”
ทั้งสองคนวางปล่องสูบลง เรียกฉางกงกงให้เก็บไป
ไท่ซ่างหวงพูดกับหยวนชิงหลิง “นั่ง”
หยวนชิงหลิงมอง ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งนี่นา จะให้นั่งลงตรงไหน
แต่ว่า ฉางกงกงก็รีบสั่งให้คนยกเก้าอี้มาทันที จัดวางไว้ในสวน แต่ว่าหากหยวนชิงหลิงนั่งลง ก็คงจะอยู่สูงกว่าไท่ซ่างหวง นางเองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรนั่งหรือไม่
ในใจพึมพำ ทำไมพวกเขาสามคนจึงมารวมตัวกันได้
โสวฝู่ฉู่ลุกขึ้นกล่าวลา ฝีเท้าของเขาไม่มั่นคงนัก ตอนที่เดินผ่านมาก็มองแม่นมสี่แวบหนึ่ง จากนั้นก็สะดุด “อย่างไม่ตั้งใจ”ชนเข้ากับแม่นมสี่ เอ่ยขอโทษคำหนึ่ง แล้วก็เดินจากไป
หยวนชิงหลิงไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลยจริงๆ
นางขยี้ตาตนเองเกรงว่าจะดูผิดไป การกระทำราวกับเด็กหนุ่มนั้นเป็นโสวฝู่ฉู่จริงหรือ ใช่คนหน้าเหมือนหรือไม่ หรือจะเป็นฝาแฝดของเขา
โสวฝู่ฉู่ในความทรงจำนั้น เคร่งขรึม จริงจัง ไม่หยอกล้อยิ้มหัว กระทั่งดุร้ายด้วยซ้ำไป
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าหัวใจรับการโจมตีนี้ไม่ได้ นางเตรียมป้องกันตัวเองจากผู้เป็นใหญ่ที่สุดของตระกูลฉู่ แต่กลับสามารถทำกิริยาราวกับเด็กน้อยออกมาได้
นางมองไปทางแม่นมสี่ แม่นมสี่หลุบตาลง บนหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ว่าข้างแก้มกลับแดงระเรื่อขึ้นมา มีชีวิตชีวาขึ้นมาราวกับสาวแรกรุ่น
หยวนชิงหลิงตั้งสติ เดินเข้าไปขมวดคิ้วพูดกับไท่ซ่างหวงว่า “ดื่มเหล้า ดื่มไปเท่าไหร่แล้วเพคะ”
ไท่ซ่างหวงรู้สึกผิดอยู่บ้าง “ก็แค่นิดหน่อย”
“แต่หน้าของท่านไม่เหมือนกับดื่มไปแล้วนิดหน่อย กลับเหมือนดื่มไปครึ่งชั่ง ”หยวนชิงหลิงพูดอย่างรู้ทันเขา
เซียวเหยากงหลุดขำ “ครึ่งชั่ง เจ้าช่างดูถูกกันเกินไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก เอ่ยอย่างระอาใจว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านคงรู้นะว่าโรคของทานนั้นดื่มเหล้าไม่ได้”
ไท่ซ่างหวงตอบอย่างช้าๆว่า “หมอหลวงบอกว่าดื่มได้วันละกรึ๊บ ให้เลือดลมหมุนเวียน ข้าไม่ดื่มมานานแล้ว จึงได้เอาวันละกรึ๊บมารวมกันดื่มรวดเดียวในวันนี้ ”
เขายืนขึ้น ร่างโซเซ ฉางกงกงรีบเข้าไปประคอง “โธ่ ดื่มมากไปจริงๆ ”
“ยากมากที่เราสามคนจะรวมตัวกันได้ เจ้าฉู่ก็ไม่มาดื่มเป็นเพื่อนข้านานแล้ว ด้วยความดีใจชั่วขณะ ดื่มไปหลายแล้วก็สมควรอยู่”
ไท่ซ่างหวงเดินเข้าไปอย่างโซเซ
เซียวเหยากงก็ลุกขึ้นมาบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เขานั้นฝีเท้ามั่นคง ไม่มีวี่แววว่าจะเมาเหล้าเลยสักนิด
หยวนชิงหลิงรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก แต่ก็ถามแม่นมสี่ที่อยู่ข้างกายก่อนว่า “พวกเขาสามคน เมื่อก่อนเคยดีกันมากเลยหรือ”
“อืม ก่อนที่ไท่ซ่างหวงจะขึ้นครองบัลลังก์ พวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน เหมือนท่านอ๋องกับท่านใต้เท้ากู้ซือจิ้งเหยียน หลังจากไท่ซ่างหวงขึ้นครองราชย์ ก็เคยออกรบด้วยตนเอง พวกเขาสองคนก็ตามไปด้วย ”แม่นมสี่พูดอธิบาย
ฉะนั้น ก็คือเพื่อนที่เคยผ่านสนามรบมาด้วยกัน
โสวฝู่ฉู่มีพฤติกรรมรวบรวมสมัครพรรคพวกเพื่อจะครอบงำอำนาจราชสำนัก แล้ววันนี้ก็ทำตัวราวกับไม่มีเรื่องอะไรมาดื่มเหล้ากับไท่ซ่างหวง ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ในตอนนั้น ใช่ความสัมพันธ์จอมปลอมหรือไม่
ยังมีเซียวเหยากง เดิมนางคิดว่าเซียวเหยากงจะไม่ยุ่งการเมืองแล้ว แต่เขากลับตรวจสอบเรื่องที่หยู่เหวินเห้าถูกลอบฆ่า
คนแก่ในราชสำนักเหล่านี้ ช่างมองออกยากจริงๆ แต่ละคนเจ้าเล่ห์กันทั้งนั้น
หยวนชิงหลิงหยิบเอากล่องยาออกมาเดินเข้าไปในตำหนัก เพื่อตรวจร่างกายให้กับไท่ซ่างหวง
ดื่มเหล้ามากไป การเต้นของหัวใจก็ไม่ปกติ ในกล่องยามีเครื่องวัดความดัน พอวัดความดัน ก็ปรากฏว่าสูงมาก
หยวนชิงหลิงโมโห หันไปพูดกับฉางกงกง “กงกง ตำหนักฉินคุนจากนี้ไปห้ามเก็บสุรา หยดเดียวก็ไม่ได้ ”
ไท่ซ่างหวงโบกมือ “เจ้าก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ นานๆดื่มทีจะเป็นไรไป”
“ความดันของท่านสูงแค่ไหนท่านทราบหรือไม่ การเต้นของหัวใจก็ไม่ปกติ ทราบหรือไม่ ”หยวนชิงหลิงเสียงสูง
พอดี กับที่เซียวเหยากงเดินเข้าประตูมา ได้ยินคำพูดของหยวนชิงหลิง เขาเดินเข้ามาถามว่า “ความดันขึ้นอะไร หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอะไร พระชายาท่านพูดอะไร”